

นายกฯ พร้อมถก ฮุนเซน หากถอนปมศาลโลก (ไอเอ็นเอ็น)
นายกฯ พร้อมถก ฮุนเซน หากถอนปมศาลโลก ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชา ส่งหนังสือถึงสถานทูตไทยในกัมพูชา ประท้วง ไทยล่วงล้ำน่านฟ้า 3 ครั้งติดกัน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุ รัฐบาลพร้อมพูดคุยกับ สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร หลังกัมพูชา เสนอแนวทาง 3 ข้อ เพื่อแก้ไขปัญหา ซึ่งเห็นว่า การเจรจากัน เป็นทางออกที่ดีที่สุด และมีกรอบของ JBC ที่สามารถดำเนินการได้อยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ กัมพูชาต้องแสดงความจริงใจ ด้วยการถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ ยุติการยื่นฟ้องในเวทีต่างๆ รวมทั้ง ถอนเรื่องออกจากศาลโลก และชะลอการขึ้นทำเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ต่อยูเนสโก แต่เพียงฝ่ายเดียว โดยมาเริ่มต้นร่างแผนบริหารจัดการร่วมกันใหม่
อย่างไรก็ตาม จะมีการหารือกับกระทรวงการต่างประเทศ ให้มั่นใจว่า จะไม่มีการเคลื่อนไหวจากกัมพูชา ในเวทีต่าง ๆ ก่อนการพูดคุย ซึ่งเชื่อว่า จะไม่กระทบความสัทชมพันธ์ระหว่างประเทศ พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการช่วยเหลือ นายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ซึ่งถูกจำคุกอยู่ที่ประเทศกัมพูชา ว่า รัฐบาลยังคงพยายามให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แต่เป็นเรื่องที่ต้องใช้ระยะเวลา
ทางด้านเว็บไซต์ ฟิฟทีนมูฟ รายงานว่า เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. กระทรวงต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของกัมพูชา มีหนังสือประท้วงถึงสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ ต่อกรณีที่มีข่าวการละเมิดน่านฟ้ากัมพูชา โดย เครื่องบินของทหารไทย ซึ่งหนังสือประท้วงดังกล่าว กล่าวหาโดยระบุรายละเอียดการล่วงล้ำน่านฟ้า ดังนี้
เมื่อวันที่ 31 พ.ค. เวลา 11.30 น. เครื่องบินไทย รุ่น L-19 ได้ละเมิดน่านฟ้ากัมพูชา โดยบินเหนือพื้นที่ตามพรมแดน จากด่านบึงตรอกวน ในหมู่บ้านบันเตียเมียนริต ต.โคกโรเมียต อ.ทมาปวก แล้วบินไปถึงเมืองปอยเปต และบินกลับจากเมืองปอยเปต มาที่บึงตรอกวนอีกรอบ
เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. เวลา 11.05 น. เครื่องบินไทย รุ่น L-19 ได้ละเมิดน่านฟ้ากัมูชา ตามแนวพรมแดน เหนือ 3 อำเภอของกัมพูชา คือ อ.โอร์จเร๊า อ.ซวายเจก และ อ.ทมาปวก โดยบินเหนือพื้นที่เมืองปอยเปต และเหนือพื้นที่ติดกับเมืองปอยเปต ไปหมู่บ้านโจ็กเจ็ย (โชคชัย หรือ หนองจาน) ต.โอร์บีจวน แล้วบินไปยังด่านบึงตรอกวน ในหมู่บ้านบันเตียเมียนริต ต.โคกโรเมียต อ.ทมาปวก
เมื่อวันที่ 3 มิ.ย เวลา 07.45 น. ทหารพรานไทย จากหน่วย 523 ได้ใช้ร่มบินติดเครื่องยนต์ บินตรวจการณ์ในน่านฟ้ากัมพูชา เหนือพื้นที่ตามแนวพรมแดนใน อ.พนมปรึก จ.พระตะบอ
หนังสือฉบับดังกล่าวระบุในตอนท้ายว่า กระทรวงต่างประเทศกัมพูชา ขอประท้วงอย่างรุนแรง ต่อการละเมิดน่านฟ้ากัมพูชา ซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยกองกำลังติดอาวุธของไทย ดังกล่าวถึงข้างต้น ซึ่งกล่าวได้ว่า เป็นการเตรียมการเพื่อโจมตี
แผ่นดินกัมพูชา อีกครั้ง แม้กัมพูชา จะมีท่าทีที่อดทนอย่างสูงสุด เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะระหว่างกองกำลังติดอาวุธของประเทศทั้ง 2 ที่อาจเกิดขึ้นได้อีก กัมพูชา รักษาสิทธิ์ตามกฎหมายในการป้องกันตนเอง ปกป้องอธิปไตย และ บูรณภาพดินแดนของตน
ทั้งนี้ หนังสือของกระทรวงต่างประเทศกัมพูชา ออกตามหลังแถลงการณ์ของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ที่ออกอย่างรีบเร่งในช่วงเย็นวันที่ 3 มิ.ย. โดยหนังสือทั้ง 2 ฉบับ มีเนื้อหาตรงกัน

[ 4 มิถุนายน] เขมรอ้างทหารไทยบินล้ำน่านฟ้า-ยั่วปะทะอีก
โฆษกกลาโหม เขมร แถลงการณ์ กล่าวโทษไทย ล่วงล้ำน่านฟ้าเขมร 3 ครั้ง ระหว่าง 31 พ.ค. - 3 มิ.ย. พยายามยั่วยุให้เกิดการปะทะ บอก ไทยต้องยอมรับผิด หากมีอะไรเกิดขึ้น
เว็บไซต์ ฟิฟทีนมูฟ รายงาน จากการแถลงการณ์ของ โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา กล่าวหา ไทย บินล่วงล้ำน่านฟ้า โดยแถลงการณ์ ลงวันที่ 3 มิถุนายน 2554 โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ออกแถลงการณ์ เมื่อเวลา 17.00 น. ของวันที่ 3 มิถุนายน 2554 กล่าวโทษเครื่องบินของทหารไทย ที่ได้บินล่วงล้ำน่านฟ้ากัมพูชา ระหว่างวันที่ 31 พ.ค. ถึง 3 มิ.ย.
โดยเนื้อหาในแถลงการณ์ระบุว่า กองทัพแห่งชาติกัมพูชา ขอกล่าวโทษอย่างรุนแรงต่อทหารไทย ที่เกี่ยวข้องกับการล่วงล้ำน่านฟ้า และต่อทุกการกระทำที่ยุยงให้เกิดเหตุที่อาจก่อให้เกิดความชิงชังตามแนวชาย แดนกัมพูชา-ไทย ขณะนี้ สถานการณ์เปราะบาง การเผชิญหน้าและการปะทะกันอาจเกิดขึ้นได้อีก เนื่องจาก ทหารไทย ไม่เอาใจใส่และไม่เคารพต่อการเสริมสร้างความร่วมมือที่ได้เห็นชอบร่วมกัน เมื่อ 4 พ.ค.2554 แถลงการณ์กล่าวต่อว่า กองทัพกัมพูชา ได้อดทนอดกลั้นอย่างสูงสุดมาโดยตลอด ในความพยายามเท่าที่จะเป็นไปได้ ในการเอาใจใส่และควบคุมสภาพทางทหาร เพื่อให้การยืนยันได้ถึงความเรียบร้อยของกองทัพ เพื่อรักษาสันติภาพที่เป็นผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ ที่อาศัยอยู่ตามแนวพรมแดนกัมพูชา-ไทย หากแต่ทหารไทย กลับใช้การบินของตนรุกรานซ้ำแล้วซ้ำอีก เข้ามาเหนือน่านฟ้ากัมพูชา

โดยไม่มีการแจ้งให้ทราบ ปฏิบัติการบินของไทย ได้ละเมิดกัมพูชาดังนี้
1.วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ.2554 เวลา 11.30 น. เครื่องบินทหารของไทย รุ่น L19 บินล่วงล้ำน่านฟ้ากัมพูชา ตามแนวพรมแดนกัมพูชา-ไทย จากจุดด่านบึงตากวน หมู่บ้านบันเตียมีริต ตำบลโคกระเมียต อำเภอทมาปวก ไปถึงเมืองปอยเปต และจากเมืองปอยเปต กลับมาที่ด่านบึงตรอกวน
2.วันที่ 1 มิ.ย พ.ศ.2554 เวลา 11.15 น. เครื่องบินสอดแนมไทย รุ่น L19 ได้บินมาสอดแนมอีกครั้ง ในพื้นที่เมืองปอยเปต ไปบ้านโจ็คเจ็ย ตำบลโอร์บีจวน แล้วไปยังด่านบึงตรอกวน บ้านบันเตียมีริต ตำบลโคกระเมียต ตัดไปตามแนวพรมแดนรวม 3 อำเภอ คือ อำเภอโอร์จเร๊า อำเภอซวายเจก และอำเภอทมาปวก
3.วันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2554 เวลา 07.45 น. ทหารพรานไทย กองร้อยที่ 253 ขับร่มบินติดเครื่องยนต์ 1 เครื่อง บินลาดตระเวนตามแนวพรมแดนในเขตอำเภอพนมปรึกส์ จังหวัดพระตะบอง กองทัพแห่งชาติกัมพูชารักษาสิทธิทุกประการ ต่อภารกิจในการรักษาป้องกันบูรณภาพดินแดน และอธิปไตยของตนตามกฎหมาย การละเมิดและรุกรานของทหารไทยนี้ อาจพิจารณาได้ว่าเป็นชนวนยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำอีก เพื่อให้มีการปะทะกันด้วยอาวุธอีกครั้ง และกองทัพแห่งชาติกัมพูชา มีความเชื่อว่า ทหารไทย ควรต้องยอมรับผิดต่อผลอันจะตามมาจากการกระทำของตน ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต
ในตอนท้าย แถลงการณ์ กล่าวว่า กัมพูชา เคารพและถือปฏิบัติตามคำบัญชาสูงสุดของ สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรี ในการสกัดกั้นอย่างที่สุดในทุกอิริยาบถและกิจกรรมของตน โดยเฉพาะต่อความชิงชังจากการยั่วยุของทหารไทย กัมพูชาต้องรักษาไม่ให้มีการรุกรานอย่างเด็ดขาด หากแต่ป้องกันตนเองและป้องกันบูรณภาพดินแดนเป็นสิทธิตามกฎหมายที่ไม่อาจรอง รับการล่วงละเมิดจากผู้หนึ่งผู้ใดได้
การบินล่วงล้ำน่านฟ้าของทหารไทย ปรากฏในสื่อกัมพูชาครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2554 จากสำนักข่าว CEN ที่อ้างแหล่งข่าวกองกำลังป้องกันพรมแดน บริเวณด่านบึงตรอกวน ที่ระบุว่า ทหารไทยบินตรวจการณ์ตามแนวตะเข็บพรมแดน ในวันที่ 31 พ.ค.2554 จากนั้น ในวันที่ 1 มิ.ย.2554 ทหารไทย บินล่วงล้ำน่านฟ้ากัมพูชาถึง2 ครั้ง ลึกเข้าไปในดินแดนกัมพูชา 700 ม. และ 200 ม. ตามลำดับ ซึ่งข่าวดังกล่าวนี้ กลายเป็นกระแสในกัมพูชา ถัดมา เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.2554 มีการตอบโต้จากทางการกัมพูชา
โดย บายนทีวี รายงานว่า นายเขียว กันหะริด รัฐมนตรีข่าวสาร ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีดังกล่าวเป็นการแสดงถึงความต้องการของไทย และแสดงให้เห็นว่าฝ่ายทหาร มีอำนาจเหนือรัฐบาลรักษาการ ขณะที่ ช่วงบ่ายวันเดียวกัน สำนักข่าว ซีอีเอ็น รายงานอีกครั้งว่า กองพลทหารราบที่ 2 จ.ปราจีนบุรีของไทย ยอมรับว่า มีการบินดังกล่าวจริง แต่เป็นเครื่องบินพลเรือน ไม่ใช่ของทหารแต่อย่างใด

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยโพสต์ , camnews.org , เฟซบุ๊ก Abhisit Vejjajiva






