
ปิดไฟ . . . ช่วยชาติ ใช่แค่? ลดโลกร้อน (ไทยรัฐ)
"Earth Hour ปิดไฟให้โลกพัก" ในหลายเมืองใหญ่ทั่วโลกครั้งล่าที่ผ่านมา มุ่งเน้นการรู้คุณค่าพลังงานไฟฟ้า และใช้ทรัพยากรอย่างประหยัด เพื่อให้รู้คุณค่าพลังงานไฟฟ้าแต่ละหยาดหยดมากขึ้น ลองตามไปดูโครงการรณรงค์ของการไฟฟ้านครหลวง เว็บไซต์ www.youngmea.com
การไฟฟ้านครหลวงพุ่งเป้าไปที่เยาวชนอายุระหว่าง 8-17 ปี ที่มีความสนใจร่วมกันพัฒนาความคิดและประสบการณ์ ในเชิงอนุรักษ์พลังงาน และสิ่งแวดล้อม
ปีนี้ "ตามรอยพลังงาน" รุ่นที่ 2 เป็นกิจกรรมที่ได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ เริ่มจากพาไปดูตั้งแต่กระบวนการผลิตไฟฟ้า เยี่ยมโรงไฟฟ้าต้นทาง จนมาถึงการส่งจ่ายไฟฟ้ามายังบ้านเรือน พิสูจน์ให้เห็นกับตา ไฟฟ้าที่ใช้กันตลอด 24 ชั่วโมงนั้น มีที่มาที่ไปอย่างไร ซึ่งจะทำให้เด็กๆได้เรียนรู้ว่า...กว่าจะได้พลังงานมานั้น ประเทศชาติต้องใช้ทรัพยากรอย่างไรบ้าง นี่คือหลักสำคัญ ในการสร้างจิตสำนึก การประหยัดพลังงานอย่างเป็นรูปธรรม
ข้อมูลพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตและซื้อในระบบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) แยกประเภทการใช้เชื้อเพลิง ประจำปี 2551 จำแนกตามประเภททรัพยากรไว้ดังนี้
อันดับหนึ่ง ก๊าซธรรมชาติ 70.02 เปอร์เซ็นต์
อันดับสอง พลังน้ำ 4.71 เปอร์เซ็นต์
อันดับสาม ถ่านหิน และลิกไนต์ 20.83 เปอร์เซ็นต์
อันดับสี่ น้ำมันเตา 0.95 เปอร์เซ็นต์ อันดับห้า...ดีเซล 0.17 เปอร์เซ็นต์ อันดับหก...ชีวมวล 1.44 เปอร์เซ็นต์ ซื้อจากต่างประเทศ 1.88 เปอร์เซ็นต์ และพลังงานทดแทนอีกเล็กน้อย จากอดีตถึงปัจจุบัน เราใช้ไฟฟ้ากันขนาดไหน? แล้วประเทศชาติต้องสูญเสียทรัพยากรไปมากน้อยเพียงใด?
ชุมชน www.youngmea.com ถือเป็นแนวคิดใหม่ที่จะใช้สื่ออินเตอร์เน็ต สร้างเครือข่ายนักอนุรักษ์รุ่นใหม่เป็นสังคมเอ็นจีโอที่ต่อสู้เพื่อการอนุรักษ์พลังงานอย่างชาญฉลาด เปิดโลกทัศน์เยาวชนสู่โลกกว้าง อีกแนวทางของเว็บไซต์นี้ เยาวชนยังเป็นสื่อกลางถ่ายทอดความรู้เรื่องการอนุรักษ์พลังงานให้กับคนรอบข้าง พ่อ แม่ ญาติ พี่น้องได้เป็นอย่างดี
ที่ลืมไม่ได้ ระหว่างกิจกรรมตามรอยพลังงาน ยังมีกิจกรรมกลุ่ม สอดแทรกความรู้การใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัด สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม แนวทางการใช้ไฟฟ้าอย่างคุ้มค่า คือการใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ มีหลักอยู่ว่า "เมื่อมีความจำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าแล้วทำอย่างไร การใช้ไฟฟ้านั้นจึงเป็นการใช้ไฟฟ้าที่คุ้มค่า ประหยัดไฟฟ้า และเกิดประโยชน์สูงสุด"
วิธีง่ายๆ ควรทราบว่า เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้กินไฟมากน้อยเพียงใด มีความเหมาะสมกับการใช้งานหรือไม่ และควรเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าเบอร์ 5 ร่วมด้วย การปฏิบัติตามคำแนะนำการใช้ไฟฟ้าอย่างถูกต้อง ที่สำคัญ เปิด-ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างเป็นเวลา "การใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ จะทำให้น้องๆ สามารถใช้ไฟฟ้าเท่าเดิม แต่ค่าไฟฟ้าลดลง"
แน่นอนว่า หากทุกคนช่วยกันประหยัดพลังงาน นอกจากมีผลดีต่อส่วนรวมของประเทศในแง่อนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังช่วยลดภาวะโลกร้อนได้อีกด้วย
ชาญณรงค์ ปรีชากุล ปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ผู้คิดค้นและพัฒนาโปรแกรมบริหารจัดการการใช้ไฟฟ้า SmartEE เพื่อการประหยัดพลังงาน www.thaisia.co.th เสริมว่า "ค่าไฟฟ้าที่ต้องจ่ายทุกเดือน มีส่วนประกอบมาจาก 3 ส่วน"

ส่วนแรก ยูนิตหรือหน่วย หมายถึงปริมาณไฟฟ้าที่เราใช้ในแต่ละเดือน
ส่วนที่สอง ค่าดีมานด์หรือค่าพีค ค่าความต้องการการใช้ไฟฟ้า ที่การไฟฟ้าคิดเฉลี่ยทุก 15 นาที
ส่วนที่สาม ค่าเอฟที ค่านี้ หลายคนคงคุ้นหู หลักการคิดค่าเอฟที การไฟฟ้าจะเอาค่ายูนิตมาคูณกับราคาค่าเอฟที"ค่าไฟฟ้าแต่ละเดือน มาจากการนำค่ายูนิต ค่าดีมานด์ ค่าเอฟที มารวมกัน ถ้าต้องการลดค่าไฟฟ้า ก็ต้องเข้าใจก่อนว่าเรามีวิธีประหยัดค่าไฟฟ้าได้อย่างไรบ้าง"
ชาญณรงค์ บอกว่า การรณรงค์ประหยัดพลังงาน ประหยัดน้ำมัน...ขับรถไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง...ปิดแอร์ช่วงพักเที่ยง หรือ...ปิดหลอดไฟที่ไม่ได้ใช้
วิธีเหล่านี้ ล้วนเป็นการลดปริมาณการใช้ไฟฟ้า ลดการใช้พลังงาน ด้วยการลดการทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้า ศัพท์เทคนิคเรียกว่า...การลดงาน (Safe Energy) ถ้าเปลี่ยนหลอดไฟจากหลอดอ้วนเป็นหลอดผอม ถึงจะลดค่าไฟได้แต่เราก็ได้แสงสว่างลดลง ยังไง หลอดผอมก็ให้แสงสว่างน้อยกว่าหลอดอ้วน
แม้แต่การเพิ่มขนาดสายไฟให้ใหญ่ขึ้น เพื่อให้กระแสไฟฟ้าวิ่งได้ดีขึ้น ก็เป็นวิธีลดอัตราการสูญเสียในสาย หรือจะติดตั้งระบบปรับความเร็วรอบมอเตอร์ ก็ถือว่าเป็นการลดพลังงาน ความเร็วเครื่องจักรลดลง ก็ทำงานได้น้อยลงจะให้การประหยัดพลังงานได้ผลสูงสุด ผู้ใช้ไฟฟ้าต้องรู้ก่อนว่า ใช้ไฟฟ้าไปแค่ไหน จะได้บริหารจัดการการใช้ไฟฟ้าไม่ให้เกินเกณฑ์ ลดค่าใช้จ่าย ประหยัดค่าไฟฟ้าได้
การประหยัดพลังงานด้วยการบริหารการใช้ไฟฟ้า ศัพท์เทคนิคเรียกว่า การลดค่าดีมานด์ (Demand) หรือ ลดค่าปริมาณความต้องการพลังงานไฟฟ้า การลดค่าดีมานด์ ถือเป็นหัวใจสำคัญของการประหยัดพลังงาน ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แค่ปรับพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า แต่ก็ยังได้งานเท่าเดิม พูดให้เห็นภาพยิ่งขึ้น ถ้าจะปั๊มน้ำขึ้นแท็งก์ จะประหยัดด้วยการลดพลังงานก็ปิดปั๊ม แต่ถ้าใช้หลักการประหยัดด้วยการลดค่าดีมานด์ ก็ต้องหาเวลาเปิดปั๊มที่เหมาะสม เพียงแต่จะได้งาน ได้น้ำ ในเวลาที่ต่างกันไปเท่านั้นเอง เข้าใจภาพการลดดีมานด์บ้างแล้ว หากจะพูดกันถึงการประหยัดค่าไฟฟ้ากันจริงจัง ก็ต้องพุ่งความสำคัญไปที่ ค่าดีมานด์
ชาญณรงค์ อธิบายต่อไปว่า ถ้าเราเดินเครื่องจักรหนึ่งเครื่อง ปริมาณไฟฟ้าหน่วยวัดเป็นยูนิตก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามช่วงเวลาที่เราเดินเครื่องจักร แต่ค่าดีมานด์คือค่าเฉลี่ยของการใช้พลังงานไฟฟ้าของเครื่องจักร การไฟฟ้าจะคิดเฉลี่ยออกมาทุกๆ 15 นาที ผลจากการเฉลี่ยค่าดีมานด์ การไฟฟ้าจะคิดค่าไฟในแต่ละเดือน จากค่าดีมานด์สูงสุดเพียงค่าเดียว
ถ้าเราจะบริหารจัดการไฟฟ้า เราก็ต้องบริหารค่าดีมานด์ให้คงที่สม่ำเสมอ พยายามคุมไม่ให้เครื่องจักรทำงานกระตุ้นให้เกิดค่าดีมานด์แบบก้าวกระโดด สูงๆ ต่ำๆ ขึ้นๆ ลงๆ โดยไม่ได้บริหารควบคุม สมมติว่า โรงงานแห่งหนึ่งมีเครื่องจักร 100 เครื่อง ถ้าผู้ประกอบการไม่มีการบริหารจัดการ เปิดใช้งานเครื่องจักรทั้งหมดในช่วงเวลาเดียวกัน
คิดค่าไฟเท่าไหร่ ก็ต้องจ่ายเท่านั้น กลับกัน ถ้ามีการวางแผนการใช้ไฟฟ้าที่ดี จัดตารางเวลากระบวนการผลิตบางส่วน เช่น กระบวนการเตรียมวัตถุดิบ ไปยังช่วงเวลาที่เหมาะสม ก็ลดค่าดีมานด์ได้ ผลก็คือ โรงงานแห่งนี้ไม่ต้องจ่ายค่าไฟเพิ่มโดยไม่จำเป็น ดังนั้น ทุกสถานประกอบการจำเป็นต้องรู้ก่อนว่า มีพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าอย่างไร เมื่อคุณรู้ ก็จะรู้ว่าจะบริหารการใช้ไฟฟ้าได้แค่ไหน
แต่ปัญหามีว่า จะรู้ได้อย่างไรว่าใช้ไฟฟ้าไปเท่าไหร่แล้ว เพราะทุกเดือน จะรู้ก็ต่อเมื่อ รับบิลค่าไฟมาแล้ว จะถูกจะแพงแค่ไหนก็ต้องจ่าย เมื่อถึงตอนนั้น รู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ หลักการบริหารการใช้ไฟฟ้า ชาญณรงค์ ย้ำว่า ถ้ามีเป้าหมายจะลดค่าไฟฟ้าก็ต้องมาดูว่าจะบริหารการใช้ไฟฟ้าด้วยการตัดส่วนไหนออกได้ ถ้าลดค่าไฟฟ้าไม่ได้ ก็ต้องตั้งเป้าเพื่อคุมปริมาณการใช้ไฟฟ้าไม่ให้ใช้มากไปกว่าเดิม
การประหยัดไฟฟ้าไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ง่าย ขึ้นอยู่กับว่า รู้หรือไม่ว่าทุกวินาทีที่ผ่านไปคุณใช้ไฟฟ้าอย่างไร ใช้ไฟฟ้าไปเท่าไหร่ อะไรที่รู้ล่วงหน้า ย่อมควบคุมได้ หลักการนี้ก็เหมือนกับว่า . . . รู้ว่าจะขับรถไปเจออุบัติเหตุ เราก็ไม่ขับ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก






