สาวเรียนครู เป็นครูมาทั้งชีวิต เผย 5 ข้อที่ขอลาออกจากราชการ ครูที่สบายคือครูที่ตายแล้ว

           สาวเรียนครูทั้งปริญญาตรี ปริญญาโท เรียนจบออกมาก็มาสอบราชการครู ใช้เวลาทำงานกว่า 10 ปี วันนี้ขอลาออกไปทำงานอย่างอื่น ยอมรับว่าชีวิตการทำงานกลืนกินทุกอย่าง ไม่มีเวลาพัก ไม่มีเวลากินข้าว ครูที่สบายคือครูที่ตายไปแล้ว จากนี้มุ่งสู่การทำเกษตร

ครูศันสีนย์
ภาพจาก  Sunsanee Wonghong

           การลาออกจากงานแต่ละครั้ง เชื่อว่าไม่ใช่เรื่องง่าย และหลายคนต้องเอาเรื่องนี้ไปคิดและตัดสินใจอย่างดี และหากนั้น เป็นงานมั่นคงสูงเช่นงานราชการแล้ว ยิ่งต้องคิดให้รอบคอบ เพราะไม่ใช่แค่เราที่สูญเสียโอกาสเติบโต แต่อาจหมายถึงคนรอบข้างที่ต้องเสียสวัสดิการ ถึงกระนั้น แม้ว่าสวัสดิการจะดีขนาดไหน แต่ถ้างานนั้นกัดกร่อนทั้งร่างกายและจิตใจ การลาออกก็เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้เหมือนกัน

           โดยเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม คุณศันสนีย์ ได้ออกมาเผยถึงชีวิตการทำงานครูตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน และเหตุผลใหญ่ของการลาออก ที่ทำให้กลายเป็นไวรัลดังทั้งโซเชียล โดยที่ครูศันสนีย์ กล่าวว่า  ชีวิตของตนนั้นตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ก็วนเวียนอยู่ในแวดวงของการเป็นครูมาโดยตลอด เริ่มตั้งแต่การเรียนจบในระดับปริญญาตรีและปริญญาโทจากคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร และเริ่มชีวิตการทำงานตั้งแต่ปี 2555 จากตำแหน่งครูผู้ช่วยที่ จ.ตราด ไต่เต้ามาจนได้ตำแหน่ง คศ.1 และ คศ. 2 เมื่อปี 2563 สอนที่โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จ.จันทบุรี จนกระทั่งวันที่ 27 มีนาคม 2566 ที่ตนยื่นคำร้องเพื่อขอลาออกจากราชการ และมีผลอนุมัติในวันที่ 1 พฤษภาคม รวมระยะเวลาที่ทำงานราชการคือ 10 ปี 8 เดือน 24 วัน

           ครูศันสนีย์ยืนยันว่า ตนเป็นคนที่ทุ่มเทกับงานด้านการสอน งานราชการ และพัฒนาทักษะจากคนที่พูดน้อยจนได้มาทำงานพิธีกร นำมาต่อยอดในราชการ ไม่ว่าตนจะทำงานที่ไหน ก็มักจะได้รับตำแหน่งสำคัญ ไม่ว่าเป็นการทำงานสภานักเรียน, รองหัวหน้าระดับ ม. 4 และเมื่อตอนที่สอบเป็นครู ตนยังสอบได้ลำดับที่ 4 ของเขตด้วย

ครูศันสนีย์ กับ 5 เหตุผลของการลาออก โดนชีวิตครูกลืมทั้งร่างกายและจิตใจ ครูที่ตายไปแล้วเท่านั้นที่จะสบาย


           สิ่งหนึ่งที่เป็นคำถามคือ ถ้าทำงานมั่นคงและทุ่มทั้งชีวิตเพื่อการเป็นครูขนาดนี้ ลาออกทำไม แต่แล้วเมื่อตนตัดสินใจได้ก็เริ่มบอกคนที่เกี่ยวข้องเพราะเพื่อที่ทุกคนจะได้เตรียมตัวได้เมื่อต้องออก และเหตุผลที่ต้องออกนั้น มีอยู่ 5 ปัจจัยคือ

ครูศันสีนย์
ภาพจาก  Sunsanee Wonghong

           ชีวิตการทำงานของตนในปัจจุบันนั้นเหนื่อยและหนักหนามาก สมกับคำว่า "คุรุ" ตั้งแต่รับราชการมาไม่มีคำว่าสบาย ใครที่บอกว่าเป็นครูแล้วสบาย ให้มาลองเลย นอกเหนือการเรียนการสอนของครูศันสนีย์ ที่ต้องทำทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน จันทร์-ศุกร์แล้ว ในช่วงเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดอื่น ๆ ตนยังต้องเป็นชาวสวนด้วย แต่ปัจจุบันพบว่า งานโรงเรียนได้กลืนชีวิตของตนไปหมด ไม่มีเวลาทำสวน ไม่มีเวลาพักผ่อน กลางวันหรือกลางคืนยังต้องมานั่งพิมพ์งาน และงานโรงเรียนหลอนทั้งวันทั้งคืน ช่วงเวลาที่งานสวนต้องการการแต่งลูกและการขาย มันสำคัญมาก แต่ทำไม่ได้ ต้องไปทำงานโรงเรียน ตนเริ่มไม่ได้กินข้าวเที่ยงและกินอาหารไม่ตรงเวลา งานครูและงานสวนต่างเป็นงานหนัก ร่างกายและจิตใจก็พังลงเรื่อย ๆ

           ตนไม่ได้เพิ่งคิดถึงเรื่องการลาออก แต่คิดมาเป็นปี ตนเบื่อระบบหลายอย่างที่มันทำให้ตนเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ตนต้องทำเอกสารเยอะมาก ๆ เพราะระบบบ้าเอกสาร แต่การปั่นเอกสารหนา ๆ แบบนี้ ไม่มีใครอ่าน ดูแค่ว่าปกคืออะไร ขนาดหนาไหม ส่งหรือยัง มิหนำซ้ำ ระบบครูยังต้องแข่งขัน เพื่อชื่อเสียงของโรงเรียน เพื่อให้มีผลงาน เด็กบางกลุ่มบางคนเท่านั้นที่ได้ประโยชน์ โดยเฉพาะการแข่ง ศปหถก. (ศิลปะหัตถการ) ที่หมดงบกันไปเท่าไร ความรู้สึกส่วนตัวคือ เรากำลังหลงทางหรือเปล่า เราควรโฟกัสที่การสอนในห้อง และงานสอนต้องมาเป็นอันดับ 1 ไม่ใช่งานพิเศษ และมีอีกหลายประเด็นที่ครูหลายคนรู้ดี การรอให้อายุราชการครบ 25 ปีแล้วค่อยออก มันจึงเป็นไปได้ยากมาก ตนภูมิใจกับการทำงานราชการครู เงินเดือนก็ดีกว่าราชการ สวัสดิการก็ดีกว่า แต่สิ่งที่ต้องแลกคือสุขภาพกาย ใจ เวลา และชีวิตที่ต้องทุ่ม ณ ตอนนี้ตนมองว่ามันไม่คุ้ม ครูที่สบายคือครูที่ตายแล้วและครูที่ไม่ทำงาน แต่คนเป็นคนทำอะไรจริงจัง การที่จะให้ตนค่อย ๆ ลดงานจนไม่ทำงานมันไม่ใช่ อาชีพครูไม่ผิดอะไร แต่มันไม่เข้ากับเราในตอนนี้
    
           ในอดีต ตนต้องการเติบโตในชีวิตราชการ แต่ปัจจุบันความคิดเปลี่ยนไป เป้าหมายของตนคือได้ใช้ชีวิต มีสุขภาพกายและใจที่ดี และมีเวลากับครอบครัว

           จากเหตุผลทั้งหมด ประจวบกับจังหวะของครอบครัว และสวนที่ต้องการคนดูแล คุณแม่ก็เริ่มสุขภาพไม่ดี ทำให้คิดว่าการทุ่มเทชีวิตให้ครอบครัวนั้นเป็นเรื่องที่ดีกว่า ตนเสียดายคือไม่ได้สอนนักเรียนอีกต่อไป และต้องห่างออกมาจากเพื่อนร่วมงานที่น่ารัก

ครูศันสนีย์ ฝากข้อคิดให้คนที่คิดจะลาออก ตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้ - ชาวเน็ตให้กำลังใจ เธอคือไอดอล


ครูศันสีนย์
ภาพจาก  Sunsanee Wonghong

           สุดท้าย หากใครคิดจะลาออกจากราชการ ขอให้ตอบคำถามดังนี้

           ลาออกไปทำอะไร มีรายได้ทางไหน ใช้ชีวิตอย่างไร

           รับได้หรือไม่กับการถอดยศถาบรรดาศักดิ์

           เมื่อไม่มีสิทธิ์ราชการแล้ว จะดูแลตัวเองและครอบครัวอย่างไร

           ก่อนออกให้ดูว่าเราได้สิทธิ์อะไรจากงานราชการบ้าง ให้วางแผนให้ดี อย่างตนรับราชการเกิน 10 ปี มีสิทธิ์รับบำเหน็จและเงิน กบข.

           ดูเงื่อนไขในการลาออกด้วย ว่าไม่อยู่ในช่วงของการลาไปศึกษาต่อ ใช้ทุน หรืออยู่ระหว่างสอบวินัยหรือคดี
ยื่นคำร้องลาออกไม่น้อยกว่า 30 วันต่อผู้บังคับบัญชา


           ทั้งนี้ ได้มีคนเข้ามาให้กำลังใจครูศันสนีย์มหาศาล และมีคนแชร์เรื่องราวของเธอออกไปกว่า 1.1 หมื่นครั้ง และชื่นชมกับการตัดสินใจที่เด็ดขาดอีกครั้งของเธอ บางคนก็บอกว่า ในการทำงานใด ๆ สิ่งสำคัญคือเอาสุขภาพกาย สุขภาพใจของเราไว้ก่อน อยู่ในที่ที่สบายใจ และขอให้ครูประสบความสำเร็จกับเส้นทางชีวิตใหม่ที่ได้เลือกเดิน

ครูศันสีนย์
ภาพจาก  Sunsanee Wonghong

ครูศันสีนย์
ภาพจาก  Sunsanee Wonghong

ครูศันสีนย์
ภาพจาก  Sunsanee Wonghong

ครูศันสีนย์
ภาพจาก  Sunsanee Wonghong

ครูศันสีนย์
ภาพจาก  Sunsanee Wonghong


เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สาวเรียนครู เป็นครูมาทั้งชีวิต เผย 5 ข้อที่ขอลาออกจากราชการ ครูที่สบายคือครูที่ตายแล้ว อัปเดตล่าสุด 2 พฤษภาคม 2566 เวลา 16:37:49 30,282 อ่าน
TOP
x close