สาวเรียนครูทั้งปริญญาตรี ปริญญาโท เรียนจบออกมาก็มาสอบราชการครู
ใช้เวลาทำงานกว่า 10 ปี วันนี้ขอลาออกไปทำงานอย่างอื่น
ยอมรับว่าชีวิตการทำงานกลืนกินทุกอย่าง ไม่มีเวลาพัก ไม่มีเวลากินข้าว
ครูที่สบายคือครูที่ตายไปแล้ว จากนี้มุ่งสู่การทำเกษตร
ภาพจาก Sunsanee Wonghong
การลาออกจากงานแต่ละครั้ง เชื่อว่าไม่ใช่เรื่องง่าย
และหลายคนต้องเอาเรื่องนี้ไปคิดและตัดสินใจอย่างดี
และหากนั้น เป็นงานมั่นคงสูงเช่นงานราชการแล้ว ยิ่งต้องคิดให้รอบคอบ
เพราะไม่ใช่แค่เราที่สูญเสียโอกาสเติบโต
แต่อาจหมายถึงคนรอบข้างที่ต้องเสียสวัสดิการ ถึงกระนั้น
แม้ว่าสวัสดิการจะดีขนาดไหน แต่ถ้างานนั้นกัดกร่อนทั้งร่างกายและจิตใจ
การลาออกก็เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้เหมือนกัน
โดยเมื่อวันที่ 2
พฤษภาคม คุณศันสนีย์ ได้ออกมาเผยถึงชีวิตการทำงานครูตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
และเหตุผลใหญ่ของการลาออก ที่ทำให้กลายเป็นไวรัลดังทั้งโซเชียล
โดยที่ครูศันสนีย์ กล่าวว่า ชีวิตของตนนั้นตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
ก็วนเวียนอยู่ในแวดวงของการเป็นครูมาโดยตลอด
เริ่มตั้งแต่การเรียนจบในระดับปริญญาตรีและปริญญาโทจากคณะศึกษาศาสตร์
มหาวิทยาลัยศิลปากร และเริ่มชีวิตการทำงานตั้งแต่ปี 2555
จากตำแหน่งครูผู้ช่วยที่ จ.ตราด ไต่เต้ามาจนได้ตำแหน่ง คศ.1 และ คศ. 2
เมื่อปี 2563 สอนที่โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จ.จันทบุรี จนกระทั่งวันที่ 27
มีนาคม 2566 ที่ตนยื่นคำร้องเพื่อขอลาออกจากราชการ และมีผลอนุมัติในวันที่ 1
พฤษภาคม รวมระยะเวลาที่ทำงานราชการคือ 10 ปี 8 เดือน 24 วัน
ครูศันสนีย์ยืนยันว่า
ตนเป็นคนที่ทุ่มเทกับงานด้านการสอน งานราชการ
และพัฒนาทักษะจากคนที่พูดน้อยจนได้มาทำงานพิธีกร นำมาต่อยอดในราชการ
ไม่ว่าตนจะทำงานที่ไหน ก็มักจะได้รับตำแหน่งสำคัญ
ไม่ว่าเป็นการทำงานสภานักเรียน, รองหัวหน้าระดับ ม. 4
และเมื่อตอนที่สอบเป็นครู ตนยังสอบได้ลำดับที่ 4 ของเขตด้วย
ครูศันสนีย์ กับ 5 เหตุผลของการลาออก โดนชีวิตครูกลืมทั้งร่างกายและจิตใจ ครูที่ตายไปแล้วเท่านั้นที่จะสบาย
สิ่งหนึ่งที่เป็นคำถามคือ ถ้าทำงานมั่นคงและทุ่มทั้งชีวิตเพื่อการเป็นครูขนาดนี้ ลาออกทำไม แต่แล้วเมื่อตนตัดสินใจได้ก็เริ่มบอกคนที่เกี่ยวข้องเพราะเพื่อที่ทุกคนจะได้เตรียมตัวได้เมื่อต้องออก และเหตุผลที่ต้องออกนั้น มีอยู่ 5 ปัจจัยคือ
ภาพจาก Sunsanee Wonghong
ชีวิตการทำงานของตนในปัจจุบันนั้นเหนื่อยและหนักหนามาก สมกับคำว่า "คุรุ" ตั้งแต่รับราชการมาไม่มีคำว่าสบาย ใครที่บอกว่าเป็นครูแล้วสบาย ให้มาลองเลย นอกเหนือการเรียนการสอนของครูศันสนีย์ ที่ต้องทำทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน จันทร์-ศุกร์แล้ว ในช่วงเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดอื่น ๆ ตนยังต้องเป็นชาวสวนด้วย แต่ปัจจุบันพบว่า งานโรงเรียนได้กลืนชีวิตของตนไปหมด ไม่มีเวลาทำสวน ไม่มีเวลาพักผ่อน กลางวันหรือกลางคืนยังต้องมานั่งพิมพ์งาน และงานโรงเรียนหลอนทั้งวันทั้งคืน ช่วงเวลาที่งานสวนต้องการการแต่งลูกและการขาย มันสำคัญมาก แต่ทำไม่ได้ ต้องไปทำงานโรงเรียน ตนเริ่มไม่ได้กินข้าวเที่ยงและกินอาหารไม่ตรงเวลา งานครูและงานสวนต่างเป็นงานหนัก ร่างกายและจิตใจก็พังลงเรื่อย ๆ
ในอดีต ตนต้องการเติบโตในชีวิตราชการ แต่ปัจจุบันความคิดเปลี่ยนไป เป้าหมายของตนคือได้ใช้ชีวิต มีสุขภาพกายและใจที่ดี และมีเวลากับครอบครัว
จากเหตุผลทั้งหมด ประจวบกับจังหวะของครอบครัว และสวนที่ต้องการคนดูแล คุณแม่ก็เริ่มสุขภาพไม่ดี ทำให้คิดว่าการทุ่มเทชีวิตให้ครอบครัวนั้นเป็นเรื่องที่ดีกว่า ตนเสียดายคือไม่ได้สอนนักเรียนอีกต่อไป และต้องห่างออกมาจากเพื่อนร่วมงานที่น่ารัก
ครูศันสนีย์ ฝากข้อคิดให้คนที่คิดจะลาออก ตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้ - ชาวเน็ตให้กำลังใจ เธอคือไอดอล
ภาพจาก Sunsanee Wonghong
ลาออกไปทำอะไร มีรายได้ทางไหน ใช้ชีวิตอย่างไร
รับได้หรือไม่กับการถอดยศถาบรรดาศักดิ์
เมื่อไม่มีสิทธิ์ราชการแล้ว จะดูแลตัวเองและครอบครัวอย่างไร
ก่อนออกให้ดูว่าเราได้สิทธิ์อะไรจากงานราชการบ้าง ให้วางแผนให้ดี อย่างตนรับราชการเกิน 10 ปี มีสิทธิ์รับบำเหน็จและเงิน กบข.
ยื่นคำร้องลาออกไม่น้อยกว่า 30 วันต่อผู้บังคับบัญชา
ทั้งนี้ ได้มีคนเข้ามาให้กำลังใจครูศันสนีย์มหาศาล และมีคนแชร์เรื่องราวของเธอออกไปกว่า 1.1 หมื่นครั้ง และชื่นชมกับการตัดสินใจที่เด็ดขาดอีกครั้งของเธอ บางคนก็บอกว่า ในการทำงานใด ๆ สิ่งสำคัญคือเอาสุขภาพกาย สุขภาพใจของเราไว้ก่อน อยู่ในที่ที่สบายใจ และขอให้ครูประสบความสำเร็จกับเส้นทางชีวิตใหม่ที่ได้เลือกเดิน
ภาพจาก Sunsanee Wonghong

ภาพจาก Sunsanee Wonghong

ภาพจาก Sunsanee Wonghong









