x close

ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล ขึ้นเวที กปปส. ปราศรัยดุเดือด แฉมหากาพย์ร่ายกลโกงทักษิณ




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
 

          ดร.สมเกียรติ ขึ้นเวที กปปส. ปราศรัยครั้งแรก แฉมหากาพย์ร่ายกลโกงทักษิณ บอกระบอบทักษิณมีมาตั้งแต่ 30 ปีก่อน มีความสามารถในการทุจริตแบบไม่ผิดกฎหมายจนต้องทึ่ง พร้อมให้ระวังการแก้ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม อีกครั้ง เพราะ ทักษิณ เคยทำให้กฎหมายอย่างที่ต้องการด้วยวิธีแยบยล เสนอวิธีอารยะขัดขืน 6 ข้อ มั่นใจจะช้าจะเร็ว ประชาชนชนะอย่างแน่นอน 

          เมื่อคืนวันที่ 23 มกราคม 2557 ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชน ได้แสดงจุดยืนทางการเมือง ด้วยการขึ้นปราศรัยบนเวที กปปส. อโศก เป็นครั้งแรก ซึ่งได้รับความสนใจจากมวลชนเป็นอย่างมาก



 มหากาพย์ร่ายกลโกงทักษิณ

          ทั้งนี้ ดร.สมเกียรติ ได้เผยถึงเรื่องราวของ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" และจุดเริ่มต้นของระบอบทักษิณ โดยระบุว่า ประเทศไทยนั้นฝ่ายการปฏิรูปการเมืองมาหลายครั้ง มีรัฐธรรมนูญรวมแล้ว 18 ฉบับ ซึ่งแสดงถึงความไม่มันคงในเรื่องประชาธิปไตย ตลอดเวลาที่ผ่านมา คนไทยพยายามอย่างเหน็ดเหนื่อยที่จะการคอร์รัปชั่นที่กว้างใหญ่ไพรศาลทั้งระบบ ทั้งในระบบราชการ การเมือง และกลุ่มที่มีอำนาจทางธุรกิจการเมือง หรือที่เรียกว่า "ระบอบทักษิณ"

          ดร.สมเกียรติ เผยว่า ตนเองนั้นรู้จักกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งแต่แรกเริ่ม ในสมัยนั้นตนเป็นนักข่าวโทรทัศน์ ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังเป็นนักธุรกิจไฟแพง ที่ขยายอำนาจสู่เส้นทางการเมือง ตอนนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ร่ำรวยขึ้นมาก จนสังคมเริ่มจับสังเกต.. ตนเคยถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ในเมื่อตัวเองร่ำรวยมาแล้ว ทำไมถึงไม่จัดระบบและงบประมาณของบริษัท AIS และบริษัท ชิน คอร์ป แบ่งเงินเพื่อวิจัยและพัฒนาบ้างสัก 2-3 เปอร์เซ็นต์ ของยอดรายได้ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบว่า การเอาเงินไปวิจัยนั้น เป็นเงินที่สิ้นเปลืองมากและไม่คุ้มกัน ทำให้ตนเองนั้นคิดแค่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีคุณค่าอะไรไปมากกว่าคนมีเงินมากธรรมดา ๆ เท่านั้น

          ดร.สมเกียรติ เล่าอีกว่า ต่อมาตอนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามจะเอาสัมปทาน IDC เคเบิลทีวี แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้สัมปทาน จึงเชิญตนไปคุย โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ถามตนตัวต่อตัวว่าคิดอย่างไรหากตัวเองจะเข้าไปเป็นผู้อำนวย การ อสมท. โดยตนเดาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยากจะจัดการเอาสัมปทาน IDS จาก อสมท. ให้เป็นของตัวเอง แต่ตนตอบไปว่า จะทำอย่างนั้นไม่ได้ ด้าน พ.ต.ท.ทักษิณ จึงตอบกลับตนว่า เขาจะให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลของ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ แล้วจะได้หาคนที่ไว้ใจได้เป็นผู้อำนวยการ อสมท. จากนั้นจะได้เอาสัมปทานของ IDC มาเป็นของชิน คอร์ป... ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ทำได้สำเร็จ ตนทึ่งในความสามารถในการทุจริต แบบไม่ได้มีอะไรผิดกฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ จริง ๆ ตนรู้จักระบอบทักษิณมาประมาณ 30 ปีแล้ว ตั้งแค่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ได้เป็นนักการเมือง

          หลังจากที่ ร.ต.อ.เฉลิม เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คุมงาน อสมท. ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม เคยพูดกับตนว่า "อาจารย์ เราเป็นพวกเดียวกันแล้ว" ต่อมาไม่นาน ร.ต.อ.เฉลิม ก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ที่เพิ่งพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นคนทุจริตมีความร่ำรวยผิดปกติ มีบ้านถึง 3 หลัง ตอนนั้นคนเป็นนักข่าวช่วยงาน อสมท. ก็เลยส่งทีมข่าวไปพิสูจน์ แต่กลับไม่พบการทุจริตแต่อย่างใด ไม่มีความร่ำรวยผิดปกติ ไม่มีบ้าน 3 หลัง มีเพียงบ้านสี่เสาเทเวศน์ ซึ่งเป็นบ้านของราชการที่ท่านอยู่ตามระเบียบของกองทัพเท่านั้นเอง.. และเมื่อตนนำเสนอข่าวในข้อเท็จจริงดังกล่าวไป ร.ต.อ.เฉลิม ก็ไม่พอใจ และบอกกับตนว่า "อาจารย์ ต่อไปนี้เราแยกทางกันเดินนะ" แล้วเราก็แยกทางกันเดินทั้ง ๆ ที่ไม่เคยแต่งงานกัน และ ร.ต.อ.เฉลิม ปลดตนออกจากงานที่ อสมท.

          ต่อมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็เข้าไปซื้อหุ้นสถานีโทรทัศน์ ไอทีวี จาก 10 เปอร์เซ็นต์ พยายามจะซื้อมากถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งกฎเดิมนั้น ห้ามไม่ให้ถือหุ้นเกิน 10 เปอร์เซ็นต์ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถทำได้ แก้ไขกฎเกณฑ์จนสำเร็จ

          ดร.สมเกียรติ ยังเล่าให้ฟังอีกเรื่องว่า คุณนิวัฒน์บุญทรง ผู้บริหารบริษัท ชิน คอร์ป (ขณะนี้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์) ซึ่งเป็นเพื่อนนักเรียนทุนอเมริกันรุ่นเดียวกับตน ได้ชักชวนตนเข้าไปทำงานที่ ไอทีวี ตนก็รับงานเพราะอยากบริหารสถานีข่าว เพื่อเสนอให้คนเป็นรองผู้อำนวยการไอทีวี สายงานข่าว ถือว่ามีอำนาจมากถ้าได้ทำงาน เพราะคุมข่าวเกือบทุกเวลา ตนได้รับเงินเดือนจาก พ.ต.ท.ทักษิณ จำนวน 2 แสนบาท รถยนต์ประจำตำแหน่ง 1 คัน ราคากว่า 2 ล้านบาท

          ส่วนงานที่ตนได้รับคำสั่งให้ทำนั้น คือช่วยให้คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ให้ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม. ให้ชนะคุณสมัคร สุนทรเวช ให้ได้ และในฐานะที่ตนเป็นผู้บริหาร ไอทีวี จะต้องกันไม่ให้ข่าวของคุณสมัครออกมามากกว่าข่าวของคุณหญิงสุดารัตน์ ซึ่งสังกัดพรรคไทยรักไทย หากวันใดที่ตนเสนอข่าวของคุณสมัครมากกว่า จะถูกเรียกไปเตือน พร้อมขอให้ตนช่วยพรรคไทยรักไทย ช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งกำลังไต่เต้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะต้องทำข่าวช่วยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ครองอำนาจทางการเมืองให้ได้ นี่คือคำสั่งของคณะกรรมการบริหารบริษัท ชิน คอร์ป และ ไอทีวี พร้อมกับบอกว่าไม่ต้องห่วงเรื่อง ธุรกิจว่าไอทีวีจะขาดทุน เพราะจะแบ่งงบโฆษณา 50 เปอร์เซ็นต์จากบริษัท ชิน คอร์ป มาส่ง ไอทีวี เป็นประจำและจะเอาเงินชิน คอร์ป มาใส่โฆษณา 50 เปอร์เซ็นต์ทั้งระบบ ที่เหลืองบชิน คอร์ป งบโฆษณาอีก 50 เปอร์เซ็นต์ จะกระจายไปใช้กับสื่อมวลชนทั้งประเทศ เพื่อสร้างเครือข่ายเพื่อนฝูงสื่อมวลชนทั้งหมดให้ดูแล พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ดี และนี่ก็คือ...ความจริงของระบอบทักษิณยุคเริ่มแรก

          อีกเรื่องที่ทำให้ ดร.สมเกียรติ ลาออกจากไอทีวีแทบจะทันที นั่นก็คือเรื่องการเปลี่ยนแปลงค่าสัมปทานจาก 2.5 หมื่นล้านบาท เหลือเพียงต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ขอให้ตนช่วยจัดการในพรรคพวกวุฒิสภา (ขณะนั้น ดร.สมเกียรติเป็นสมาชิกวุฒิสภา ด้วย) เปลี่ยนค่าสัมปทานด้วย โดยให้เหตุผลว่า จะนำไอทีวีเข้าตลาดหลักทรัพย์ และบอกตนว่า ให้เตรียมตัวรวยได้เลย เพราะจะให้ตนซื้อหุ้นในราคาถูก

         ดร.สมเกียรติ ยังกล่าวถึง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แถลงว่า พ.ร.บ.นิรโทษฯ จะตกอยู่ในความรับผิดชอบของวุฒิสภา รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยไม่สามารถแทรกแซงได้นั้น ความเป็นจริงแล้ว ทุกคนควรจะระวังเอาไว้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยทำมาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว อย่างแยบยล ตอนนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้แก้กฎหมายให้ตัวเองได้ประโยชน์ และจะทำอย่างต่อเนื่อง โดยถือว่าหากแก้กฎหมายแล้วตัวเองก็ไม่ผิดกฎหมาย ถือว่าเป็นการผิดกฎหมายเก่าไม่ผิดกฎหมายใหม่

          ดร.สมเกียรติ ขอเล่าย้ายไปเมื่อปี 2544 ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ นำพรรคไทยรักไทยชนะเลือกตั้ง ด้วยคะแนนเสียงท้วมท้นในสภา ได้เป็นนายกฯ สมใจ ตอนเริ่มแรก พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่มีอำนาจมากพอ แต่อยากจะแก้ร่าง พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม ให้ต่างชาติถือหุ้นได้ 49 เปอร์เซ็นต์ คนไทย 51 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตอนนั้น ตนอภิปรายชนะ สามารถแก้เป็น 25 เปอร์เซ็นต์ กับ 75 เปอร์เซ็นต์ หมายความว่า ตนต้องการให้คนไทยถือหุ้นมากถึง 75 เปอร์เซ็นต์ จะได้ดูว่ามั่นคง ความรวยจะตกกับคนไทยทั้งระบบ ส่วนคนต่างชาติถือ 25 เปอร์เซ็นต์ 

          ถึงแม้ว่าตอนนั้นตนจะชนะ แต่เพียง 3 ปีเศษให้หลัง พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาอีกครั้ง เอาพรรคพวกมาเป็นประธานวุฒิสภาทำกิจกรรมเป็นแกนนำวุฒิสภาผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคไทยรักไทย พร้อมส่งร่าง พ.ร.บ.กิจการโทรคมนาคม ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม  โดยยืนยันจะแก้เป็นให้ต่างชาติถือหุ้นได้ 49 เปอร์เซ็นต์ คนไทย 51 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตนก็หมดโอกาสที่จะพูด เพราะเขาห้ามไม่ให้ตนแปรญัตติ โดยอ้างว่า คำขอแปรญัตติของตนขัดกับหลักการที่ร่างไว้ในกฎหมาย นี่คือการแก้กฎหมายไม่ตรงหลักการ และตอนนี้ก็จะกลับมาทำร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ให้พรรคพวกแก้ไขกฎหมายเพื่อช่วยตนเอง

          นอกจากนี้ ดร.สมเกียรติ ยังเล่าว่า ส.ว.ที่เป็นสายของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น จะได้รับเงินพิเศษจาก พ.ต.ท.ทักษิณ มีค่าตอบแทนเฉพาะกิจตามงานที่สั่งให้ทำในสภา พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนเปิดเผย ทำอะไรได้มาแล้วก็อยากทำใหม่แบบเก่า เพราะคิดว่าง่าย...เพราะ เคยทำมาแล้วไม่เห็นยากอะไร พ.ต.ท.ทักษิณ มั่นใจว่านักการเมืองนั้น ซื้อได้ ซื้อง่าย นักการเมืองไม่ได้มีเกียรติ หรือศักดิ์ศรีอะไรกันนักหนา

          พอมาถึงสิ่งที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ บอกว่าวุฒิสภานั้นรัฐบาลแทรกแซงไม่ได้ อาจจะเป็นคำพูดที่ถูกต้องตามหลักรัฐธรรมนูญ แต่ในภาคปฏิบัติของพรรคเพื่อไทย ประวัติและพฤติกรรมทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้เป็นพี่ชาย บอกชัดเจนว่า วุฒิสภาแทรกแซงได้ด้วยเงินซื้อ ส.ว. เพราะเขาทำมาแล้วและจะสานต่อต่อไป



อารยะขัดขืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน !

          ดร.สมเกียรติ ยังกล่าวถึงการขึ้นเวทีในครั้งนี้ว่า ที่มาเพราะประกาศภาวะฉุกเฉิน การที่รัฐประกาศอำนาจอย่างไม่เป็นธรรม ตนจึงดื้อแพ่ง ไม่ขอเชื่อฟัง ถึงวันนี้ตนจะถูกจับ ถูกตีจนได้รับบาดเจ็บ หรือถูกระเบิดตาย ก็ต้องยอมรับว่าเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิต 66 ปี ที่จะได้มีโอกาสเจ็บกับเขาบ้าง.. ถ้าเราใช้ความรุนแรงต่อสู้กับความรุนแรง บางครั้งความรุนแรงก็ไม่สามารถหยุดความหยาบช้าเหล่านั้นได้อย่างถาวร

        ดร.สมเกียรติ กล่าวต่อว่า สิ่งที่กระทำนั้นไม่ใช่อหิงสาอย่างแท้จริง แต่เมื่อประเมินผลด้วยตัวเองแล้ว ตนพอใจเกี่ยวกับการรุนแรงทางกายภาพนั้น ไม่ได้เกิดจากพวกเราโดยภาพรวม อาจจะมีการขว้างปาเล็ก ๆ น้อย ๆ ในบางช่วง สิ่งนี้อนุโลมได้ แต่ความรุนแรงนั้น มาจากฝ่ายรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งไม่ใช่ความรับผิดชอบของพวกเรา.. สำหรับตนนั้น มองว่า "ความรุนแรงเป็นการกระทำของผู้อ่อนแอ"

         ดร.สมเกียรติ ได้กล่าวชื่นชม นายสุเทพ และมวลมหาประชาชน ทั้งหมดในกรุงเทพฯ และทั่วประเทศ ที่มีสันติในวิธีของตนเอง แต่อหิงสาที่จะเสนอต่อไปนี้ เป็นอหิงสาจากมหาตมะ คานธี ซึ่งได้สอน อหิงสา มีด้วยกัน 3 แบบ คืออหิงสาทางกาย คือไม่ใช้กำลังทางกาย ซึ่งเรื่องนี้เราทำได้ ตลอดเวลา 2 เดือนเศษ ตนให้ความเคารพอย่างสูงเกี่ยวกับเรื่องนี้ของคุณสุเทพมาก อย่างที่ 2 คือ อหิงสาทางวาจา กลุ่ม กปปส. ก็ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง บางคนก็ทำได้ บางคนเช้าทำได้ แต่เย็นทำไม่ได้ จริง ๆ แล้วคำพูดที่หยาบคาย มันคืออุปสรรคให้ชัยชนะช้าลง

          ส่วนอันสุดท้าย อหิงสาทางใจ ตรงนี้เองที่ควรเน้น เราต้องแผ่เมตตาให้ฝ่ายตรงข้าม.. "ให้เราชิงชังฝ่ายตรงข้าม เฉพาะสิ่งเลวร้ายที่เขาทำ แต่ไม่ชิงชังในตัวเขาหรือตัวบุคคลผู้กระทำ" เพราะภาระของเราหลังจากได้รับชัยชนะ คือต้องพยายามทำให้พวกเรากลับมาเป็นมิตรกับเราให้ได้ นักอหิงสาที่แท้จริง ต้องเปลี่ยนศัตรูเป็นมิตร เพราะฉะนั้น เมื่อเราชนะ เราต้องทำให้คนเสื้อแดงเข้าใจและเป็นมิตรกันเรา อยู่เป็นพลเมืองดีไปด้วยกัน
 
          ดร.สมเกียรติ ได้เสนอให้อารยะขัดขืน โดยบอกว่า ที่รัฐบาลอังกฤษก็ดื้อไม่แพ้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ตนจึงคัดลอกวิธีของคานธี มีคำแนะนำในการแสดงออกซึ่งอารยะขัดขืนหลายข้อ คือ

          1. ให้คืนตำแหน่งหรือเกียรติยศรางวัลต่าง ๆ จากรัฐบาลยิ่งลักษณ์
         
2. ให้ลาออกจากราชการ
         
3. ให้ถอนตัวจากงานตำรวจ งานทหาร
         
4. งดการเสียภาษี
         
5. ปิดโรงเรียนหรือไม่ไปโรงเรียน
         
6. คว่ำบาตรสภานิติบัญญัติ หรือรัฐสภา

          ดร.สมเกียรติ กล่าวต่อว่า ในฐานะที่ตัวเองเคยสอนที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อยากเสนอหรือเตือนว่า ให้ระมัดระวังในรูปแบบของกระบวนการต่อสู้กับรัฐบาล เพราะถ้าเราโหดร้ายรัฐบาลที่โหดร้ายอยู่แล้วอาจจะอ้างเป็นเหตุให้กระทำการโหดร้ายมากยิ่งขึ้น และการต่อสู้นั้น ไม่ง่าย ไม่สั้น ไม่จบเร็ว เพราะความเห็นแก่ตัวของรัฐบาล ที่อ้างเหตุผลว่า เราต้องอยู่ ไม่มีทางเลือก กฎหมายไม่อำนวย รัฐธรรมนูญไม่เปิดช่อง

           แต่ทั้งนี้ เรื่องจะจบช้าหรือเร็ว ตนวิเคราะห์ด้วยหลักวิชาการ หลักประวัติศาสตร์แล้ว มั่นใจว่าอย่างไรประชาชนก็จะชนะอย่างแน่นอน... สิ่งที่ตนพูด ตนไม่ได้พูดเพื่อเอาใจใคร ไม่ได้พูดเพื่อเชียร์ แต่พูดด้วยความมั่นใจว่าจะไม่มีทางอื่น นอกจากชัยชนะของประชาชน เพราะเราต้องปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ไม่มีทางเลือกอื่น

          ท้ายนี้ ดร.สมเกียรติ กล่าวยืนยันว่า "ผมจึงมาที่นี่เพื่อร่วมปฏิรูปประเทศไทยกับท่านทั้งหลายก่อนการเลือกตั้ง และถ้ามีการเลือกตั้ง ผมจะไม่ไปเลือกตั้ง ตราบใดที่ยังไม่ปฏิรูป"







อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล ขึ้นเวที กปปส. ปราศรัยดุเดือด แฉมหากาพย์ร่ายกลโกงทักษิณ อัปเดตล่าสุด 28 มกราคม 2557 เวลา 11:17:43 60,108 อ่าน
TOP