แฉทุกเม็ด โมเดลธุรกิจขายตรงดัง ทำดารามีแต่ได้ เจ้าของมีแต่รวย คนซวยคือชาวบ้าน

            เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 9 ตุลาคม 2567 เพจเฟซบุ๊ก อีซ้อขยี้ข่าว ระบุข้อความว่า เปิดโมเดลการทำธุรกิจ บริษัทเครือข่ายยักษ์ใหญ่ชื่อดัง เริ่มต้นจากการสร้างภาพลักษณ์ให้ดูน่าเชื่อถือ, นำคนดัง ดารานักแสดงมากหน้าหลายตาออกรายการ, ยิงโฆษณา เชิญชวน ขายคอร์สราคาไม่แพง ไม่ถึงร้อยก็เรียนได้ ขายฝันว่าสามารถพลิกชีวิต

            พอเหยื่อตกลงมาสมัครเรียน ก็สอนเบสิกทั่วไปที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว ปิดท้ายด้วยการ "เปิดบิล" ให้สต็อกสินค้า หากใครไม่มีทุนก็ขายฝันต่าง ๆ นานา ให้ไปยืม แม้แต่ไปกู้เพื่อมาลงทุนกับเรา แต่คำถามคือสินค้าที่ซื้อมา ขายให้ใครได้ ? เพราะไม่มีใครรู้จัก

ตีแผ่กลลวงบริษัทดัง เริ่มจากคอร์สการตลาดออนไลน์ หลงเชื่อมีแต่เสียเงิน

            ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก เหยื่อ V.2 โพสต์หัวข้อ "คอร์สการตลาดออนไลน์...กลลวงที่มองไม่เห็น" โดยระบุใจความว่า หากจะทำความเข้าใจเรื่องบริษัทที่เป็นกระแสอยู่ตอนนี้ ต้องเข้าใจก่อนว่ามันไม่ได้มีแค่บริษัทเดียวที่ใช้หลักการเดียวกัน แต่ยังมีรายใหญ่ ๆ อีก 5 บริษัท เพียงแต่มีบริษัทหนึ่งที่ใช้บริการ ลมใต้ปีกคนที่เป็นดารามากที่สุด

            1 ใน 5 บริษัท มีเพียง 1 บริษัทที่เป็นกระแสอยู่ตอนนี้ไม่ได้ทำแบบ MLM แต่ใช้วิธีทำแบบเปิดตัวแทน เหมือนธุรกิจตัวแทนทั่ว ๆ ไป ส่วนอีก 4 บริษัทนั้นทำแบบ MLM เพราะการทำ MLM จะต้องซื้อใบอนุญาตต่อจากบริษัทคนอื่นมา ซึ่ง สคบ. จะอนุมัติยาก แต่ทั้ง 5 บริษัทนั้นก็ทำหลักการเดียวกัน  คือยิงแอด สอนทำการตลาดออนไลน์ ราคาค่าเรียน 90-199 บาท คิดค่าเรียนให้ถูก ๆ เพื่อล่อคนให้หลงคิดเอาเองว่า  ทดลองสมัครเรียนดูก็ไม่เสียหาย เงินแค่นี้เอง

            เมื่อเราไปสมัครเรียนแล้ว บทเรียนแรกที่จะได้รับคำสอนมาคือให้เราตั้งโฆษณาชวนคน โดยให้เราไปถ่ายภาพกับสินค้า แล้วมาตั้งแอดชวนคนเพื่อขายของ เท่ากับงบการตลาดถูกดึงจากผู้เรียนเอง ใช้เฟซบุ๊กของผู้เรียนยิงแอด ด้วยเทคนิคนี้ ทำให้บริษัทสามารถขึ้นแอดได้ ด้วยจำนวนแอคเคานต์มหาศาล แต่ไม่ได้ใช้เงินบริษัทเลย

            เมื่อมีคนทักมา เราจะไม่มีสินค้า ต้นสายคนชวนจะเอาสินค้ามาขายให้เรา 1 ชิ้น เพราะเราต้องมีสินค้าไปคุยกับคนที่ทักมา ซึ่งคนที่ทักมาหาเรา ก็จะมีทั้งลูกค้าจริง ๆ และ อวตารเสมือนจริงของบริษัททักมาหาเรา ซึ่งเราก็จะคิดเอาเองว่าสินค้ามันขายได้ มันขายง่าย บางรายจะโดนล่อให้เปิดเมมเบอร์ เพราะบริษัทจะตั้งเรตค่าคอมให้เลยที่ 2,500 - 5,000 บาท ถ้าใครมีเงินเยอะก็จะเปิดดีลเลอร์เลย 250,000 บาท

คำนวณ ทำไมขายตรง บริษัทดัง คนซื้อเป็นหนี้ คนรวยคนเดียวคือเจ้าของ

            สาเหตุว่าทำไมเจ้าของรวยเว่อร์แต่คนอื่นไม่มีใครรวยแถมเป็นหนี้ สมมติว่า สินค้าราคา 2,000 บาท เวลาเราเข้าไปซื้อ จะโดนผลักภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% มาให้ในราคาซื้อเต็ม เท่ากับโดนแล้ว 140 บาท หลังจากนั้น บริษัทจะต้องจ่ายคืนให้ 50% ก็คือจะจ่าย 1,000 บาท แต่ทีนี้บริษัทก็จะหักภาษีอีก 3% เป็นค่าภาษีที่บริษัทต้องส่ง

            สรุปได้เงินจริง 970 บาท ตอนที่คืนมา แล้วตัวเองยังถูกไปคำนวณภาษีรายได้อีก เพราะถือเป็นรายได้เข้ามา กลายเป็นไปซื้อของเขา มีรายได้ 50% ผลักภาษีกลับเข้าตัวโดนหัก 7% โดน 3% จากค่าคอมครึ่งหนึ่ง = 1.5%  7+1.5+50%(ค่าของ) margin หน้าตักโดนไปแล้ว 58.5% ยังไม่รวมค่ายิงแอดที่ต้องเสียเอง สมมติเสีย 20% ของสินค้า เท่ากับ 78.5% แล้วกำไรเหลือ 12.5%

            แล้วก็ไปตายตรงที่ต้องเสียภาษีค่าคอมมิชชั่น และ ภาษีที่ได้จากการขายของราคาเต็ม 2,000 คือโดนสองต่อแบบจุก ๆ นี่ยังไม่รวมตอนที่ไปขายของ ถ้าขายในนามบริษัทก็ต้องขายในราคา 2,000 บาท จะไปบวก vat 7% ก็ไม่ได้ แปลว่าผลัก vat 7% เข้าตัวเองอีก ของที่เอามาขายก็แนวเดิม ๆ คอลลาเจน กาแฟ ของทั่ว ๆ ไป ที่ต้นทุนราคาถูก ๆ เกมนี้มันเป็นเกมที่ลูกข่ายไม่มีวันรวย ไม่มีวันชนะ มีแต่ความหวังว่าจะรวย และตอนนี้ยิงแอด โดนบวก 7% อีกนะ

กลยุทธ์บริษัท หลอกคนซื้ออีกแผน สร้างหน้าม้าปลอมให้ทัก แต่ไม่ซื้อของ คนซื้อทุนจม

            อีกกลยุทธ์ของบริษัทคือขอการันตีว่า สินค้าต้องขายดีต้องมีคนทัก แต่ความจริงคือบริษัทเขาได้เตรียมหน้าม้า เฟซบุ๊กปลอมไว้แล้ว นักเรียนส่งการบ้านเป็นแอดที่ทำ เขาจะส่งหน้าม้าไปคอมเมนต์ สนใจค่ะ สนใจครับ แต่ทักไปแล้วเงียบเป็นป่าช้า

            ทีนี้บริษัทเขาก็จะรอดตัวจากการสอนยิงแอดเพราะว่ามันดูปัง มีหน้าม้าทักเยอะ แต่ตัวแทนปิดการขายไม่ได้เอง บริษัทจึงไม่ต้องรับผิดชอบตรงนี้ นั่นคือ 1 ในหลาย ๆ เหตุผลที่คนนั่งจมกับสินค้า เพราะมันเป็นกลลวงแบบครบวงจร ดิ้นหนีตายได้ทางเดียวคือ "หาเหยื่อคนใหม่" มารับสินค้าจากตัวเองไป หาได้ 100 คนถึงจะรอดจากหนี้ 250,000 บาท ไม่มีใครรวยเพราะเสีย vat 7% 2 รอบ Margin 14% เข้าไปแล้ว มันเป็นกลลวงที่คนส่วนหนึ่งมองไม่เห็น

งานนี้ยัน เอาผิดเจ้าของบริษัท ไม่ใช่เรื่องง่าย คนเสียหายไม่รู้ข้อมูลเชิงลึก ฟอกขาวกันเรียบร้อย

            ถ้าถามว่าบริษัทได้กำไรปีละเท่าไหร่ บริษัทนี้จ่ายภาษีปีละ 200 กว่าล้านบาท กำไรปีละเท่าไหร่คงคิดเองได้นะ เพราะต้นทุนสินค้า 5% และที่มันน่าเศร้าจริง ๆ คือ เงินกำไรรวมกับเงินที่เสียภาษี มันเป็นเงินของชาวบ้าน ทุกบาท ทุกสตางค์

            เกมนี้จะมีคนถูกฟ้องกันไม่น้อย เพราะจะเอาผิดเจ้าของบริษัทไม่ง่าย เพราะฉลาดสุด ๆ ทำชีวิตตัวเองได้ใสสะอาด ทั้ง ๆ ที่โคตรสกปรก แล้วคนที่ไปเป็นพยาน คนที่ไปร้องที่นั่นที่นี่ เท่าที่เห็นในข่าว ไม่มีคนที่รู้ข้อมูลเชิงลึกของบริษัทแบบจริง ๆ แม้แต่คนเดียว  แค่ลองถามผู้กล้าที่ออกมาปกป้องสิทธิ์ของตัวเองเหล่านั้นว่า มีใครรู้จักตัวการร่วมของบริษัทสักคนไหม ขอเดาว่าไม่มีใครรู้จักผู้ร่วมขบวนการหรอก
เพราะทุกคนที่เป็นเหยื่อ จะนึกถึงแต่หน้าดารากับเจ้าของบริษัทแล้วก็สมัครเข้าร่วมเลย ดังนั้นก็จะเล่นได้แค่แม่ข่ายในข้อหา ไม่มีใบอนุญาต