หลวงพี่ย้อยสุดกลั้น ถูกไล่พ้นวัด หลังรับเรื่องร้องเรียนหลวงพี่กาโตะ พ้อ อาตมาผิดอะไร..ลั่น ในคณะสงฆ์ไม่มีความยุติธรรมเหมือนกำลังปกป้องคนผิด ต่อมาเจ้าอาวาสให้อยู่วัดต่อไปได้ แต่อย่าให้สัมภาษณ์สื่ออีก


วันที่ 29 เมษายน 2565 เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว รายงานว่า หลวงพี่ย้อย พระลูกวัด วัดหน้าพระลาน จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นพระที่รับเรื่องร้องเรียนจากสีกาให้ตรวจสอบพระพงศกร จันทร์แก้ว หรือ พระกาโตะ ได้ถูกเจ้าอาวาสให้ออกจากวัด โดยอ้างว่าพระผู้ใหญ่โทร. มาหา ให้พระย้อยออกจากวัดสถานเดียว ภายในวันนี้


ตามรายงานระบุว่า หลวงพี่ย้อยร่ำไห้ตลอดเวลาขณะที่เก็บของเตรียมออกจากวัด พร้อมบอกว่าที่ถูกให้ออกจากวัดนั้น เชื่อว่ามาจากสิ่งที่ตนออกมาพูด ตอนนี้อยากลาสิกขา ไม่อยากให้พระวัดอื่นที่รับจะถูกบีบอีก ไม่อยากให้พระผู้ใหญ่วัดอื่นต้องเดือดร้อนไปด้วย ตนได้ถามแล้วว่าตนผิดอะไร แต่ท่านก็ให้ออกอย่างเดียว
"ในขณะที่ทีมข่าวพยายามบอกให้หลวงพี่ย้อยใจเย็น ๆ อย่าเพิ่งลาสิกขา เพราะเท่าที่รู้ประวัติมา หลวงพี่ย้อยเป็นพระนักพัฒนา ได้รับรางวัลแห่งชาติหลายรางวัลด้วยกัน ทั้งรางวัลเกียรติยศและความภูมิใจบุคคลตัวอย่าง โดยบวชเป็นพระมาแล้ว 3 พรรษา"


ขณะที่ เดลินิวส์ รายงานว่า พระย้อย กล่าวว่า ตนออกมาปกป้องพระพุทธศาสนา โดยเรียกร้องให้เจ้าของเสียงในคลิป สึกจากการเป็นพระ แต่ตนต้องมารับเคราะห์โดนขับไล่เสียเอง ในขณะที่พระที่ทำผิดวินัยร้ายแรงถึงขั้นปาราชิก กลับยังลอยนวลในสังคม และในคณะสงฆ์ไม่มีความยุติธรรมเหมือนกำลังปกป้องคนผิด ตนยังไม่รู้ว่าจะไปจำพรรษาวัดไหน เพราะไปวัดไหนหากพระผู้ใหญ่เบื้องบนกดดันลงมา ใครก็อาจจะไม่กล้ารับ อาตมาไม่อยากให้ใครเดือดร้อนเพราะอาตมา จึงคิดว่าอาจจะกราบลาสึกจากพระและออกมาต่อสู้ในเรื่องนี้จนถึงที่สุด
ต่อมา เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว ได้เผยคลิปที่ พระธนวัฒน์ จกฺกวโร (ประเสริฐกุล) หรือหลวงพี่ย้อย คุกเข่าต่อหน้าพระครูกาแก้วขันติโร เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่ง ใน อ.เมืองนครศรีธรรมราช หลังปล่อยคลิปพระ-สีกา
โดย พระครูกาแก้วขันติโร เจ้าอาวาสวัด ระบุว่ารู้สึกไม่สบายใจที่มีสื่อสำนักหนึ่งเอ่ยชื่อวัดออกไปในการรายงานข่าว เนื่องจากวัดที่หลวงพี่ย้อยจำวัดอยู่ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพระในคลิปฉาว อาจทำให้วัดเสื่อมเสียได้
ด้านหลวงพี่ย้อย ได้คุกเข่าต่อหน้าพระเจ้าอาวาส ชี้แจงว่า ตนไม่เคยเอ่ยชื่อวัดในการให้สัมภาษณ์สื่อเลยและมีเจตนาเพียงปกป้องศาสนาเท่านั้น กรณีนี้มีสีกามาขอให้ช่วยและส่งคลิปมาให้เพราะเชื่อใจในตัวตนเองจึงได้มีการดำเนินการดังกล่าว
ทั้งนี้ หลังจากที่มีการพูดคุยเจรจากัน ทางเจ้าอาวาสก็อนุญาตให้หลวงพี่ย้อยจำวัดอยู่ต่อไปได้ แต่ให้มีการทำหนังสือรายการต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถึงเจ้าคณะจังหวัดด้วย และขออย่าให้สัมภาษณ์ใด ๆ ต่อสื่อมวลชนอีก
โดย พระครูกาแก้วขันติโร เจ้าอาวาสวัด ระบุว่ารู้สึกไม่สบายใจที่มีสื่อสำนักหนึ่งเอ่ยชื่อวัดออกไปในการรายงานข่าว เนื่องจากวัดที่หลวงพี่ย้อยจำวัดอยู่ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพระในคลิปฉาว อาจทำให้วัดเสื่อมเสียได้
ด้านหลวงพี่ย้อย ได้คุกเข่าต่อหน้าพระเจ้าอาวาส ชี้แจงว่า ตนไม่เคยเอ่ยชื่อวัดในการให้สัมภาษณ์สื่อเลยและมีเจตนาเพียงปกป้องศาสนาเท่านั้น กรณีนี้มีสีกามาขอให้ช่วยและส่งคลิปมาให้เพราะเชื่อใจในตัวตนเองจึงได้มีการดำเนินการดังกล่าว
ทั้งนี้ หลังจากที่มีการพูดคุยเจรจากัน ทางเจ้าอาวาสก็อนุญาตให้หลวงพี่ย้อยจำวัดอยู่ต่อไปได้ แต่ให้มีการทำหนังสือรายการต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถึงเจ้าคณะจังหวัดด้วย และขออย่าให้สัมภาษณ์ใด ๆ ต่อสื่อมวลชนอีก

ตามรายงานระบุว่าระหว่างที่ผู้สื่อข่าวกำลังสัมภาษณ์หลวงพี่ย้อยอยู่ยั้น เจ้าอาวาสก็เดินมาหา บอกว่าคุณออกจากวัดได้เลยนะ พระผู้ใหญ่โทร. มาหาบอกให้ไล่พระย้อยออกจากวัด ซึ่งหลวงพี่ย้อยก็บอกว่าตนทำอะไรผิด ตนทำความดี ก่อนจะพยายามอธิบายกับเจ้าอาวาสว่าตนทำเพื่อปกป้องศาสนา ไม่ได้เป็นเครื่องมือของใคร
หลวงพี่ย้อยบอกว่า ผู้หญิงได้ส่งคลิปให้ตน และคิดว่าปรึกษากับตนเองนั้นจะปลอดภัย ซึ่งเจ้าอาวาส ระบุว่า ไม่ใช่กิจของพระไปยุ่งวุ่นวายอะไร ทำเรื่องไม่เป็นเรื่องทำให้ยุ่งยาก
"บทสรุปจากการพูดคุย มีความเข้าใจผิด เรื่องการทำให้วัดเสียหาย และเจ้าอาวาสกำชับว่า อย่าทำให้วัดเกิดความเสียหายอีก
เจ้าอาวาส ระบุว่า ถ้าเขาบอกว่าไม่ผิดอะไร ก็แล้วแต่ ซึ่งทางที่ถูกต้องตามขั้นตอน จะต้องให้เจ้าคณะอำเภอ และพระอุปัชฌาย์ของท่าน เขียนหนังสือมาให้เจ้าอาวาส ถึงกรณีที่เป็นข่าวว่ามีเรื่องราวเป็นมาอย่างไร"
หลวงพี่ย้อยบอกว่า ผู้หญิงได้ส่งคลิปให้ตน และคิดว่าปรึกษากับตนเองนั้นจะปลอดภัย ซึ่งเจ้าอาวาส ระบุว่า ไม่ใช่กิจของพระไปยุ่งวุ่นวายอะไร ทำเรื่องไม่เป็นเรื่องทำให้ยุ่งยาก
"บทสรุปจากการพูดคุย มีความเข้าใจผิด เรื่องการทำให้วัดเสียหาย และเจ้าอาวาสกำชับว่า อย่าทำให้วัดเกิดความเสียหายอีก
เจ้าอาวาส ระบุว่า ถ้าเขาบอกว่าไม่ผิดอะไร ก็แล้วแต่ ซึ่งทางที่ถูกต้องตามขั้นตอน จะต้องให้เจ้าคณะอำเภอ และพระอุปัชฌาย์ของท่าน เขียนหนังสือมาให้เจ้าอาวาส ถึงกรณีที่เป็นข่าวว่ามีเรื่องราวเป็นมาอย่างไร"

ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว, เดลินิวส์






