
รักทรหด (อักขระบันเทิง)
เมื่อคิดจะเล่าเรื่องรัก... "ลุงแดงกับป้าน้อย" คือคู่รักคู่แรกที่ผมนึกถึง ผมควบม้ากระป๋องด้วยความเร็ว 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพื่อมุ่งตรงไปยังสุขุมวิท และเลี้ยวซ้ายตัดเช้าถนนบางนา-ตราด
ไม่นานนัก...ผมก็มาหยุดที่บ้านพักสีขาวของท่านทั้งสองมาคราวนี้ผมหวังอยู่ในใจลึกๆ ว่าคุณลุงกับคุณป้าคงจะช่วยอะไรผมได้ด้วยการถ่ายทอดตำนานรักของท่านให้พวกเราได้รับรู้ ผ่านเยื่อไม้สะอาดตาสัก 2-3 แผ่น
"ลุงกับป้า อย่าลืมเขียนนะครับ อาทิตย์หน้าผมจะแวะมารับ" ผมพูดอย่างอารมณ์ดี หลังจากที่ชักแม่น้ำทั้งห้าจนนได้ในสิ่งที่ต้องการ
สัปดาห์ต่อมา ผมกลับไปที่นั่นอีกครั้งตามที่ได้ตกลงกันเอาไว้
"ป้าลืมซะสนิทเลย ยังไม่ได้เขียนให้เลยลูกเอ๊ย" คุณป้ากล่าวอย่างง่ายๆ ซึ่งนั่นทำให้ผมรู้สึกตกใจเล็กน้อย
"ถ้างั้นเอาอย่างนี้ได้ไหมล่ะ" แล้วคุณป้าก็เล่าเรื่องราวของท่านให้ผมฟังโดยที่มีคุณลุงนั่งกุมมืออยู่ข้างๆ
ฉันและสามีอยู่กินกันมาร่วม 30 กว่าปีแล้ว เราทั้งคู่กำลังล่วงเข้าสู่วัยที่เรียกว่า "บั้นปลายของชีวิต" เราทั้งสองคนเกษียณเป็นข้าราชการบำนาญ เราทั้งสอง...ต่างดำรงชีวิตด้วยความเรียบง่ายไม่ฟุ้งเฟ้อ ด้วยกิจการร้านเบเกอรี่เล็กๆ ทุกอย่างดูเหมือนจะราบรื่น
แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น... สามีของฉันที่สุขภาพแข็งแรงมาตลอด กลับกลายเป็นอัมพาตในชั่วข้ามคืน เขาต้องกลายเป็นคนพิการที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แม้แต่น้อย
เป็นเรื่องน่าเศร้าที่สุดในชีวิต
ที่เราทั้งสองเคยเจอกันมา...
ถึงแม้สามีจะตกอยู่ในสภาพแบบนี้ แต่ฉันก็ยังคอยดูแลอยู่ไม่ห่างคอยให้กำลังใจ ปรนนิบัติเป็นอย่างดี ด้วยเพราะความรักที่เราร่วมสร้างกันมากว่าครึ่งค่อนชีวิต
และนับตั้งแต่สามีได้ล้มป่วยลง ฉันก็หันมาดูแลสุขภาพของตัวเองมากขึ้น เริ่มเอาใจใส่เรื่องอาหารการกิน หันไปทานอาหารเพื่อสุขภาพ ทานอาหารเสริม และยาบำรุงอีกหลายขนาน พอตกเย็นก็จะไปออกกำลังกายที่ชมรมแอโรบิกในหมู่บ้านทุกวัน
เพื่อนๆ ที่สนิทกัน ต่างก็เห็นดีเห็นงามด้วยที่ฉันหันมาเอาใจใส่ดูแลตัวเองมากขึ้น
"อืมม...ดีแล้วล่ะ ที่หันมาออกกำลังกายจะได้ไม่เป็นแบบสามีของเธอ"
ญาติๆ ของฉันก็บอกในทำนองเดียวกัน
"ระวังตัวเองไว้ก็ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องล้มหมอนนอนเสื่อแบบคนที่บ้านเธอ"
คนรอบข้างหลายคนก็บอกเป็นเสียงเดียวกัน หลายคนยังชวนให้ฉันไปวิ่งตามสวนสาธารณะต่างๆ ในตอนเช้า อย่าว่าแต่คนอื่นเลย แม้แต่สามีของฉันที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงก็ยังเห็นดีด้วย
"ดีแล้วที่คุณหันมาออกกำลังกาย คุณจะสุขภาพดีไม่ต้องมีสภาพเหมือนผมตอนนี้"
ฉันยิ้มขณะที่ใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กๆ เช็ดตัวให้เขาอยู่
"ไม่ใช่หรอก ฉันไม่ได้กลัวจะเป็นเหมือนคุณ แต่กลัวว่าถ้าฉันเกิดไม่สบายไปอีกคน ใครจะดูแลคุณล่ะ"
ตราบใดที่ยังมีเพลงรักซ้ำๆ อยูบนหน้าปัดวิทยุ นั่นย่อมหมายความว่า
"เราไม่ได้เป็นคนๆ เดียวในโลกที่เคยอกหัก"
ดังนั้น...

เมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังอยู่ในสภาวะของคนซ้ำรักแล้วล่ะก็ ลองเปิดวิทยุฟัง...แล้วหมุนไปยังคลื่นที่พอใจ ต่อจากนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือ แล้วกดไปขอเพลงที่คิดว่าโดนใจสุดๆ กับดีเจ. คนโปรด ถ้าโชคดีโทร.ติด ก็นั่งฟังเพลงรักซ้ำๆ ที่ขอให้จบ
เมื่อเพลงจบแล้ว ลองถามตัวเองซิว่า...
"เพลงเศร้าๆ มันยังจบได้เลย แล้วความเศร้าของเราล่ะ! จะจบได้รึยัง"
สำหรับกรณีที่โทร.ไม่ติด ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ เพราะนั่นเป็นการชี้ให้เห็นสัจธรรมที่ว่า
"ในโลกนี้...ไม่มีใครสมหวังไปเสียทุกเรื่อง"
ไม่ได้บอกให้ดีใจนะ...แต่ไม่แน่นักหรอกว่าบางทีเพลงอื่นๆ ที่เราได้มีโอกาสฟังทั้งๆ ที่ไม่เคยขออาจถูกใจยิ่งกว่าเพลงที่เราอยากจะฟังใจแทบขาดในตอนแรกเป็นไหนๆ ก็ได้... ใครจะไปรู้ . . .
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ

หนังสือเติมความรักในช่องว่างระหว่างใจ ฉบับเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2551
ภาพประกอบจาก glitter.kapook.com
![]()






