เปิดคดีช็อก ผัวสุดจิต มอมเหล้า-วางยาเมีย จับใส่ผ้าปิดตา ชวนเพื่อนมาข่มขืนถึงบ้าน ตัวเองนั่งดูชิล ๆ ชี้คุยไอเดียกับเพื่อนมาหลายปี เมียช็อกหนักตื่นมากลางคัน
รสนิยมบิดเบี้ยว สามีหวังให้ชายอื่นนอนกับภรรยา
รายงานเผยว่า เอ (นามสมมติ) ผู้ก่อเหตุ เคยทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายขาย และได้รู้จักกับ บี (นามสมมติ) ตอนนำสินค้ามาส่งให้ที่บริษัทของบี ก่อนที่ต่อมาในปี 2558 เอจะเข้ามาเป็นเพื่อนร่วมงานของบี ซึ่งนับจากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มสนิทกัน กระทั่งบีเริ่มพูดคุยความคิดจิตนาการเกี่ยวกับการแชร์ภรรยาให้เอฟัง
เป็นเวลา 2 ปีที่ทั้งคู่พูดคุยเรื่องการจะให้เอไปมีเซ็กส์กับภรรยาของบี กระทั่งคืนวันที่ 1 กันยายน 2560 เอก็ได้มาที่บ้านของเหยื่อตามคำเชิญของบี และตรงเข้าไปในห้องนอนเพื่อลงมือ โดยที่ฝ่ายสามีของเหยื่อไม่เคยบอกเลยว่าภรรยาของตนเองยินยอมมีเซ็กส์กับเอหรือไม่ รวมถึงฝ่ายเอก็ไม่เคยถามเช่นกัน
สามีวางยา จับภรรยาปิดตา
อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงแล้วเหยื่อไม่เคยยินยอมหรือเห็นด้วยในเรื่องนี้ แต่สามีของเธอซึ่งมีจิตนาการทางเพศที่บิดเบี้ยว เป็นคนวางแผนมอมเหล้าและวางยาเธอจนไม่ได้สติ จากนั้นก็จับภรรยาถอดเสื้อผ้า ผูกผ้าปิดตา จัดแจงให้เธอนอนรอเพื่อนของตัวเองอยู่บนเตียง ซึ่งในระหว่างที่เอลงมือ เขาก็จะนั่งดูภาพทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เอเล้าโลมและพยายามจะข่มขืนเหยื่อ เขากลับทำไม่สำเร็จและเมื่อเหยื่อเริ่มฟื้นคืนสติ เธอก็รู้ว่ามีชายอื่นที่ไม่ใช่สามีกำลังพยายามจะมีเซ็กส์ด้วย เธอรีบดึงผ้าปิดตาออก จากนั้นเอก็รีบหนีไป
ส่งจดหมายขอโทษเหยื่อ
ต่อมาเหยื่อเผยว่า ทั้งสามีและเพื่อนของเขาได้เขียนจดหมายมาสารภาพสิ่งที่กระทำไป ในจดหมายนั้นเออ้างว่าเขาอยู่ในบ้านราว 5-8 นาที ก่อนที่สามีของเธอจะบอกว่าทุกอย่างโอเค จากนั้นเขาก็พบว่าเธออยู่ในสภาพที่ไม่ได้สติและไม่ทราบถึงแผนที่วางไว้
นอกจากนี้ ต่อมาเอได้รับการประเมินเรื่องเกี่ยวกับอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งผลปรากฏว่าเขามีแนวโน้มที่จะเป็นโรคดังกล่าว
เรื่องถึงศาล พบจำเลยมีคดีทางเพศติดตัว
ทั้งนี้ ระหว่างการพิจารณาคดีในปี 2561 รองอัยการได้ขอให้ศาลลงโทษจำคุกนายเอ ผู้เป็นจำเลย เป็นเวลานาน 2 ปี ถึง 3 ปีครึ่ง โดยชี้ว่าก่อนหน้านี้จำเลยก็เคยถูกดำเนินคดีในเคสที่คล้ายกันมาแล้วเมื่อปี 2559 และยังมากระทำความผิดซ้ำ ด้วยการสมคบคิดกับเพื่อนไปก่อเหตุกับเหยื่อ แต่โชคดีที่เหยื่อได้สติก่อนที่เขาจะข่มขืนเสร็จสำเร็จ
รองอัยการชี้ว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในคดีนี้ประกอบไปด้วย 4 ส่วน คือการไตร่ตรองและวางแผนไว้ก่อน การล่วงละเมิดต่อเหยื่อที่เปราะบาง ความเสี่ยงภัยต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือการตั้งครรภ์ รวมถึงเป็นการพยายามข่มขืนเหยื่อในบ้านของเธอ
ทนายโบ้ย เพื่อนเป็นคนวางแผนเอง
อย่างไรก็ตาม ทนายของเอได้ร้องขอให้ศาลลดโทษ เหลือเพียงจำคุก 2 ปี ถึง 2 ปีครึ่ง โดยอ้างว่าลูกความได้สารภาพความผิดตัวเองตั้งแต่ต้น ด้วยการเขียนจดหมายมาขอโทษเหยื่อ รวมถึงให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทุกอย่าง
นอกจากนี้ยังชี้ว่า แม้ลูกความของเขาจะเคยถูกตัดสินโทษในคดีอาชญากรรมทางเพศมาก่อน แต่ในครั้งนี้ไม่ใช่การถูกดำเนินคดี ติดคุก แล้วกลับออกมากระทำผิดซ้ำ ลูกความของเขาไม่ใช่คนวางแผนร่วมกับเพื่อน เพียงแค่คุยกันเรื่องจินตนาการทางเพศเท่านั้น ในขณะที่บีต่างหากที่เป็นคนวางแผนทุกอย่าง นายเอเพียงทำตามแผนดังกล่าวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2565 ในที่สุดศาลสิงคโปร์ก็มีคำตัดสินให้นายเอมีความผิดจริง ข้อหาสมรู้ร่วมคิดในการข่มขืน แม้การข่มขืนนั้นจะยังไม่ได้เกิดขึ้นก็ตาม ซึ่งเขาจะต้องถูกจำคุกเป็นเวลา 3 ปี ขณะที่ข้อหาอื่น ๆ ยังอยู่ระหว่างพิจารณา
ขอบคุณข้อมูลจาก ชาแนลนิวส์เอเชีย
