ฟอร์จูนเนอร์ขับเฉี่ยวรถหลายคันย่านเจริญกรุง พบไม่ได้เมา แต่เส้นเลือดในสมองแตก อยู่โรงพักนานจนเสียชีวิต เข้าใจอีกมุม ทำไมไม่ขอความช่วยเหลือ
จากกรณีชวนสะเทือนใจกับเหตุการณ์ที่คนขับรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ แผ่นป้ายทะเบียนสีเขียว ขับไปเฉี่ยวชนรถคันอื่นช่วงถนนเจริญกรุง ใกล้กับโรบินสัน บางรัก จนถูกกลุ่มไรเดอร์ขี่รถตามบีบแตรใส่และกดดันให้เปิดประตู เพราะเข้าใจว่าขับชนแล้วหนีไม่ยอมจอดนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 22 กรกฎาคม 2567 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 รายงานว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงเวลาประมาณ 18.00 น. วันที่ 13 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ตำรวจ สน.ยานนาวา ได้รับแจ้งมีรถยนต์ขับไล่ชนรถของประชาชนช่วงถนนเจริญกรุง ใกล้กับโรบินสัน บางรัก เมื่อไปตรวจสอบพบมีรถผู้เสียหายที่ถูกเฉี่ยวชน 4 คัน รถยนต์ 3 คัน และรถจักรยานยนต์ 1 คัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 1 คน เป็นคนขี่รถจักรยานยนต์ ส่วนตัวผู้ก่อเหตุ จากที่ได้รับแจ้งจากสารวัตรเจ้าของคดี บอกว่า ตรวจสอบเบื้องต้นไม่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์ แต่กลับพบกองอาเจียนกระจายอยู่ภายในรถ คนขับไม่มีสติ จึงส่งตัวไปรักษา ส่วนผู้เสียหายนั้นทางประกันรถของผู้ก่อเหตุได้ประสานชดใช้แล้ว
ด้าน พ.ต.ต. ธีระสาร นรินทร์สรศักดิ์ สารวัตรสอบสวน เจ้าของคดี บอกว่า ผู้ก่อเหตุเป็นชาย อายุ 41 ปี หลังจากเจ้าหน้าที่ไปถึงพบว่าคนขับไม่เปิดประตูรถลงมา จึงได้นำรถลากมาลากรถไปยัง สน.ยานนาวา และใช้เวลาเรียกอยู่ระยะหนึ่ง ก่อนจะพยายามเปิดประตูรถได้ เมื่อเปิดออกมาก็พบว่าภายในรถมีกองอาเจียนกระจาย ส่วนคนขับไม่มีสติ จึงประสานส่งตัวไปโรงพยาบาล เพื่อตรวจสอบหาปริมาณแอลกอฮอล์ สารเสพติด และตรวจร่างกาย
เมื่อสอบถามว่าขณะที่เปิดประตูรถทางผู้ก่อเหตุมีอาการอย่างไร และได้สอบถามหรือไม่ว่าขับรถมาจากไหน ขับมาได้อย่างไร พ.ต.ต. ธีระสาร บอกว่า ขณะเกิดเหตุตนเองไม่ได้เห็นเหตุการณ์ แต่เมื่อมาถึงสถานีตำรวจก็เห็นว่าหลับ ปลุกก็มีอาการมึน ๆ แต่ก็ไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้ง ซึ่งต้องรอผลการตรวจร่างกายว่ามีแอลกอฮอล์หรือสารอะไรหรือไม่
ต่อมา วันที่ 21 กรกฎาคม น.ส.มะนาว อายุ 39 ปี แฟนของคนขับฟอร์จูนเนอร์ เข้าร้องเรียนกับเพจสายไหมต้องรอด หลังจากที่แฟนหนุ่มคือ นายกฤษณ์ อายุ 41 ปี ซึ่งเป็นพนักงานขับรถรับ-ส่งผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิ เสียชีวิตจากอาการเส้นเลือดในสมองแตก เพราะเข้ารับการรักษาล่าช้า จากการถูกตำรวจโรงพักแห่งหนึ่งย่านสาทร ยื้อไม่ให้ไปโรงพยาบาล อ้างว่าเมาแล้วขับเฉี่ยวชนคู่กรณี
น.ส.มะนาว เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุแฟนหนุ่มขับรถสนามบินไปรับลูกค้าจากสนามบินสุวรรณภูมิไปส่งที่โรงแรมย่านยานนาวา พอส่งลูกค้าเสร็จระหว่างเดินทางกลับ แฟนโทรศัพท์มาหาบอกว่าปวดหัวมากและอาเจียน จึงบอกให้แฟนไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ระหว่างขับรถไปโรงพยาบาล แฟนเริ่มมีอาการหนัก ไม่สามารถควบคุมรถได้ จึงประสบอุบัติเหตุเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์คันอื่นหลายคัน พอโทรศัพท์หาแฟน เบอร์แรกไม่รับสาย จึงโทร. เข้าอีกเครื่องซึ่งเชื่อมต่อกับระบบบลูทูธของรถ และรับสายอัตโนมัติ ตอนนั้นได้ยินเสียงคนเคาะกระจกรถ โวยวาย และบอกให้แฟนลงมาจากรถ แต่ไม่ได้ยินเสียงแฟน พยายามถามว่าอยู่ที่ไหนก็ไม่ได้รับคำตอบ จึงวางสายไป
จากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง แม่ของแฟนก็โทรศัพท์มาหา บอกว่าตำรวจโทร. มา บอกว่าแฟนเมาแล้วขับรถไปชนคันอื่น ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ สน.ยานนาวา ตนติดธุระอยู่ต่างจังหวัดจึงให้แม่ไปที่โรงพักก่อน ระหว่างนั้นตนก็โทรศัพท์หาตำรวจ ขอคุยกับแฟน และขอให้พาแฟนไปส่งโรงพยาบาลก่อน เพราะแฟนป่วย และยืนยันว่าแฟนไม่ได้เมา แต่ตำรวจไม่ยอมให้คุยกับแฟน บอกว่าแฟนไม่ยอมลงจากรถ และให้รีบตามบริษัทประกันมาที่สถานีตำรวจด่วน
กระทั่งเวลาประมาณ 3 ทุ่ม ตนจึงวิดีโอคอลหาพี่ชายของแฟนที่อยู่สถานีตำรวจ พบว่าแฟนหมดสติไปแล้ว โดยมีภาพขณะตนวิดีโอคอลหาผู้เสียชีวิต ซึ่งพบว่าผู้เสียชีวิตนั่งอยู่ในสภาพคอพับหมดสติ ซึ่งเป็นภาพสุดท้ายที่อยู่ในโรงพัก หลังจากนั้นกู้ภัยจึงนำตัวส่งโรงพยาบาล ถึงโรงพยาบาลเกือบ 4 ทุ่ม แพทย์ที่ให้การรักษาบอกว่ามาช้าไป หลังจากนั้นก็พยายามรักษาตามอาการอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเวลา 3 วัน ก่อนเสียชีวิต ซึ่งในใบรับรองแพทย์ระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่าเส้นเลือดในสมองแตก ตรวจสอบ GPS ย้อนหลังพบว่าแฟนอยู่ที่ สน.ยานนาวา เกือบ 2 ชั่วโมง ซึ่งตนมองว่าหากนำส่งโรงพยาบาลเร็วกว่านี้แฟนอาจไม่เสียชีวิต
ยืนยันว่าแฟนไม่เคยมีพฤติกรรมดื่มแล้วขับ ถ้าผลตรวจออกมาพบว่าไม่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดก็จะปรึกษากับฝ่ายกฎหมาย อาจจะดำเนินการกับตำรวจ สน.ยานนาวา เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม หลังเกิดเหตุตนและครอบครัวยังไม่ได้รับการขอโทษหรือแสดงความรับผิดชอบจากตำรวจเลย แม้กระทั่งพวงหรีดแสดงความเสียใจก็ยังไม่ได้รับ
ขณะที่น้องชายผู้เสียชีวิตเปิดเผยว่า ตอนเกิดเหตุการณ์ขับรถชน คลิปของพี่ชายถูกแชร์และโดนด่าเยอะมาก โดยยืนยันว่าพี่ชายตนป่วยจริง ๆ เพราะเส้นเลือดในสมองแตก ตนอยากฝากเป็นอุทาหรณ์ว่า หากตำรวจสังเกตเห็นว่าพี่ของตนป่วย ไม่ตัดสินว่าเป็นคนเมา คงไม่ต้องไปนั่งรอที่โรงพักถึง 2 ชั่วโมง ก็คงจะได้รับการรักษาเร็วกว่านี้ และอาจจะไม่เสียชีวิต ซึ่งหากดูจากหลักฐานภาพคลิป พี่ของตนถูกตัดสินไปก่อนแล้วว่าเมาและขับรถชนคนอื่น เลยทำให้เรื่องต่าง ๆ มันช้า และตนเชื่อว่ามันเป็นสาเหตุสำคัญให้พี่ชายเสียชีวิต
ต่อมา รายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ช่อง 3 รายงานว่า จากการสอบถามพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ ยืนยันว่าในวันเกิดเหตุผู้เสียชีวิตอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และไม่สามารถสื่อสารกับตำรวจหรือเจ้าหน้าที่กู้ชีพได้ จึงไม่ทราบว่าผู้เสียชีวิตมีอาการดังกล่าวจากอะไร ตำรวจพยายามบอกให้ลงจากรถ แต่ผู้เสียชีวิตไม่สามารถลงจากรถได้ จึงตัดสินใจนำทั้งรถและผู้เสียชีวิตขึ้นรถสไลด์มาที่สถานีตำรวจทั้งที่รถยังติดเครื่องอยู่
เมื่อเห็นว่าผู้เสียชีวิตอาการหนักขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยสะเดาะประตูรถเพื่อรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล ยืนยันว่าเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ที่สถานีตำรวจ ไม่ได้ยื้อหรือห้ามไม่ให้ผู้เสียชีวิตไปโรงพยาบาล แต่เพราะอยู่ระหว่างการช่วยเหลือนำผู้เสียชีวิตออกมาจากรถ และเมื่อนำออกมาได้ก็รีบนำตัวส่งโรงพยาบาล
พ.ต.อ. รัฐธนนท์ เอกฐิติกุลพัทธ์ ผู้กำกับการ สน.ยานนาวา ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนี้กองบังคับการตำรวจนครบาล 6 ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้แล้ว ซึ่งทาง สน.ยานนาวา ก็ได้ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ตอนนี้ผู้บังคับบัญชาได้เร่งรัดให้ตรวจสอบโดยเร็วที่สุด หลังจากตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเสร็จจะมีการชี้แจงอีกครั้งหนึ่ง ก่อนหน้านี้สั่งให้พนักงานสอบสวนติดต่อนัดหมายญาติผู้เสียชีวิตมาพูดคุย แต่ทราบว่าทางญาติยังไม่สะดวก
ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก Remrin หยิบยกประเด็นที่หลายคนแสดงความไม่พอใจไปถึงคนขับที่มีอาการเส้นเลือดในสมองแตก เช่น ตั้งคำถามว่า ทำไมไม่เปิดกระจก ไม่จอดรถ หรือมีโรคประจำตัวแล้วไปขับรถทำไม โดยให้ความรู้ว่า อาการเส้นเลือดสมองแตกมันไม่ใช่อะไรที่คาดการณ์ล่วงหน้าได้ง่าย ๆ ไม่ได้เหมือนเคสคนป่วยลมชักแล้วมาขับ กรณีนี้เขาก็ปกติมาอยู่ดี ๆ แต่จู่ ๆ ก็เกิดอาการขึ้นทันที
เคสนี้เริ่มจากเมื่อเส้นเลือดสมองแตก มีอาการปวดหัว ตอนแรกยังมีสติ ไม่ได้มีอาการอ่อนแรงอะไรชัดเจน เขาก็เข้าใจว่าไม่สบายจึงรีบขับไปโรงพยาบาล แต่แค่แป๊บเดียวพอเลือดเริ่มออกมากก็เสียการควบคุม ไม่ใช่แค่แขน-ขาอ่อนแรง แต่รวมถึงสติด้วย ทำให้เขาไม่สามารถแม้แต่จะพูดขอความช่วยเหลือได้แล้ว ดังนั้น จึงตอบคำถามที่ว่า
"ทำไมถึงไม่ลดกระจกบอก" : เชื่อว่าในตอนนั้นไม่สามารถพูดหรือมีสติพอจะทำแล้ว
"รู้ว่าตัวเองไม่สบาย ทำไมไม่จอด" : ก่อนหน้านั้นไม่รู้ ปกติดี
"มีโรคประจำตัวยังไปขับรถ พอเกิดเหตุมาร้องขอความเป็นธรรม" : ก่อนหน้าไม่จำเป็นต้องมีโรคประจำตัวก็เส้นเลือดในสมองแตกได้
"ทำไมไม่ขอความช่วยเหลือ" : สติไม่มีแล้วจะขอยังไง
"ป่วยแล้วมาขับรถ" : อาการมันเริ่มจากปวดหัวธรรมดา เหมือนมีไข้ ก็ขับรถมาโรงพยาบาลกันเยอะแยะ ใครจะรู้ว่าเป็นเส้นเลือดในสมองแตก ที่แป๊บเดียวจากปวดหัวกลายเป็นหมดสติ
จริงอยู่ว่าคนมีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันสูง เบาหวาน หรือพฤติกรรมบางอย่าง เช่น สูบบุหรี่ ดื่มสุรา หรืออายุมาก ก็เพิ่มความเสี่ยงเส้นเลือดสมองแตกได้ แต่ก็บอกไม่ได้ล่วงหน้า แต่บางรายเป็นหลอดเลือดสมองผิดปกติเอวีเอ็ม (AVM) หรือหลอดเลือดสมองโป่งพอง พวกนี้อายุน้อย ๆ ก็เป็นและเพิ่มโอกาสเป็นเส้นเลือดในสมองแตกได้ โดยที่ผู้ป่วยอาจจะไม่ทราบมาก่อนเลยด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นจึงเป็นอะไรที่สุดวิสัย
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้, เรื่องเด่นเย็นนี้, เฟซบุ๊ก Remrin
จากกรณีชวนสะเทือนใจกับเหตุการณ์ที่คนขับรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ แผ่นป้ายทะเบียนสีเขียว ขับไปเฉี่ยวชนรถคันอื่นช่วงถนนเจริญกรุง ใกล้กับโรบินสัน บางรัก จนถูกกลุ่มไรเดอร์ขี่รถตามบีบแตรใส่และกดดันให้เปิดประตู เพราะเข้าใจว่าขับชนแล้วหนีไม่ยอมจอดนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 22 กรกฎาคม 2567 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 รายงานว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงเวลาประมาณ 18.00 น. วันที่ 13 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ตำรวจ สน.ยานนาวา ได้รับแจ้งมีรถยนต์ขับไล่ชนรถของประชาชนช่วงถนนเจริญกรุง ใกล้กับโรบินสัน บางรัก เมื่อไปตรวจสอบพบมีรถผู้เสียหายที่ถูกเฉี่ยวชน 4 คัน รถยนต์ 3 คัน และรถจักรยานยนต์ 1 คัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 1 คน เป็นคนขี่รถจักรยานยนต์ ส่วนตัวผู้ก่อเหตุ จากที่ได้รับแจ้งจากสารวัตรเจ้าของคดี บอกว่า ตรวจสอบเบื้องต้นไม่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์ แต่กลับพบกองอาเจียนกระจายอยู่ภายในรถ คนขับไม่มีสติ จึงส่งตัวไปรักษา ส่วนผู้เสียหายนั้นทางประกันรถของผู้ก่อเหตุได้ประสานชดใช้แล้ว
ด้าน พ.ต.ต. ธีระสาร นรินทร์สรศักดิ์ สารวัตรสอบสวน เจ้าของคดี บอกว่า ผู้ก่อเหตุเป็นชาย อายุ 41 ปี หลังจากเจ้าหน้าที่ไปถึงพบว่าคนขับไม่เปิดประตูรถลงมา จึงได้นำรถลากมาลากรถไปยัง สน.ยานนาวา และใช้เวลาเรียกอยู่ระยะหนึ่ง ก่อนจะพยายามเปิดประตูรถได้ เมื่อเปิดออกมาก็พบว่าภายในรถมีกองอาเจียนกระจาย ส่วนคนขับไม่มีสติ จึงประสานส่งตัวไปโรงพยาบาล เพื่อตรวจสอบหาปริมาณแอลกอฮอล์ สารเสพติด และตรวจร่างกาย
เมื่อสอบถามว่าขณะที่เปิดประตูรถทางผู้ก่อเหตุมีอาการอย่างไร และได้สอบถามหรือไม่ว่าขับรถมาจากไหน ขับมาได้อย่างไร พ.ต.ต. ธีระสาร บอกว่า ขณะเกิดเหตุตนเองไม่ได้เห็นเหตุการณ์ แต่เมื่อมาถึงสถานีตำรวจก็เห็นว่าหลับ ปลุกก็มีอาการมึน ๆ แต่ก็ไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้ง ซึ่งต้องรอผลการตรวจร่างกายว่ามีแอลกอฮอล์หรือสารอะไรหรือไม่
เปิดใจแฟนของคนตาย บอกจริง ๆ คนตายเส้นเลือดในสมองแตก ตำรวจไม่พาส่ง รพ. นึกว่าเมาแล้วขับ พาตัวไปไว้ที่โรงพัก 2 ชม.
ต่อมา วันที่ 21 กรกฎาคม น.ส.มะนาว อายุ 39 ปี แฟนของคนขับฟอร์จูนเนอร์ เข้าร้องเรียนกับเพจสายไหมต้องรอด หลังจากที่แฟนหนุ่มคือ นายกฤษณ์ อายุ 41 ปี ซึ่งเป็นพนักงานขับรถรับ-ส่งผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิ เสียชีวิตจากอาการเส้นเลือดในสมองแตก เพราะเข้ารับการรักษาล่าช้า จากการถูกตำรวจโรงพักแห่งหนึ่งย่านสาทร ยื้อไม่ให้ไปโรงพยาบาล อ้างว่าเมาแล้วขับเฉี่ยวชนคู่กรณี
น.ส.มะนาว เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุแฟนหนุ่มขับรถสนามบินไปรับลูกค้าจากสนามบินสุวรรณภูมิไปส่งที่โรงแรมย่านยานนาวา พอส่งลูกค้าเสร็จระหว่างเดินทางกลับ แฟนโทรศัพท์มาหาบอกว่าปวดหัวมากและอาเจียน จึงบอกให้แฟนไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ระหว่างขับรถไปโรงพยาบาล แฟนเริ่มมีอาการหนัก ไม่สามารถควบคุมรถได้ จึงประสบอุบัติเหตุเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์คันอื่นหลายคัน พอโทรศัพท์หาแฟน เบอร์แรกไม่รับสาย จึงโทร. เข้าอีกเครื่องซึ่งเชื่อมต่อกับระบบบลูทูธของรถ และรับสายอัตโนมัติ ตอนนั้นได้ยินเสียงคนเคาะกระจกรถ โวยวาย และบอกให้แฟนลงมาจากรถ แต่ไม่ได้ยินเสียงแฟน พยายามถามว่าอยู่ที่ไหนก็ไม่ได้รับคำตอบ จึงวางสายไป
จากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง แม่ของแฟนก็โทรศัพท์มาหา บอกว่าตำรวจโทร. มา บอกว่าแฟนเมาแล้วขับรถไปชนคันอื่น ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ สน.ยานนาวา ตนติดธุระอยู่ต่างจังหวัดจึงให้แม่ไปที่โรงพักก่อน ระหว่างนั้นตนก็โทรศัพท์หาตำรวจ ขอคุยกับแฟน และขอให้พาแฟนไปส่งโรงพยาบาลก่อน เพราะแฟนป่วย และยืนยันว่าแฟนไม่ได้เมา แต่ตำรวจไม่ยอมให้คุยกับแฟน บอกว่าแฟนไม่ยอมลงจากรถ และให้รีบตามบริษัทประกันมาที่สถานีตำรวจด่วน
กระทั่งเวลาประมาณ 3 ทุ่ม ตนจึงวิดีโอคอลหาพี่ชายของแฟนที่อยู่สถานีตำรวจ พบว่าแฟนหมดสติไปแล้ว โดยมีภาพขณะตนวิดีโอคอลหาผู้เสียชีวิต ซึ่งพบว่าผู้เสียชีวิตนั่งอยู่ในสภาพคอพับหมดสติ ซึ่งเป็นภาพสุดท้ายที่อยู่ในโรงพัก หลังจากนั้นกู้ภัยจึงนำตัวส่งโรงพยาบาล ถึงโรงพยาบาลเกือบ 4 ทุ่ม แพทย์ที่ให้การรักษาบอกว่ามาช้าไป หลังจากนั้นก็พยายามรักษาตามอาการอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเวลา 3 วัน ก่อนเสียชีวิต ซึ่งในใบรับรองแพทย์ระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่าเส้นเลือดในสมองแตก ตรวจสอบ GPS ย้อนหลังพบว่าแฟนอยู่ที่ สน.ยานนาวา เกือบ 2 ชั่วโมง ซึ่งตนมองว่าหากนำส่งโรงพยาบาลเร็วกว่านี้แฟนอาจไม่เสียชีวิต
ยืนยันว่าแฟนไม่เคยมีพฤติกรรมดื่มแล้วขับ ถ้าผลตรวจออกมาพบว่าไม่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดก็จะปรึกษากับฝ่ายกฎหมาย อาจจะดำเนินการกับตำรวจ สน.ยานนาวา เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม หลังเกิดเหตุตนและครอบครัวยังไม่ได้รับการขอโทษหรือแสดงความรับผิดชอบจากตำรวจเลย แม้กระทั่งพวงหรีดแสดงความเสียใจก็ยังไม่ได้รับ
ขณะที่น้องชายผู้เสียชีวิตเปิดเผยว่า ตอนเกิดเหตุการณ์ขับรถชน คลิปของพี่ชายถูกแชร์และโดนด่าเยอะมาก โดยยืนยันว่าพี่ชายตนป่วยจริง ๆ เพราะเส้นเลือดในสมองแตก ตนอยากฝากเป็นอุทาหรณ์ว่า หากตำรวจสังเกตเห็นว่าพี่ของตนป่วย ไม่ตัดสินว่าเป็นคนเมา คงไม่ต้องไปนั่งรอที่โรงพักถึง 2 ชั่วโมง ก็คงจะได้รับการรักษาเร็วกว่านี้ และอาจจะไม่เสียชีวิต ซึ่งหากดูจากหลักฐานภาพคลิป พี่ของตนถูกตัดสินไปก่อนแล้วว่าเมาและขับรถชนคนอื่น เลยทำให้เรื่องต่าง ๆ มันช้า และตนเชื่อว่ามันเป็นสาเหตุสำคัญให้พี่ชายเสียชีวิต
ล่าสุดมีรายงานข่าวแจ้งว่า ผลตรวจเลือดผู้ตายออกมาเป็น 0 โดยไม่พบแอลกอฮอล์ในเลือดแต่อย่างใด
ต่อมา รายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ช่อง 3 รายงานว่า จากการสอบถามพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ ยืนยันว่าในวันเกิดเหตุผู้เสียชีวิตอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และไม่สามารถสื่อสารกับตำรวจหรือเจ้าหน้าที่กู้ชีพได้ จึงไม่ทราบว่าผู้เสียชีวิตมีอาการดังกล่าวจากอะไร ตำรวจพยายามบอกให้ลงจากรถ แต่ผู้เสียชีวิตไม่สามารถลงจากรถได้ จึงตัดสินใจนำทั้งรถและผู้เสียชีวิตขึ้นรถสไลด์มาที่สถานีตำรวจทั้งที่รถยังติดเครื่องอยู่
เมื่อเห็นว่าผู้เสียชีวิตอาการหนักขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยสะเดาะประตูรถเพื่อรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล ยืนยันว่าเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ที่สถานีตำรวจ ไม่ได้ยื้อหรือห้ามไม่ให้ผู้เสียชีวิตไปโรงพยาบาล แต่เพราะอยู่ระหว่างการช่วยเหลือนำผู้เสียชีวิตออกมาจากรถ และเมื่อนำออกมาได้ก็รีบนำตัวส่งโรงพยาบาล
พ.ต.อ. รัฐธนนท์ เอกฐิติกุลพัทธ์ ผู้กำกับการ สน.ยานนาวา ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนี้กองบังคับการตำรวจนครบาล 6 ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้แล้ว ซึ่งทาง สน.ยานนาวา ก็ได้ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ตอนนี้ผู้บังคับบัญชาได้เร่งรัดให้ตรวจสอบโดยเร็วที่สุด หลังจากตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเสร็จจะมีการชี้แจงอีกครั้งหนึ่ง ก่อนหน้านี้สั่งให้พนักงานสอบสวนติดต่อนัดหมายญาติผู้เสียชีวิตมาพูดคุย แต่ทราบว่าทางญาติยังไม่สะดวก
เพจให้ความรู้ หลังชาวเน็ตบางส่วนไม่เข้าใจ แห่วิจารณ์คนป่วยเส้นเลือดสมองแตก
ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก Remrin หยิบยกประเด็นที่หลายคนแสดงความไม่พอใจไปถึงคนขับที่มีอาการเส้นเลือดในสมองแตก เช่น ตั้งคำถามว่า ทำไมไม่เปิดกระจก ไม่จอดรถ หรือมีโรคประจำตัวแล้วไปขับรถทำไม โดยให้ความรู้ว่า อาการเส้นเลือดสมองแตกมันไม่ใช่อะไรที่คาดการณ์ล่วงหน้าได้ง่าย ๆ ไม่ได้เหมือนเคสคนป่วยลมชักแล้วมาขับ กรณีนี้เขาก็ปกติมาอยู่ดี ๆ แต่จู่ ๆ ก็เกิดอาการขึ้นทันที
เคสนี้เริ่มจากเมื่อเส้นเลือดสมองแตก มีอาการปวดหัว ตอนแรกยังมีสติ ไม่ได้มีอาการอ่อนแรงอะไรชัดเจน เขาก็เข้าใจว่าไม่สบายจึงรีบขับไปโรงพยาบาล แต่แค่แป๊บเดียวพอเลือดเริ่มออกมากก็เสียการควบคุม ไม่ใช่แค่แขน-ขาอ่อนแรง แต่รวมถึงสติด้วย ทำให้เขาไม่สามารถแม้แต่จะพูดขอความช่วยเหลือได้แล้ว ดังนั้น จึงตอบคำถามที่ว่า
"ทำไมถึงไม่ลดกระจกบอก" : เชื่อว่าในตอนนั้นไม่สามารถพูดหรือมีสติพอจะทำแล้ว
"รู้ว่าตัวเองไม่สบาย ทำไมไม่จอด" : ก่อนหน้านั้นไม่รู้ ปกติดี
"มีโรคประจำตัวยังไปขับรถ พอเกิดเหตุมาร้องขอความเป็นธรรม" : ก่อนหน้าไม่จำเป็นต้องมีโรคประจำตัวก็เส้นเลือดในสมองแตกได้
"ทำไมไม่ขอความช่วยเหลือ" : สติไม่มีแล้วจะขอยังไง
"ป่วยแล้วมาขับรถ" : อาการมันเริ่มจากปวดหัวธรรมดา เหมือนมีไข้ ก็ขับรถมาโรงพยาบาลกันเยอะแยะ ใครจะรู้ว่าเป็นเส้นเลือดในสมองแตก ที่แป๊บเดียวจากปวดหัวกลายเป็นหมดสติ
จริงอยู่ว่าคนมีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันสูง เบาหวาน หรือพฤติกรรมบางอย่าง เช่น สูบบุหรี่ ดื่มสุรา หรืออายุมาก ก็เพิ่มความเสี่ยงเส้นเลือดสมองแตกได้ แต่ก็บอกไม่ได้ล่วงหน้า แต่บางรายเป็นหลอดเลือดสมองผิดปกติเอวีเอ็ม (AVM) หรือหลอดเลือดสมองโป่งพอง พวกนี้อายุน้อย ๆ ก็เป็นและเพิ่มโอกาสเป็นเส้นเลือดในสมองแตกได้ โดยที่ผู้ป่วยอาจจะไม่ทราบมาก่อนเลยด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นจึงเป็นอะไรที่สุดวิสัย
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้, เรื่องเด่นเย็นนี้, เฟซบุ๊ก Remrin