เปิดคดี 3 ลูกจ้างโรงงานทอง รวมหัวร้านทอง ออกบิลปลอม ลักทองรูปพรรณกว่า 103 กก. มูลค่าร่วม 400 ล้าน อ้างหวังเพิ่มยอดขาย แจ้งความ 3 เดือนไม่คืบ

วานนี้ (21 ตุลาคม 2568) โหนกระแส รายงานกรณีโรงงานทอง ถูกลูกจ้างรวมกันลักทรัพย์ เอาทองรูปพรรณของโรงงานไปรวมกว่า 103 กิโลกรัม คิดเป็นน้ำหนักประมาณ 6,763 บาท มูลค่า 400 ล้านบาท
โดย หญิง อายุ 41 ปี ตัวแทนโรงงาน พร้อมทนายกุ้ง เผยกับผู้สื่อข่าวว่า ทางโรงงานทองจะทำหน้าที่ผลิตทองรูปพรรณไปจำหน่ายให้ห้างทองและร้านทองต่าง ๆ แต่เมื่อเดือนมิถุนายน เพิ่งจะทราบว่าทางโรงงานถูกลูกจ้าง 3 คน ร่วมกันลักเอาทองไป กว่า 103 กิโลกรัม
เมื่อทางโรงงานย้อนตรวจสอบ พบว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางเดือนธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 10 มิถุนายน 2568 โดยลูกจ้างทั้ง 3 คน อยู่ในตำแหน่งเป็นพนักงานขาย มีหน้าที่รับคำสั่งซื้อากร้านทอง และเป็นผู้เบิกทองรูปพรรณไปส่งมอบให้ร้านขายทอง
แต่ทั้ง 3 คน ร่วมกันวางแผนแอบอ้างรายชื่อร้านขายทอง 25 ร้าน ทำบิลปลอมเพื่อไปเบิกทองจากโรงงาน ซึ่งโรงงานจะมีเครดิตให้ร้านค้า 14 วัน ค่อยกลับมาชำระในรูปแบบทองคำแท่ง ซึ่งปรากฏว่ามีบางร้านทยอยชำระกลับมาแต่ไม่เต็มจำนวน จนเมื่อเครดิตของร้านทองทั้ง 25 ร้านเต็ม โรงงานจึงทำหนังสือไปทวงถาม ทำให้ความแตกว่าร้านทองทั้งหมด ไม่เคยสั่งซื้อทองจากโรงงาน
เมื่อเรียกลูกจ้างทั้ง 3 คนมาสอบถาม ก็ยอมรับสารภาพโดยอ้างว่าได้ร่วมมือกับร้านทองแห่งหนึ่ง ที่อยากสั่งซื้อทองจากโรงงาน แต่เครดิตเต็ม จึงแนะนำให้ลูกจ้างร่วมกันทำบิลปลอมขึ้น แอบอ้างหัวบิลของร้านทองอื่น เพื่อเบิกทองจากโรงงานไปทั้งหมด 30 ครั้ง
ทั้งนี้ พบว่ามีทองที่ถูกเบิกไปและยังไม่ได้คืน รวม 103 กิโลกรัม ซึ่งเมื่อสอบถามไปยังร้านทองที่ร่วมมือกับลูกจ้าง ก็ยอมรับว่ามีการนำทองคำจำนวนดังกล่าวไปจริง ทางโรงงานจึงให้ร้านทองเซ็นรับสภาพหนี้
ขณะที่ทางลูกจ้าง อ้างว่าทำไปเพื่อต้องการช่วยเพิ่มยอดขายให้โรงงาน แต่ตนไม่ปักใจเชื่อ โดยลูกจ้างทั้ง 3 คน เข้ามาทำงานได้ 1-2 ปี แต่เพิ่งมีพฤติกรรมเช่นนี้ช่วงปลายปี 2567
ด้าน ทนายกุ้ง เปิดเผยว่า ทางผู้เสียหายได้แจ้งความที่ สน. แห่งหนึ่ง เพื่อเอาผิดกับลูกจ้าง 3 คนและทางร้านทองที่ร่วมมือกับลูกจ้าง รวมถึงกรรมการของห้างทอง รวม 5 คน แต่เวลาผ่านมากว่า 3 เดือนยังไม่มีความคืบหน้า ตนจึงดำเนินการฟ้องคดีอาญาต่อจำเลยทั้ง 5 คนด้วยตัวเอง ในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์นายจ้าง และรับของโจร
ขอบคุณข้อมูลจาก โหนกระแส






