ทหารแนวหน้า เปิดความจริงสนามรบ เนิน 350 ทำไมยังนำ 2 ทหารไทยกลับไม่ได้ ปัจจัยอันตรายรอบด้าน ย้ำยังมุ่งมั่นพาวีรบุรุษกลับบ้าน
.jpg)
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
กรณีสถานการณ์สู้รบบริเวณเนิน 350 ใกล้ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์
กำลังพลหายไป 2 คน
ซึ่งทางกองทัพยังคงระดมการค้นหาทั้งทางพื้นดินและทางอากาศ
เพื่อนำกำลังพลกลับมาให้ได้นั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 18 ธันวาคม 2568 ผู้ใช้เฟซบุ๊ก พีระชาติ อินตา ทหารแนวหน้าที่ครั้งหนึ่งเคยปักหลักอยู่ที่ปราสาทตาควาย โพสต์เล่าถึงความยากลำบากในการปฏิบัติหน้าที่บนเนิน 350 ซึ่งส่งผลให้การนำร่างทหารไทย 2 นาย ไม่สามารถทำได้ทันที เนื่องจากเป็นเรื่องที่เสี่ยงอันตรายมาก
.jpg)
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ผมจะเล่าความจริงให้ฟัง บนเนิน 350 มันไม่มีคำว่าโชคช่วยและมันไม่ใช่เรื่องลึกลับหรือการปกปิดอย่างที่ใครเขาปั่นกระแสกัน แต่มันคือความจริงของสนามรบ ที่คนไม่เคยคลานอยู่ใต้ห่ากระสุนปืนจริง ๆ อาจจะไม่เข้าใจ
เนิน 350 มันไม่ใช่แค่เนินเขาป่ารกธรรมดา แต่มันคือนรกที่มองไม่เห็นทั้งความมืด ทั้งกับระเบิดเก่าที่ฝังอยู่ใต้ดินแทบทุกตารางนิ้ว ทันทีที่เคลื่อนที่ขึ้นไปเพื่อกดดันพื้นที่ ฝั่งโน้นที่ครองชัยภูมิสูงกว่าก็เปิดฉากยิงสวนลงมาทันที เสียงอาวุธหนักกระแทกพื้นดินจนสะเทือนไปถึงกระดูก ลองจินตนาการดูนะครับ ในความมืดสนิทที่มองแทบไม่เห็นฝ่ามือตัวเอง แต่กระสุนส่องวิถีวิ่งผ่านหัวไปไม่กี่นิ้วทุกย่างก้าวที่เหยียบลงไป คือการเอาชีวิตเข้าแลกอย่างแท้จริง
พี่น้องทหารของเรา 2 นายที่อยู่แนวหน้าสุด พวกเขาใจเด็ดมาก เดินนำเข้าไปรับแรงปะทะก่อนเพื่อน ๆ แต่ในจังหวะที่ปะทะกันหนักที่สุด พวกเขาถูกยิงล้มลงในจุดที่เรียกว่า พื้นที่สังหาร (Killing Zone)
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
นี่คือเหตุผลที่ตอนแรกต้องใช้คำว่าสูญหาย เพราะสภาพหน้างานตอนนั้น ไม่มีใครฝ่ากำแพงกระสุนเข้าไปยืนยันร่างได้จริง ๆ ไม่ใช่ว่ากองทัพไม่อยากบอกความจริง
ส่วนที่ถามกันว่า ทำไมถึงมีคลิปทหารกัมพูชาปลดอาวุธโผล่โซเชียล ผมอยากให้ทุกคนตั้งสติและอย่าไปหลงกลเกมจิตวิทยาของเขา พื้นที่ตรงที่ทหารไทยล้มลง อยู่ใกล้กับฐานที่มั่นบนยอดเนินของฝั่งโน้นมากกว่า เขาแค่เดินลงมาไม่กี่ก้าวก็ถึงร่างเพื่อนเราแล้ว เขาฉวยโอกาสตอนที่การปะทะสงบลงมาถ่ายคลิปเพื่อปั่นหัวคนไทยให้ด่ากันเอง และอยากโชว์ว่าเขาคุมพื้นที่ได้ ทั้งที่จริง ๆ เขาแค่เข้าถึงร่างได้ก่อน เพราะชัยภูมิของเขาอยู่เหนือหัวเราขึ้นไปแค่นั้น คลิปนั้นไม่ได้วัดฝีมือการรบเลย แต่มันคือการฉวยโอกาสทำสงครามประสาทใส่เราเท่านั้น
มาถึงวันนี้ 17 ธันวาคม 2568 ภารกิจมันไม่ใช่การตามหาคนหายแล้วแต่มันคือการพาวีรบุรุษกลับบ้าน ความจริงมันชัดเจนและเจ็บปวดที่สุดคือพี่น้องเราทั้ง 2 นายเสียชีวิตในหน้าที่อย่างสมเกียรติ เราไม่ได้เสียสละเพราะเราอ่อนแอ แต่เราเสียคนกล้าที่สุดไปในจุดที่อันตรายที่สุด เท่าที่ทหารคนหนึ่งจะกล้าเดินเข้าไป เพื่อปกป้องผืนฟ้าและแผ่นดินไทย
อย่าให้คลิปไม่กี่วินาทีมาทำลายเกียรติของคนที่ยอมสละชีวิตเพื่อแผ่นดินเลยครับ ทหารไทย 2 นายนั้นไม่ได้หายไปไหน ดวงวิญญาณของเขายังคงวนเวียนอยู่ตรงนั้น ยืนหยัดอยู่บนเนินนรกนั่นจนลมหายใจสุดท้าย เพื่อรอคอยวันที่เพื่อนจะพาเขากลับบ้านเขาทำหน้าที่ของเขาจบแล้ว เหลือเพียงพวกเราที่อยู่ข้างหลังที่จะต้องช่วยกันรักษาเกียรติภูมิของเขา ไม่ให้ใครเอาความตายของเขามาล้อเล่นหรือปั่นหัว
เลือดทุกหยดที่รินรดเนิน 350 จะถูกจารึกไว้ ว่าครั้งหนึ่งมีทหารไทยใจกล้า ยืนหยัดสู้จนตัวตายเพื่ออธิปไตยของพวกเราทุกคน เราจะพาเขากลับบ้านให้ได้ สัญญา






