ชีวิตหลังตาย

โรงพยาบาล


          "นลิน" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุก จากวิญญาณห่วง เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นกระบวนการธรรมชาติที่สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตจะต้องตาย โดยไม่มีการหลีกหนีหรือหลบเลี่ยงได้เลย!

          คุณป้าเรณู เป็นพี่สาวแท้ๆ ของคุณแม่ดิฉัน และดิฉันรักท่านมากเหลือเกิน เพราะเติบโตมาด้วยการเลี้ยงดู ทะนุถนอมของท่านล่ะค่ะ เราอยู่บ้านเดียวกันเป็นครอบครัวใหญ่ในบ้านคุณตาคุณยาย คือ ในบ้านนี้นอกจากคุณตาคุณยายแล้ว ก็มีคุณป้าเรณูซึ่งเป็นสาวโสด และคุณแม่ซึ่งแต่งงานแล้วก็ไม่ยอมย้ายไปไหน แต่ปลูกเรือนเล็กๆ ข้างตึกใหญ่อยู่เป็นครอบครัวน้อยๆ คือคุณพ่อคุณแม่ และดิฉันกับน้องชาย

          เวลาที่คุณพ่อคุณแม่ไปทำงาน ดิฉันกับน้องก็จะอยู่ในความดูแลของคุณยายและคุณป้าเรณู เรียกว่าเลี้ยงดิฉันมาตั้งแต่เกิด...เลี้ยงด้วยความรักใคร่สุดจิตสุดใจเลยทีเดียว ฉะนั้น เมื่อท่านป่วยด้วยมะเร็งตับ และคงจะไม่รอดแน่ๆ ดิฉันก็แทบจะขาดใจค่ะ

          เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อน คุณตาคุณยายไปสวรรค์นานแล้ว เหลือแต่คุณป้าอายุ 56 ดิฉันอายุ 24 เรียนจบแล้ว และมีงานทำอยู่ที่บริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง

          คุณป้าไม่สบาย อึดอัดและอ่อนเพลีย พวกเราจะพาไปหาหมอก็ไม่ยอม จนในที่สุด ดิฉันพาไปตรวจก็พบว่าท่านเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย ท่านรักษาตัวอยู่ที่บ้านโดยไม่ยอมทำคีโมหรือฉายแสงใดๆ ทั้งสิ้น ...และแล้วก็ถึงเวลาที่ท่านต้องไปนอนในโรงพยาบาลเพราะบวมน้ำ ท้องมานและมีน้ำท่วมปอดด้วย ท่านอึดอัดมาก เหนื่อยมาก ที่โรงพยาบาลนั้น ดิฉันไปอยู่ด้วยจนแทบไม่ได้กลับมานอนบ้านเลย เช้าไปทำงานฝากคุณป้าไว้กับพยาบาล บางทีคุณแม่ดิฉันก็มาเฝ้า ตกเย็นดิฉันจะไปอยู่ข้างๆ ไม่ยอมห่าง เพราะรู้ดีว่าท่านจะอยู่กับเราอีกไม่นานแล้ว...

          มะเร็งลามไปเรื่อยๆ คุณป้าก็อ่อนแรงลงทุกทีๆ ทั้งซูบผอม แก้มตอบ ตาลึก ได้รับอาหารแค่ทางเส้นเลือด ได้หลับแต่ละทีนั้นนานมาก หลับลึกจนดิฉันนึกอยากให้ท่านจากไปในลักษณะนั้น คือหลับแล้วไปเลย จะได้ไม่ต้องตื่นมาเจ็บปวดอีก

          ตอนหลังๆ นี่คุณป้าไม่พูดไม่จาแล้ว ท่านดูเลื่อนลอยและหลับมากกว่าตื่น ดิฉันมักจะนั่งข้างเตียงจับมือท่านไว้ ในใจอยากจะแบ่งความเจ็บปวดของท่านมา พลบค่ำวันหนึ่ง ดิฉันฟุบหน้าอยู่กับแขนท่าน และรู้สึกว่ามีใครอยู่ในห้องด้วย...เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นใครคนหนึ่งเดินหันหลัง กำลังจะถึงประตูห้องอยู่แล้ว ร่างนั้นไม่ใช่นางพยาบาล แต่เป็นสตรีสูงอายุและดูคุ้นตา...

         เป็นไปไม่ได้น่า! นั่นคุณยายนี่...คุณยายจริงๆ ด้วย!! ดิฉันผุดลุกขึ้นยืน ร่างของคุณยายเหมือนมนุษย์ที่มีเนื้อหนังมังสาทุกประการ และห่างจากดิฉันไปแค่ไม่กี่เมตร...คุณยายตายไปตั้งหลายปีแล้ว ท่านมาเดินอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน?

         ดิฉันผวาตาม ไม่ได้นึกกลัว แต่มันเป็นความพิศวงมากกว่า ตัวเองไม่ใช่คนเชื่อเรื่องวิญญาณสักนิดเดียว เมื่อเห็นอย่างนี้ สิ่งที่อยากทำก็คือไปให้ถึงตัวคุณยายและจับดูให้รู้แน่...ไม่ใช่จะท้าทายนะคะ มันเป็นไปเองจริงๆ

         คุณยายเดินช้าๆ ตามปกติ ขณะที่ดิฉันกระโจนพรวด แต่แล้วท่านก็หายไปได้ยังไงไม่รู้ เหมือนละลายไปกับอากาศเมื่อดิฉันไปถึงท่าน! ดิฉันยืนงุนงงและสับสนอยู่นาน พอกลับมาที่เตียงก็พบว่าคุณป้านอนลืมตามองเพดานนิ่ง และที่ทำให้ดิฉันขนลุกซู่ก็คือ...ท่านยิ้มบางๆ อย่างสดใส พยักหน้าน้อยๆ เหมือนกำลังสื่อสารกับใครคนหนึ่ง... 

         พอเล่าให้คุณแม่ฟัง คุณแม่บอกว่าคุณยายคงจะมารอรับแล้วละ! ดิฉันเถียงไม่ออกค่ะ ถึงจะไม่เชื่อแต่ก็เห็นจริงๆ นี่นา...คุณแม่บอกว่าภายใน 3 วันนี่แหละ...ทราบแบบนี้แล้ว ดิฉันแทบไม่ห่างคุณป้าเลย เพราะรู้ว่าเวลาของเราเหลือน้อยเต็มทน

         ในที่สุด คืนหนึ่งหลังจากที่ดิฉันเห็นคุณยายผ่านไป 3 วัน คุณป้าก็ลืมตาขึ้นมองดิฉัน "แล้วพบกันใหม่นะ..." เสียงท่านเบาแต่แจ่มชัด หลังจากนั้นก็หลับไป ดิฉับบีบมือท่านเบาๆ พยายามกลั้นน้ำตา และนั่งข้างเตียงจนง่วงผล็อยหลับไป... ดิฉันหลับไปนานเท่าไรก็ไม่ทราบแน่ชัดหรอกค่ะ...

         ในภาวะกึ่งฝันกึ่งจริงนั้น ดิฉันเห็นคุณตาคุณยายกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง หน้าตาสะสวยน่ารัก เดินมาที่เตียง ทั้งสามดูเป็นหนุ่มเป็นสาว โดยเฉพาะคุณตาคุณยายนั้นไม่ได้แก่ชราอย่างที่ดิฉันเคยเห็นเลย... ทั้งสามมาดึงมือให้คุณป้าลุกขึ้น คุณป้าก็ลุกค่ะ...ลุกอย่างคนปกติที่ไม่ได้เจ็บป่วย และเดินไปกับทุกคน ทิ้งให้ดิฉันนั่งตะลึงอยู่ข้างเตียงคนเดียว ดิฉันตื่นในลักษณะอาการเช่นนั้น...

         ใช่แล้วค่ะ คุณป้าทิ้งร่างที่ปราศจากลมหายใจไว้บนเตียงเรียบร้อยแล้ว!

         ประสบการณ์ครั้งนั้น ทำให้ดิฉันเชื่อว่าชีวิตหลังความตายนั้นมีจริง และดิฉันไม่กลัวตายอีกเลย... คิดว่าวันหนึ่งคุณป้าก็คงมารับดิฉันเช่นกัน!



ข้อมูลจาก

ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต

เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ชีวิตหลังตาย อัปเดตล่าสุด 29 กรกฎาคม 2551 เวลา 17:06:23 33,364 อ่าน
TOP
x close