ผกก. MV "ประเทศกูมี" เปิดใจ ทำวิดีโอเพลงนี้แค่ต้องการสื่อให้เห็นถึงความคิดเห็นที่หลากหลาย พูดในสิ่งที่เชื่อและคิด ไม่คิดโจมตีรัฐบาล รับตอนแรกรู้สึกกลัว แต่เห็นแรปเปอร์ในวงที่เป็นเยาวชน ยังไม่กลัว จึงไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรอีกต่อไป
จากกรณี กลุ่ม Rap Against Dictatorship ได้ทำเพลง "ประเทศกูมี"
เป็นเพลงแรปที่แต่งและร้องโดยมีแนวคิดและอุดมการณ์ทางการเมืองแบบเสรีนิยม
ซึ่งใช้ฉากหลังจำลองเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519
ที่กลุ่มผู้ประท้วงใช้เก้าอี้พับตีร่างของนักศึกษาที่ชุมนุมประท้วงการเดินทางกลับประเทศของ
จอมพล ถนอม กิตติขจร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หนีออกนอกประเทศในเหตุการณ์ 14
ตุลาคม 2516 จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ทั้งด้านบวกและด้านลบ
ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ระบุว่าเนื้อหาของเพลงดังกล่าวเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท นั้น
(อ่านข่าว : ฟังเต็ม ๆ แรปเปอร์เจ้าของเพลง #ประเทศกูมี เปิดหน้าเปิดใจ ต้องการอะไรจากสังคม !)
ล่าสุด (28 ตุลาคม 2561) อมรินทร์ ทีวี ได้รายงานบทสัมภาษณ์ นายธีระวัฒน์ รุจินธรรม หรือ เปีย ผู้กำกับมิวสิกวิดีโอ ประเทศกูมี เปิดใจว่า ตนออกแบบรูปแบบวิดีโอเพลงนี้ เพื่อสื่อสารตามเนื้อหาของเพลงที่กำลังบอกเล่าถึงปัญหาของประเทศไทยในตอนนี้ ซึ่งวิดีโอเพลงเป็นเพียงภาพประกอบ และส่งเสริมเนื้อหาของเพลง เพื่อให้มีอารมณ์และรสชาติเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
ส่วนที่เลือกใช้เหตุการณ์ 6 ตุลาคม มาประกอบเนื่องจากเมื่อสมัย 20 ปีก่อน ภาพยนตร์ที่ตนถ่ายเกี่ยวกับเรื่องเหตุการณ์ 14 ตุลาคม ได้มีการวางฉากเหตุการณ์ 6 ตุลาคม เข้ามาประกอบด้วย แต่สุดท้ายต้องลบฉากดังกล่าวออก ทำให้ตอนนั้นตนเกิดความสงสัยว่า ทำไมผู้กำกับต้องนำภาพนั้นออก ทั้งที่ทุกอย่างเตรียมไว้หมดแล้ว
กระทั่งปีที่แล้ว ตนมีโอกาสไปทำภาพยนตร์ให้กับศูนย์ข้อมูลของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมี รศ. ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ และ ศ. ดร.ธงชัย วินิจจะกูล นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ ซึ่งการทำภาพยนตร์ครั้งนี้ ทำให้ตนได้ไปทำงานกับสถานที่จริง และพบว่าศพที่ถูกแขวนคอนั้น มีมากกว่า 5 ศพ ทำให้ตนรู้สึกตกใจและสะเทือนใจมาก
จากนั้นตนมีโอกาสได้พูดคุยกับศิลปิน กลุ่ม RAP AGAINST DICTATORSHIP จึงเสนอแนวคิดนี้ ซึ่งเหตุการณ์ 6 ตุลาคม เรียกได้ว่าเป็นอากาศทางกายภาพของสังคมไทย ที่ผ่านไปแล้วกว่า 44 ปี แต่ก็ยังไม่เลือนหายไป เหตุการณ์นี้จึงเป็นอุปมาอุปไมยบางอย่างที่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับสิ่งที่คล้ายคลึงกับภาพปัจจุบัน และภายหลังจากทำเพลงออกมาแล้ว แม้จะถูกวิจารณ์หลากหลายแต่ตนแค่ต้องการสื่อว่า ทุกคนก็มีความคิดเห็นที่หลากหลายและต้องการเพียงแค่พูดในสิ่งที่เชื่อและคิด ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าแบบนี้จะเรียกว่าโจมตีรัฐบาลหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าเพลงนี้เป็นแค่เพลงเพลงหนึ่ง ที่บางคนอาจรู้สึกว่าเนื้อหามีความกระอักกระอ่วน แต่ตนคิดว่ามันคือความจริงที่ควรให้ทุกฝ่ายได้พูด โดยที่เราสามารถอยู่ร่วมกันได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีความคิดเห็นเหมือนกัน ซึ่งผู้ใหญ่อาจจะไม่เข้าใจถึงวิธีการแสดงออกของศิลปิน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
ภาพจาก Rap Against Dictatorship
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ล่าสุด (28 ตุลาคม 2561) อมรินทร์ ทีวี ได้รายงานบทสัมภาษณ์ นายธีระวัฒน์ รุจินธรรม หรือ เปีย ผู้กำกับมิวสิกวิดีโอ ประเทศกูมี เปิดใจว่า ตนออกแบบรูปแบบวิดีโอเพลงนี้ เพื่อสื่อสารตามเนื้อหาของเพลงที่กำลังบอกเล่าถึงปัญหาของประเทศไทยในตอนนี้ ซึ่งวิดีโอเพลงเป็นเพียงภาพประกอบ และส่งเสริมเนื้อหาของเพลง เพื่อให้มีอารมณ์และรสชาติเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
ส่วนที่เลือกใช้เหตุการณ์ 6 ตุลาคม มาประกอบเนื่องจากเมื่อสมัย 20 ปีก่อน ภาพยนตร์ที่ตนถ่ายเกี่ยวกับเรื่องเหตุการณ์ 14 ตุลาคม ได้มีการวางฉากเหตุการณ์ 6 ตุลาคม เข้ามาประกอบด้วย แต่สุดท้ายต้องลบฉากดังกล่าวออก ทำให้ตอนนั้นตนเกิดความสงสัยว่า ทำไมผู้กำกับต้องนำภาพนั้นออก ทั้งที่ทุกอย่างเตรียมไว้หมดแล้ว
กระทั่งปีที่แล้ว ตนมีโอกาสไปทำภาพยนตร์ให้กับศูนย์ข้อมูลของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมี รศ. ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ และ ศ. ดร.ธงชัย วินิจจะกูล นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ ซึ่งการทำภาพยนตร์ครั้งนี้ ทำให้ตนได้ไปทำงานกับสถานที่จริง และพบว่าศพที่ถูกแขวนคอนั้น มีมากกว่า 5 ศพ ทำให้ตนรู้สึกตกใจและสะเทือนใจมาก
จากนั้นตนมีโอกาสได้พูดคุยกับศิลปิน กลุ่ม RAP AGAINST DICTATORSHIP จึงเสนอแนวคิดนี้ ซึ่งเหตุการณ์ 6 ตุลาคม เรียกได้ว่าเป็นอากาศทางกายภาพของสังคมไทย ที่ผ่านไปแล้วกว่า 44 ปี แต่ก็ยังไม่เลือนหายไป เหตุการณ์นี้จึงเป็นอุปมาอุปไมยบางอย่างที่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับสิ่งที่คล้ายคลึงกับภาพปัจจุบัน และภายหลังจากทำเพลงออกมาแล้ว แม้จะถูกวิจารณ์หลากหลายแต่ตนแค่ต้องการสื่อว่า ทุกคนก็มีความคิดเห็นที่หลากหลายและต้องการเพียงแค่พูดในสิ่งที่เชื่อและคิด ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าแบบนี้จะเรียกว่าโจมตีรัฐบาลหรือไม่
ส่วนที่คนมาขุดประวัติตนว่าเป็นพวกเสื้อแดง
ตนคิดว่าทุกคนย่อมมีรสนิยมทางการเมือง และมีทัศนคติต่อสังคมไม่เหมือนกัน
ซึ่งตนอยากอยู่ในสังคมที่ยอมรับความหลากหลายทางความคิด
และสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้โดยไม่ถูกทำลาย
อีกทั้งตนไม่เข้าใจว่าทำไมถึงกล่าวหาว่าพวกตนมีความผิดตาม
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และไม่เข้าใจว่าเพลงนี้เป็นความเท็จส่วนไหน
ยอมรับว่าตอนแรกรู้สึกกลัว แต่แรปเปอร์ในวงบางคนที่เป็นเยาวชน
ยังไม่รู้สึกกลัว ตนจึงไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าเพลงนี้เป็นแค่เพลงเพลงหนึ่ง ที่บางคนอาจรู้สึกว่าเนื้อหามีความกระอักกระอ่วน แต่ตนคิดว่ามันคือความจริงที่ควรให้ทุกฝ่ายได้พูด โดยที่เราสามารถอยู่ร่วมกันได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีความคิดเห็นเหมือนกัน ซึ่งผู้ใหญ่อาจจะไม่เข้าใจถึงวิธีการแสดงออกของศิลปิน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก