สรุปเหตุการณ์คืนเดียว เม พรีมายา VS คลินิก โต้กันเดือดปมแฉถูกฮุบธุรกิจ เกิดอะไรบ้าง

          ดราม่า เม พรีมายา แฉถูกฮุบธุรกิจ ช้ำโดนทำให้ ไร้เสียง กีดกันจากสิ่งที่ร่วมสร้าง ด้าน Dermatige แถลงโต้ข้อมูลเท็จ ยันอีกฝ่ายไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

เม พรีมายา แฉหุ้นส่วน ถูกฮุบธุรกิจ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Phitnari Tantiwit

          จากประเด็นร้อน กรณี เม พรีมายา เจ้าของแบรนด์อาหารเสริมชื่อดัง ออกมาโพสต์แฉสุดช้ำ ถูกคนสนิทที่เคยไว้ใจหักหลัง หลังฝากหุ้นธุรกิจไว้ในชื่ออีกฝ่าย จนถูกฮุบกิจการที่สร้างมากับมือ ทั้งที่รายได้ทะลุ 40-50 ล้านบาทต่อเดือน แต่กลับไม่เหลือสิทธิ์ใด ๆ ในสิ่งที่เธอร่วมสร้างมาเองนั้น

เม พรีมายา แฉหุ้นส่วน ถูกฮุบธุรกิจ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Phitnari Tantiwit


          วันที่ 22 กันยายน 2568 เม พรีมายา โพสต์ว่า คลินิกที่หลายคนเห็นมีสองชื่อ จริง ๆ แล้วเป็นคลินิกเดียวกัน เพียงแค่เปลี่ยนชื่อและรีแบรนด์เพื่อการตลาด หลังเธอเจอปัญหาในชีวิตจนต้องถอนตัวชั่วคราว แต่บริษัทก็ยังเป็นแห่งเดิมที่เธอเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอในฐานะผู้ถือหุ้นพยายามขอตรวจสอบเอกสารบัญชีและการเงินของบริษัท กลับไม่ได้รับความร่วมมือ ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ควรตรวจสอบได้

          ต่อมา เมื่อเมแสดงความประสงค์จะกลับเข้ามาถือหุ้น กลับถูกยื่นเงื่อนไขใหม่ เช่น ต้องให้บุคคลอื่นถือหุ้นแทน ไม่สามารถออกหน้าได้ หากบริหารต่อจะได้หุ้นคืนเพียง 25% ของสาขาเดิม ไม่รวมสาขาใหม่ หรือหากไม่บริหารต่อ จะได้หุ้น 12.52% ทุกสาขา แต่ก็ยังไม่สามารถออกหน้าได้ เงื่อนไขเหล่านี้ทำให้สิทธิของเมในฐานะผู้ก่อตั้งเปลี่ยนไป 

          เมยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพียงมุมมองและประสบการณ์ส่วนตัว ซึ่งยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงและการขอความชัดเจนทางกฎหมาย เธอเล่าว่าเพียงอยากสะท้อนปัญหาเรื่องความโปร่งใสในการทำธุรกิจร่วมกับพาร์ทเนอร์ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม พร้อมขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมา และย้ำว่านี่คือบทเรียนครั้งใหญ่ในชีวิตที่จะไม่มีวันลืม

เม พรีมายา แฉหุ้นส่วน ถูกฮุบธุรกิจ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Phitnari Tantiwit

          สิ่งที่บาดลึกและทรมานยิ่งกว่าคือ การถูกทำให้ ไร้เสียงในงานที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นหน้าที่ของเรา จากที่เคยลงแรงทุกขั้นตอน กลับถูกตัดสิทธิ์ ไม่ให้มีตัวตน ไม่ให้มีส่วนร่วม เมยอมจำนน ไม่ใช่เพราะอยากยอม แต่เพราะไม่อยากให้ธุรกิจที่เราสร้างมาถูกทำให้เสียหายมากกว่าเดิม ทั้งยังรู้ดีว่าช่วงนั้นชื่อเสียงของเราเริ่มถูกมองในแง่ร้าย

          เมเชื่อเขาทุกคำ ปล่อยให้เขาชี้ทางทุกอย่าง ความไว้ใจที่เราและเขาร่วมสร้างกันมาตั้งแต่ศูนย์ คงคิดไม่ถึงว่าจะย้อนกลับมาทำร้ายเราในวันหนึ่ง ไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าตัวเองจะได้บทเรียนครั้งยิ่งใหญ่นี้ มันทำให้ทุกอย่างเหมือนแตกสลายไปหมด 

เม พรีมายา แฉหุ้นส่วน ถูกฮุบธุรกิจ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Phitnari Tantiwit

เม พรีมายา แฉหุ้นส่วน ถูกฮุบธุรกิจ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Phitnari Tantiwit

          สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดไม่ใช่เพียงการถูกลดบทบาทในธุรกิจ แต่คือการถูกทำให้ "ไร้เสียง" ทั้งที่เคยเป็นคนลงแรงทุกขั้นตอน แต่กลับถูกตัดสิทธิ์และกันออกจากสิ่งที่ร่วมสร้างมา เธอยอมถอย ไม่ใช่เพราะเต็มใจ แต่เพราะไม่อยากให้ธุรกิจเสียหายไปมากกว่าเดิม โดยเชื่อมั่นในคำพูดของหุ้นส่วนที่เคยร่วมทางตั้งแต่ศูนย์ แต่สุดท้ายความไว้ใจกลับย้อนมาทำร้าย และกลายเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ในชีวิต

          เมื่อเผชิญวิกฤต เมยอมรับว่าต้องทนแรงกดดันอย่างหนัก ทั้งจากปัญหาส่วนตัวและความกังวลว่าจะกระทบเพื่อนและหุ้นส่วน จึงตัดสินใจฝากหุ้นไว้กับทุกคนตามที่ขอเพื่อรักษาผลประโยชน์ของบริษัท แม้ในใจเจ็บปวดที่ถูกมองเป็นตัวปัญหา ถูกขอให้ลบภาพร่วมกันและไม่ให้ออกสื่อ ความรู้สึกเหมือนไม่เหลือใครยิ่งตอกย้ำความโดดเดี่ยว และวันที่เซ็นโอนหุ้นยังเต็มไปด้วยน้ำตา เพราะไม่มีทางเลือกอื่น แม้ไม่คิดว่าสิ่งที่ไว้ใจมาตลอดจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการสูญเสียจริง ๆ

เม พรีมายา แฉหุ้นส่วน ถูกฮุบธุรกิจ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Dermatige Aesthetics

Dermatige Aesthetics โต้ข้อมูลเท็จ ยันอีกฝ่ายไม่เกี่ยวข้องกับคลินิกเตรียมดำเนินคดี 


          จากกรณีพาดพิงทางสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ของบุคคล (อินฟลูเลนเซอร์ท่านหนึ่ง) ซึ่งสร้างผลกระทบให้เกิดความเข้าใจผิดบิดเบือนความจริง ทำให้ทางแบรนด์คลินิก Dermatige Aesthetics (เดอร์มาทีจ เอสเธติคส์) ฟ้องคดีมีมูลไปแล้ว 1 คดีจากการกระทำที่ทำให้เกิดความเสียหายก่อนนี้ แต่กลับให้ข้อมูลเท็จบิดเบือนทำให้แบรนด์คลินิกตลอดจนผู้เกี่ยวข้องและ เสียหายโดยอยู่ระหว่างดำเนินคดีอาญาและอื่น ๆ ซึ่งศาลมีคำสั่งประทับรับ บริษัทฯเดือดร้อนเสียหายอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายมุ่งหมายหาประโยชน์มิชอบจากการกระทำดังกล่าว

          จึงขอออกแถลงการณ์เพื่อยืนยันปฏิเสธข้อมูลเท็จดังกล่าวทั้งสิ้น พร้อมขอชี้แจงความบริสุทธิ์ในครั้งนี้ เนื่องจากช่วงปี 2566 ขณะยังเป็นแบรนด์คลินิกเดิมนั้นบุคคลดังกล่าวซึ่งร่วมก่อตั้งนั้นเกิดปัญหาจากปัญหาส่วนของตัวบุคคลดังกล่าวเองจนเป็นข่าวเสียหายของบุคคลนั้น (ซึ่งสามารถ ตรวจสอบข่าวได้ตามที่ปรากฏทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ) จากเหตุดังกล่าวมีผู้คนต่าง ๆ เข้าใจผิดทำให้ยอดขายตกลูกค้าไม่มาใช้บริการเนื่องจากความเสื่อม เสียชื่อเสียงดังกล่าวของบุคคลดังกล่าว ซึ่งส่งผลชัดเจนในสาขาที่เกิดขึ้นทำให้ยอดตกต่ำรายได้หดหายเงินไม่พอกับค่าใช้ต่าง ๆ จนสุดท้ายต้องปิดกิจการ สาขาบางสาขา ต่อมาบุคคลดังกล่าวจึงเสนอขายหุ้นให้ทั้งหมดผู้ถือหุ้นที่เหลือพร้อมทั้งลาออกจากการเป็นกรรมการในขณะประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นนั้นซึ่ง ขณะนั้นบริษัทฯและกิจการไม่ได้มีผลประกอบการที่ดีนักตลอดจนเกิดสภาวะปัญหาต่าง ๆ ตามที่เรียนข้างต้น จึงยุติกิจการ พริมยา คลินิก แบรนด์คลินิก เดิม (ซึ่งสามารถตรวจสอบได้จากทางหน่วยงานราชการต่าง ๆ)

          โดยผู้ถือหุ้นและกรรมการเดิมที่ซื้อหุ้นจากบุคคลนั้นแล้ว จึงรีบเข้าแก้วิกฤตปัญหาก่อตั้งสร้างแบรนด์ใหม่ในนามแบรนด์คลินิก Dermatige Aesthetics (เดอร์มาทีจ เอสเธติคส์) จนถึงปัจจุบันและมีบริษัทที่เกี่ยวข้องกิจการเครือร่วมพันธมิตรธุรกิจดูแลแบรนด์ดังกล่าวร่วมกันเพื่อดูแลลูกค้าในแต่ ละสาขา โดยไม่มีบุคคลดังกล่าวร่วมก่อตั้งหรือแก้ไขเผชิญวิกฤตปัญหาตลอดจนไม่ได้ร่วมบริหารแต่อย่างใด นอกจากนี้บุคคลดังกล่าวได้พยายามกระทำ การให้ทางแบรนด์คลินิกรวมถึงผู้เกี่ยวข้องตลอดจนทีมบริหารเดือดร้อนเสียหายหลายครั้ง รวมถึงแจ้งเท็จต่อพนักงานสอบสวน ซึ่งได้มีการเข้าชี้แจงพร้อม พยานหลักฐานแล้ว ตลอดจนต่อมาถูกกระทำการต่าง ๆหลายครั้งให้ได้รับความเสียหายอย่างมาก จนไม่อาจวางเฉยได้จึงฟ้องคดีต่อศาลตามที่แถลงการณ์ ข้างต้น และได้รับความเมตตาสถิตซึ่งความยุติธรรมในชั้นไต่สวนมูลฟ้องมีคำสั่งประทับรับฟ้องขณะนี้มีผลออกมาแล้ว 1 คดีให้มีคำสั่งประทับรับฟ้อง (เนื่องจากที่เป็นคดีความระหว่างกันในขณะนี้ จึงไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลต่าง ๆ ทั้งหมดได้เนื่องจากจะเป็นการก้าวล่วงฯและไม่เหมาะสม เนื่องจากอยู่ ระหว่างดำเนินการในกระบวนการยุติธรรมในหลาย ๆ คดี)

          ดังนี้จึงขอแถลงการณ์เพื่อชี้แจงป้องกันความเสียหายซึ่งอาจเกิดขึ้นลุกลามจากความเท็จที่บิดเบือนทั้งสิ้น รวมถึงหลักฐานเอกสารต่าง ๆ ที่ บุคคลดังกล่าวนำสู่ระบบคอมพิวเตอร์นั้นอยู่ระหว่างตรวจสอบ อีกทั้งหลักฐานที่อ้างว่าเป็นเอกสารคลินิกก็ไม่เป็นความจริงทั้งสิ้นและแตกต่างกับเอกสาร ฉบับจริงรวมถึงที่นำส่งศาลในการสืบพยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องอย่างเป็นพิรุธ ทางคลินิกขอยืนยันว่า บุคคลดังกล่าวไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคลินิกแต่ อย่างใด และเหตุที่ออกแถลงการณ์เบื้องต้นนี้เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์พร้อมย้ำเตือนไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดหรือหลงเชื่อข้อมูลเท็จดังกล่าว ในการนี้ขอสงวนสิทธิดำเนินคดีตามกฎหมายต่อความเสียหายอันพึงมีทั้งสิ้นทั้งปวง และขอความเห็นใจอย่าฟังความข้างเดียว (พร้อมทั้งข้อมูลตรวจสอบที่อ้างถึง ตามแถลงการณ์นี้นั้นประชาชนทั่วไปสามารถตรวจสอบได้ ต่างกับที่ปรากฏอ้างฝ่ายเดียวที่อยู่ในโซเชียลขณะนี้) ทางคลินิกหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับ ความเข้าใจในมุมมองของทุกฝ่ายและรับข้อมูลอย่างมีสติเพื่อไม่ตกเป็นเครื่องมือของผู้ไม่ประสงค์ดี พร้อมขอฝากข้อคิดที่ยึดถือมั่นของคลินิกต่อเหตุการณ์ นี้ในเรื่องความจริงคือ "ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย และทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ"

เม เผยโอนหุ้นให้ทั้ง 3 ด้วยความเชื่อใจไม่เคยขายหรือได้เงิน ย้ำไม่คิดทำลายบริษัท


          เม แชร์โพสต์ดังกล่าวของคลินิก พร้อมระบุว่า ความจริงเป็นสัจจะ และคงทนตลอดไป โดยเล่าถึงเรื่องหุ้นส่วนว่า เธอเป็นหุ้นส่วนก่อตั้งบริษัท พริมยา คลินิก จำกัด ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ดีเอ็มที เมดิคอล จำกัด ร่วมกับ หมอกลาง, หมอต่อ และยาย่า โดยถือหุ้นกันคนละ 25% และใช้บ้านของเมเป็นที่ทำการสำนักงานใหญ่ตั้งแต่แรกเริ่ม ทั้งหมดตกลงร่วมกันว่า รายได้จากการดำเนินกิจการจะต้องแบ่งตามสัดส่วนผู้ถือหุ้นอย่างเท่าเทียม

เม พรีมายา แฉหุ้นส่วน ถูกฮุบธุรกิจ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Phitnari Tantiwit

          ระหว่างที่เมมีคดีความ หุ้นส่วนทั้งสามขอให้เมออกจากการเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้น โดยโอนหุ้นไปใส่ชื่อทั้งสามคน เมเชื่อใจจึงยอมทำตาม แต่ความจริงไม่ได้ขายหุ้นและไม่ได้รับเงินค่าหุ้นตามที่ระบุในเอกสาร เมื่อคดีสิ้นสุด หุ้นถูกโอนกลับมาให้ญาติของเมครบ 25% เช่นเดิม และยังได้รับผลประโยชน์จากการดำเนินกิจการตามปกติ จนถึงเดือนมิถุนายน 2567

          ต่อมา ตั้งแต่กรกฎาคม ถึงกันยายน 2567 หุ้นส่วนทั้ง 3 ไม่ได้นำผลประโยชน์มาแบ่งให้ตามข้อตกลง เม และญาติในฐานะผู้ถือหุ้นจึงเข้าหารือหลายครั้ง หุ้นส่วนยอมรับว่าได้นำเงินไปใช้ลงทุนในบริษัทใหม่ที่ใช้ชื่อการค้าและเครื่องหมายเดียวกับบริษัทเดิม แต่กลับไม่ให้เมถือหุ้น เมและญาติจึงไม่ยอมรับเงื่อนไขนี้

เม พรีมายา แฉหุ้นส่วน ถูกฮุบธุรกิจ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Phitnari Tantiwit

          เมและญาติขอตรวจสอบเอกสารบัญชีและงบการเงินตามสิทธิผู้ถือหุ้น แต่กลับถูกปฏิเสธและถูกแจ้งความเท็จว่า บุกรุกบริษัท ทั้งที่มีหนังสือบอกกล่าวล่วงหน้าและไปโดยสุจริต ภายหลังเมแจ้งความเรื่องยักยอกผลประโยชน์ แต่กลับถูกฟ้องกลับทั้งคดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดอยู่ระหว่างพิจารณาของศาล

          เม ยืนยันว่า ไม่เคยขายหุ้นของตัวเอง และเพียงต้องการความโปร่งใส การแบ่งผลประโยชน์ที่ยุติธรรม และการบริหารจัดการที่เป็นธรรมต่อผู้ถือหุ้นทุกฝ่าย ข้อพิพาทที่เกิดขึ้นควรถูกแก้ไขด้วยความสุจริต ไม่ใช่การสร้างความเสียหายผ่านสื่อออนไลน์ เมพร้อมพิสูจน์ความจริงในกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้สาธารณชนเข้าใจข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง

เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สรุปเหตุการณ์คืนเดียว เม พรีมายา VS คลินิก โต้กันเดือดปมแฉถูกฮุบธุรกิจ เกิดอะไรบ้าง โพสต์เมื่อ 23 กันยายน 2568 เวลา 10:02:19 11,211 อ่าน
TOP
x close