รวบตัวคนร้าย บุกแทงยายวัย 75 ปี รู้จักเหยื่อเพราะเคยมาซ่อมแอร์ พบประวัติเข้าคุกเพียบ ด้านอีเจี๊ยบสุดทนอันตรายใกล้ตัว วอนใช้โทษประหาร หวั่นติดหลักสิบปีก็ออกมาก่อเหตุอีก
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
กรณีเหตุการณ์สะเทือนขวัญ คนร้ายอุกอาจแอบปีนเข้าบ้าน ใช้อาวุธมีดแทง นางสุธาสินี อายุ 75 ปี เสียชีวิตในบ้านพัก ภายในซอยจอมพลซอย 9 ชุมชนห้วยทรายใต้ อ.ชะอำ จังหวัดเพชรบุรี สภาพศพนอนจมกองเลือด ตามร่างกายถูกอาวุธมีดแทงบริเวณต้นคอ ราวนม หน้าท้อง แผ่นหลัง แขนซ้าย-ขวา เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที เหตุเกิดวันที่ 5 กรกฎาคม เวลาประมาณ 11.30 น.
คุณดาว ลูกสาวของผู้เสียชีวิต เล่าว่า จากวงจรปิดพบว่า คนร้ายจะปีนประตูรั้วหน้าบ้านก่อนแต่เข้าไม่ได้ จึงเดินอ้อมมาปีนกำแพงด้านข้างเข้าไป และเดินเข้าในครัว แต่เห็นว่าเข้าในตัวบ้านไม่ได้ ช่วงนั้นสุนัขสีน้ำตาลก็เห่า แต่ไม่ได้กัดและเดินตาม คนร้ายจึงเดินย่องมาด้านข้างบ้าน เพื่อเข้าประตูข้างบ้าน จังหวะนั้นคุณแม่เดินมาดูว่าสุนัขเห่าอะไรจึงเจอกับคนร้าย แม่ต่อสู้ขัดขืนก่อนจะถูกผลักชนประตูล้มลงและโดนแทงเสียชีวิต ช่วงหนึ่งที่คุณแม่พูดขอชีวิตว่า "อย่าทำยายเลย ยายแก่แล้ว" แต่คนร้ายก็ยังทำ
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
จากนั้นคนร้ายก็เข้าไปรื้อค้นทรัพย์สิน ขโมยพระเครื่องไป 1 องค์ เข้าห้องแม่รื้อกระเป๋าเงินได้เงินสด 4,000 บาท ส่วนห้องน้องสาวถูกรื้อค้นกระเป๋าแต่ไม่ได้ทรัพย์สินไป ขณะนั้นน้องสาวไม่รู้สึกตัวเพราะกินยารักษาโรคซึมเศร้าและกินยานอนหลับ ส่วนคุณพ่อเป็นผู้ป่วยติดเตียง เมื่อคนร้ายได้เงินและทรัพย์สินแล้วก็ปีนหนีออกทางกำแพงบ้าน ยอมรับว่าครอบครัวเครียดมาก เพราะคุณพ่อซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียง ไม่รู้ว่าแม่ไปไหน และถามหาแม่ตลอด ลูก ๆ ยังไม่กล้าบอกพ่อ
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
รวบตัวคนร้าย สารภาพเล็งก่อเหตุตั้งแต่ครั้งซ่อมแอร์ อ้างแทง 32 แผลโมโหเหยื่อกัดนิ้ว ช็อกประวัติเข้าคุกเพียบ
วันที่ 8 กรกฎาคม 2565 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 รายงานว่า เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ตำรวจจับกุมตัวคนร้ายได้แล้วคือ นายนนทพัทธ์ หรือ เจมส์ อายุ 24 ปี ขณะหลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ในเพิงพักสวนยาง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เบื้องต้น นายเจมส์ให้ปากคำว่า เคยมาที่บ้านหลังนี้เมื่อประมาณ 3 เดือนก่อน ตอนเป็นผู้ช่วยซ่อมแอร์ในบ้าน จึงทราบดีว่าในบ้านมีสมาชิกเพียง 3 คน คือ คุณยาย คุณตาที่ป่วยติดเตียง และลูกสาว โดยก่อนเกิดเหตุ 4 วัน เพิ่งเสพยาบ้า เงินขาดจึงต้องการไปลักทรัพย์ โดยยืมรถหัวหน้างานที่แคมป์อ้างว่าจะไปทำธุระ ขี่มาก่อเหตุกว่า 20 กิโลเมตร เมื่อถึงบ้านหลังเกิดเหตุ เปิดประตูเจอคุณยายโวยวาย กลัวยายจำหน้าได้ จึงยกมือข้างซ้ายปิดปาก ถูกยายกัดนิ้วก้อยซ้าย จึงโมโหกระหน่ำแทงจนเสียชีวิต ก่อนชิงทรัพย์เงินสดได้ไปประมาณ 2,000 กว่าบาทหลบหนี แล้วนำเงินไปใช้จ่ายส่วนตัว พบว่าประวัติผู้ต้องหา เคยต้องคดีเสพยาเสพติด ปี 2561 ลักทรัพย์นายจ้าง ปี 2562 พ้นโทษปี 2563
ตรวจสอบแคมป์ที่จ้างงานนายเจมส์ พบว่าเจ้าตัวเพิ่งมาทำงานได้ 2 วัน ขณะที่อดีตช่างแอร์เผยว่า ตนไม่รู้ว่าเจมส์เป็นคนที่ไหน โดยเข้ามาทำงานเป็นผู้ช่วยช่าง เคยไปทำงานที่บ้านผู้เสียชีวิต 1 ครั้ง วันนั้นนายเจมส์ก็ทำงานปกติ ตอนไปทำงานบ้านคุณยาย คุณยายใจดีมาก หาข้าวหาอาหารให้กินตลอด พอทำงานเสร็จจะเดินทางกลับ คุณยายยังให้เงินอีกคนละ 200 บาท ไม่คิดว่านายเจมส์จะย้อนกลับไปทำร้ายคุณยายได้ถึงขนาดนี้ ส่วนบุคลิกของเจมส์ เป็นคนที่ชอบเล่นกับสุนัข ดูท่าทางไม่ใช่คนดุร้าย แต่ขี้น้อยใจเหมือนเด็กและไม่สู้งาน พักหลังนี้มีปัญหาเรื่องเงิน เคยโทร. มายืมเงินรุ่นพี่ 500 บาท แต่ไม่มีใครให้ หลังจากออกงานที่นี่ไปก็ไม่รู้ว่าเจมส์ไปประกอบอาชีพอะไร จนกระทั่งมาเห็นข่าวสุดช็อกดังกล่าว
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
อีเจี๊ยบสุดทนกฎเบลอหน้าคนร้าย เอือมโจรโหดรอดโทษประหาร ติด 10 ปี ก็ออกมาปล้นฆ่าอีก
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เฟซบุ๊ก อีเจี๊ยบ เลียบด่วน ออกมาโพสต์ระบายความรู้สึกถึงข่าวนี้ พร้อมตั้งหลายประเด็นที่น่าสนใจว่า ที่อินกับข่าวนี้เพราะหลายบ้านรวมทั้งบ้านตน ช่วงกลางวันมีผู้สูงอายุอยู่แค่คนเดียว ไม่รู้ว่าวันไหนคนที่เรารักจะเจอเหตุแบบในข่าวหรือไม่ แม้จะป้องกันไว้ด้วยการติดกล้องวงจรปิดไว้ก็ตาม แต่ถ้าเกิดเหตุร้ายขึ้นก็ไม่สามารถช่วยชีวิตพ่อ แม่ ตา ยาย ของเราได้แต่อย่างใด
ภาพจาก เฟซบุ๊ก อีเจี๊ยบ เลียบด่วน
ส่วนที่ลูกคุณยายหวังให้ตัดสินประหารชีวิตคนร้าย ตนก็เห็นด้วย เพราะเจ้าตัวอายุแค่ 25 หากตัดสินจำคุกตลอดชีวิต เจ้าตัวติดคุกไปเรื่อย ๆ ก็ได้ลดโทษเหลือ 20 ปี 15 ปี ไม่แน่อาจจะออกมาตอนอายุ 40 ปี เป็นวัยที่ยังสามารถก่อเหตุปล้น ฆ่า ได้อย่างสบาย กรณีนี้เห็นด้วยกันคำว่าควรให้โอกาส เพราะเคสนี้คนร้ายไม่ใช่วัยรุ่น 14-15 ที่เมาแล้วพลั้งมือฆ่า แต่คนร้ายคนนี้มีคดีติดตัว พ้นออกจากคุกไม่นาน ก่อนก่อเหตุก็เสพยาแล้ววางแผนก่อชิงทรัพย์ ซ้ำยังทำคนแก่ที่ปกติแค่ผลักหรือต่อยก็จะไม่รอดแล้ว แต่กลับแทงถึง 30 แผลจนตาย ทั้งตอนที่ยายเคยจ้างงานก็ดูแลอย่างดี ให้เงินเพิ่ม คนร้ายยังทำได้ขนาดนี้
โทษประหารควรนำมาใช้อย่างจริงจังกับคดีร้ายแรงแบบนี้ คนร้ายข่มขืนแล้วฆ่า พวกพ่อเลี้ยงที่ทำร้ายเด็กจนตาย แม้ปัจจุบันจะยังมีโทษประหารชีวิตอยู่ แต่พอตัดสินออกมาก็มักจะเห็นว่ามีการลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต ต้องเอาเงินภาษีไปดูแลอีก คดีร้ายแรงบางคนติดคุกไป 10 กว่าปีก็ออกมาแล้ว ซึ่งตนมองว่าคนร้ายพวกนี้ไม่ได้สำนึกจริง แต่ที่สารภาพก็เพื่อหวังลดโทษเท่านั้น ส่วนฝ่ายที่เรียกร้องไม่ให้ประหารชีวิต ถามว่าจะกล้าเอาคนร้ายแบบนี้ไปดูแลครอบครัวที่บ้านหรือไม่ ห่วงใยสิทธิของผู้ต้องหา แล้วสิทธิของเหยื่อไม่ออกมาเรียกร้องบ้างหรือ
อีกอย่างที่รู้สึกขัดตาคือตอนทำแผน จะเห็นว่ามีตำรวจคุ้มกันจำนวนมาก คนร้ายใส่หมวกกันน็อก สวมเสื้อเกราะ มีเจ้าหน้าที่ล้อมป้องกันไม่ให้ถูกทำร้าย แม้จะเข้าใจว่าหากปล่อยให้บานปลายตำรวจจะเดือดร้อน แต่เห็นแล้วก็อดโมโหไม่ได้ เพราะตอนที่คุณยายถูกทำร้ายไม่มีหมวกกันน็อก เสื้อเกราะ หรือมีใครสักคนที่จะช่วยชีวิตของท่านได้เลย แตกต่างจากการคุ้มครองคนที่ฆ่าคุณยายเหลือเกิน สุดท้ายจึงสงสัยว่า กฎหมายของเรา มีไว้ปกป้องสิทธิ์ ปกป้องชีวิตของคนดี หรือมีไว้เพื่อ ปกป้องสิทธิ์ ปกป้องชีวิตของคนร้ายใจโหดพวกนี้กันแน่

ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้

ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้








