ไอดอลสาวญี่ปุ่นทำเซอร์ไพรส์ เผยภาพหน้าสดสมัยเรียนมัธยม แฟนคลับตกตะลึงตาค้าง เหลือจะเชื่อ นึกว่าคนละคน

ภาพจาก @cocosyn_hiito
วันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 เว็บไซต์ ETtoday เผยเรื่องราวของ ฮิอิโตะ
อาเมมิยะ (Hiito Amemiya) ไอดอลสาวญี่ปุ่น สมาชิกวง Cocoro Syndrome
ภาพถ่ายของเธอได้กลายเป็นไวรัลร้อนแรงบนโลกออนไลน์
ภายหลังจากเธอเปิดความลับสุดเซอร์ไพรส์
เผยให้เห็นโฉมหน้าสมัยเรียนชั้นมัธยม
สร้างความตกตะลึงให้กับเหล่าแฟนคลับและผู้คนเป็นจำนวนมาก
โดย ฮิอิโตะ ได้โพสต์ภาพผ่านทางบัญชี X ซึ่งได้รับความนิยม มีผู้เข้าไปชมมากกว่า 13 ล้านครั้ง โดยแสดงให้เห็นตอนก่อนและหลังเดบิวต์ สมัยที่ยังเป็นนักเรียนชั้นมัธยมต้น สวมชุดยูนิฟอร์ม ทรงผมแปลกตา และมีรอยยิ้มเขินอาย ก่อนที่จะกลายมาเป็นไอดอลในปัจจุบัน ทั้งรูปหน้าและสไตล์การแต่งตัวดูแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงราวกับเป็นคนละคน
ภาพจาก @cocosyn_hiito
ตามรายงานของ
Weekly Bunshun ฮิอิโตะได้เปิดเผยเกี่ยวกับภาพถ่ายนี้อย่างขำขันว่า
สมัยมัธยมต้นเธอไม่สนใจตัวเองเลย ไม่แต่งหน้าหรือแต่งตัวเลย
รวมทั้งไม่สนใจทรงผมด้วย เธอเป็นสมาชิกชมรมว่ายน้ำ จนกระทั่งขึ้นมัธยมปลาย
เกิดการระบาดของโควิด 19 โรงเรียนปิด กิจกรรมชมรมถูกระงับ
เธออยู่ที่บ้านทุกวันและไม่มีอะไรทำ ตอนนั้นเธอจึงหยุดกินอาหารเช้าและอาหารกลางวันไปตามธรรมชาติ ผลที่ตามมาคือ เธอน้ำหนักลดลงจาก 60 กิโลกรัม เหลือ 48 กิโลกรัม นอกจากนี้คลิปวิดีโอของอินฟลูเอนเซอร์ด้านความงามก็ได้รับความนิยมในช่วงนั้น เธอจึงเริ่มรู้จักการแต่งตัวและเรียนรู้การแต่งหน้า
ภาพจาก @cocosyn_hiito
จนกระทั่งเรียนจบมัธยมปลาย
เธอได้เข้าศึกษาต่อในวิทยาลัยกีฬา เธอเรียนหนักและมีความคิดอยากจะหยุดพัก
ขณะนั้นพี่สาวของเธอที่เป็นไอดอลได้ชวนเธอเข้าวงการ
เธอจึงใช้โอกาสนี้เริ่มต้นเส้นทางใหม่ และได้กลายเป็นไอดอลในที่สุด ปัจจุบัน ฮิอิโตะ ใช้เวลา 20 วันต่อเดือนทำกิจกรรมไอดอล รวมถึงการแสดงบนเวที และทำงานในร้านกาแฟธีมต่าง ๆ และมีแฟนคลับผู้ติดตามมากขึ้นเรื่อย ๆ
ภาพจาก @cocosyn_hiito
"เป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่ง !"
"แสดงให้เห็นว่าเธอทุ่มเทมาก กว่าจะมาถึงจุดนี้"
"น่าชมชมในความพยายามของเธอ"
"แต่ก่อนเธอก็ดูดี แค่ยังไม่รู้จักการแต่งตัวเท่านั้น"
อย่างไรก็ตาม ผู้คนบางส่วนแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ โดยเชื่อว่าเธอน่าจะผ่านการทำศัลยกรรมมาหลายส่วนจนดูไม่เหมือนคนเดิมเช่นนี้

ภาพจาก @cocosyn_hiito

ภาพจาก @cocosyn_hiito

ภาพจาก @cocosyn_hiito
ภาพจาก @cocosyn_hiito
ขอบคุณข้อมูลจาก ETtoday






