ยิ่งลักษณ์ ปาฐกถา จัดหนัก เจ็บปวด พี่ชายถูกรัฐประหารรังแก


ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra

          ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กล่าวปาฐกถาพิเศษ ณ มองโกเลีย ย้ำ รัฐประหาร ปี 49 เป็นการปล้นเสรีภาพประชาชน เพราะล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ทำให้เกิดการชุมนุม นำมาซึ่งความสูญเสียถึง 91 ศพ หวังเห็นความปรองดองเกิดขึ้นในประเทศไทย

          เมื่อวันที่ 29 เมษายน ใน เฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra ได้มีการโพสต์คำแปลปาฐกถาพิเศษ ของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่กล่าวในระหว่างการประชุมประชาคมประชาธิปไตย ณ เมือง อูลัน บาตอ ประเทศมองโกเลีย โดยใจความสำคัญอยู่ที่การชี้ให้เห็นความสำคัญของประชาธิปไตย

          ทั้งนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ได้ระบุว่า ประชาธิปไตยมีความสำคัญ นั่นเพราะเห็นว่าความไม่เป็นประชาธิปไตยนั้นส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในประเทศไทย และที่ผ่านมา มีผู้คนจำนวนมากได้เสียสละเลือดเนื้อ และชีวิต เพื่อปกป้องรักษาความเป็นประชาธิปไตยนั้นไว้ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเศร้า เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะมีคนจำนวนไม่น้อยในโลกนี้ที่ไม่เชื่อในแนวคิดประชาธิปไตย และคนเหล่านี้พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ ด้วยการไม่เคารพสิทธิมนุษยชน และพร้อมจะใช้กำลังเพื่อกดขี่ให้คนอยู่ใต้อำนาจ รวมทั้งยังใช้อำนาจในทางที่ผิด

          พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรียังได้ยกเรื่องที่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นรัฐบาลที่ได้รับการเลือกตั้ง ต้องล้มลง เพราะถูกกระทำรัฐประหารใน พ.ศ. 2549 เปรียบเสมือนรถไฟตกราง และกว่าที่ประชาชนจะได้เสรีภาพแห่งประชาธิปไตยกลับคืนมา ก็ต้องใช้เวลานานเกือบ 10 ปี ซึ่งการที่ตนพูดถึงเรื่องนี้ในครั้งนี้ ก็เพราะเห็นแล้วว่า การรัฐประหารทำให้ประเทศไทยต้องถอยหลัง และสูญเสียความน่าเชื่อถือต่อหลักนิติธรรม และกระบวนการกฎหมายถูกทำลาย โครงการต่าง ๆ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นพี่ชายของตนเริ่มไว้ ก็ถูกยกเลิก ทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกว่า สิทธิเสรีภาพของเขาถูกปล้นไป ดังนั้น จึงนำมาซึ่งการชุมนุมใหญ่ และเกิดการสลายการชุมุนมใจกลางกรุงเทพมหานคร เมื่อปี พ.ศ. 2553 จนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก แม้กระทั่งวันนี้ก็ยังคงมีเหยื่อทางการเมืองจากการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยที่ติดคุกอยู่

          นอกจากนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ยังระบุด้วยว่า การที่ตนเข้ามาบริหารประเทศก็หวังจะได้เห็นความปรองดองเกิดขึ้น และเห็นประชาธิปไตยของไทยถูกพัฒนาให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ เมื่อหลักนิติธรรมและกระบวนการทางกฎหมายมีขั้นตอนที่ชัดเจนโปร่งใส เมื่อประเทศมีประชาธิปไตยอย่างเข้มแข็งแล้ว ก็ทำให้การเมืองมีเสถียรภาพ ดึงดูดการลงทุน สร้างงาน สร้างรายได้ และช่วยแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมได้นั่นเอง

สำหรับคำปาฐกถาพิเศษที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กล่าวต่อที่ประชุมทั้งหมด มีดังต่อไป

          คำแปลปาฐกถาพิเศษ
          นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร
          การประชุมประชาคมประชาธิปไตย
          อูลัน บาตอ, มองโกเลีย
          29 เมษายน 2013
 
          ท่านประธาน,
          ท่านผู้มีเกียรติ,
          ท่านผู้เข้าร่วมประชุม,
 
          ดิฉันขอเริ่มด้วยการขอบคุณท่านประธานาธิบดีแห่งมองโกเลียที่ได้เชิญให้ดิฉันมาปาฐกถา ณ การประชุมประชาคมประชาธิปไตยแห่งนี้
 
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

          ดิฉันได้ตอบรับเชิญ ไม่เพียงเพราะดิฉันต้องการที่จะได้มีโอกาสเยือนมองโกเลีย ประเทศที่ประสบความสำเร็จในความเป็นประชาธิปไตย หรือไม่ได้มาเพียงที่จะได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับระบอบประชาธิปไตย แต่ดิฉันเดินทางมาที่นี่เพราะความเป็นประชาธิปไตยมีความสำคัญต่อดิฉันอย่างมาก และที่สำคัญยิ่งกว่าคือความไม่เป็นประชาธิปไตยมีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในประเทศบ้านเกิดของดิฉันประเทศไทยที่ดิฉันรัก
 
          ประชาธิปไตยนั้นไม่ใช่เป็นแนวคิดอุดมการณ์ใหม่ ในช่วงเวลาที่ผ่านมายาวนานแนวทางประชาธิปไตยได้นำมาซึ่งความก้าวหน้าและความหวังสำหรับผู้คนจำนวนมาก และในขณะเดียวกัน ผู้คนจำนวนมากได้เสียสละเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อปกป้องรักษาและสร้างความเป็นประชาธิปไตย
 
          เป็นที่ประจักษ์ชัดว่ารัฐบาลของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน ไม่ได้ได้มาฟรี ๆ สิทธิ เสรีภาพ และความเชื่อที่ว่า มนุษย์ทุกคนไม่ว่าชายหรือหญิงมีความเท่าเทียมกันนั้น ได้มาด้วยการต่อสู้และที่น่าเศร้าใจ คือ ทำให้ต้องมีผู้เสียชีวิต
 
          ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นหรือ? ก็เพราะมีคนจำนวนไม่น้อยในโลกนี้ที่ไม่เชื่อในแนวคิดประชาธิปไตย คนเหล่านี้พร้อมที่จะให้ได้มาด้วยอำนาจและด้วยการกดขี่การมีเสรีภาพ นั่นหมายความว่าพวกเขาพร้อมที่เอารัดเอาเปรียบคนอื่น เขาไม่เคารพสิทธิมนุษยชนหรือความเสรีภาพ พวกเขาพร้อมจะใช้กำลังเพื่อกดขี่ให้คนอยู่ใต้อำนาจ และยังใช้อำนาจในทางที่ผิด สิ่งนี้ได้เกิดขึ้นในอดีตและยังคงท้าทายเราทุกคนในปัจจุบัน
 
          มีหลายประเทศที่ความเป็นประชาธิปไตยได้หยั่งรากลึกแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี และเป็นความรู้สึกสดชื่นที่ได้เห็นกระแสประชาธิปไตยที่นำความเปลี่ยนแปลงสู่ประเทศต่าง ๆ จากปรากฏการณ์อาหรับสปริงค์ ถึงช่วงผ่านเปลี่ยนในเมียนมาร์ ภายใต้ผลักดันของประธานาธิบดีเต็ง เส่ง รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศของดิฉัน ด้วยพลังของประชาชนคนไทยที่ทำให้ดิฉันมายืนอยู่ที่นี่ได้ในวันนี้
 
          ในระดับภูมิภาคหลักการสำคัญ ๆ ในปฏิญญาอาเซียนก็ยึดมั่นในหลักนิติธรรม, ประชาธิปไตย และรัฐบาลภายใต้รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย แต่ในขณะเดียวกันเราทุกคนต้องระมัดระวังว่าแรงปฏิกิริยาต่อต้านประชาธิปไตยไม่เคยที่จะถดถอยลดน้อยลง ดิฉันขอยกเรื่องของดิฉันเองเป็นอุทาหรณ์
 
          ในปี 1997 ประเทศไทยได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งร่างขึ้นโดยที่ประชาชนมีส่วนร่วม เราทุกคนคิดว่ายุคใหม่ของประชาธิปไตยไทยมาถึงแล้วและจะเป็นยุคสมัยที่ไร้การรัฐประหาร
 
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

          แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้น รัฐบาลที่ได้รับการเลือกตั้งถึงสองครั้งสองหนด้วยเสียงส่วนใหญ่ถูกล้มลงในปี 2006 ประเทศไทยเสมือนรถไฟตกราง และประชาชนคนไทยใช้เวลาเกือบ 10 ปีกว่าที่จะได้เสรีภาพแห่งประชาธิปไตยกลับคืนมา
 
          หลายคนที่อยู่ในที่ประชุมแห่งนี้รู้ว่า รัฐบาลที่ดิฉันพูดถึงคือรัฐบาลที่พี่ชายของดิฉัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีที่ได้รับการเลือกตั้งอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
 
          หลายคนที่ไม่รู้จักดิฉันอาจบอกว่า เธอจะบ่นไปทำไม? เป็นเรื่องปกติในกระบวนการการเมืองที่รัฐบาลมาแล้วก็ไป ซึ่งหากตัวดิฉันและครอบครัวของดิฉันต้องเจ็บปวดแต่ฝ่ายเดียว ดิฉันก็คงจะปล่อยวาง
 
          แต่นั่นก็ไม่ใช่ความเป็นไปที่เกิดขึ้นจากการรัฐประหาร ประเทศไทยต้องถอยหลังและสูญเสียความน่าเชื่อถือต่อนานาชาติ หลักนิติธรรมและกระบวนการกฎหมายถูกทำลาย โครงการและแผนงานที่พี่ชายของดิฉันริเริ่มตามที่ประชาชนต้องการถูกยกเลิก ประชาชนเกิดความรู้สึกว่าสิทธิเสรีภาพของเขาถูกปล้นไป
 
          คำว่า "ไทย" หมายความว่า "อิสระ" และประชาชนคนไทยก็ได้ลุกขึ้นต่อสู้เรียกร้องเพื่อให้ได้เสรีภาพคืนมาแต่ในเดือนพฤษภาคม 2553 มีการสลายการชุมนุมของผู้เรียกร้องกลุ่มคนเสื้อแดง จนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 91 คนในใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ
 
          คนบริสุทธิ์ถูกลอบยิงโดยสไนป์เปอร์ แกนนำการชุมนุมต้องติดคุกหรือหลบหนีไปต่างประเทศ และแม้แต่ทุกวันนี้ยังคงมีเหยื่อทางการเมืองจากการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยที่ติดคุกอยู่
 
          ประชาชนคนไทยไม่ท้อถอยและยืนยันที่จะเดินไปข้างหน้า จนในที่สุดรัฐบาลในขณะนั้นต้องจัดให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งก็มีฝ่ายปฏิกิริยาต่อต้านประชาธิปไตยที่เชื่อว่าจะบริหารจัดการและบิดเบือนเจตนารมณ์ประชาธิปไตยได้ต่อ แต่ในที่สุดพวกเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธความต้องการของประชาชนได้ ดิฉันได้รับการเลือกตั้งด้วยเสียงส่วนใหญ่ขอประเทศ แต่เรื่องราวนั้นยังไม่จบ
 
          มีความชัดเจนว่าผู้ที่มีปฏิกิริยาต่อต้านประชาธิปไตยยังคงอยู่รัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นในรัฐบาลภายใต้คณะรัฐประหารได้ใส่กลไกที่ตีกรอบเพื่อจำกัดความเป็นประชาธิปไตย
 
          ตัวอย่างหนึ่งที่ดีในประเด็นนี้จะเห็นได้จากที่จำนวนครึ่งหนึ่งของวุฒิสภาไทยมาจากการเลือกตั้ง แต่อีกครึ่งหนึ่งกลับได้รับการแต่งตั้งโดยกลุ่มคนเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่ง ยิ่งกว่านั้น กลไกที่เรียกว่าองค์กรอิสระได้ใช้อำนาจเกินขอบเขต แทนประชาชนเจ้าของอำนาจที่แท้จริงเป็นการดำเนินการเพื่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหนึ่งมากกว่าเพื่อคนส่วนใหญ่ของสังคม
 
          นี่คือความท้ายทายของประชาธิปไตยไทยในปัจจุบัน ดิฉันนั้นต้องการเห็นความปรองดองเกิดขึ้นในประเทศไทยและประชาธิปไตยของไทยพัฒนาให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยหลักนิติธรรมและกระบวนการทางกฎหมายที่แข็งแรง มีขั้นตอนที่ชัดเจนโปร่งใส และเมื่อนั้นทุกคนจะสามารถมั่นใจได้ว่าเขาจะได้รับการดูแลที่ยุติธรรมเจตจำนงนี้ ดิฉันได้แสดงออกโดยประกาศเป็นนโยบายต่อที่ประชุมของรัฐสภาก่อนการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล
 
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

          ความมีประชาธิปไตยทำให้เกิดเสถียรภาพทางการเมือง เกิดสภาพแวดล้อมที่ดึงดูดการลงทุน นำมาสู่การสร้างงานสร้างรายได้ที่สำคัญ ดิฉันเชื่อว่าเสรีภาพทางการเมืองเป็นการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำด้วยการเปิดโอกาสทางเศรษฐกิจ และนำมาซึ่งการลดช่องว่างทางรายได้ระหว่างคนจนคนรวย
 
          นี่คือเหตุผลว่าทำไมจึงเป็นความสำคัญที่จะต้องสร้างความแข็งแกร่งให้กับประชาชนในระดับรากหญ้า เราจะต้องเดินหน้าปฏิรูปการศึกษา เพราะการศึกษาสร้างโอกาสด้วยความรู้ และปลูกฝังวัฒนธรรมทางประชาธิปไตยในวิถีชีวิตของประชาชน
 
          เมื่อประชาชนมีความรู้ประชาชนจะสามารถตัดสินใจด้วยข้อมูลที่ครบถ้วน และสามารถปกป้องความเชื่อของตนจากผู้ที่ต้องการกดขี่ และนี่คือเหตุผลที่ประเทศไทยสนับสนุนข้อเสนอของมองโกเลียในที่ประชุมใหญ่สหประชาชาติเกี่ยวกับการศึกษาและประชาธิปไตย
 
          การลดช่องว่างระหว่างคนรวยคนจนก็สำคัญเช่นกัน มนุษย์ทุกคนควรมีโอกาสที่เท่าเทียมกันเราต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง สิ่งนี้จะทำให้ประชาชนเป็นผู้มีส่วนร่วมที่แท้จริงในการพัฒนาเศรษฐกิจและเสริมสร้างประชาธิปไตยของประเทศ
 
          นี่คือเหตุผลที่รัฐบาลต้องริเริ่มนโยบายที่จะเพิ่มโอกาสให้ประชาชนสร้างชีวิตที่ดีกว่า และมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคม ดิฉันได้เริ่มต้นไว้หลายโครงการ รวมถึงการสร้างกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น และวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม ในขณะที่ได้กำหนดมาตรการยกระดับรายได้ของเกษตรกร
 
          และดิฉันเชื่อว่าเราต้องการการนำที่มีประสิทธิภาพและมีความสร้างสรรค์ประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย และหลักนิติธรรมตลอดจนความสร้างสรรค์ในการหาทางออกที่สันติในการแก้ไขปัญหาของประชาชน
 
          เราต้องการการนำที่ไม่จำกัดอยู่เฉพาะในซีกรัฐบาล แต่ในฝ่ายค้าน และประชาชนทุกคนที่มีส่วนได้ส่วนเสียทุกคนต้องเคารพกฎหมายและช่วยกันสร้างประชาธิปไตย
 
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

          ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ,

          อีกบทเรียนที่ได้เรียนรู้คือ เพื่อนในต่างประเทศมีความสำคัญการกดดันจากนานาชาติที่เชื่อในระบอบประชาธิปไตยทำให้กระบวนการประชาธิปไตยในประเทศไทยคงอยู่ได้การคว่ำบาตร และการไม่ยอมรับเป็นกลไกที่สำคัญที่จะหยุดกระบวนการปฏิกิริยาที่ต่อต้านประชาธิปไตย
 
          เวทีนานาชาติอย่างประชาคมประชาธิปไตยแห่งนี้มีบทบาทที่จะช่วยให้ประชาธิปไตยยืนหยัดอยู่ได้ การส่งเสริมและปกป้องประชาธิปไตยด้วยการหารือแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นประสบการณ์และสร้างความร่วมมือหากประเทศใดก็ตาม ได้มีการเปลี่ยนแปลงที่ขัดต่อหลักการประชาธิปไตย ทุกคนต้องร่วมกันกดดันเพื่อการเปลี่ยนแปลงและนำเสรีภาพกลับคืนสู่ประชาชน

          ดิฉันขอยืนยันว่าจะให้การสนับสนุนเวที่นี้เวทีนี้ และการดำเนินงานของสภาบริหาร (Governing Council) เพื่อจะได้ช่วยให้ประชาธิปไตยแข็งแกร่งขึ้นทั่วโลก นอกจากนี้ดิฉันขอชื่นชมประธานาธิบดีมองโกเลียสำหรับข้อริเริ่มความเป็นหุ้นส่วนเอเชียเพื่อประชาธิปไตย (Asian Partnership Initiative for Democracy) และทางรัฐบาลไทยพร้อมที่จะส่งเสริมความร่วมมือในส่วนนี้
 
          ท่านผู้มีเกียรติ,
 
          ดิฉันขอปิดท้ายด้วยการประกาศว่า ดิฉันหวังว่าความเจ็บปวดที่ครอบครัวของดิฉันได้รับที่ครอบครัวของเหยื่อทางการเมืองไทย และครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้ง 91 คนในเหตุการณ์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2553 ต้องเผชิญจะเป็นความเจ็บปวดครั้งสุดท้ายสำหรับประเทศไทย
 
          ขอให้เราทุกคนสนับสนุนระบอบประชาธิปไตย เพื่อที่เสรีภาพและอิสรภาพของมนุษย์ได้รับการปกปักรักษาเพื่อลูกหลานและคนรุ่นต่อ ๆ ไป
 
          ขอบคุณค่ะ


เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ยิ่งลักษณ์ ปาฐกถา จัดหนัก เจ็บปวด พี่ชายถูกรัฐประหารรังแก โพสต์เมื่อ 29 เมษายน 2556 เวลา 11:37:28 2,198 อ่าน
TOP
x close