ครอบครัว แฉเพิ่ม เสี่ยโรงงานปุ๋ยมีพิรุธ โทร. หาญาติวันเจอศพเซลส์สาวยัดเก๋งทิ้งคลอง ตาผู้ตายระบุ 3 ปีก่อน ลูกน้องเสี่ยเคยมาหาที่บ้าน หลุดปากรู้ว่าตาย ให้ทำใจเถอะ ซ้ำยังอ้างซี้ตำรวจ ฆ่าคนตายก็ไม่ติดคุก
จากกรณีพบศพ น.ส.กลิ่นเกษร วงษ์สิงห์ หรือ ต่อ อายุ 36 ปี เซลส์สาวขายปุ๋ย ถูกฆ่าหมกคารถเก๋ง ยี่ห้อนิสสัน พัลซาร์ ทะเบียน 4กฐ-6348 กทม. ก่อนอำพรางศพทิ้งในคลองน้ำชัยนาท-ป่าสัก หมู่ 1 ต.บ้านโปร่ง อ.หนองโดน จ.สระบุรี เป็นเวลา 3 ปี จนเหลือแต่โครงกระดูก ตำรวจเชื่อว่าเป็นฆาตกรรมอำพราง เนื่องจากศพมีผ้าปูที่นอนมัดไว้ ส่วนมือฆ่านั้นญาติสงสัยว่าเป็นชายสูงอายุที่มาติดพันผู้ตาย ล่าสุดกู้ภัยลงน้ำดำค้นหาหลักฐานเพิ่มเติม เจอกระดูกปริศนาอีก จึงคาดว่าอาจมีมากกว่า 1 ศพ นอกจากนี้ชาวบ้านยังระบุอีกว่า เสี่ยคนดังกล่าวมักจะอ้างว่าสนิทกับเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงและไม่เกรงกลัวกฎหมาย ตามที่ได้มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น
อ่านข่าว : แฉเสี่ย ซี้คนมีสี ก่อนเซลส์ขายปุ๋ยหายตัว บุกพังร้านยับ โวฆ่าคนตายก็ไม่ติดคุก
ล่าสุด วันที่ 15
ธันวาคม 2562 อมรินทร์ ทีวี รายงานว่า
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองโดน ได้เรียกตัวเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่พบโครงกระดูก
และนางลั่นทม วงษ์สิงห์ แม่ของ น.ส.กลิ่นเกษร ผู้ตาย
มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง โดย นางลั่นทม เปิดเผยว่า
ไม่มีความกังวลในเรื่องของคดีความแต่อย่างใด
มั่นใจว่าโครงกระดูกที่พบเป็นของลูกสาวจริง
ตอนนี้ไม่อยากพูดหรือสงสัยใครอีก กลัวว่าครอบครัวจะไม่ปลอดภัย
เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้ มีคนแปลกหน้าขับรถเก๋งมาวนเวียนหน้าบ้านบ่อยครั้ง
อย่างไรก็ตาม อยากให้ตำรวจเร่งจับตัวคนร้ายให้ได้เร็วที่สุด
ด้าน น.ส.สุกัญญา จ้อยชู อายุ 33 ปี น้องสาวของ น.ส.กลิ่นเกษร เปิดเผยว่า ประเด็นเรื่องของโครงกระดูกที่พบเพิ่มนั้น ตนไม่ขอแสดงความเห็น เพราะอยากให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ซึ่งทางครอบครัวก็ยังคงรอผลการตรวจอยู่ ส่วนเรื่องที่มีข้อมูลจากชาวบ้านในพื้นที่ว่าก่อนที่พี่สาวจะหายไป 1 สัปดาห์ ทางเสี่ยได้พาลูกน้องนับสิบคนเข้าไปพังร้านสเต๊กนั้น ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการพังร้าน เป็นการขนของออกจากร้านเท่านั้น ซึ่งในระหว่างขนของก็มีโต๊ะและเก้าอี้ร่วงหล่น แตกหัก ประกอบกับช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเวลากลางคืน จึงอาจเกิดความเข้าใจผิดได้ว่าเป็นการวิวาทหรือถล่มร้าน โดยหลังจากเจอกระดูกพี่สาว เสี่ยได้โทร. มาหาทางครอบครัว และได้สอบถามถึงเรื่องเจอรถและโครงกระดูกเท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกันอีกเลย ส่วนตัวไม่รู้สาเหตุและปัญหาของพี่สาวกับเสี่ย เพราะปกติจะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวกัน
ขณะที่ นางอุทัย โปแก้ว ป้าของ น.ส.กลิ่นเกษร เปิดเผยว่า ตั้งแต่หลานสาวหายตัวไป ตนและญาติพี่น้องก็เกิดความเครียด เนื่องจากไปแจ้งความกับตำรวจท้องที่และไปร้องกองปราบปราม แต่ก็ยังหาตัวไม่พบ ตนจึงหาที่พึ่งทางใจ โดยการไปหาหมอดูหลายคน แต่ก็ไม่ได้สบายใจขึ้น เพราะหมอดูแต่ละคนพูดไม่ตรงกัน บางคนก็บอกว่าเสียชีวิตแล้ว แต่หมอดูบางคนก็บอกว่ายังมีชีวิตอยู่ เพียงแต่หนีไปเท่านั้น กระทั่งเจ้าหน้าที่พบโครงกระดูกที่คาดว่าจะเป็นของหลานสาวที่หายตัวไป ทำให้เครียดหนักขึ้นไปอีก เกรงว่าจะจับคนร้ายไม่ได้ จึงตัดสินใจไปหาหมอดูอีกครั้ง โดยหมอดูบอกว่าท้ายที่สุดตำรวจจะสามารถจับกุมคนร้ายได้ ทำให้สบายใจขึ้นระดับหนึ่ง นอกจากนี้หมอดูยังบอกอีกว่า ตอนนี้คนร้ายกำลังเครียดอย่างมาก กระวนกระวายกลัวความผิด
ภาพจาก อมรินทร์ ทีวี
ขณะที่พี่สาวของเสี่ยโรงงานปุ๋ย ผู้ต้องสงสัย เปิดเผยว่า ยืนยันว่าเรื่องที่น้องชายถูกกล่าวหาไม่ใช่เรื่องจริง ตนกล้าเอาหัวเป็นประกัน หากผลการพิสูจน์ออกมาว่าน้องชายของตนเกี่ยวข้องกับการตาย แสดงว่าตำรวจทำงานผิดพลาด พร้อมยืนยันว่าตระกูลของตนเป็นตระกูลทำมาหากิน ไม่ใช่ตระกูลนักเลงหรือคนไม่ดี แต่การที่เจ้าตัวยังไม่ออกมาให้สัมภาษณ์ เพราะกำลังติดตามข่าวและความคืบหน้าเรื่องนี้อยู่ก็เป็นได้ ส่วนเรื่องบุกพังร้านสเต๊กของผู้ตายนั้น ไม่เป็นความจริง เชื่อว่าชาวบ้านจงใจใส่ความ
นอกจากนี้ น.ส.แวว (นามสมมติ) เพื่อนสาวคนสนิทของนายแจ็ค (นามสมมติ) คนขับรถของเสี่ยเจ้าของโรงปุ๋ย เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนายแจ็คไม่ได้หลบหนีไปไหน แต่รอกระบวนการพิสูจน์ทางกฎหมายก่อน หากมีความคืบหน้าเชื่อว่าเจ้าตัวจะออกมาชี้แจงภายหลัง
ส่วนกรณีที่ตำรวจคาดการณ์ว่าคนก่อเหตุมีอย่างน้อย 5-6 คนนั้น ยืนยันว่าหนึ่งในนั้นไม่มีนายแจ็คแน่นอน เพราะนายแจ็คเป็นคนขี้ขลาดตาขาว และไม่กล้าแม้แต่จะทำร้ายใคร เชื่อว่านายแจ็คไม่มีส่วนกับเรื่องนี้แน่นอน