ตำรวจแจง ปม โคเคน ใช้ทำฟัน บอส อยู่วิทยา แค่เข้าใจผิด จ่อตรวจสอบที่มา ถ้าพบเป็นสารเสพติดจริงจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ด้านหมอฟันชี้ ใช้แค่ยาแก้อักเสบ ไม่มีส่วนผสมของสารเสพติด
ภาพจาก สำนักข่าว INN
วันที่ 31 กรกฎาคม 2563 สำนักข่าว INN รายงานว่า พล.ต.อ. ศตวรรษ หิรัญบูรณะ
ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงผลการประชุมวันที่ 3
ของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงคดีที่ นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส อยู่วิทยา
ทายาทกระทิงแดง ขับรถชน ด.ต. วิเชียร กลั่นประเสริฐ เสียชีวิตเมื่อปี 2555
ว่า วันนี้ได้เรียกประชุมพนักงานสอบสวนเพื่อพิจารณาใน 2 ประเด็นหลัก ดังนี้
- กระบวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนชุดแรกปี 2555 ว่ามีการดำเนินการและข้อเท็จจริงอย่างไร
- ผลการตรวจต่าง ๆ
โดยใช้เวลาในการพิจารณาซักถามตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีนานกว่า 5 ชั่วโมง ก่อนแถลงข่าวชี้แจงต่อสื่อมวลชน โดยเริ่มจากประเด็นที่สังคมตั้งข้อสงสัยประเด็นการพบสารโคเคนในร่างกาย ยืนยันว่าได้รับผลการตรวจเลือดของ บอส อยู่วิทยา เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2555 โดยแพทย์จากโรงพยาบาลรามาธิบดี และนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ พบสารในร่างกาย 4 ชนิด โดย 2 ชนิด เป็นยานอนหลับ และกาแฟ ส่วนอีก 2 ชนิด เป็นสารที่เกิดจากการย่อยสลายโคเคน และสารที่เกิดจากการเสพโคเคนร่วมกับแอลกอฮอล์
ทั้งนี้ ตำรวจได้เรียกแพทย์ที่ทำการรักษา บอส อยู่วิทยา มาให้ข้อมูล ซึ่งแพทย์ยืนยันว่า ได้ให้ยาบรรเทาอาการอักเสบไม่มีส่วนผสมของสารเสพติดกับบอส จากนั้นตำรวจได้นำผลการตรวจดังกล่าวไปสอบสวนแพทย์ทั้ง 2 โรงพยาบาลอีกครั้ง เพื่อยืนยันว่าเป็นสารเสพติดหรือไม่ ซึ่งแพทย์ให้ความเห็นว่าผลการตรวจดังกล่าวอาจเกิดจากยาปฏิชีวนะที่อาจส่งผลลวงต่อการตรวจหรือเป็นสารเสพติดจริง เมื่อนำมาพิจารณาในคณะพนักงานสอบสวนแล้วเห็นว่าสารทั้ง 2 ชนิดไม่ถูกบัญญัติว่าเป็นสารที่ผิดกฎหมาย ประกอบกับไม่มีหลักฐานอื่น จึงไม่ได้แจ้งข้อหาในความผิดที่เกี่ยวข้อง แต่ได้ทำรายงานความเห็นเรื่องที่ส่งไปยังอัยการ
ส่วนการเสียชีวิตของ นายจารุชาติ มาดทอง หนึ่งในพยานปากสำคัญที่จังหวัดเชียงใหม่ ยืนยันว่าไม่มีผลต่อการทำงานของชุดพนักงานสอบสวนครั้งนี้ แต่ก็ได้อธิบายว่านายจารุชาติเป็นพยานที่ให้การเมื่อเดือนกันยายน 2555 ในฐานะผู้เห็นเหตุการณ์ แต่ไม่ได้ให้ข้อมูลเรื่องความเร็ว จนกระทั่งปี 2562 อัยการเรียกให้สอบปากคำในประเด็นดังกล่าวเพิ่มเติม พร้อมกับพยานที่เป็นนายทหาร
อย่างไรก็ตาม เรื่องการพิจารณาข้อเท็จจริงเรื่องความเร็วรถในขณะนั้นยังมีข้อถกเถียงในที่ประชุม ยังไม่ได้ข้อยุติ จึงต้องมีการสอบสวนในประเด็นนี้ต่อ ส่วนการทำสำนวนคดีของพนักงานสอบสวนชุดแรกจะมีความบกพร่องทางวินัยหรือไม่อย่างไร ป.ป.ช. ได้พิจารณาไต่สวนเรื่องนี้ไปหมดแล้ว ส่วนการตรวจสอบข้อเท็จจริงจะเสร็จสิ้นใน 15 วันหรือไม่นั้น ยังตอบไม่ได้ แต่จะพยายามเร่งรัดให้ทันกำหนด
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักข่าวไทย