ขุดคลิป หมอบุญ ซื้อสื่อโปรโมตโครงการ บอกทำด้วยจิตใจไม่ใช่เงิน จนผู้เสียหายหลงเชื่อร่วมลงทุน ด้าน ตร. แย้มจ่อออกหมายจับล็อต 2
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
จากกรณี นพ.บุญ วนาสิน หรือ หมอบุญ ถูกออกหมายจับ ฉ้อโกงประชาชน สมคบฟอกเงิน พร้อมผู้ร่วมขบวนการ 9 คน รวมถึงลูกและอดีตภรรยา ซึ่งมีความเสียหายกว่า 7.5 พันล้านบาท โดยขณะนี้หมอบุญหลบหนีไปต่างประเทศ ส่วนอดีตภรรยากับลูก ชี้แจงกับตำรวจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะถูกปลอมลายเซ็น
อ่านข่าว : เปิดเส้นทางหนี หมอบุญ ย้ำล่าตัวถึงที่สุด พบจงใจหลอก 5 โครงการ เสียหาย 7.5 พันล้าน
อ่านข่าว : อดีตเมีย-ลูกหมอบุญ เครียดนอนห้องขัง ยังปฏิเสธข้อหา ทนายชี้ถูกปลอมลายเซ็น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2567 รายการเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ ช่อง 3 รายงานว่า สำหรับพฤติการณ์ หมอบุญ ชุดสืบสวนพบว่า พยายามจ่ายเช็คให้กับเจ้าหนี้ โดยใช้เช็คที่ผู้เสียหายไม่สามารถนำไปใช้ดำเนินการขึ้นเงินได้ เพื่อหลีกเลี่ยงในเรื่องความผิดการฟอกเงินที่มีอัตราโทษสูงเเละจะต้องถูกยึดอายัดทรัพย์
อีกทั้งพฤติกรรมกลุ่มผู้ต้องหายังทำการตลาด ซื้อโฆษณา สื่อออนไลน์ สำนักพิมพ์หลายแห่ง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ โดยทั้งออกสื่อ ลงเว็บไซต์ และให้สัมภาษณ์ บอกกล่าวครอบครัว คนใกล้ชิด และโบรกเกอร์ตัวแทนในการระดมทุน อ้างว่าตนมีบริษัทจดทะเบียนถูกต้องในตลาดหลักทรัพย์เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และการระดมทุนดังกล่าวจะให้ค่าตอบแทนสูงกว่าสถาบันการเงิน
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ส่วนในโลกออนไลน์ ได้ย้อนคลิปของ หมอบุญ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ เมื่อวันที่ 9 มกราคม ที่ผ่านมา เป็นการพูดในฐานนะประธานบริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป ทำพิธีลงนาม MOU กัน 3 หน่วยงาน ตั้งเป้าเป็นผู้นำตลาดเวลเนสครบวงจร บางช่วงได้พูดถึงโครงการ 7 โครงการในเมืองไทย มูลค่ากว่าหมื่นล้าน พร้อมยกตัวอย่างในต่างประเทศ เช่น เวียดนาม อีกด้วย โดยยกจุดแข็งในเครือคือเรื่อง เซอร์วิส มายด์ การต้อนรับ ไม่มีใครเหมือนของไทย ชี้ทำด้วยจิตใจ ไม่ใช่เงิน
เหยื่อเล่าสาเหตุหลงเชื่อลงทุน ไม่เชื่อภรรยา ลูกหมอบุญ จะไม่รู้เห็น
บรรยากาศที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 วานนี้ (23 พฤศจิกายน) พบว่า มีผู้เสียหายจำนวนหนึ่ง เดินทางมายื่นขอคัดค้านการประกันตัว อดีตภรรยา และลูกสาว ของหมอบุญ เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คน จะหลบหนี
ด้าน นายหมี อายุ 40 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย เล่าว่า ตนถูกชักชวนร่วมลงทุนกับเพื่อนผ่านโบรกเกอร์บริษัทดังรายหนึ่ง ตนลงทุนไป 70 ล้านบาท เพื่อนลงทุนไป 100 ล้านบาท ที่ผ่านมาไม่ได้รู้จักกับ หมอบุญ เป็นการส่วนตัว แต่เห็นผ่านสื่อโฆษณา และเป็นหมอที่มีชื่อเสียง คิดไม่ถึงว่าจะมีพฤติกรรมเช่นนี้ โดยส่วนใหญ่อีกฝ่ายอ้างว่าจะนำไปลงทุนโครงการเวลเนสริมแม่น้ำ พระราม 3 และโรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง และนำไปลงทุนซื้อถุงมือทางการแพทย์ ในช่วงโควิด 19
ทั้งนี้ โบรกเกอร์ และหมอบุญอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยร้อยละ 8% ต่อปี ซึ่งช่วงแรกมองว่าไม่สมเหตุสมผล แต่หมอบุญนำหุ้นของโรงพยาบาลธนบุรีมาใช้ในการค้ำประกันเพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ ซึ่งผู้เสียหายมีหลายรูปแบบ ทั้งที่ได้หุ้น และยังไม่ได้หุ้นดังกล่าว และจากการตรวจสอบย้อนหลังหุ้นในตลาดหลักทรัพย์พบว่า หุ้นดังกล่าวเหลือเพียงหุ้นที่เป็นชื่อของลูก และอดีตภรรยาของหมอบุญเท่านั้น ส่วนหมอบุญถือหุ้นอยู่เพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ดีตนเองนั้นไม่เชื่อว่าอดีตภรรยาและลูกของหมอบุญจะไม่มีส่วนรู้เห็นตามที่อ้าง
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ตำรวจแย้มหมายจับล็อต 2 มาแน่ - พบมีอีกคดีเหยื่อรวมตัวแจ้ง สูญเกือบ 2 พันล้าน
ด้าน พ.ต.ต. อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เปิดเผยว่า ยืนยันว่า เร็ว ๆ นี้จะมีการออกหมายจับในลอตที่ 2 ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนรวบรวมหลักฐาน โดยมุ่งเป้าไปที่เหล่าบรรดาโบรกเกอร์ที่เป็นคนชักชวนผู้เสียให้ให้ร่วมลงทุนหรือกู้เงิน
ขณะที่ ข่าวช่อง 3 รายงานว่า นอกจากคดีที่ตำรวจออกหมายจับ หมอบุญ และพวกกรณีฉ้อโกง 7 พันล้านบาท ยังมีอีกคดีที่ผู้เสียหาย 12 คน แจ้งความไว้ที่กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ ปอศ. เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นพฤติการณ์หลอกลงทุนในโครงการต่าง ๆ เช่นเดียวกัน มูลค่าความเสียหาย 1,900 ล้านบาท
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
บก.ปอศ. พิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้มีผู้เสียหายจำนวนมาก และความเสียหายสูง เข้าตามหลักเกณฑ์ที่มีหรือมีมูลน่าเชื่อว่ามีจำนวนผู้เสียหายตั้งแต่ 300 คนขึ้นไป หรือมีจำนวนเงินที่กู้ยืมรวมกันตั้งแต่หนึ่งร้อยล้านบาทขึ้นไป จึงกำลังเร่งรวบรวมสำนวนคดีและพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อนำสำนวนส่งมอบให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ในสัปดาห์หน้า ส่วนคดีของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่มีผู้เสียหาย 247 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 7,600 ล้านบาทนั้น ก็มีรายงานว่าตำรวจจะส่งให้ ดีเอสไอ ทำคดีเช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้, ข่าวช่อง 3
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
จากกรณี นพ.บุญ วนาสิน หรือ หมอบุญ ถูกออกหมายจับ ฉ้อโกงประชาชน สมคบฟอกเงิน พร้อมผู้ร่วมขบวนการ 9 คน รวมถึงลูกและอดีตภรรยา ซึ่งมีความเสียหายกว่า 7.5 พันล้านบาท โดยขณะนี้หมอบุญหลบหนีไปต่างประเทศ ส่วนอดีตภรรยากับลูก ชี้แจงกับตำรวจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะถูกปลอมลายเซ็น
อ่านข่าว : เปิดเส้นทางหนี หมอบุญ ย้ำล่าตัวถึงที่สุด พบจงใจหลอก 5 โครงการ เสียหาย 7.5 พันล้าน
อ่านข่าว : อดีตเมีย-ลูกหมอบุญ เครียดนอนห้องขัง ยังปฏิเสธข้อหา ทนายชี้ถูกปลอมลายเซ็น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2567 รายการเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ ช่อง 3 รายงานว่า สำหรับพฤติการณ์ หมอบุญ ชุดสืบสวนพบว่า พยายามจ่ายเช็คให้กับเจ้าหนี้ โดยใช้เช็คที่ผู้เสียหายไม่สามารถนำไปใช้ดำเนินการขึ้นเงินได้ เพื่อหลีกเลี่ยงในเรื่องความผิดการฟอกเงินที่มีอัตราโทษสูงเเละจะต้องถูกยึดอายัดทรัพย์
อีกทั้งพฤติกรรมกลุ่มผู้ต้องหายังทำการตลาด ซื้อโฆษณา สื่อออนไลน์ สำนักพิมพ์หลายแห่ง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ โดยทั้งออกสื่อ ลงเว็บไซต์ และให้สัมภาษณ์ บอกกล่าวครอบครัว คนใกล้ชิด และโบรกเกอร์ตัวแทนในการระดมทุน อ้างว่าตนมีบริษัทจดทะเบียนถูกต้องในตลาดหลักทรัพย์เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และการระดมทุนดังกล่าวจะให้ค่าตอบแทนสูงกว่าสถาบันการเงิน
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ส่วนในโลกออนไลน์ ได้ย้อนคลิปของ หมอบุญ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ เมื่อวันที่ 9 มกราคม ที่ผ่านมา เป็นการพูดในฐานนะประธานบริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป ทำพิธีลงนาม MOU กัน 3 หน่วยงาน ตั้งเป้าเป็นผู้นำตลาดเวลเนสครบวงจร บางช่วงได้พูดถึงโครงการ 7 โครงการในเมืองไทย มูลค่ากว่าหมื่นล้าน พร้อมยกตัวอย่างในต่างประเทศ เช่น เวียดนาม อีกด้วย โดยยกจุดแข็งในเครือคือเรื่อง เซอร์วิส มายด์ การต้อนรับ ไม่มีใครเหมือนของไทย ชี้ทำด้วยจิตใจ ไม่ใช่เงิน
เหยื่อเล่าสาเหตุหลงเชื่อลงทุน ไม่เชื่อภรรยา ลูกหมอบุญ จะไม่รู้เห็น
บรรยากาศที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 วานนี้ (23 พฤศจิกายน) พบว่า มีผู้เสียหายจำนวนหนึ่ง เดินทางมายื่นขอคัดค้านการประกันตัว อดีตภรรยา และลูกสาว ของหมอบุญ เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คน จะหลบหนี
ด้าน นายหมี อายุ 40 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย เล่าว่า ตนถูกชักชวนร่วมลงทุนกับเพื่อนผ่านโบรกเกอร์บริษัทดังรายหนึ่ง ตนลงทุนไป 70 ล้านบาท เพื่อนลงทุนไป 100 ล้านบาท ที่ผ่านมาไม่ได้รู้จักกับ หมอบุญ เป็นการส่วนตัว แต่เห็นผ่านสื่อโฆษณา และเป็นหมอที่มีชื่อเสียง คิดไม่ถึงว่าจะมีพฤติกรรมเช่นนี้ โดยส่วนใหญ่อีกฝ่ายอ้างว่าจะนำไปลงทุนโครงการเวลเนสริมแม่น้ำ พระราม 3 และโรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง และนำไปลงทุนซื้อถุงมือทางการแพทย์ ในช่วงโควิด 19
ทั้งนี้ โบรกเกอร์ และหมอบุญอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยร้อยละ 8% ต่อปี ซึ่งช่วงแรกมองว่าไม่สมเหตุสมผล แต่หมอบุญนำหุ้นของโรงพยาบาลธนบุรีมาใช้ในการค้ำประกันเพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ ซึ่งผู้เสียหายมีหลายรูปแบบ ทั้งที่ได้หุ้น และยังไม่ได้หุ้นดังกล่าว และจากการตรวจสอบย้อนหลังหุ้นในตลาดหลักทรัพย์พบว่า หุ้นดังกล่าวเหลือเพียงหุ้นที่เป็นชื่อของลูก และอดีตภรรยาของหมอบุญเท่านั้น ส่วนหมอบุญถือหุ้นอยู่เพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ดีตนเองนั้นไม่เชื่อว่าอดีตภรรยาและลูกของหมอบุญจะไม่มีส่วนรู้เห็นตามที่อ้าง
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ด้าน พ.ต.ต. อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เปิดเผยว่า ยืนยันว่า เร็ว ๆ นี้จะมีการออกหมายจับในลอตที่ 2 ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนรวบรวมหลักฐาน โดยมุ่งเป้าไปที่เหล่าบรรดาโบรกเกอร์ที่เป็นคนชักชวนผู้เสียให้ให้ร่วมลงทุนหรือกู้เงิน
ขณะที่ ข่าวช่อง 3 รายงานว่า นอกจากคดีที่ตำรวจออกหมายจับ หมอบุญ และพวกกรณีฉ้อโกง 7 พันล้านบาท ยังมีอีกคดีที่ผู้เสียหาย 12 คน แจ้งความไว้ที่กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ ปอศ. เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นพฤติการณ์หลอกลงทุนในโครงการต่าง ๆ เช่นเดียวกัน มูลค่าความเสียหาย 1,900 ล้านบาท
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
บก.ปอศ. พิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้มีผู้เสียหายจำนวนมาก และความเสียหายสูง เข้าตามหลักเกณฑ์ที่มีหรือมีมูลน่าเชื่อว่ามีจำนวนผู้เสียหายตั้งแต่ 300 คนขึ้นไป หรือมีจำนวนเงินที่กู้ยืมรวมกันตั้งแต่หนึ่งร้อยล้านบาทขึ้นไป จึงกำลังเร่งรวบรวมสำนวนคดีและพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อนำสำนวนส่งมอบให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ในสัปดาห์หน้า ส่วนคดีของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่มีผู้เสียหาย 247 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 7,600 ล้านบาทนั้น ก็มีรายงานว่าตำรวจจะส่งให้ ดีเอสไอ ทำคดีเช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้, ข่าวช่อง 3