
ฟุตบอล ยุโรป
เปิดม่าน 2009/10 พร้อมหรือยังครับ? (เดลินิวส์)
ผมต้องขออนุญาตถามคำถามนี้เลย เนื่องจากว่าถึงตอนนี้ นาทีนี้ เข็มนาฬิกานี้ ฟุตบอลลีก ยุโรปฤดูกาล 2009/10 ได้ฤกษ์เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้วนะครับ อาจจะยังไม่ครบทุกลีกใหญ่ แต่อย่างน้อยที่สุด 3 ใน 5 ลีกสำคัญ คือ เยอรมนี, ฝรั่งเศส และอังกฤษ ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างเป็นทางการ
แน่นอนว่าลีกที่ได้รับความสนใจที่สุดคือ EPL พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในฐานะลีกยอดนิยม และกำลังถูกจับตามองว่าจะเสียตำแหน่งลีกหมายเลขหนึ่งไปให้กับ ลา ลีกา ของสเปน!? หลังจากทีม รีล มาดริด ซื้อนักเตะไปเสริมทีมอย่างบ้าเลือดกว่า 200 ล้านปอนด์
โดยวันเสาร์นี้ลีกผู้ดีชิงจังหวะเปิดม่านก่อนครับ กับรายการตามธรรมเนียมปฏิบัติ คือการเปิดด้วยเกมการกุศล คอมมิวนิตี้ชิลด์ (หรือ แชริตี้ ชิลด์ ในอดีต)
ปีนี้ "ผีแดง" เจอกับความท้าทายไม่น้อยกับการที่ต้องพยายามอุดรูโหว่จากการขาย คริสเตียโน โรนัลโด ออกไป เนื่องจากตลอด 3 ฤดูกาลหลังสุดที่ แมนฯ ยูไนเต็ด กลับมาเป็นแชมป์ลีก 3 สมัย ซ้อนนั้น ปฏิเสธไม่ได้ครับว่าปีกจอมสับมีส่วนสำคัญอย่างมาก
คุณค่าของ โรนัลโด ที่มีต่อ แมนยู ไม่ได้มีเพียงจำนวนประตูที่มากจนน่าเหลือเชื่อ แต่ยังรวมอีกหลายด้านของเกม เช่น การทำทางให้เพื่อนไม่ว่าจะทางตรง หรือทางอ้อม การตัดสินเกมด้วยความสามารถของตัวเอง หรือแม้แต่ความกดดันที่มีต่อทีมคู่แข่ง เพราะการมี โรนัลโด อยู่ในสนามนั่นหมายถึงการที่คู่แข่งต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นกว่าปกติจนบ่อยครั้งเกร็งจนเสียรูปเกมของตัวเองไปเลย
เรื่องนี้ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ย่อมรู้ดี และตลอดช่วงพรีซีซั่นที่ผ่านมาก็ดูเหมือนว่า เฟอร์กี้ จะพยายามปรับเปลี่ยนทีมพอสมควร โดยเฉพาะการเสริมทัพด้วย ไมเคิล โอเวน และ อันโตนิโอ วาเลนเซีย ที่คล้ายเป็นการแยกร่าง โรนัลโด ออกมาเป็นนักเตะ 2 คนแทน (ประตู+ เกมริมเส้น)
ขณะที่หลายคนพุ่งเป้าไปที่ เวย์น รูนีย์ ในฐานะซูเปอร์สตาร์ประจำทีมที่กลายเป็น ความหวังสูงสุด แต่โดยส่วนตัวผมคิดว่า ดิมิทาร์ เบอร์บา ตอฟ เป็นคนที่น่าจับตามองมากกว่า เพราะดูฟอร์มจากเกมพรีซีซั่นแล้ว ปีนี้ดาวยิงบัลแกเรียน น่าจะได้ ปลดปล่อย ธาตุศิลปินลูกหนังออกมาได้อย่างเต็มที่ หลังจากไม่มีโรนัลโด มาเบ่งรัศมีทับแล้ว และซีซั่นที่ 2 ยังไงๆ ก็ย่อมปรับตัวได้ดีกว่าเดิมแน่ ลึกๆ ผมเชื่อว่า ผีแดง ยังน่ากลัว และ เกมนี้เราน่าจะได้เห็น โฉมหน้า ใหม่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่มากกว่าเสื้อย้อนยุคที่โดนตำหนิว่า เชย ตัวนั้นแน่
ด้านเชลซี (ที่ก็โดนเล่นเรื่องเสื้อใหม่ซึ่ง ไม่เข้าตาแฟนๆ เหมือนกัน) เจอความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่พอกันครับ แต่เป็นเรื่องของนอกสนาม มากกว่าจากการเข้ามารับตำแหน่งของ คาร์โล อันเชล็อตติ ที่เข้ามารับงานต่อจาก กุส ฮิดดิงค์ ที่สร้างความประทับใจไว้ชนิด ตราตรึง ในฤดูกาลก่อน คาร์เล็ตโต้ เข้ามาครั้งนี้เป็นเรื่องน่าแปลก ใจนะครับที่ เชลซี แทบไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง อะไรเลย
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ ฐานะทางการ เงินของเชลซียุคนี้ไม่ได้เข้มแข็งอะไรมากนัก แม้จะมีข่าวปล่อยกับสตาร์หลายคนไม่ว่าจะเป็น ฟรองก์ ริเบรี, ดาวิด บีญา, กากา ฯลฯ แต่สุดท้ายก็เป็นบัวแล้งน้ำ ไม่ได้ใครมาสักคนแม้กระทั่งแกนหลักของทีมอย่าง จอห์น เทอร์รี ก็ยังส่งสัญญาณไม่พอใจ นัยว่าแค่ ยูริ เชียร์คอฟ คนเดียวมันยังไม่หนำใจ ถ้าคิดจะกลับมาทวงแชมป์คืนอีกครั้ง
อย่างไรก็ดีครับ ผลงานในช่วงพรีซีซั่นของ เชลซี ก็ไม่ได้น่าเกลียด ออกจะเข้าท่าเสียด้วยซ้ำ การปรับระบบการเล่นมาใช้แบบ หอกคู่ ให้ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ได้ลงจับคู่กับ นิโกลาส์ อเนลกา อย่างเป็นทางการเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ของ อันเชล็อตติ พอ ๆ กับการที่ปรับรูปแบบการเล่นของทีม ให้เน้นการต่อบอลประสานงานกันมากขึ้น
ลืม เชลซี ทีมเก่าที่มามุกเดิมๆ กับการบอมบ์ยาวให้ดร็อกบา ตะบี้ตะบันตั๊นบอลเอาไปยิงได้แล้วครับ ปีนี้ทีมสิงห์บลูส์ จะเล่นกันอย่างเป็นระบบระเบียบมากขึ้น และนั่นเป็นผลดีต่อกองกลางที่เคยถูกลืมอย่าง เดโก ที่คาดว่าน่าจะกลับมามีบทเด่นในการบัญชาเกมแดนกลางอีกครั้ง ร่วมกับ แฟรงค์ แลม พาร์ด ในรูปแบบ ไดมอนด์ ซึ่งก็เป็นระบบการเล่นที่ อันเชล็อตติ ใช้ในการคุมทีม เอซี มิลาน มาตลอดนั่นเองครับ จะขาดไปก็เพียง เท้าชั่งทอง อย่างอันเดรีย ปีร์โล ที่ลากมาร่วมทีมยังไม่สำเร็จเท่านั้น
เอาแค่เรื่องของแทคติกการเล่นก็ถือว่า น่าสนใจ และคุ้มค่าที่จะดูแล้วสำหรับ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ในฤดูกาลนี้ แม้สุดท้ายผลการแข่งขันมันอาจจะวัดอะไรไม่ได้เลยก็ตาม เพราะถึงจะอย่างไรมันก็ขึ้นชื่อว่าเป็นแค่เกมอุ่นเครื่องที่ดูหรูหราเท่านั้น ยังไงก็ตาม ทรูสปอร์ต 1 ถ่ายทอดสดเกมคู่นี้ตอน 3 ทุ่มวันอาทิตย์ที่ 9 ส.ค.นี้ และฟรีทีวีก็น่าจะมีถ่ายทอดสดด้วยเช่นกัน
นอกเหนือจากลีกอังกฤษแล้ว ลีกเมืองเบียร์ บุนเดสลีกา ก็เปิดฉากแล้วเหมือนกัน โดยเมื่อคืนวันศุกร์ก็เปิดม่านกันไปแล้วกับบิ๊กแมตช์ แชมป์เก่า หมาป่า โวล์ฟสบวร์ก กับ ม้าขาว สตุตการ์ต ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงไม่น้อยทั้งสองทีม
แต่ทีมที่ต้องจับตามองมากที่สุดยังไงก็หนีไม่พ้นเจ้าเก่า เสือใต้ บาเยิร์น มิวนิก หลังจากเสียรังวัดไปเยอะเมื่อปีกลาย ปีนี้ทีมของ หลุยส์ ฟานกัล ก็ทำได้ดีในการเตรียมทีม ไม่ว่าจะเป็น อนาโตลี ทิมอสชุค, อิวิกา โอลิช, มาริโอ โกเมซ และ ดานิเยล ปรานยิช และความสำเร็จที่สุดอยู่ที่การรั้ง ฟรองก์ ริเบรี เอาไว้กับทีมได้อีกฤดูกาลแบบไม่น่าเชื่อ!
อีกแห่งที่เปิดฉากแล้วคือ ลีกเอิง ของฝรั่งเศส ซึ่งปีนี้แกร่ว ๆ ไปนิดเพราะไม่ค่อยมีการซื้อขายอะไรตูมตามฮือฮา และยังเสียหนึ่งในสตาร์ดาวเด่นที่สุดอย่าง คาริม เบนเซมา ไปอีก แต่ยังไงก็ยังมี โยอันน์ กูร์กูฟฟ์ จอมทัพของ บอร์กโดซ์ ให้ตามเชียร์กันครับว่าจะป้องกันแชมป์ได้อีกสมัยหรือเปล่า
ส่วน กัลโช เซเรีย อา และ ลา ลีกา จะเปิดตามมาในเร็วๆ นี้ครับ (ปลายเดือน ส.ค.) เช่นกันกับพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลใหม่ที่จะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า แต่อย่างไรก็ถือเสียว่าเราเลือกสุดสัปดาห์นี้เป็นการเอาฤกษ์เอาชัยในการเปิดฉากฤดูกาลใหม่ 2009/10 ก็แล้วกันนะครับ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก






