เพจวิเคราะห์สาเหตุ ทำไมคนไทยถึงโวยวายหลังรถยนต์ลดราคาเร็วมาก แม้ระยะยาวอาจเป็นเรื่องดีต่อผู้บริโภค
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้่อหา
กลายเป็นประเด็นที่ผู้บริโภคต่างจับตา กับเรื่องของตลาดรถยนต์ในเมืองไทยที่กำลังมีการแข่งขันเรื่องราคาและโปรโมชั่นอย่างดุเดือด แต่ที่ฮือฮาที่สุดคงหนีไม่พ้นค่ายรถไฟฟ้าหนึ่ง ซึ่งทำการลดราคาหลักแสนบาทอย่างต่อเนื่องจนลูกค้าเก่าทำใจไม่ได้นั้น
ลูกค้า BYD เอาปากกาเขียนด่าบนรถป้ายแดง ซื้อเดือนเดียวแล้วลด 3.4 แสน ราคามือหนึ่งเท่ามือสอง !
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้่อหา
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 3 กรกฎาคม 2567 เพจเฟซบุ๊ก Condo Emotion โพสต์บทวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่คนไทยอาจมีความรู้สึกไม่ดี กับการที่รถมีราคาลดลงในช่วงเวลาสั้น ๆ ทั้งที่ดูแล้วเรื่องนี้น่าจะเป็นผลดีกับผู้บริโภค โดยระบุว่า
- คนไทยมี equity (มูลค่าต้นทุน) อยู่ในรถค่อนข้างมาก หากคนไทยต้องการซื้อรถสักคัน ต้องใช้เงินในสัดส่วนที่เป็นจำนวนมากเมื่อเทียบกับรายได้ แม้รถในไทยจะไม่แพงกว่าสิงคโปร์ แต่แพงกว่าประเทศต้นกำเนิดและตลาดโลกเป็นจำนวนมาก เช่น รถยนต์ Honda Accord ในไทยขายที่ราคาประมาณ 1.5 ล้านบาท แต่ในต่างประเทศขายที่ราคา 7-8 แสนบาท ทั้งที่ในต่างประเทศ คนมีรายได้เยอะกว่าคนไทยหลายเท่าตัว
- การที่รถในไทยราคาแพงนั้น เป็นเพราะทั้งเรื่องภาษีและมาร์จิ้น และค่ายรถยนต์ต่าง ๆ บวกกำไรกันสนั่นหวั่นไหวมาหลายสิบปี จากโตโยต้า ซีวิค ในอดีตที่ราคา 500,000 กว่าบาท แต่เมื่อปรับโฉมแต่ละครั้ง กลับบวกราคาขึ้นไปเรื่อย ๆ จนตอนนี้ราคาทะลุหลายล้านบาท ทว่า กลับมีการกั๊กสเปก อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยบางรุ่นที่มีอยู่ในต่างประเทศ เมื่อเข้าไทยกลับถูกถอดออก
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้่อหา
- คนที่จะมีรถ ต้องใช้เงินจำนวนมากในการหาซื้อมา
ซึ่งสำหรับบางคนถือเป็นต้นทุนจำนวนมากในแง่สัดส่วนเมื่อเทียบกับรายได้
รถแพงกว่าชาวบ้าน รายได้น้อยกว่าชาวบ้าน
- มูลค่าของรถเสื่อมไปตามการใช้งาน แตกต่างจากอสังหาริมทรัพย์ที่บางทำเล ยิ่งนานมูลค่ายิ่งเพิ่ม แต่สำหรับรถยนต์ ยิ่งนานมูลค่ายิ่งลด เงินเลยไปจมตรงนั้น แต่จะไม่ซื้อก็เดินทางลำบาก บางคนต้องใช้รถขนของและเป็นส่วนหนึ่งในการทำงาน คนไทยมีรถก่อนมีบ้าน แต่หากรถสำคัญกับการทำงาน รายได้จำกัด ก็เข้าใจได้ว่าจำเป็นต้องซื้อก่อน
- ดังนั้น เมื่อซื้อรถมาแพง กินเงินรายได้ไปมาก แถมรถยังมีมูลค่าเสื่อมลงทุกวัน คนไทยจำนวนมากจึงเดือดดาลสุด ๆ เวลาที่ผู้ขายลดราคารถยนต์รุ่นที่เคยซื้อ เช่น หากซื้อรถญี่ปุ่น ราคา 1,000,000 และผ่อนหมด เมื่อหากขายเป็นรถมือสองอาจขายได้ 4 แสน แต่ตอนนี้ในเมื่อค่ายรถยนต์ต่าง ๆ ทำโปรโมชั่นลดราคารถยนต์มือ 1 ก็กระทบตลาดมือสองไปด้วย จากที่ควรขายรถได้ 400,000 บาท ก็อาจจะเหลือสัก 200,000 บาท เพราะในตลาดมีรถที่ประสิทธิภาพดีกว่าและถูกกว่ารอให้ซื้อเต็มไปหมด เท่ากับว่าเงินหายไปเร็วกว่าเดิมในอัตราที่ควรจะเป็น
- อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ การมาถึงของรถที่ผู้ขายพร้อมจะลดราคาได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีภาระทางภาษีน้อย และต้นทุนของการผลิตลดลงได้อย่างรวดเร็ว จะทำให้คนไทยเข้าถึงการใช้งานรถได้ในราคาไม่สูง และจะทำให้ตลาดรถในเมืองไทยเข้าสู่จุดสมดุลแบบในตลาดต่างประเทศ ที่รายได้น้อย ราคารถก็ไม่แพง เรียกได้ว่าตอนนี้แทบจะเป็นการปรับฐานทั้งตลาด
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Condo Emotion
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้่อหา
กลายเป็นประเด็นที่ผู้บริโภคต่างจับตา กับเรื่องของตลาดรถยนต์ในเมืองไทยที่กำลังมีการแข่งขันเรื่องราคาและโปรโมชั่นอย่างดุเดือด แต่ที่ฮือฮาที่สุดคงหนีไม่พ้นค่ายรถไฟฟ้าหนึ่ง ซึ่งทำการลดราคาหลักแสนบาทอย่างต่อเนื่องจนลูกค้าเก่าทำใจไม่ได้นั้น
ลูกค้า BYD เอาปากกาเขียนด่าบนรถป้ายแดง ซื้อเดือนเดียวแล้วลด 3.4 แสน ราคามือหนึ่งเท่ามือสอง !
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้่อหา
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 3 กรกฎาคม 2567 เพจเฟซบุ๊ก Condo Emotion โพสต์บทวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่คนไทยอาจมีความรู้สึกไม่ดี กับการที่รถมีราคาลดลงในช่วงเวลาสั้น ๆ ทั้งที่ดูแล้วเรื่องนี้น่าจะเป็นผลดีกับผู้บริโภค โดยระบุว่า
- คนไทยมี equity (มูลค่าต้นทุน) อยู่ในรถค่อนข้างมาก หากคนไทยต้องการซื้อรถสักคัน ต้องใช้เงินในสัดส่วนที่เป็นจำนวนมากเมื่อเทียบกับรายได้ แม้รถในไทยจะไม่แพงกว่าสิงคโปร์ แต่แพงกว่าประเทศต้นกำเนิดและตลาดโลกเป็นจำนวนมาก เช่น รถยนต์ Honda Accord ในไทยขายที่ราคาประมาณ 1.5 ล้านบาท แต่ในต่างประเทศขายที่ราคา 7-8 แสนบาท ทั้งที่ในต่างประเทศ คนมีรายได้เยอะกว่าคนไทยหลายเท่าตัว
- การที่รถในไทยราคาแพงนั้น เป็นเพราะทั้งเรื่องภาษีและมาร์จิ้น และค่ายรถยนต์ต่าง ๆ บวกกำไรกันสนั่นหวั่นไหวมาหลายสิบปี จากโตโยต้า ซีวิค ในอดีตที่ราคา 500,000 กว่าบาท แต่เมื่อปรับโฉมแต่ละครั้ง กลับบวกราคาขึ้นไปเรื่อย ๆ จนตอนนี้ราคาทะลุหลายล้านบาท ทว่า กลับมีการกั๊กสเปก อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยบางรุ่นที่มีอยู่ในต่างประเทศ เมื่อเข้าไทยกลับถูกถอดออก
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้่อหา
- มูลค่าของรถเสื่อมไปตามการใช้งาน แตกต่างจากอสังหาริมทรัพย์ที่บางทำเล ยิ่งนานมูลค่ายิ่งเพิ่ม แต่สำหรับรถยนต์ ยิ่งนานมูลค่ายิ่งลด เงินเลยไปจมตรงนั้น แต่จะไม่ซื้อก็เดินทางลำบาก บางคนต้องใช้รถขนของและเป็นส่วนหนึ่งในการทำงาน คนไทยมีรถก่อนมีบ้าน แต่หากรถสำคัญกับการทำงาน รายได้จำกัด ก็เข้าใจได้ว่าจำเป็นต้องซื้อก่อน
- ดังนั้น เมื่อซื้อรถมาแพง กินเงินรายได้ไปมาก แถมรถยังมีมูลค่าเสื่อมลงทุกวัน คนไทยจำนวนมากจึงเดือดดาลสุด ๆ เวลาที่ผู้ขายลดราคารถยนต์รุ่นที่เคยซื้อ เช่น หากซื้อรถญี่ปุ่น ราคา 1,000,000 และผ่อนหมด เมื่อหากขายเป็นรถมือสองอาจขายได้ 4 แสน แต่ตอนนี้ในเมื่อค่ายรถยนต์ต่าง ๆ ทำโปรโมชั่นลดราคารถยนต์มือ 1 ก็กระทบตลาดมือสองไปด้วย จากที่ควรขายรถได้ 400,000 บาท ก็อาจจะเหลือสัก 200,000 บาท เพราะในตลาดมีรถที่ประสิทธิภาพดีกว่าและถูกกว่ารอให้ซื้อเต็มไปหมด เท่ากับว่าเงินหายไปเร็วกว่าเดิมในอัตราที่ควรจะเป็น
- อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ การมาถึงของรถที่ผู้ขายพร้อมจะลดราคาได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีภาระทางภาษีน้อย และต้นทุนของการผลิตลดลงได้อย่างรวดเร็ว จะทำให้คนไทยเข้าถึงการใช้งานรถได้ในราคาไม่สูง และจะทำให้ตลาดรถในเมืองไทยเข้าสู่จุดสมดุลแบบในตลาดต่างประเทศ ที่รายได้น้อย ราคารถก็ไม่แพง เรียกได้ว่าตอนนี้แทบจะเป็นการปรับฐานทั้งตลาด
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Condo Emotion