แม่ค้าขายส่ง ขอพูดบ้าง กรณีดราม่ารับหิ้วประตูน้ำ ตัดราคาซะเละจนตลาดเสื้อผ้าพัง เผย รู้ว่าฆ่าแม่ค้าสต็อกเก่า แต่ทำไมยังยอมให้มีคนมาไลฟ์หน้าร้าน พร้อมเผยที่มาวงจรอุบาทว์ ก่อนเกิดการล่มสลายของการขายปลีกตลาดเสื้อผ้าเมืองไทย
ภาพจาก Walter Eric Sy / Shutterstock.com
ใครที่เป็นสายเอฟเสื้อผ้าคงรู้ดี ว่าตอนนี้ตลาดเสื้อผ้าเริ่มเปลี่ยนไป จากแต่ก่อนที่ต้องไปซื้อกันตามร้าน เดินตามตลาดนัด แต่ตอนนี้แค่นั่งอยู่บ้านดูมือถือก็ได้ซื้อเสื้อผ้าที่ถูกใจ ผ่านทั้งช่องทางออนไลน์และไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊ก ซึ่งล่าสุดก็เริ่มมีการไลฟ์รับหิ้วเสื้อผ้าจากประตูน้ำ ชนิดที่ว่าตัดราคากันสุดฤทธิ์ สั่งแค่ตัวเดียวก็ได้ราคาขายส่งจากประตูน้ำ ซึ่งเรื่องนี้อาจจะดีกับผู้บริโภค แต่กำลังฆ่าแม่ค้าขายปลีกทางอ้อม
อ่านเพิ่มเติม ดราม่าต่อ ไลฟ์รับหิ้วประตูน้ำ ขาดทุนเพราะไม่ปรับตัวหรือเปล่า ชี้ทางรอดของปัญหา
อ่านเพิ่มเติม สรุปดราม่า แม่ค้าไลฟ์รับหิ้วประตูน้ำ ราคาส่ง-โนสต็อก ฆ่าตลาดเสื้อผ้าทางอ้อม จนต้องสั่งห้าม !
อ่านเพิ่มเติม ดราม่าต่อ ไลฟ์รับหิ้วประตูน้ำ ขาดทุนเพราะไม่ปรับตัวหรือเปล่า ชี้ทางรอดของปัญหา
อ่านเพิ่มเติม สรุปดราม่า แม่ค้าไลฟ์รับหิ้วประตูน้ำ ราคาส่ง-โนสต็อก ฆ่าตลาดเสื้อผ้าทางอ้อม จนต้องสั่งห้าม !
แม่ค้าส่งประตูน้ำ เริ่มเล่าวงจรความพินาศ จากออฟไลน์สู่ออนไลน์ แม่ค้าปลีกเลิกสต็อกของ แม่ค้าส่งแบกรับคนเดียว
ล่าสุด เฟซบุ๊กรายหนึ่งซึ่งเป็นแม่ค้าขายส่งที่ประตูน้ำ ก็ออกมาไลฟ์เล่าที่มาที่ไปถึงความพังพินาศของตลาดค้าปลีกเสื้อผ้าว่า ตนขายส่งที่ประตูน้ำมา 20 ปีแล้ว แต่ก่อนที่ออนไลน์จะมา ก็เป็นตลาดออฟไลน์ขายหน้าร้าน แม่ค้าไปซื้อของมาขายจากประตูน้ำ ครบสี ครบไซซ์ ทำสต็อกของกันเอง ขายเสร็จแม่ค้าขายส่งก็จะผลิตแบบใหม่เข้ามา
แต่เมื่อมีออนไลน์เข้ามา ทำให้การค้าขายเปลี่ยนไป แม่ค้าขายปลีกเริ่มไม่แบกรับสต็อก และทำให้ แม่ค้าขายส่งต้องทำหลายอย่าง ทั้งต้องทำเสื้อผ้าออกมา ถ่ายรูปสินค้าให้สวย จ้างนางแบบ อัดรูปแจก ส่งอีเมลให้ ทำสต็อกสินค้าให้ ซึ่งพอเป็นแบบนี้ ก็จะมีแม่ค้าขายปลีก 2 แบบ คือ คนที่ยอมซื้อสินค้าเพราะเห็นรูปสวย ได้สินค้ามาก็ไปถ่ายรูปใหม่ กับอีกแบบที่ไม่ยอมลงทุน เอาแค่รูปที่แม่ค้าขายส่ง ส่งให้ เอาไปโพสต์ขายในเพจ ถ้ามีออร์เดอร์มาถึงสั่งของ แต่ถ้าไม่มีออร์เดอร์มา แม่ค้าขายปลีกก็จะขอให้ส่งรูปสินค้าตัวใหม่มาเรื่อย ๆ
เมื่อออนไลน์เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ หลัง ๆ ระบบหน้าร้านก็พังแล้ว คนไปลองที่หน้าร้านแต่ไม่ซื้อ แล้วไปซื้อในออนไลน์ที่ราคาถูกกว่า และเมื่อสต็อกของกันไม่ไหว หน้าร้านพังไม่เป็นท่า ก็เริ่มไม่มีแม่ค้าปลีกที่ซื้อของไปสต็อกเอาไว้แล้วถ่ายรูปเองแล้ว แต่จะเอารูปจากแม่ค้าส่งไปโพสต์แทน แต่ทางร้านขายส่งต้องสต็อกเสื้อเป็นพัน ๆ ตัว และด้วยความที่แม่ค้าเยอะ แย่งกันตัดราคากัน แม่ค้าขายปลีกเริ่มล้มหายตายจาก ทำให้เวลาได้ออร์เดอร์มาก็เริ่มไม่คุ้ม เพราะลูกค้าค้าสั่งหลายแบบ แต่ละแบบอยู่คนละร้าน กระจายกันไปซื้อก็ได้ร้านละไม่กี่ตัว แทบไม่ได้ราคาส่ง
เริ่มเกิดอาชีพรับหิ้วสินค้าประตูน้ำ จากขายแม่ค้ากันเอง สู่ขายปลีกให้ลูกค้า ด้านแม่ค้าส่งจำใจให้ไลฟ์ ไม่งั้นไม่ได้ขายสักตัว
เมื่อสินค้าขายได้น้อย แม่ค้าปลีกไม่เข้าประตูน้ำมาเอาของไปขายเพราะไม่คุ้มค่ารถ ก็เริ่มเกิดอาชีพรับหิ้วสินค้าจากประตูน้ำ ไปให้แม่ค้าขายปลีกตามออนไลน์ นอกจากนี้ แม่ค้าบางคนที่ซื้อเยอะจัด ๆ ไม่มาประตูน้ำเอง แต่ให้แม่ค้าขายส่งส่งของให้ทางไปรษณีย์แต่แล้วพอคนลงมาขายเสื้อผ้ากันมาก ๆ อีก ก็เริ่มตัดราคากันเอง แม่ค้าขายปลีกก็เริ่มขายไม่ไหว แม่ค้าที่รับหิ้วก็เริ่มเงียบ แม่ค้าขายส่งก็ตายเหมือนกัน เพราะทำสต็อกเป็นพันตัวต่อแบบ และต้องมีรุ่นใหม่ออกมาเรื่อย ๆ แม่ค้าที่รับหิ้วก็เลยคิดว่า ในเมื่อมาประตูน้ำทุกวัน รับหิ้วให้แม่ค้าด้วยกันอยู่แล้ว ก็ไลฟ์ขายหน้าร้านกันไปเลย ได้ลูกค้าจากทั้งแม่ค้าด้วยกัน และได้ลูกค้าค้าปลีกด้วย
เรื่องแบบนี้ ก็มีทั้งแม่ค้าขายส่งที่ทั้งชอบและไม่ชอบ แม่ค้าส่งบางคนขายไม่ได้เลย แต่พอมีแม่ค้ามายืนไลฟ์ ไม่นานขายได้เป็นสิบตัว ภายในไม่กี่ชั่วโมงขายได้หลายสิบตัว แม่ค้าบางคนก็เลยยอม ครั้นจะกันคนไม่ให้ไลฟ์ แล้วรอแม่ค้าปลีกมาสต็อกสีละห้าตัวสิบตัวมันก็ไม่มี แถมโควิด ช่วงนี้ยังไม่มีต่างชาติเข้ามาอีก แม่ค้าก็ไม่ได้อยากให้มาไลฟ์ แต่ก็อยากได้ยอดเลยต้องยอม แม่ค้าไม่ได้อยากโลภ ไม่ได้อยากฆ่าใคร แต่บางวันไม่ได้ยอดแล้วแม่ค้าขายส่งจะให้ทำอย่างไร
อย่างไรก็ตาม แม่ค้าที่ไลฟ์ขาย ก็มักจะคิดค่าหิ้วถูก ๆ เช่น ราคาขายส่งตัวละ 100 แต่ไลฟ์ขายแค่ 120 บาท คนที่สต็อกของไปขายก็ตายเพราะตัดราคากันแรงมาก อยากให้บวกกำไรเพิ่มสักนิด เพื่อให้ทุกคนอยู่รอดกันได้
แนะทางรอดของปัญหา ปรับตัวไหวก็รอด ปรับไม่ไหวก็ไป จากแต่ก่อนขายดี ตอนนี้ต้องเอาทุกทาง
สำหรับทางรอดนั้น คงต้องรอให้เศรษฐกิจดีขึ้น เพื่อให้ลูกค้ากลับมา และวงจรตลาดกลับสู่สภาพเดิม ตนขายของที่ประตูน้ำรู้ดี แต่ก่อนถ้าไม่ซื้อ 6 ตัวต่อแบบจะไม่คุยเลย หลัง ๆ มาเริ่ม 3 ตัวต่อแบบ และถอยมาเป็น 3 ตัวคละแบบ และกลายเป็นว่าตัวเดียวสองตัวก็ราคาส่งแล้ว แม่ค้าขายส่งต้องรับภาระต้นทุนหลายอย่าง ค่าผ้าค่าเย็บเท่าเดิม แบบที่ทำออกมาไม่รู้ว่าจะขายได้ไหม ถ้าขายดี ส่งรูปไปให้ลูกค้าไปขายแต่ไม่มีของ ก็โกรธคนขายส่งอีก แต่ก่อนแม่ค้าออนไลน์ ฆ่าแม่ค้าหน้าร้าน และแม่ค้ารับหิ้ว ก็ฆ่าแม่ค้าออนไลน์ แต่คนที่ตายคนแรกคือแม่ค้าขายส่ง
สุดท้าย คนที่อยู่ได้คือคนที่ปรับตัว แต่ก่อนขายส่งคือขายได้หลักหมื่นหลักแสน แต่มาวันนี้รับแค่หลักร้อยหลักพัน ดังนั้นทำอะไรได้ก็ต้องทำ คนขายส่งก็ต้องขายทุกช่องทาง ซื้อเท่าไรก็ต้องขาย
ส่วนใครที่คิดว่า อยากจะลงมาขายเสื้อผ้า ตนไม่แนะนำเลย หรือใครที่อยากจะผลิตแบรนด์ของตัวเอง เพื่อไม่ให้ซ้ำแบบใคร ตนจะบอกว่า คุณผลิต 1 รุ่น อยากให้ได้ราคาถูกต้องผลิตจำนวนเยอะ ๆ ค่าผ้า ค่าตัดเย็บ และต้องผลิตหลายรุ่นมาอีกไม่อย่างนั้นลูกค้าก็ไม่มีตัวเลือก ไม่เข้าร้าน และถ้าแบบเดียวอยู่แค่ 2 อาทิตย์ โพสต์ซ้ำไปซ้ำมาคนก็ไม่เอา ยังไม่นับเรื่องที่คนจะก๊อบปี้แบบของเราไปขายอีก บางคนคิดว่าตัวเองมีฐานลูกค้าอยู่แล้ว ขายได้ แต่ไม่ถูกเสมอไป วันนี้ลูกค้าชอบเสื้อผ้าร้านเรา วันพรุ่งนี้อาจจะไปถูกใจร้านอื่นก็ได้ ไม่มีใครซื่อสัตย์กับเราตลอดไป จะสร้างแบรนด์ต้องมีทีม