เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สปริงนิวส์
ราชทัณฑ์ รับ เป็นบทเรียนครั้งสำคัญช่วยตัวประกันไม่ได้ เตรียมดูแลครอบครัวผู้คุมอย่างดีที่สุด ขณะที่ภรรยารับศพสามีกลับไปบำเพ็ญกุศลด้วยความโศกเศร้า
เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม นางเกสร จ้อยศรีเกษ อายุ 46 ปี ภรรยาของนายสุเทพ จ้อยศรีเกษ ผู้คุมเรือนจำเขาบิน จังหวัดราชบุรี ซึ่งถูกนักโทษชายจับเป็นตัวประกัน และถูกทำร้ายจนเสียชีวิต ได้เดินทางไปรับศพสามีที่หน้าตึกนิติเวชโรงพยาบาลราชบุรี โดยระบุว่า ในเบื้องต้นจะนำศพกลับไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดหนองนางแพรว ตำบลน้ำพุ อำเภอเมือง ซึ่งอยู่บริเวณปากทางเข้าเรือนจำกลางเขาบิน แต่อาจจะต้องปรึกษากับ นางเมือง จ้อยศรีเกษ มารดาของสามี อีกที เพราะนางเมืองต้องการให้นำศพกลับไปที่จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นบ้านเกิด
ขณะที่ นางเมือง จ้อยศรีเกษ กล่าวว่า
นายสุเทพเป็นลูกชายคนที่ 3 ปกติเป็นคนขยันทำงาน ซื่อสัตย์ และเป็นคนซื่อ
โดยก่อนจะเกิดเรื่อง
ลูกชายยังบอกว่าในช่วงวันหยุดปีใหม่นี้จะเดินทางกลับมาเยี่ยมครอบครัวที่
จังหวัดสุพรรณบุรี แต่ยังไม่ทันได้กลับมา
ก็มาเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นเสียก่อน
ด้าน พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า
ทางกรมราชทัณฑ์เตรียมพิจารณาตำแหน่งงานในกรมราชทัณฑ์ให้ภรรยาของนายสุเทพได้
เข้าทำงาน ส่วนลูกชายอายุ 10 ขวบของนายสุเทพ
ทางกรมจะให้การสนับสนุนด้านการศึกษาอย่างเต็มที่
โดยอย่างน้อยต้องเรียนจนจบระดับปริญญาตรี
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น พ.ต.อ.สุชาติ ยอมรับว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบุคลากรไม่เพียงพอ เพราะผู้ต้องขังทั่วประเทศมีกว่า 240,000 ราย แต่มีผู้คุมดูแลเฉลี่ยเพียง 10 คน ต่อ 1 แดน เท่ากับว่าผู้คุม 1 คน อาจต้องดูแลผู้ต้องขังถึง 3,000 คน ต่างกับที่ต่างประเทศที่ผู้ต้องขัง 1,000 คน จะมีผู้คุมดูแลถึง 700-800 คน นี่อาจเป็นช่องทางให้ผู้ต้องขังคิดหาทางหลบหนีคดีได้
ทั้งนี้ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยังระบุด้วยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นบทเรียนสำคัญ ซึ่งทราบว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ปฏิบัติงานก็คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก อยู่แล้ว แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดความสูญเสียกับตัวประกันขึ้น เพราะทราบว่าผู้ต้องขังที่ก่อเหตุมีเพียง 3 คน และไม่มีอาวุธร้ายแรง น่าจะควบคุมเหตุการณ์ได้ง่าย
3 นักโทษเรือนจำเขาบินแหกคุกจับผู้คุมเป็นตัวประกัน ถูกวิสามัญ 2 สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น พ.ต.อ.สุชาติ ยอมรับว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบุคลากรไม่เพียงพอ เพราะผู้ต้องขังทั่วประเทศมีกว่า 240,000 ราย แต่มีผู้คุมดูแลเฉลี่ยเพียง 10 คน ต่อ 1 แดน เท่ากับว่าผู้คุม 1 คน อาจต้องดูแลผู้ต้องขังถึง 3,000 คน ต่างกับที่ต่างประเทศที่ผู้ต้องขัง 1,000 คน จะมีผู้คุมดูแลถึง 700-800 คน นี่อาจเป็นช่องทางให้ผู้ต้องขังคิดหาทางหลบหนีคดีได้
ทั้งนี้ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยังระบุด้วยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นบทเรียนสำคัญ ซึ่งทราบว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ปฏิบัติงานก็คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก อยู่แล้ว แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดความสูญเสียกับตัวประกันขึ้น เพราะทราบว่าผู้ต้องขังที่ก่อเหตุมีเพียง 3 คน และไม่มีอาวุธร้ายแรง น่าจะควบคุมเหตุการณ์ได้ง่าย
3 นักโทษเขาบินแหกคุกจับผู้คุมเป็นตัวประกัน ก่อนยอมมอบตัว 1 ที่เหลืออีก 2 ไม่ยอม ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญดับ 2 ศพ แต่เศร้า ช่วยชีวิตผู้คุมที่เป็นตัวประกันไว้ไม่ได้
เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. เวลา 15.30 น. เกิดเหตุนักโทษ 3 คน ภายในเรือนจํากลางเขาบิน หมู่ 6 ต.นํ้าพุ อ.เมืองฯ จ.ราชบุรี ประกอบด้วย นายสุทธิราช แสงอาทิตย์ อดีตตำรวจที่ถูกจับกุมในคดียาเสพติด, นายรณชัย ศรีปานแก้ว และนายประสิทธิ์ แสนสบาย ใช้อาวุธมีดและเหล็กแหลมจี้บังคับ นายสุเทพ จ้อยศรีเกษ ผู้คุมเรือนจำเขาบิน เป็นตัวประกัน เพื่อหวังจะหลบหนี
โดยนายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า นักโทษ 3 รายพยายามหลบหนีออกจากเรือนจำ โดยวางแผนจะเข้าไปใช้บันไดภายในอาคารที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างใช้ปีนกำแพงหลบหนี แต่ไม่สามารถหลบหนีได้ จึงจับตัวเจ้าหน้าที่ผู้คุมเป็นตัวประกัน ทั้งนี้ ช่วงที่เกิดเหตุเพื่อนนักโทษอื่นไม่ได้ร่วมก่อเหตุชุลมุน ทำให้สามารถควบคุมเหตุการณ์ไว้ได้ระดับหนึ่ง จากนั้นนักโทษทั้ง 3 รายจึงจับตัวผู้คุมเป็นตัวประกันและนำตัวเข้าไปภายในอาคารร้างที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งการจับตัวผู้คุมเป็นตัวประกันนี้ถือเป็นเหตุการณ์ครั้งแรกที่เคยเกิดขึ้นในเรือนจำกลางเขาบิน
จากนั้น ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายได้เร่งเข้าเจรจาอย่างเคร่งเครียดกับนักโทษทั้ง 3 นาย เพื่อขอให้ปล่อยตัวประกัน แต่ไม่เป็นผล กระทั่งเวลา 18.30 น. เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องประชุมประเมินสถานการณ์ต่างมีความเห็นตรงกันว่า ต้องรีบชิงตัวประกันก่อนที่จะค่ำ ซึ่งจะยากต่อการควบคุมสถานการณ์ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติการเข้าชิงตัวประกันทันที เพราะเริ่มมีการใช้กำลังทำร้ายตัวประกันจนได้รับบาดเจ็บ โดยผลการเข้าจู่โจมชิงตัวประกันทำให้นักโทษชายเสียชีวิต 2 คน ส่วน นช.สุทธิราช แสงอาทิตย์ ยอมเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ แต่ได้รับบาดเจ็บที่ร่างกาย ขณะที่นายสุเทพ ผู้คุมที่ถูกจับเป็นตัวประกันได้เสียชีวิตแล้ว
ภายหลังเวลา 19.40 น. พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 แถลงข่าวถึงปฏิบัติการครั้งนี้ที่หน้าเรือนจำว่า ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกดดันอย่างหนัก ทำให้ นช.สุทธิรักษ์ ตัดสินใจเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ก่อน แต่ขณะควบคุมตัวออกมานั้น ผู้คุมต่างโกรธแค้นจึงเข้ารุมประชาทัณฑ์จนบาดเจ็บสาหัส ส่วนนักโทษชายอีก 2 คน ชุดปฏิบัติการได้พยายามเจรจาให้มอบตัวแล้ว แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ และยังทำร้ายตัวประกันจนตัวประกันส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ชุดปฏิบัติการจึงตัดสินใจบุกเข้าชาร์จและวิสามัญ 2 นักโทษชาย แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถช่วยชีวิต นายสุเทพ จ้อยศรีเกษ ผู้คุมเรือนจำกลางเขาบิน เอาไว้ได้
ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายสุเทพ จ้อยศรีเกษ เพิ่งจะย้ายมาประจำการในเรือนจำกลางเขาบิน ประมาณ 1 ปี ซึ่งเรือนจำเขาบินแห่งนี้เป็นเรือนจำกลางที่มีความมั่นคงสูง มีนักโทษคดีร้ายแรง โทษถึงประหารชีวิต และจำคุกตลอดชีวิตถูกจองจำอยู่ โดยแดน 5 มีนักโทษประมาณ 1,000 คน ทั้งหมดมีโทษประหารชีวิตและจำคุกตลอดชีวิตจากคดียาเสพติด
ด้านนายสมศักดิ์ รังสิโยภาส รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ทางกรมราชทัณฑ์จะดูแลครอบครัวของผู้คุมเรือนจำที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยช่วยเหลือบุตรด้านการศึกษา ทั้งนี้ ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ที่ผ่านมาได้มีมาตรการป้องกันมาโดยตลอด และปกติทางเจ้าหน้าที่ต้องเตรียมพร้อม โดยเฉพาะช่วงวันหยุดราชการที่หยุดติดต่อหลายวันในเทศกาลนี้ แต่ช่วงวินาทีที่นักโทษ 3 คน ก่อเหตุ เป็นเหตุสุดวิสัย ทางเจ้าหน้าที่ได้พยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อจะรักษาชีวิตของผู้คุมไว้ แต่ก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงจำเป็นต้องเกิดเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น และหลังจากผู้คุมถูกฆ่าเสียชีวิต ทำให้กลุ่มผู้คุมที่ทราบเหตุโกรธแค้น จนรุมทำร้ายนักโทษที่ยอมมอบตัว






