ส.ต.ต. จับคนร้ายฆ่าพ่อ หลังคดีผ่านมาเกือบ 20 ปี เปิดใจสอบรับข้าราชการตำรวจเพราะใจรัก และเป็นความต้องการของพ่อ ไม่ได้ตั้งใจมาทำคดีพ่อโดยเฉพาะ ที่ผ่านมานึกว่าคนร้ายถูกจับกุมหมดแล้ว ก่อนทราบเบาะแส และนำกำลังเข้าจับกุม
โดยตำรวจชุดจับกุม มี ส.ต.ต. อัษฎาวุฒิ มากประดิษฐ์ ผู้บังคับหมู่ กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 (กก.ปพ.บก.สส.ภ.8) ซึ่งเป็นลูกชายของนายประสิทธิ์ เหยื่อที่เสียชีวิต รวมอยู่ด้วย ทำให้มีกระแสข่าวว่า ส.ต.ต. อัษฎาวุฒิ ตั้งใจสอบเป็นตำรวจเพื่อจับผู้ร้ายที่ฆ่าพ่อตัวเองนั้น (อ่านข่าว : หนุ่มมุ่งมั่นเรียนตำรวจ หวังล่าตัวคนร้ายฆ่าพ่อ 20 ปียังไม่สาย จับคนร้ายได้สำเร็จ)
ส่วนเรื่องที่พ่อถูกฆ่าตาย ตนเพิ่งทราบเรื่องตอนอายุ 15 ปี
แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร และคิดว่าคนร้ายคงถูกจับหมดแล้ว
แต่มาทราบภายหลังจากคนละแวกหมู่บ้าน ขณะที่ตนเป็นตำรวจแล้วว่า หนึ่งในคนร้ายที่ร่วมกันฆ่าพ่อกลับมาที่บ้าน
และมีการขับรถมาวนเวียนแถวบ้านแม่ของตน ซึ่งอาศัยอยู่กับน้องสาวที่
อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร
โดยคนร้ายขับรถมาวนเวียนแถวบ้าน เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ก่อนถูกจับกุมตัวได้ เบื้องต้นผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ ซึ่งก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการทางกฎหมาย หากกระทำผิดจริงก็ต้องรับโทษ แต่หากไม่ได้ทำก็ต้องให้ความเป็นธรรม
ทั้งนี้ ส่วนงานที่ตนรับผิดชอบ เป็นการติดตามผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีค้างเก่า โดยเฉพาะคดีที่ใกล้หมดอายุความ โดยตอนที่ร่วมจับกุมผู้ต้องหารายนี้ มีการใช้หลักกฎหมายเพื่อเข้าจับกุมตามขั้นตอน เพราะตนมองว่าหากทำอะไรไม่ถูกต้อง อาจต้องถูกออกจากตำรวจ และแม่ก็จะลำบากอีก เนื่องจากที่ผ่านมาแม่เลี้ยงตนและน้องสาวมาด้วยความลำบาก และทุกวันนี้ตนก็ภาคภูมิใจในอาชีพตำรวจ และจะตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
ภาพจาก ข่าวเวิร์คพอยท์
จากกรณี ตำรวจจับกุมตัวนายบุญฤทธิ์ ครุฑละออง อายุ 54 ปี
ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
และร่วมกันปล้นทรัพย์ ซึ่งหลบหนีคดีมา 20 ปี
และคดีกำลังจะหมดอายุความวันที่ 2 ธันวาคม 2561 เพราะเหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 5-6 ธันวาคม 2541
โดยคนร้ายรายอื่นถูกจับไปก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งนี้
คดีดังกล่าวมีเหยื่อผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ นายประสิทธิ์ แซ่อื้อ และนายชาณี
ทองหญีต
โดยตำรวจชุดจับกุม มี ส.ต.ต. อัษฎาวุฒิ มากประดิษฐ์ ผู้บังคับหมู่ กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 (กก.ปพ.บก.สส.ภ.8) ซึ่งเป็นลูกชายของนายประสิทธิ์ เหยื่อที่เสียชีวิต รวมอยู่ด้วย ทำให้มีกระแสข่าวว่า ส.ต.ต. อัษฎาวุฒิ ตั้งใจสอบเป็นตำรวจเพื่อจับผู้ร้ายที่ฆ่าพ่อตัวเองนั้น (อ่านข่าว : หนุ่มมุ่งมั่นเรียนตำรวจ หวังล่าตัวคนร้ายฆ่าพ่อ 20 ปียังไม่สาย จับคนร้ายได้สำเร็จ)
ล่าสุด (6 พฤศจิกายน 2561) ข่าวเวิร์คพอยท์ รายงานสัมภาษณ์ ส.ต.ต.
อัษฎาวุฒิ มากประดิษฐ์ กก.ปพ.บก.สส.ภ.8 เปิดเผยว่า
ตนได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2561 และตนเข้ามาเป็นตำรวจเพราะความชอบส่วนตัว
และเป็นสิ่งที่พ่อบอกกับแม่ไว้ว่าต้องการให้ตนเป็นตำรวจ
ไม่ได้ตั้งใจเข้ามาเพื่อทำคดีนี้โดยเฉพาะ
ภาพจาก ข่าวเวิร์คพอยท์
โดยคนร้ายขับรถมาวนเวียนแถวบ้าน เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ก่อนถูกจับกุมตัวได้ เบื้องต้นผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ ซึ่งก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการทางกฎหมาย หากกระทำผิดจริงก็ต้องรับโทษ แต่หากไม่ได้ทำก็ต้องให้ความเป็นธรรม
ทั้งนี้ ส่วนงานที่ตนรับผิดชอบ เป็นการติดตามผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีค้างเก่า โดยเฉพาะคดีที่ใกล้หมดอายุความ โดยตอนที่ร่วมจับกุมผู้ต้องหารายนี้ มีการใช้หลักกฎหมายเพื่อเข้าจับกุมตามขั้นตอน เพราะตนมองว่าหากทำอะไรไม่ถูกต้อง อาจต้องถูกออกจากตำรวจ และแม่ก็จะลำบากอีก เนื่องจากที่ผ่านมาแม่เลี้ยงตนและน้องสาวมาด้วยความลำบาก และทุกวันนี้ตนก็ภาคภูมิใจในอาชีพตำรวจ และจะตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด
ขณะที่ พล.ต.ต.
ชินรัตน์ ฤทธาคณานนท์ ผู้บังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8
กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า
การจับกุมผู้ต้องหารายนี้เป็นการจับตามคดีค้างเก่า
มีการจัดตั้งศูนย์ติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับโดยเฉพาะ
แต่ไม่ได้เป็นการเจาะจงจับกุมแต่อย่างใด สำหรับ ส.ต.ต. อัษฎาวุฒิ
เป็นนักเรียนนายสิบ รุ่นที่ 9 โรงเรียนตำรวจภูธร 8
ที่ผ่านมาได้มีการจับกุมผู้ต้องหาในคดีอื่น ๆ มาแล้วหลายราย
ไม่ได้จับกุมเฉพาะนายบุญฤทธิ์ ครุฑละออง ผู้ต้องหาคดีฆ่าพ่อเพียงรายเดียว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก








