x close

เผยผลสอบเงินช่วยน้ำท่วมไร้ทุจริต ยันชาวบ้านเซ็นชื่อยินยอม



เผยผลสอบเงินช่วยน้ำท่วมไร้ทุจริต ยันชาวบ้านเซ็นชื่อยินยอม


เผยผลสอบเงินช่วยน้ำท่วมไร้ทุจริต ยันชาวบ้านเซ็นชื่อยินยอม


เผยผลสอบเงินช่วยน้ำท่วมไร้ทุจริต ยันชาวบ้านเซ็นชื่อยินยอม



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้ , กรมอุตุนิยมวิทยา , ครอบครัวข่าว3 , ไทยโพสต์  , คุณ owen tiwangrider 



          จากกรณีที่ชาวบ้านหมู่ที่ 8  ต.ลำปำ อ.เมือง  จ.พัทลุง ซึ่งเป็นผู้ประสบภัยอุทกภัย เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2553  ได้รวมตัวออกมาประท้วง เหตุได้เงินช่วยเหลือเยียวยาไม่ครบตามจำนวน 5,000 บาทนั้น

          ล่าสุด นายธนกร ตระบันพฤกษ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพัทลุง ได้ออกมาชี้แจงว่า  หลังจากที่มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว พบว่า เหตุที่ชาวบ้านในหลาย ๆ พื้นที่ของ จ.พัทลุง ได้รับเงินช่วยเหลือไม่ครบ 5,000 บาทนั้น มิได้เกิดจากการทุจริตแต่อย่างใด แต่เกิดจากที่ชาวบ้านซึ่งเป็นผู้ประสบภัยเซ็นชื่อยินยอมให้มีการเฉลี่ยเงินช่วยเหลือไปให้ยังผู้ประสบภัยที่ไม่ได้รับอนุมัติการช่วยเหลือจากรัฐบาลเอง อาทิ พื้นที่ ต.ลำปำ อ.เมือง  จ.พัทลุง  นั้นมีผู้ประสบภัยยื่นเรื่องของรับเงินช่วยเหลือ จำนวน 951 ราย แต่รัฐบาลอนุมัติเพียง 442 ราย  เมื่อชาวบ้านเซ็นชื่อยินยอมให้มีการเฉลี่ยเงินให้ได้ครบทุกรายชื่อ ที่ยื่นขอเงินเยียวยา จากจำนวน 5,000 บาท ก็จะได้คนละ 2,323 บาท

          ด้านนายสัญญา กลีบมณี นายอำเภอเขาชัยสน ได้ออกมายอมรับว่า เหตุที่ชาวบ้าน อ.เขาชัยสน ในบางพื้นที่ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือน้ำท่วม จำนวน 5,000  บาทนั้น เกิดจากความผิดพลาดของทางราชการ  เนื่องจากมีรายชื่อของชาวบ้านผู้เดือดร้อนในส่วนของ อ.เขาชัยสน ตกหล่นไป 1,373 ราย และสำหรับรายชื่อใน ต.หานโพธิ์  ปรากฎว่าตกหล่นไปทั้งตำบล รวม 871 ราย ล่าสุด ทางอำเภอได้ส่งรายชื่อผู้ตกหล่นไปยังจังหวัด เพื่อส่งไปยังรัฐบาลเพื่อยืนยันสิทธิอีกรอบ และจะให้คำตอบในวันที่ 2 พฤษภาคมนี้

          ในขณะที่ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงการดำเนินงานตาม โครงการรินน้ำใจ ว่า ขณะนี้ได้มีการสำรวจเรื่องการสร้างบ้านให้กับผู้ประสบภัยที่สภาพบ้านเสียหายทั้งหลังใน 5 จังหวัด พบว่า จังหวัดนครศรีธรรมราชมีบ้านเสียหายทั้งหลัง จำนวน 302 หลัง , จังหวัดสุราษฎร์ธานีมีบ้านเสียหายทั้งหลัง จำนวน 362 หลัง ส่วนจังหวัดกระบี่มีบ้านเสียหายทั้งหลัง จำนวน 139 หลัง, จังหวัดตรังมีบ้านเสียหายทั้งหลัง จำนวน 22 หลัง และจังหวัดสงขลามีบ้านเสียหายทั้งหลัง จำนวน 5 หลัง รวมเป็น 830 หลัง และในขณะนี้เงินบริจาคเพื่อนำมาสร้างบ้านนั้น สามารถก่อสร้างบ้านใหม่ให้ผู้ประสบภัยได้ประมาณ 600 หลัง ในจำนวนนี้เป็นเงินที่บริจาคผ่านทางช่อง 3 รวมอยู่ด้วย จำนวน 200 หลัง ส่วนอีกกว่า 200 หลังที่เหลือเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล และจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในวันที่ 25 เมษายนนี้ คาดว่าใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 21 วัน

          สำหรับแบบที่ใช้ในการก่อสร้างนั้น คือ แบบบ้านของมูลนิธิซิเมนต์ไทย  ส่วนแรงงานมาจากกำลังพลของหน่วยทหารร่วมกับองค์กรภาคประชาชน ในส่วนของเครื่องมืออุปกรณ์ทางจังหวัดเป็นผู้ให้การสนับสนุน  หลักเกณฑ์และงบประมาณในการสร้างบ้าน ดังนี้

                 (1) แบบบ้านขนาด 27 ตารางเมตร สำหรับ 1 – 3 คน จำนวน 121 หลัง หลังละ 190,000 บาท  เป็นเงิน 22,990,000 บาท

                 (2) แบบบ้านขนาด 40 ตารางเมตร สำหรับ 4 คนขึ้นไป จำนวน 124 หลัง หลังละ 240,000 บาท เป็นเงิน 29,760,000 บาท

          โดยในการก่อสร้างบ้านนั้น จะมีกองอำนวยการสร้างบ้านระดับจังหวัดและหมู่บ้าน รวมทั้งอนุกรรมการ คชอ. เข้าไปดูแลการก่อสร้างและการเบิกจ่ายงบประมาณ เพื่อป้องกันการทุจริต
 

 


น้ำท่วม

น้ำท่วม

 


[22 เมษายน] น้ำใต้ดินพุ่งทะลักขึ้นท่วมสวนยางชาวบ้านกว่า 100 ไร่


          จ.สุราษฎร์ธานี ยังวิกฤติ! ล่าสุดเกิดน้ำใต้ดินพุ่งทะลักขึ้นท่วมสวนยางชาวบ้านกว่า 100 ไร่ ในพื้นที่ ม. 2 อ.บ้านตาขุน ขณะที่กระบี่เตรียมจ่ายเงินชดเชยให้ชาวบ้าน 

          หลังจากเกิดน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย ล่าสุดสถานการณ์เริ่มคลี่คลายแล้ว แต่หลังน้ำลดปัญหาต่าง ๆ ก็ยังไม่สามารถจัดการและแก้ไขได้ เช่น พื้นที่เกษตรของประชาชน หลายพื้นที่เสียหายหนัก บางคนเกือบสิ้นเนื้อประดาตัว ขณะที่บางพื้นที่ และขณะที่บางพื้นที่ก็ยังมีน้ำท่วมขัง 

          อย่างไรก็ตาม จ.สุราษฎร์ธานี ก็ยังมีปัญหาจากเหตุน้ำท่วมเช่นกัน โดยพื้นที่สวนยางชาวบ้านกว่า 100 ไร่ ยังประสบปัญหาน้ำท่วม เนื่องจากน้ำใต้ดินพุ่งทะลักไหลออกมาไม่หยุด ทำให้เกิดน้ำท่วมขัง ขณะช่วงถนนพื้นที่ ม.2 ต.เขาวง อ.บ้านตาขุน  ช่วง กม.51 สุราษฎร์-ตะกั่วป่า ยังมีน้ำท่วมถนนยาวประมาณ 200 เมตร  รถสัญจรไปมาไม่ได้  ซึ่งล่าสุดทางเจ้าหน้าที่เร่งให้ความช่วยเหลือชาวบ้านแล้ว 

          ขณะที่ประชาชนใน อ.พุนพิน ยังมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ ม.7 ต.ท่าข้าม ม.4 ต.ท่าสะท้อน ทำให้ชาวบ้านหลายครอบครัวยังไม่สามารถเข้าไปพักอาศัยในบ้านได้ ต้องพักอยู่ที่ศูนย์พักพิงก่อน 

          ขณะที่ สถานการณ์หลังน้ำท่วม ใน จ.กระบี่ ล่าสุด นายสมาน แสงสะอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เร่งสำรวจความเสียหาย และเตรียมสร้างบ้านใหม่ให้กับประชาชนที่เดือดร้อน คาดว่าจะใช้เวลา ประมาณไม่เกิน 3 - 4 เดือน และเตรียมส่งมอบเงินให้ชาวบ้านครอบครัวละ 5,000 บาท

 



รถไฟ


[21 เมษายน] ร.ฟ.ท. เผยน้ำท่วมภาคใต้ เสียหายกว่า 686 ล้านบาท

          การรถไฟแห่งประเทศไทย สรุปน้ำท่วมภาคใต้ เสียหายกว่า 686 ล้านบาท คาดใช้งบฯ ซ่อมแซมเส้นทางถึง  518 ล้านบาท ด้าน ครม.ยื้อไม่อนุมัติงบน้ำท่วมให้ ศธ. ขณะที่ชาวพังงาตื่น! เจอรอยแยกใหม่ยาวกว่า 300 เมตร

          นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท. เปิดเผยว่า การรถไฟแห่งประเทศไทยได้รายงานความเสียหายจากสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ ระหว่างวันที่ 25 มีนาคม - 8 เมษายน 2554 ต่อ นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยสรุปความเสียหายทั้งสิ้น คิดเป็นมูลค่ากว่า 686 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นความเสียหายจากเส้นทางชำรุด คาดว่าต้องใช้งบประมาณในการซ่อมแซมกว่า 518 ล้านบาท 

          นอกจากนี้ ยังมีความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการหยุดเดินรถไฟสายใต้ประมาณ 75 ล้านบาท แบ่งเป็นขบวนรถโดยสารและบริการเชิงสังคมกว่า 66 ล้านบาท และขบวนรถสินค้ากว่า 7.7 ล้านบาท ที่เหลือเป็นความเสียหายจากระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม

          ทางด้าน นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 เมษายน ว่า ศธ. ได้เสนอ ครม. เพื่อของบประมาณสนับสนุนการปรับปรุงซ่อมแซมสถานศึกษาและหน่วยงานที่ประสบอุทกภัยในภาคใต้ โดยเป็นงบสำรองจ่ายในกรณีฉุกเฉิน จำนวน 685,796,846 บาท เพื่อนำไปช่วยเหลือโรงเรียนที่เสียหายจากอุทกภัยจำนวน 1,355 แห่ง ใน 10 จังหวัด โรงเรียนต่าง ๆ จะได้มีความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียน แต่ ครม.ยังไม่เห็นชอบทันที และให้นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปรวบรวมรายงานความเสียหายในภาพรวมและรายละเอียดการของบจากหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อมาเสนอในที่ประชุม ครม.ในครั้งหน้าเพื่อจะพิจารณาอนุมัติในคราวเดียวกันทั้งหมด   

          ขณะที่แม้ว่าสถานการณ์น้ำท่วมในทุกพื้นที่จะคลี่คลายลงไปแล้ว แต่ยังมีชาวบ้านในหลายพื้นที่เฝ้าระวังดินถล่มอยู่อย่างต่อเนื่อง เพราะดินได้อุ้มน้ำไว้เต็มที่แล้ว และอาจจะถล่มลงมาได้ โดยเฉพาะที่จังหวัดพังงา ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายวิเชียร กะลาสัง อายุ 49 ปี อาชีพทำสวนยางพารา ว่า พบรอยแยกที่บริเวณสวนยางพารา ในหมู่บ้านบางม่า ต.ทุ่งคาโงก อ.เมือง จ.พังงา จึงรุดไปยังที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงพบว่า เป็นสวนยางพาราเพิ่งปลูกใหม่ มีความสูงชันประมาณ 25 องศา เมื่อเดินขึ้นไปห่างถนนคอนกรีตประมาณ 100 เมตร พบรอยแยกของดินมีความยาวประมาณ 300 เมตร ความลึกเป็นช่วง ๆ บางช่วงลึกถึง 1-2 เมตร โดยมีลักษณะเป็นแนวเดียวกัน และแนวดินแยกออกจากกัน

          อย่างไรก็ตาม หลังจากพบรอยแยกดังกล่าว ทำให้ชาวบ้านในละแวกนั้นกว่า 10 หลังคาเรือนเกิดความหวาดกลัว บางรายได้นำครอบครัวไปอาศัยกับญาติที่หมู่บ้านอื่น และต้องการให้ทางหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ เพื่อให้ความมั่นใจกับชาวบ้านในหมู่บ้านนี้ด้วย





[20 เมษายน] ชาวบ้านโวย ได้เงินช่วยเหลือไม่ครบ! ได้แค่ 3,343 แต่ให้เซ็นว่ารับ 5 พัน 


        ชาวบ้านโวย แจกเงินช่วยเหลือน้ำท่วมไม่เป็นธรรม ได้แค่ 3,343 แต่ให้เซ็นว่ารับ 5 พัน  ขณะที่กำนันเมืองคอนออกโรงประท้วงรัฐบาล ดำเนินการล่าช้า และเลือกปฏิบัติ

        โดยนายสุรเดช สัจจะบุตร ชาวบ้านตำบลคูหาสวรรค์ จังหวัดพัทลุง ได้เปิดเผยว่า ตนได้เปิดทางมารับเงินช่วยเหลือน้ำท่วมที่รัฐบาลมอบให้รายละ 5,000 บาท โดยเจ้าหน้าที่ให้เซ็นชื่อรับเงินในจำนวน 5,000 บาท แต่เมื่อเปิดซองเงินออกดู ตนพบเงินแค่เพียง 3,343 บาท  ตนจึงสอบถามกับเจ้าหน้าที่ ว่าทำไมตนถึงได้รับเงินไม่ครบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้กล่าวว่า เงินจำนวน 5,000 ดังกล่าวจำเป็นที่จะต้องหักส่วนหนึ่ง เพื่อไปเฉลี่ยให้กับผู้ประสบภัยรายอื่นที่ถูกตัดชื่อออก

       นายสุรเดช กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนยอมรับในจำนวนเงินที่ได้ เพราะเข้าใจว่าชาวบ้านที่ถูกตัดชื่อก็ต้องการเงินช่วยเหลือเหมือนกัน แต่มีความเห็นว่า ถ้าให้เงินเพียง 3,343 บาท  ก็น่าจะให้ตนเซ็นรับในจำนวนนั้นมากกว่า

      ขณะที่นายขาว ปานเอียด ผู้จัดการธนาคารออมสิน สาขาพัทลุง กล่าวว่า ทางธนาคารได้ตรวจสอบรายชื่อ และจำนวนผู้ประสบภัยอย่างละเอียด และได้จ่ายเงินจ่ายตามความเป็นจริง ซึ่งการหักเงินดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับทางธนาคาร แต่เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่หารเฉลี่ยเงินให้กับผู้ประสบภัยที่ถูกตัดรายชื่อออกเอง

      อย่างไรก็ตาม จากกรณีที่ นายยงยศ แก้ว​เขียวนายก​สมาคม​กำนัน​ผู้ใหญ่บ้าน​แห่ง​ประเทศไทย และชาวบ้านจ.นครศรีธรรมราชกว่า 1 พันคน ได้รวมตัวกันประท้วงเพื่อขอทราบถึงข้อเท็จจริง เมื่อวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา  ในเรื่องการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมครอบครัวละ 5,000 บาท ได้ออกมาแจ้งว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมเรื่องเงินช่วยเหลือน้ำท่วม โดยได้กล่าวโจมตี รัฐบาลว่าทำงานล่าช้า และแต่ละจังหวัดได้เงินไม่เท่ากัน โดยได้เปรียบเทียบจังหวัดตรัง ซึ่งเป็นพื้นที่ของนายชวน หลีกภัย เป็นจังหวัดเล็ก ๆ แต่ได้เงินช่วยเหลือครบร้อยเปอร์เซ็นต์ ในขณะที่จังหวัดนครศรีธรรมราชซึ่งเป็นจังหวัดที่ใหญ่กว่า และมีผู้ประสับภัยมากกว่า 7 หมื่นราย แต่ได้รับเงินช่วยเหลือเพียงแค่ 3 หมื่นรายเท่านั้น

      ล่าสุด ตัวแทนจากผู้ประท้วงได้เข้าพบนาย​ธีระ มิ​นท​รา​ศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช  โดยได้ยื่นข้อเสนอ 4 ข้อ ประกอบด้วย

            1. ขอ​ให้​มี​การ​ช่วยเหลือ​ประชาชน​ที่​เดือดร้อน​และ​ตกค้าง​ตาม​สิทธิ์ โดยเฉพาะ​ผู้​ที่​มี​ราย​ชื่อ​อยู่​แล้ว​และ​ยัง​ไม่ได้​รับ​เงิน​มา​ก่อน

            2.​ขอ​ให้​กำหนด​หลักเกณฑ์​การ​สำรวจ​ใน​รอบปี 2554 ให้​ชัดเจน​และ​แจ้ง​ผล​ให้​ทราบ​เป็น​ระยะ

            3.​ให้​จังหวัด​ประสาน​งาน​ผู้​ที่​เกี่ยวข้อง​และ​หน่วย​งาน​อื่น ๆ รวม​ทั้ง​ภาค​เอกชน สื่อมวลชน ใน​การ​ช่วยเหลือ​ประชาชน​ที่​ไม่​เข้า​หลักเกณฑ์​ตาม​ที่​รัฐ​กำหนด​ใน​ กลุ่ม​เพื่อ​ช่วยเหลือ​บรรเทา​ความ​เดือดร้อน​เบื้องต้น​ด้วย

            4.​ตาม​ข้อ​เรียก​ร้อง​ข้าง​ต้น​ใคร่​ขอ​ทราบ​ผล​การ​ดำเนิน​การ​โดย​เร็ว

            ทั้งนี้นายธีระ ได้ชี้แจงกับผู้ประท้วงว่า จะรีบนำข้อเสนอทั้งหมดไปประสานต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาทางช่วยเหลือต่อไป 

          ส่วนทางด้าน นาย​สา​ทิตย์ วงศ์​หนอง​เตย ประธาน​คณะ​กรรมการอำนวยการกำกับติดตาม​การ​ช่วยเหลือ​ผู้​ประสบ​อุทกภัย (คช​อ.) ได้ชี้แจงว่า เหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปีที่แล้ว (พ.ศ. 2553) ไม่ได้มีเกณฑ์เรื่องการจ่ายเงินชดเชยจำนวน 5,000 บาทมาก่อน แต่ก็กำลังเร่งดำเนินการจ่ายเงิน และตรวจสอบจำนวนผู้ประสบภัยตามความเป็นจริง ที่เป็นปัญหาดังกล่าวนั่นเป็นเพราะ ยอดที่แจ้งเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ  ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดพัทลุง เดิมได้รับเงินไปประมาณ 2.9 หมื่นราย ตอนนี้มียอดเพิ่มมาอีกกว่า 7 หมื่นราย จังหวัดสงขลา ได้รับเงินไปประมาณ 2 แสนราย ส่งยอดมาเพิ่มอีก 1.7 แสนราย ทำให้คณะกรรมการต้องตรวจสอบอย่างละเอียด โดยกางภาพถ่ายดาวเทียม และเมื่อกรรมการตรวจสอบแล้ว ก็มีการปรับยอดลง โดยครัวเรือนที่ถูกตัดรายชื่อออกไป ก็ไม่สามารถจ่ายเงินได้ อย่างเช่นจังหวัดนครศรีธรรมราชที่มีจำนวนผู้ประสบภัยเกินกรอบที่ขอมาตั้งแต่ต้น ทำให้ทางคณะกรรมการต้องถัวเฉลี่ยเงินให้กับครอบครัวที่ถูกตัดชื่อ


          ส่วนสถานการณ์ของจังหวัดตรัง เมื่อวานนี้ (19 เมษายน) พายุฤดูร้อนซัด อ.ห้วยยอด อย่างหนัก ส่งผลให้บ้านเรือนเกือบ 200 หลัง พังเสียหาย อีกทั้งสวนยางพารากว่า 100 ไร่ ล้มระเนระนาด ขณะนี้ได้ให้ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อยแจ้งรายชื่อมายังผู้นำท้องถิ่น เพื่อที่จะได้จัดหางบประมาณช่วยเหลือต่อไป







 [19 เมษายน]ชาวบ้านพัทลุง เครียด! พืชผลเสียหายหนัก

         ชาวบ้านพัทลุง เผย ยังเครียดหนัก หลังจากที่น้ำท่วมบ้านและพืชผลทางการเกษตรเสียหาย วอนรัฐเร่งช่วยเหลือ ขณะที่ชาวบ้านเมืองคอนหวาดผวาจระเข้ หลังหลุดออกมาจากฟาร์มกว่าพันตัว

          จากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่ผ่านมา ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรของชาวบ้าน ต.ชัยบุรี อ.เมือง จ.พัทลุง ได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะพริก ที่ชาวบ้านปลูกไว้กว่า 2,000 ไร่ เป็นรายได้หลักของชาวบ้าน เพราะต้องนำพริกขี้หนูขาวพันธุ์ชัยบุรี ส่งออกต่างประเทศ ซึ่งมีรายได้ประมาณปีละ 100 ล้านบาท แต่หลังจากเหตุการณ์อุทกภัยดังกล่าว ทำให้ชาวบ้านไม่มีรายได้ บางรายถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัว






          ทางด้าน นายจรัส สงกลิ่น ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 ต.ชัยบุรี อ.เมืองพัทลุง กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมตลอดระยะเวลา 5 เดือน ส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตร เพราะน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน ทำให้พริกที่กำลังรอการเก็บเกี่ยวถูกน้ำท่วมจนไม่เหลืออะไรเลย ทั้งนี้ตนและชาวบ้านต่างก็หมดหนทางทำมาหากิน เพราะไม่รู้ว่า จะสามารถนำเงินที่ไหนมาลงทุนอีก อย่างไรก็ตาม ตนก็ขอความช่วยเหลือไปยังรัฐบาลให้เร่งฟื้นฟู และแนะแนวทางอาชีพทางเกษตรให้เร็วที่สุด พร้อมทั้งของเงินสำรองให้แก่ชาวบ้านเพื่อกู้ไว้ทำทุนประกอบอาชีพด้วย



         ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดนครศรีธรรมราช ตอนนี้ได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ชาวบ้านก็ยังหวาดผวากับจระเข้จำนวนกว่าพันตัว ที่หลุดออกมาจากฟาร์ม  ออกมากินเป็ด และไก่ของชาวบ้าน บางตัวก็ไล่กัดชาวบ้านที่ออกไปหาปลา จนได้รับบาดเจ็บ ทำให้ชาวบ้านต่างพากันออกเรือไล่ล่าจระเข้ เพื่อป้องกันอันตรายแก่ชาวบ้าน อย่างไรก็ตม ทางเทศบาลได้จัดทีมไล่ล่า ซึ่งได้จับเป็นและจับตายไปแล้วเกือบ 10 ตัว คาดว่าหลังจากน้ำลดจะสามารถจับจระเข้ได้หมดในเร็ว ๆ นี้

        ล่าสุด ชาวบ้านเห็นจระเข้ขนาดใหญ่ประมาณ 4 เมตร ว่ายอยู่ในคลองท่าแพ จึงได้แจ้งไปทางเทศบาล จากนั้นทางเทศบาลได้ใช้อาวุธปืน จระเข้ยักษ์จนยิงเสียชีวิต







[18 เมษายน] เตือนภาคเหนือ-อีสาน-กลาง-ตะวันออก ระวังพายุฤดูร้อน


          กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือน ฉบับที่ 3 เหนือ อีสาน กลาง ตะวันออก ระวังพายุฤดูร้อน ลูกเห็บตก 18-20 เมษายน นี้

          บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลาง ได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศเวียดนามตอนบนแล้ว คาดว่า จะแผ่ลงมาปกคลุมถึงประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ในเช้าวันนี้ (18 เมษายน 54) ในขณะที่ประเทศไทย มีอากาศร้อนอบอ้าว ลักษณะเช่นนี้ ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก จึงขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนในช่วงวันที่ 18-20 เมษายนนี้ไว้ด้วย

ภาคเหนือ

          อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่งส่วนมากบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา ลำปาง น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศา ลมอ่อน ความเร็ว 6-12 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

          อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่งส่วนมากบริเวณจังหวัดหนองคาย อุดรธานี สกลนคร นครพนม มุกดาหาร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี และศรีสะเกษ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคกลาง

          อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศา อุณหภูมิสูงสุด 37-39 องศา ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก
   
          ทางตอนบนของภาคมีอากาศร้อน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดสระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศา อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

          มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

          มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดพังงา ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

          อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งอุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศา อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศา ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


น้ำท่วม



[17 เมษายน ]น้ำท่วมนครศรีธรรมราช สุราษฎ์ธานี แหล่งโบราณเสียหายหนัก

          เมื่อวันที่ 16 เมษายน พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณวรีนารีรัตน์ เสด็จเยี่ยมราษฎรที่ประสบภัยในพื้นที่ อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช โดยมี นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 รวมถึงนายทหารระดับสูง และข้าราชการต่าง ๆ เฝ้ารับเสด็จ ท่ามกลางความปลาบปลื้มของราษฎร ในการนี้พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริวัณวรีนารีรัตน์ ได้พระราชทานของขวัญให้กับราษฎรเพื่อปลอบขวัญ และมีปฏิสัณฐานกับราษฎรโดยไม่ถือพระองค์ และในวันเดียวกันนี้ ยังทรงพระราชทานครัวสายใยรัก จัดเลี้ยงอาหารแก่ผู้ประสบภัยและผู้มาเฝ้ารับเสด็จด้วย

          ขณะที่ นายพงศ์ธันว์ สำเภาเงิน หัวหน้ากลุ่มงานโบราณคดีสำนักศิลปากรที่ 14 เปิดเผยถึงความเสียหายของกลุ่มงานโบราณคดี ในส่วนของนครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี ว่า ในภาพรวมนั้นได้พบความเสียหายที่เกิดจาก 3 ลักษณะคือ กระแสน้ำพัดพา, น้ำท่วมขัง และฝนกตกหนักต่อเนื่อง โดยความเสียหายที่เกิดขึ้นพบว่า กลุ่มโบราณสถานในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราชได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยเฉพาะกำแพงเมืองนครศรีธรรมราช ที่ต้องดำเนินการเสริมความมั่นคง โดยขณะนี้กรมศิลปากรอยู่ระหว่างดำเนินการ

          ทั้งนี้ สำนักงานศิลปากรที่ 14 นครศรีธรรมราช ได้มีรายงานข้อมูลการสรุปรายงานความเสียหาย โดยระบุว่าจากการประเมินจากระยะไกล โดยอาศัยข้อมูลจากการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมในช่วงเกิดเหตุการณ์ ประกอบด้วยกลุ่มโบราณสถานเขตอำเภอสิชล ทั้งหมดเป็นโบราณสถานที่ยังไม่ดำเนินการขุดค้นทางโบราณคดี จำนวน 52 แหล่ง ดำเนินการสำรวจครั้งสุดท้ายเมื่อ พ.ศ.2553 คาดว่าร่วมสมัยกับโบราณสถานเขาคา เมื่อพุทธศตวรรษที่ 12-14 ถูกน้ำท่วมขังทั้งพื้นที่ โบราณสถานตุมปัง อำเภอท่าศาลา อยู่ในบริเวณมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ซึ่งมีน้ำท่วมทั้งพื้นที่ ส่งผลต่อวัสดุ อิฐเปื่อยยุ่ย

          กลุ่มโบราณสถานเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช คือ เก๋งจีน วัดแจ้ง ปูนฉาบมุมอาคารแตกร่อนออก น้ำท่วมภาย ในป้อมทิศตะวันตกเฉียงเหนือ อิฐเปื่อยยุ่ย พื้นทางเดินด้านหน้ากำแพงเมืองฝั่งตะวันตกทรุดเป็นหลุมลึกประมาณ 1 เมตร ป้อมหน้าเมือง ถนนราชดำเนินทรุด ผนังมีรอยแยก กำแพงเมืองมีรอยแยก ร้าวหอพระอิศวรมีน้ำแช่ขัง

          นอกจากนี้ รายงานยังระบุถึงพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ว่า เมืองโบราณเวียงสระ เป็นเมืองโบราณมีคูเมือง กำแพงเมืองล้อมรอบมีลักษณะคู คันดินโบราณสถานอิฐที่มีร่องรอยเป็นฐานอาคาร และซากเจดีย์อิฐอยู่ภายในเมืองโบราณ ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมสูง วัดควนท่าแร่ วัดท่าสะท้อน และวัดน้ำรอบ เป็นวัดในสมัยอยุธยาและสมัยรัตนโกสินทร์ ในเขตอำเภอบ้านนาเดิม และพุนพิน ทั้งสามวัดอยู่ริมฝั่งแม่น้ำตาปี มีสิ่งสำคัญอาทิ โบสถ์ เจดีย์ และที่วัดท่าสะท้อนมีประตูไม้แกะสลักรูปราหูที่ประตูลงท่าน้ำ และมีผนังโบสถ์เก่าที่ฉาบผนังด้วยดิน อยู่ภายในโบสถ์ใหม่ที่สร้างครอบไว้ ได้รับความเสียหายจารึก โบสถ์ เสียหายจากการจมแช่น้ำ

          กลุ่มโบราณสถานอำเภอพุนพิน ถูกน้ำท่วมอย่างกว้าง ขวาง และรุนแรงที่สุด มีโบราณสถานหลายแห่งในเขตนี้ ได้แก่ ควนพุนพิน เขาพระนารายณ์ (เขาศรีวิชัย) เขาพระอานนท์ เขานรเดช แหล่งทั้งหมดอยู่บนภูเขาจึงไม่มีผลกระทบจากน้ำท่วม แต่ที่เขาพระนารายณ์ มีโบราณสถานหมายเลข 15 , 16 และ 18 อยู่รอบเชิงเขาที่ได้รับการอนุรักษ์เสริมความมั่นคงแล้ว ได้รับความเสียหายเนื่องจากการถูกน้ำท่วม


[13 เมษายน] ปภ. สรุปน้ำท่วมภาคใต้ คลี่คลายไปแล้ว 8 จังหวัด

          ปภ. รายงานความเสียหายล่าสุดจากเหตุอุทกภัยภาคใต้ มีสถานการณ์อยู่ 2 จังหวัด คลี่คลายไปแล้ว 8 จังหวัด ขณะที่รัฐบาลอนุมัติงบ 935 ล้าน ช่วยน้ำท่วม

          ศูนย์ปฏิบัติการรองรับเหตุฉุกเฉิน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย สรุปสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ประจำวันที่ 12 เมษายน  (เวลา 16.00 น.) โดยปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อยู่อีก 2 จังหวัด คือ จังหวัดนครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี 5 อำเภอ 34 ตำบล 237 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 67,259 ครัวเรือน 195,793 คน

          โดยสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 8 จังหวัด คือ จังหวัดพังงา นราธิวาส สตูล ชุมพร สงขลา กระบี่ ตรัง และพัทลุง มีผู้เสียชีวิต 61 คน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 624 หลัง บางส่วน 6,225 หลัง ถนนเสียหาย 6,013 สาย สะพาน/คอสะพาน 748 แห่ง ฝาย / ทำนบ 227 แห่ง วัด/โรงเรียน 694 แห่ง สถานที่ราชการ 179 แห่ง

          ขณะที่ นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวานนี้ว่า ที่ประชุมได้มีมติอนุมัติงบประมาณจำนวน 935 ล้านบาท ในการฟื้นฟูและซ่อมแซมถนนที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ตามที่กระทรวงคมนาคมได้มีการเสนอมา


สถานการณ์ น้ำท่วมสุราษฎร์ธานี

          นายโชตินรินทร์ เกิดสม หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ผ่าน เอ็มบี แชนแนล ถึงสถานการณ์น้ำท่วมว่า ขณะนี้ได้มีการติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำจำนวน 8 เครื่อง เพื่อระบายน้ำที่ยังท่วมขังลงสู่ทะเล โดยเฉพาะ อ.พุนพิน บริเวณเทศบาลเมืองท่าข้าม ซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำที่สุด

          สำหรับชาวบ้านจำนวน 200 ครัวเรือน ที่ยังกลับเข้าบ้านไม่ได้นั้น เนื่องจากบ้านยังมีนำท่วมขัง เจ้าหน้าที่จึงต้องมีการพูดคุย เพื่อขอให้อยู่ที่ศูนย์อพยพก่อน โดยทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปดูแลเรื่องที่อยู่หลับนอนและอาหารการกินเป็นให้อย่างดี ซึ่งคาดว่า ประมาณ 5 - 7 วัน จะสามารถกลับเข้าบ้านได้

          ขณะเดียวกัน ทางสาธารณสุขจังหวัดได้เข้าไปดูแลเรื่องสุขภาพกายและสภาพจิตใจด้วย ส่วนปัญหาสัตว์เลี้ยง และพืชที่ตายในน้ำนั้น หากน้ำแห้งและมีแสงแดดส่อง ระบบนิเวศก็จะจัดการตัวมันเอง เชื่อว่าจะไม่มีปัญหา



น้ำท่วม

[12 เมษายน] ปภ.รายงานยังมีน้ำท่วมขังใน 4 จังหวัด

          กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม ถึงปัจจุบัน ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยทั้งสิ้น 4 จังหวัด 9 อําเภอ 56 ตําบล 408 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 103,378 ครัวเรือน 247,328 คน ได้แก่

          จังหวัดนครศรีธรรมราช ยังคงมีน้ำท่วมในอำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอปากพนัง แต่ระดับน้ำเริ่มลดลงแล้ว

          จังหวัดพัทลุง ยังคงมีน้ำท่วมในอำเภอเขาชัยสน อำเภอเมือง อำเภอควนขนุน ในบริเวณพื้นที่ลุ่มติดทะเลสาบสงขลา

          จังหวัดสุราษฎร์ธานี ยังคงมีน้ำท่วมขังสูงในอำเภอเมือง พื้นที่ติดริมฝั่งแม่น้ำตาปี อำเภอบ้านนาสาร อำเภอบ้านนาเดิม อำเภอพุนพิน

          จังหวัดตรัง ยังคงมีน้ำท่วมในอำเภอเมือง


          ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตนั้น ยังอยู่ที่ 61 ราย แบ่งเป็นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช 26 ราย พัทลุง 5 ราย สุราษฎร์ธานี 12 ราย ตรัง 2 ราย พังงา 1 ราย ชุมพร 3 ราย กระบี่ 12 ราย 

          ส่วนความเสียหายด้านทรัพย์สินนั้น มีบ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 535 หลัง เสียหายบางส่วน 10,574 หลัง ถนนเสียหาย 6,013 สาย ท่อระบายน้ำ 918 แห่ง ฝายและทำนบ 227 แห่ง สะพานและคอสะพาน 748 แห่ง วัดและโรงเรียน 694 แห่ง สถานที่ราชการ 179 แห่ง

          ด้านนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า มีเขตพื้นที่การศึกษาได้รับความเสียหาย 18 เขต แบ่งเป็นสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา 14 เขต และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยม 4 เขต มีโรงเรียนได้รับความเสียหาย 1,109 แห่ง แบ่งเป็นระดับประถมศึกษา 949 แห่ง มัธยมศึกษา 160 แห่ง รวมมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นกว่า 273 ล้านบาท

          สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับโรงเรียน ได้ให้เขตพื้นที่การศึกษาแต่ละเขตสำรวจ เพื่อจะเสนอคณะกรรมการภัยพิบัติจังหวัด ส่วนความเสียหายที่เกิดกับอุปกรณ์การเรียน หนังสือเรียน และโครงการเรียนฟรี 15 ปีอย่างมีคุณภาพ ให้รายงานมายังสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการพิจารณา ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

          เลขาฯ กพฐ. ยังกล่าวอีกว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้แสดงความเป็นห่วงต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น พร้อมกำชับให้เร่งฟื้นฟูให้ทันก่อนเปิดภาคเรียน





น้ำท่วม


[11 เมษายน] ปภ.รายงานเหตุน้ำท่วมมีผู้เสียชีวิตแล้ว 61 คน


            ภาคเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานคร และภาคตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ถึงกระจาย ในระยะนี้ ด้าน ปภ.เผยยังมีจังหวัดประสบภัยน้ำท่วมอีก 4 จังหวัด และมีผู้เสียชีวิตรวม 61 คนแล้ว

            ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04.00 น. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนยังคงแผ่เสริมลงมา ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานคร และภาคตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ถึงกระจาย ในระยะนี้

            พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06.00 น. วันนี้ ถึง 06.00 น. วันพรุ่งนี้

ภาคเหนือ

             มีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตาก และกำแพงเพชร อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

             มีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางด้านตะวันตกของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคกลาง

             มีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่  ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก

             มีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

             มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัด เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

             มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

               มีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


          ขณะที่วันนี้ (11 เมษายน) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ. รายงานสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ ล่าสุด ปัจจุบันมีพื้นที่ประสบภัย 4 จังหวัด นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี และ ตรัง 16 อำเภอ 136 ตำบล 1,395 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 191,506 ครัวเรือน 461,794 คน ผู้เสียชีวิต 61 ราย นครศรีธรรมราช 26 พัทลุง 5 สุราษฎร์ธานี 12 ตรัง 2 พังงา 1 ชุมพร 3 กระบี่ 12

          ส่วนการคมนาคม ทางหลวงแผ่นดิน มีน้ำท่วม 4 สายทาง จำนวน 4 แห่ง ผ่านไม่ได้ 1 แห่ง คือ ทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 4186 โรงเหล็ก-กรุงชิง ท้องที่ อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช คอสะพานขาด ที่ ก.ม. 15+125 สนามบินเปิดให้บริการได้ตามปกติแล้วทุกแห่ง รถไฟสายใต้เปิดบริการได้ทุกขบวนเป็นปกติแล้ว

          ขณะที่ทางด้าน กฟภ. แจ้งข้อมูลการใช้ไฟฟ้าผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยใน 10 จังหวัด จำนวน 720,484 ราย แก้ไขและจ่ายไฟฟ้าได้แล้ว จำนวน 716,582 ราย ยังจ่ายไฟไม่ได้ 3,902 ราย เนื่องจากถนนชำรุดน้ำท่วมสูง เสาไฟฟ้าล้ม ต้นไม้โค่นทับระบบจำหน่าย






[10 เมษายน] ศชอ.เตือน อ.นบพิตำ สิชล เขาพนม ระวังดินถล่มซ้ำ

           กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ เหลือ 4 จังหวัด ยังประสบปัญหา ขณะที่ผู้เสียชีวิต เพิ่มเป็น 61 รายแล้ว ด้าน ศชอ.เตือน อ.สิชล อ.นบพิตำ อ.เขาพนม ระวังดินถล่มซ้ำ

           กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ ปัจจุบันมีสถานการณ์ 4 จังหวัด นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี และ ตรัง 16 อำเภอ 136 ตำบล 1,395 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 191,506 ครัวเรือน 461,794 คน จำนวนผู้เสียชีวิต 61 ราย

          จังหวัดนครศรีธรรมราช 26 ราย
          จังหวัดพัทลุง 5 ราย
          จังหวัดสุราษฎร์ธานี 12 ราย
          จังหวัดตรัง 2 ราย
          จังหวัดพังงา 1 ราย
          จังหวัดชุมพร 3 ราย
          จังหวัดกระบี่ 12 ราย น

          บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 396 หลัง บางส่วน 10,412 หลัง สิ่งสาธารณประโยชน์เสียหายเบื้องต้นถนน 5,769 สาย ท่อระบายน้ำ 679 แห่ง ฝายทำนบ 198 แห่ง สะพาน คอสะพาน 578 แห่ง วัด โรงเรียน 694 แห่ง สถานที่ราชการ 176 แห่ง

           ส่วนการฟื้นฟู ระบบสาธารณูปโภค ของการประปาส่วนภูมิภาคสุราษฎร์ธานี สามารถผลิต และแจกจ่ายน้ำ จำนวน 2 แห่ง ได้สูงสุด 30 %

           ยังผลิตน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทั้งนี้คาดว่า จะผลิตน้ำได้เพียงพอกับความต้องการประมาณวันที่ 10 เมษายนนี้ กฟภ. แจ้งข้อมูลการใช้ไฟฟ้าผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยใน 10 จังหวัด จำนวน 720,476 ราย แก้ไขและจ่ายไฟฟ้าได้แล้ว จำนวน 712,654 ราย ยังจ่ายไฟไม่ได้ 7,822 รายเนื่องจากถนนชำรุดน้ำท่วมสูง เสาไฟฟ้าล้ม ต้นไม้โค่นทับระบบจำหน่าย

          ขณะที่ ศชอ.เปิดเผยว่า ทางกรมทรัพยากรน้ำได้แจ้งเตือนให้ประชาชน ในพื้นที่ อ.นบพิตำ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช และ อ.เขาพนม จ.กระบี่ เฝ้าระวังเหตุดินถล่มซ้ำ หลังพบรอยแยกของดินในพื้นที่ โดยแนะนำให้ใช้ความระมัดระวังในการอพยพประชาชน


สถานการณ์ น้ำท่วมนครตรัง

          นายพิศาล เต้งเฉี้ยง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ต.หนองตรุด อ.เมือง จ.ตรัง กล่าวว่า บ้านของชาวบ้าน 4 หลังที่พนังกันแม่น้ำตรังแตก น้ำท่วมไหลทะลักอย่างแรง พัดบ้าน 4 หลัง หายไปกับน้ำ ขณะนี้ชาวบ้านยังไม่มีบ้านพักอาศัย ต้องมาพักอาศัยชั่วคราว ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน คือ บ้านของตน บางครอบครัว ก็อยู่ในเต็นท์

          ทางด้าน นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้สั่งการให้ดำเนินการตามขั้นตอน ในขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่า หน่วยงานไหนจะมาช่วยก่อสร้าง หรือวัสดุก่อสร้าง ให้ชาวบ้านที่เดือดร้อน ตนเองและชาวบ้านทั้ง 4 หลัง รอทางรัฐลงพื้นที่ดังกล่าว เพราะน้ำยังท่วมขังประมาณ 1 เมตร ยังเข้าไปสำรวจไม่ได้

สถานการณ์ น้ำท่วมนครศรีธรรมราช

          ที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยโรงเรียนนบพิตำวิทยา อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช นายณรงค์ศักดิ์ กำมเลส ผู้ว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค นายนริศ ศรีนวล รองผู้ว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พร้อมด้วยผู้บริหารการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้เดินทางมาเยี่ยมผู้ประสบภัย โดยมี นายเกรียงไกร ตันตยกุล ผู้อำนวยการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 2 ภาคใต้ จ.นครศรีธรรมราช ให้การต้อนรับ

          โดย นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า ในส่วนพื้นที่ที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ที่บ้านกรุงชิง ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้นำเครื่องสำรองไฟฟ้า เพื่อจ่ายไฟให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ให้ได้ใช้กระแสไฟ้โดยด่วน โดยระดมทีมงานชุดก่อสร้างจาก จ.เพชรบุรี และ พัทลุง จำนวน 56 ทีม ตะลุยและระดมเข้าไปในพื้นที่ในการก่อสร้าง เพื่อเร่งจ่ายกระแสไฟฟ้าเต็มที่แล้ว

          ทั้งนี้ ในตอนนี้พื้นที่ อ.นบพิตำ ได้จ่ายกระแสไฟฟ้าให้ประชาชนได้ใช้แล้ว 80% ยังเหลือพื้นที่หมู่ 7 ต.ห้วยดง และหมู่ 8 ต.ทับน้ำเต้า หมู่ 9 ห้วยแก้ว-กรุงชิง ยังไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้ เพราะถนนถูกตัดขาด


ข่าวน้ำท่วม น้ำท่วมภาคใต้


[9 เมษายน] ชาวนครศรีฯ ตื่นพบรอยแยกบนเขาเหล็กแห่งที่ 3


          กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เผยสถานการณ์น้ำท่วมใต้ ยอดตายพุ่ง 59 ราย ประชาชนเดือดร้อนกว่า 4.6 แสนคน คลี่คลายแล้ว 6 จังหวัด

          กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย สรุปสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้ ในวันที่ 9 เมษายน 2554 ในส่วนของพื้นที่ประสบภัย ปัจจุบันมีสถานการณ์ 4 จังหวัด ประกอบด้วย นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี และจังหวัดตรัง รวม 26 อำเภอ 136 ตำบล 1395 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน กว่า 19,000 ครัวเรือน หรือ กว่า 4.6 แสนคน สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 6 จังหวัด ประกอบด้วย พังงา นราธิวาส สตูล ชุมพร สงขลา กระบี่ ความเสียหายจากปัญหาดังกล่าวพบมีผู้เสียชีวิต จำนวน 59 ราย โดย จังหวัดนครศรีธรรมราช มากสุด จำนวน 26 ราย และจังหวัดสุราษฎร์ธานี 12 ราย

          ด้านพืชผลทางการเกษตร เสียหายจำนวน 1.8 แสนราย พื้นที่การเกษตรประสบภัยกว่า 1.1ล้าน ไร่ แบ่งเป็นโดยพื้นที่เสียหายจากดินโคลนถล่ม ไม่เกิน 50,000 ไร่ เนื่องจากสถานการณ์อุทกภัยครั้งนี้ คาดว่าจะไม่ดำรงอยู่ยาวนาน จึงไม่ทำให้ต้นยางพาราที่มีอายุมากเสียหาย ทางด้านการคมนาคมพบทางหลวงแผ่นดิน มีน้ำท่วม 4 สายทาง จำนวนรวม 4 แห่ง ยังสัญจรผ่านไม่ได้ 1 แห่ง คือ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4186

          ส่วนที่สถานีรถไฟตรัง นายประหยัด กาญจนโสภณ นายสถานีรถไฟตรัง เผยว่า ขณะนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดให้บริการเดินรถสายใต้ได้แล้ว ในวันนี้สถานีรถไฟตรัง ก็มีประชาชนโดยสารมากับขบวนรถด่วน กรุงเทพ-ตรัง และรถเร็วกรุงเทพ -กันตัง กันเป็นจำนวนมาก ส่วนขาขึ้นทั้ง 2 ขบวน มีผู้โดยสารเข้าแถวตั้งแต่เช้า ซื้อตั๋วโดยสารเพื่อไปกรุงเทพกันเป็นจำนวนมาก ส่วนสาเหตุที่รถด่วนและรถเร็วจากกรุงเทพเข้ามาช้า 2 ชั่วโมง เป็นเพราะการซ่อมบำรุงเส้นทางรถไฟ ซึ่งถูกน้ำท่วมที่ท่าชนะ ท่าฉาง สุราษฎร์ธานี รถใช้ความเร็วไม่ได้ ต้องวิ่งได้แค่ 30 ก.ม./ช.ม. การรถไฟแห่งประเทศไทย จะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสาร และขบวนรถเป็นสำคัญ





          ขณะที่ช่วงเช้าวันนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ออกเดินทางจากกองการบิน กรมการขนส่งทหารบก ลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อตรวจเยี่ยมพบปะประชาชน และแจกถุงยังชีพให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุอุทกภัย ที่โรงเรียนบ้านเผียน ต.เทพราช อ.สิชล พร้อมตรวจเยี่ยมสถานที่ ที่ได้รับความเสียหายที่บ้านเผียนด้วย 

          จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้ตรวจเยี่ยมพบปะประชาชนและแจกถุงยังชีพที่โรงเรียนนบพิตำ อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช พร้อมตรวจสะพานที่ได้รับความเสียหายที่บ้านพังหรัน หมู่ที่  5  อ.นบพิตำ โดยในช่วงบ่ายนายกรัฐมนตรี จะเดินทางลงพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อตรวจระบบน้ำประปาใน 4 จุดสำคัญ ก่อนเดินทางกลับ กทม. ในช่วงเย็น

          เช่นเดียวกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง พร้อมคณะ ที่วันนี้ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยและดินโคลนถล่มที่จังหวัดกระบี่ โดยมี นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการให้การต้อนรับ ที่ท่าอากาศยานจังหวัดกระบี่

          จากนั้น ได้เดินทางไปยังหมู่ที่ 7 บ้านต้นหาญ ต.หน้าเขา อ.เขาพนม ตรวจเยี่ยมพื้นที่ที่ถูกดินโคลนถล่มและรับฟังการบรรยายสรุปที่ศูนย์บรรเทาสาธารภัย กองทัพภาคที่ 4 พร้อมทั้งตรวจเยี่ยมบ้านน็อคดาวน์ จำนวน 44 หลัง ที่มอบให้แก่ผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ดังกล่าว รวมทั้งพบปะให้กำลังใจแก่ราษฎรผู้ประสบภัยที่โรงเรียนบ้านควนผึ้ง และมอบเงินค่าจัดทำศพให้แก่ญาติผู้เสียชีวิต จำนวน 10 ราย และมอบเงินให้ นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการ จ.กระบี่ เพื่อมอบให้แก่ราษฎรผู้ที่ประสบภัย และได้รับความเดือดร้อนอีกด้วย


รอยแยกเขาเหล็ก นครศรีธรรมราช

รอยแยกแห่งที่ 3 บนเขาเหล็ก


สถานการณ์ น้ำท่วมนครศรีธรรมราช

  ชาวนครศรีฯ พบรอยแยกแห่งที่ 3 บนเขาเหล็กอีก

          เจ้าหน้าที่ได้รับรายงานจากชาวบ้านในพื้นที่ ม.1 ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ ว่าได้พบรอยแยกใหม่เป็นแห่งที่ 3 บนยอดเขาเหล็ก ระยะทางยาวประมาณ 100 เมตร กว้าง 1 เมตร และยังไม่สามารถวัดความลึกได้ ซึ่งอยู่ห่างจากรอยแยกที่ 1 ประมาณ 1 กม.

          ทั้งนี้ พล.ต.เดชา กิ่งวงษา รอง มทภ.4 และนายเดชา กังสนันท์ ปลัดจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบรอยแยกดังกล่าว พร้อมกับอพยพราษฎรที่อยู่บริเวณเชิงเขาใกล้รอยแยกดังกล่าวไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว เนื่องจากหวั่นเกรงว่า หากมีฝนตกลงมาอีก อาจทำให้เกิดเหตุดินโคลนถล่มและน้ำป่าไหลหลากได้อีกระลอก

  กฟภ.เร่งกู้ระบบไฟฟ้าที่นบพิตำ

          จากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น ทำให้จนถึงขณะนี้ชาวตำบลกรุงชิง อำเภอนบพิตำยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ซึ่งทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้นำเครื่องสำรองไฟฟ้ามาจ่ายไฟให้กับประชาชนแล้ว และกำลังเร่งสร้างสายส่งเข้ามาจ่ายกระแสไฟฟ้า ทั้งนี้ จากการที่เจ้าหน้าที่ระดมกำลังกันเข้ามาช่วยเหลือ ทำให้สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าในอำเภอนบพิตำได้กว่า 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว ยังเหลือที่บริเวณหมู่ 7 หมู่ 8 และหมู่ 9 ที่ยังไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้ เพราะเส้นทางถูกตัดขาดเสียหายอย่างหนัก

สถานการณ์ น้ำท่วมนครตรัง

          สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดตรัง ขณะนี้ระดับน้ำเริ่มลดลงแล้ว แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังอยู่ในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่อำเภอเมือง และกันตัง ซึ่งอยู่สองฝั่งแม่น้ำตรัง น้ำยังคงท่วมขังสูงกว่า 1 เมตร มีประชาชนได้รับความเดือดร้อน 21 หมู่บ้าน รวมกว่า 7 พันคน

          ขณะที่ ปภ.ตรัง สรุปเหตุน้ำท่วมมี 10 อำเภอ 80 ตำบล 33,536 ครัวเรือน ประชาชนได้รับความเดือดร้อนประมาณ 1 แสนคน มีบ้านเรือนพังเสียหายทั้งหลังจำนวน 17 หลัง และเสียหายบางส่วนนับร้อยหลังคาเรือน ซึ่งขณะนี้การสำรวจยังไม่แล้วเสร็จ ส่วนพืชผลทางการเกษตร ประมงและปศุสัตว์ เสียหายไปแล้วกว่า 7 หมื่นไร่ ถนนและสะพานชำรุดกว่า 30 แห่ง คาดมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 80 ล้านบาท










[8 เมษายน] ศชอ.เตือน 8-12 เม.ย.ฝนจ่อถล่มภาคใต้อีก

          เหตุน้ำท่วมภาคใต้พบผู้เสียชีวิตแล้ว 58 ราย โดยจังหวัดนครศรีธรรมราชเสียชีวิตมากสุดถึง 25 ราย ขณะที่รถไฟสายใต้กลับมาให้บริการตามปกติแล้ว ด้าน ศชอ.เตือนชาวใต้ระวังฝนตกอีกระลอก 8-12 เม.ย.

          กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์อุทกภัยในภาคใต้ ล่าสุดพบผู้เสียชีวิต เพิ่มเป็น 58 ราย แล้วดังนี้

          จังหวัดนครศรีธรรมราช 25 ราย
          จังหวัดพัทลุง 5 ราย
          จังหวัดสุราษฎร์ธานี 12 ราย
          จังหวัดตรัง 2 ราย
          จังหวัดพังงา 1 ราย
          จังหวัดชุมพร 3 ราย
          จังหวัดกระบี่ 10 ราย

           และปัจจุบันมี 4 จังหวัดที่สถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย ประกอบด้วย จ.นครศรีธรรมราช จ.พัทลุง จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.ตรัง พื้นที่ประสบภัย 63 อำเภอ 438 ตำบล 3,863 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 535,432 ครัวเรือน 1,707,115 ราย ส่วนจังหวัดที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 6 จังหวัด คือ จ.พังงา จ.นราธิวาส จ.สตูล จ.ชุมพร จ.สงขลา และ จ.กระบี่

           ส่วนความเสียหายด้านการเกษตร พื้นที่การเกษตรประสบภัย 1,106,150 ไร่ แบ่งเป็นข้าว 319,955 ไร่ พืชไร่ 59,282 ไร่ พืชสวนและอื่น ๆ 726,913 ไร่ สำหรับยางพารา ประมาณการพื้นที่คาดว่า จะเสียหายจากดินโคลนถล่มไม่เกิน 50,000 ไร่ เนื่องจากสถานการณ์อุทกภัยครั้งนี้ คาดว่า จะไม่ยาวนาน จึงไม่ทำให้ต้นยางพาราที่มีอายุมากเสียหาย

           ส่วนการคมนาคม ทางหลวงแผ่นดินมีน้ำท่วม 13 สายทาง จำนวนรวม 13 แห่ง ผ่านไม่ได้ 8 แห่ง ถนนสาย 41 หน้าสนามบินสุราษฎร์ธานี รถสามารถสัญจรไปมาได้แล้ว สนามบินเปิดให้บริการได้ตามปกติแล้วทุกแห่งแล้ว

          ขณะที่รถไฟสายใต้ ทุกขบวนเริ่มกลับมาเปิดให้บริการตามปกติทุกขบวน เป็นวันแรกในวันนี้ หลังจากที่ต้องหยุดยาวมากว่า 10 วัน เนื่องจากเส้นทางถูกน้ำท่วมที่ จ.สุราษฎร์ธานี โดยผู้โดยสารสามารถจองตั๋วเดินทางได้ตามตารางเดินรถปกติ โดยเฉพาะเส้นทางไป - กลับกรุงเทพมหานคร ทั้งรถด่วน รถเร็ว รวมทั้งรถท้องถิ่น

          ในส่วนของผู้โดยสารในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่จะเดินทางขึ้นกรุงเทพฯ เฉพาะวันนี้ ต้องเดินทางมาขึ้นที่สถานีรถไฟหาดใหญ่ เนื่องจากรถไฟทุกขบวน จะเริ่มตั้งต้นที่สถานีรถไฟหาดใหญ่ และจะเปิดให้บริการตามปกติวันพรุ่งนี้ ส่วนขาล่องจากกรุงเทพฯ ทุกขบวนสามารถเดินทางได้ตามปกติ จนถึงสถานีปลายทางในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

          อย่างไรก็ตาม นายวิทเยนทร์ มุตตามระ รอง ผอ.ศูนย์ประสานงานการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย (ศชอ.) ยังได้เตือนประชาชนชาวใต้ว่าให้เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดการณ์ว่า ช่วงวันที่ 8-12 เม.ย.นี้ จะมีหย่อมความกดอากาศสูงเคลื่อนตัวลงมาจากประเทศจีน ซึ่งจะทำให้เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ รวมถึงภาคใต้ เพราะฉะนั้น ประชาชนจึงไม่ควรประมาท หากฝนตกลงมาอีก อาจทำให้ดินตามเขาซึ่งอุ้มน้ำไว้เต็มที่แล้วถล่มลงมาอีกระลอกได้ จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เชิงเขา 5 จังหวัด ประกอบด้วย นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี พัทลุง ตรัง และชุมพร เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด



สถานการณ์ น้ำท่วมนครศรีธรรมราช

          ชาวบ้านอำเภอปากพนังกำลังหวาดผวา หลังพบเห็นจระเข้โผล่ในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในตำบลคลองกระบือ และตำบลคลองน้อย ซึ่งมีรายงานว่า จระเข้ได้ทำร้ายคน เจ้าหน้าที่จึงได้จัดกำลังเข้าไปไล่ล่าแล้ว และสามารถจับตายจระเข้หนักประมาณ 40 กก.ยาวประมาณ 2 เมตรได้ 1 ตัว

          อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่สวนสัตว์สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ 84 (ทุ่งท่าลาด) เทศบาลนครนครศรีธรรมราช กล่าวว่า เหตุการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมาทำให้จระเข้หลุดออกไปได้ 11 ตัว ขณะนี้จับได้แล้ว 6 ตัว โดยจับตาย 4 ตัว และจับเป็น 2 ตัว ขณะที่อีก 5 ตัวนั้น พบว่ามี 3 ตัวยังอยู่ที่บึงน้ำภายในสวนสัตว์ ขณะที่อีก 2 ตัว ชาวบ้านพบเห็นอยู่ที่บริเวณวัดคลอง วัดโคกสะท้อน และภายในบ่อเลี้ยงปลาของประมงจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งส่งได้เจ้าหน้าที่ไปติดตามอย่างใกล้ชิดแล้ว


สถานการณ์ น้ำท่วมสุราษฎร์ธานี

          ในอำเภอพุนพินยังคงมีน้ำท่วมสูง เนื่องจากเป็นพื้นที่รับน้ำ โดยขณะนี้ประชาชนขาดน้ำสะอาดและน้ำดื่ม ทำให้ ศชอ.ประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งขอรับบริจาคภาชนะรองรับน้ำ เช่น ถัง แกลลอน และส่งน้ำสะอาดกว่า 1 แสนขวดไปให้ประชาชนแล้ว

           ติดตาม ข่าวน้ำท่วม น้ำท่วมสุราษฎร์ธานี ได้ที่นี่ค่ะ




น้ำท่วม




[7 เมษายน] สนามบินทุกแห่งเปิดบริการตามปกติ 


          ปภ. รายงานสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ พบยอดผู้เสียชีวิตแล้ว 54 ราย ด้านสนามบินทุกแห่ง เปิดบริการตามปกติแล้ว ขณะที่ กฟภ. เร่งฟื้นฟูระบบไฟฟ้า

          กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ. รายงานสถานการร์น้ำท่วม 10 จังหวัดภาคใต้ ปัจจุบันมีสถานการณ์ 6 จังหวัดที่น้ำยังท่วม ทั้ง จ.นครศรีธรรมราช จ.พัทลุง จ.สุราษฎร์ธานี จ.ตรัง จ.สงขลา และ จ.พังงา ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 564,973 ครัวเรือน 1,897,801 คน โดยมีผู้เสียชีวิตเป็น 54 ราย จ.นครศรีธรรมราช 22 ราย จ.สุราษฎร์ธานี 11 ราย จ.พัทลุง 5 ราย จ.กระบี่ 10 ราย จ.ชุมพร 3 ราย จ.ตรัง 2 ราย จ.พังงา 1 ราย 

          ด้านทรัพย์สิน/สิ่งสาธารณประโยชน์ บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 376 หลัง เสียหายบางส่วน 3,686 หลัง สิ่งสาธารณประโยชน์เสียหายเบื้องต้น ถนน 4,575 สาย ท่อระบายน้ำ 409 แห่ง ฝาย 75 แห่ง สะพาน/คอสะพาน 428 แห่ง วัด/โรงเรียน 680 แห่ง สถานที่ราชการ 89 แห่ง 

          ส่วนการคมนาคม ทางหลวงแผ่นดิน มีน้ำท่วม 17 สายทาง จำนวนรวม 19 แห่ง ผ่านไม่ได้ 11แห่ง -ถนนสาย 41 บริเวณสี่แยก Co–op. หน้าสนามบินสุราษฎร์ธานี รถสามารถสัญจรไปมาได้แล้ว สนามบินเปิดให้บริการได้ตามปกติแล้วทุกแห่งแล้ว รถไฟสายใต้ให้บริการได้ถึงสถานีรถไฟไชยา จำนวน 2 ขบวนและรถไฟสายนครศรีธรรมราช - สุไหงโกลก เปิดให้บริการได้

          ขณะที่ กฟภ. แจ้งข้อมูลการใช้ไฟฟ้าผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยใน 10 จังหวัด จำนวน 719,965 ราย แก้ไขและจ่ายไฟฟ้าได้แล้ว จำนวน 689,975 ราย ยังจ่ายไฟไม่ได้ 29,990 ราย เนื่องจากถนนชำรุดน้ำท่วมสูง เสาไฟฟ้าล้ม ต้นไม้โค่นทับระบบจำหน่าย


สถานการณ์ น้ำท่วมนครศรีธรรมราช

  ชาวสิชลยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ เหตุไม่มีนายอำเภอ

          ชาวบ้าน อ.สิชล หลายพื้นที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ เหตุตำแหน่งนายอำเภอ ว่างยาวกว่า 6 เดือน ขณะรักษาการที่ไม่มีอำนาจตัดสินใจได้เต็มที่

          นายเดชา กังสนันท์ ปลัดจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผย สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า เหตุอุทกภัยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ อ.สิชล นั้น มีประชาชนกว่า 110 หมู่บ้าน ได้รับความเดือดร้อน แต่การช่วยเหลือจากทางอำเภอไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ เพราะขาดตำแหน่งนายอำเภอมากว่า 6 เดือนแล้ว โดยขณะนี้มีนายเฉลิม เพชรรัตน์ ปลัดอาวุโสรักษาการแทนอยู่ ซึ่งการตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ นั้น ไม่มีอำนาจที่สามารถกระทำได้อย่างเต็มที่ ทำให้ประชาชนในบางพื้นที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ

          เบื้องต้น ตนได้ลงพื้นที่สำรวจตรวจสอบในส่วนของบ้านเรือน ถนนสายต่าง ๆ ที่ได้ความเสียหายที่มีจำนวนมาก ซึ่งยังไม่สามารถทำการซ่อมแซมถมคอสะพานได้ในขณะนี้ เนื่องจากสภาวะน้ำท่วมยังทรงตัวอยู่ หากเกิดฝนตกลงมาอีก จะทำให้การทำถนนนั้นต้องหยุดชะงัก ต้องรอประเมินสถานการณ์อีกครั้ง ส่วนการช่วยเหลือชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขังถูกตัดขาดนั้น ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ นำอาหาร ยา และเวชภัณฑ์ ไปหย่อนให้แล้วทั้งใน อ.สิชล และ อ.นบพิตำด้วย

          ด้านนายเฉลิม เพชรรัตน์ ปลัดอำเภออาวุโส รักษาการแทนนายอำเภอ ซึ่งเมื่อเกิดภัยพิบัติธรรมชาติครั้งนี้ การช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อนที่ทางอำเภอยังช่วยเหลือไม่เต็มที่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง จึงทำอะไรไม่ได้ถนัด เพราะตำแหน่งรักษาการนายอำเภอไม่มีอำนาจเด็ดขาด เพราะไม่ได้เป็นนายอำเภอตัวจริง กรรมจึงตกเป็นของชาวบ้าน ดังนั้น นายสมหมาย ชลสินธุ์ กำนันตำบลทุ่งใส ในฐานะประธานชมรมกำนันอำเภอสิชลและคณะกำนันทั้งอำเภอสิชล จะได้ทำแผ่นป้ายประกาศรับสมัครนายอำเภอ ติดไว้ที่ หน้าที่ว่าการอำเภอสิชล เพื่อต้อนรับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ที่จะมาเยี่ยมผู้ประสบภัยวันนี้ เพื่อที่จะให้ทางกรมการปกครองได้แต่งตั้งนายอำเภอสิชลตัวจริงมาโดยเร็ววัน


  ทหารลุยซ่อมสะพานข้ามคลองใน อ.นบพิตำ
 
          กรมการทหารช่างราชบุรี ได้นำกำลังพลทหารจำนวน 1 กองร้อย พร้อมรถแบ็กโฮ รถแทร็กเตอร์ ลุยเข้าซ่อมคอสะพานข้ามคลอง หมู่ที่ 12 ต.นบพิตำ ซึ่งถูกน้ำพัดสะพานขาด ซึ่งทหารช่างได้ใช้เวลาซ่อมสะพานคลองกันได้สำเร็จภายในวันนี้ ทำให้ชาวบ้านนบพิตำ และชาวบ้านหลายหมู่บ้าน ผ่านไปมาได้อีกจุดหนึ่งโดยความสะดวกหลังจากที่กำลังทหารเสร็จภารกิจจุดแรกสำเร็จ ได้เคลื่อนย้ายกำลังพล และเครื่องจักร และสะพานแบบเอ็ม 4 หรือสะพานแบริ่ง ได้ซ่อมสะพานในหมู่บ้านอื่นอีก ท่ามกลางชาวบ้านหลายคนที่ตามไปช่วยเหลือ และให้กำลังใจทหารตลอดเวลา


สถานการณ์ น้ำท่วมพัทลุง

          สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดพัทลุง โดยเฉพาะพื้นที่ริมทะเลสาบ ใน 3 อำเภอ อาทิ อ.ควนขนุน อ.เมืองพัทลุง และ อ.เขาชัยสน ระดับน้ำยังท่วมสูง 80 เซนติเมตร และยังคงลดอย่างช้า ๆ เนื่องจากน้ำทะเลหนุน ทำให้บ้านเรือนราษฎร นาข้าว และสวนปาล์มน้ำมัน ยังจมอยู่ใต้น้ำ โดยเฉพาะนาข้าวได้รับความเสียหายแล้วกว่า 33,547 ไร่

          ขณะที่ชาวนาใน ต.ชัยบุรี อ.เมือง จ.พัทลุง โอดครวญ วอนราชการเร่งช่วยเหลือทั้งพันธุ์ข้าว และค่าชดเชยน้ำท่วม เนื่องจากที่ผ่านมาในรอบ 4 เดือน ชื้ออเมล็ดพันธุ์ข้าวทำนามาแล้ว 3 ครั้ง แต่ถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหายทุกครั้ง ล่าสุด จากการสำรวจพื้นที่นาข้าว ทั้ง อ.ควนขนุน และ อ.เมืองพัทลุง ขณะนี้ พบการระบาดของหอยเชอรี่ครอบคลุมทั้ง 2 อำเภอ โดยจะวางไข่บนต้นไม้และบนต้นข้าว ทำให้นาข้าวที่รอดจากถูกน้ำท่วมกลับมาได้รับความเสียหายอีกครั้ง เพราะหอยเชอรี่กัดกินจนได้รับความเสียหาย


สถานการณ์ น้ำท่วมสุราษฎร์ธานี

          สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ที่เขตเทศบาลเมืองท่าข้าม อ.พุนพิน ระดับน้ำลดลงกลับเข้าสู่ภาวะปกติเกือบทั้งหมดแล้ว มีเพียงชุมชนที่อยู่ติดริมแม่น้ำตาปี ที่ระดับน้ำยังท่วมสูงอยู่ เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ

          ด้านจังหวัดทหารบกสุราษฎร์ธานี นำกำลังทหารช่างนับ 100 นาย เข้าช่วยชาวบ้านทำความสะอาดบ้านเรือน ถนน และบาทวิถี ที่ถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหาย ขณะเดียวกัน แขวงการทางสุราษฎร์ธานี ได้ออกสำรวจเส้นทางและใช้เครื่องจักรกลหนัก ปรับปรุงซ่อมแซมถนนที่สภาพชำรุด และเป็นอันตรายในการเดินทาง ให้สามารถใช้สัญจรไปมาได้แบบชั่วคราวไปก่อน

          ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม หน่วยงานทางภาครัฐแลเอกชน ยังคงระดมถุงยังชีพเข้าสู่พื้นที่น้ำท่วมอย่างไม่ขาดสาย มีการตั้งจุดซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้าฟรี เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมด้วย

           ขณะที่มีรายงานด้วยว่า ปีนี้เทศบาลเมืองท่าข้ามซึ่งได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมมากที่สุด ประกาศงดจัดเทศกาลสงกรานต์ เช่นเดียวกับที่เทศบาลตำบลวัดประดู่ อำเภอเมือง และ อบต.คลองน้อยที่ประกาศงดจัดงานสงกรานต์ตามที่วางแผนไว้เช่นกัน เพราะหลายพื้นที่ยังมีน้ำท่วมสูง


           ติดตาม ข่าวน้ำท่วม น้ำท่วมสุราษฎร์ธานี ได้ที่นี่ค่ะ



สนามบินนครศรีธรรมราช


น้ำท่วมภาคใต้

 
[6 เมษายน] สนามบินนครศรีธรรมราชเปิดให้บริการตามปกติแล้ว
 

          สนามบินนครศรีฯ กลับมาเปิดให้บริการตามปกติแล้ววันนี้ ด้านกรมอุตุฯ รายงานประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งลมกระโชกแรง

          กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานสภาพอากาศประจำวันที่ 6 เมษายนว่า บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางปกคลุมด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานคร มีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ในระยะนี้

          ทั้งนี้ ภาคเหนือ อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค

          ภาคกลาง อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดสระบุรี พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี และราชบุรี ขณะที่ภาคตะวันออก ทางตอนบนของภาค อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี และตราด

          ด้านภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

          ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

          กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับลมกระโชกบางแห่ง

          ขณะที่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ. รายงานสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ ล่าสุด เช้านี้ สถานการณ์เริ่มคลี่คลายแล้ว โดยสถานการณ์คลี่คลายอยู่ระหว่างการฟื้นฟู 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพังงา นราธิวาส และสตูล ( ชุมพร สถานการณ์คลี่คลายอยู่ระหว่างฟื้นฟู ยกเว้น อ.หลังสวน ) ส่วนผู้เสียชีวิตมี 51 ราย ประกอบด้วย นครศรีธรรมราช 21 สุราษฎร์ธานี 10 พัทลุง 5 กระบี่ 10 ชุมพร 2 ตรัง 2 พังงา 1

          ส่วนความเสียหาย ด้านทรัพย์สิน/สิ่งสาธารณประโยชน์ บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 208 หลัง บางส่วน 3,332 หลัง สิ่งสาธารณประโยชน์เสียหายเบื้องต้น ถนน 4,476 สาย ท่อระบายน้ำ 409 แห่ง ฝาย 75 แห่ง สะพาน/คอสะพาน 418 แห่ง วัด/โรงเรียน 368 แห่ง สถานที่ราชการ 89 แห่ง

         
สถานการณ์ น้ำท่วมนครศรีธรรมราช

    สนามบินนครศรีฯ เปิดให้บริการเต็มรูปแบบแล้ว

          นายนิสิต สมบัติ ผู้อำนวยการท่าอากาศยาน นครศรีธรรมราช เปิดเผย สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ผ่าน เอ็มบี แชนแนล ถึงความคืบหน้าการเปิดท่าอากาศยาน
ใช้งานอีกครั้ง ภายหลังประสบปัญหาน้ำท่วม จนต้องปิดให้บริการไปก่อนหน้านี้ โดย นายนิสิต กล่าวว่า ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช สามารถเปิดให้บริการได้เต็มรูปแบบแล้ว โดยมีเที่ยวบินพาณิชย์เที่ยวบินแรกลงจอด ในช่วง 08.30 น.นี้ ซึ่งได้ประสานกับผู้ประกอบการในทุกสายการบินเรียบร้อยแล้ว

          อย่างไรก็ตาม ในเรื่องความปลอดภัยนั้น นายนิสิต ยืนยันว่า ระบบรันเวย์ แม้จะถูกน้ำท่วม แต่ไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ ยังสามารถให้บริการลงจอดของเครื่องบินได้ตามปกติ เนื่องจากน้ำที่ท่วมถึงนั้นไม่นาน ขณะที่มีบางจุดเกิดการทรุดตัวอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่จุดที่สำคัญ หรือเกี่ยวข้องกับการลงจอดของเครื่องบิน ซึ่งก่อนที่ท่าอากาศยาน จะเปิดให้บริการได้นั้น ต้องยึดถือมาตรฐานความปลอดภัย ตามที่องค์กรการบินระหว่างประเทศกำหนด

          ส่วนอนาคตนั้น นายนิสิต กล่าวว่า ต้องมีการวางแผน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดน้ำท่วมขึ้นอีก ซึ่งวานนี้ อธิบดีกรมการบินพลเรือน ได้มาเป็นประธานการประชุมหารือผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางแผนป้องกันไม่ให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้อีก โดยเบื้องต้น ท่าอากาศยานอาจทำเรื่องของบประมาณเพื่อปรับยกระดับรันเวย์เพิ่ม ขณะที่มูลค่าความเสียหายนั้น ยังอยู่ระหว่างการประเมิน


    ชาวนบพิตำ 4 หมู่บ้านยังถูกตัดขาด

          สถานการณ์น้ำป่าและดินโคลนถล่มในพื้นที่ตำบลกรุงชิง อำเภอนบพิตำ เริ่มคลี่คลายแล้ว แต่หลายพื้นที่ยังถูกตัดขาดจากโลกภายนอก เช่น หมู่ที่ 3 ,6,7,8 ตำบลกรุงชิง เส้นทางถูกตัดขาด ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ จึงทำได้เพียงส่งเสบียงถุงยังชีพผ่านทางเฮลิคอปเตอร์แทน



ข่าวน้ำท่วม น้ำท่วมพัทลุง

น้ำท่วมพัทลุง


สถานการณ์ น้ำท่วมพัทลุง

          สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดพัทลุงแม้น้ำจะเริ่มลดในหลายพื้นที่แล้ว แต่ในพื้นที่ราบลุ่มริมทะเลสาบสงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำก่อนไหลลงสู่ทะเล เช่น ตำบลชัยบุรี ตำบลลำปำ อำเภอเมือง ตำบลมะกอกเหนือ ตำบล พนางตุง ตำบลทะเลน้อย อำเภอควนขนุน ตำบลหารโพธ์ ตำบลจองถนน อำเภอเขาชัยสน รวม 32 หมู่บ้าน น้ำยังท่วมอยู่

          ด้าน ปภ.พัทลุง รายงานว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากน้ำท่วมคิดเป็นมูลค่าความเสียหาย  รวม 131,514,400 บาท






ข่าวน้ำท่วม




[5 เมษายน] ศชอ. เตือน 5 จังหวัดใต้ เสี่ยงดินถล่มอีก

         เกือบทั่วทุกภาคของไทย มีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ในวันที่ 5-6 เม.ย.นี้ ขณะที่ะดับน้ำในภาคใต้ส่วนใหญ่คงที่ ปริมาณน้ำฝนตกน้อยลง ส่วน ศชอ. เตือน 5 จังหวัดใต้ เสี่ยงดินถล่มอีก

         กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานวันนี้ (5 เมษายน) บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนแผ่เสริมลงมา ปกคลุมด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานคร มีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ในระยะนี้ 5-6 เมษายน 2554

         สำหรับกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตั้งแต่เวลา 06:00 น.วันนี้ - 06:00 น.วันพรุ่งนี้ อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ กับลมกระโชกบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศา

         ขณะที่ ศชอ. เตือน 5 จังหวัดใต้ เสี่ยงดินถล่มอีก ได้แก่ ชุมพร นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี พัทลุง และตรัง ทางด้านกระทรวงสาธารณสุข เผยยอดผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยภาคใต้ ล่าสุด 53 รายแล้ว เบื้องต้นช่วยครอบครัวละ 10,000 บาท

         อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายแล้วอยู่ระหว่างการฟื้นฟู 3 จังหวัด ได้แก่ พังงา สตูล และนราธิวาส แต่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 7 จังหวัด 82 อำเภอ 560 ตำบล 4,613 หมู่บ้าน 563,030 ครัวเรือน 1,946,691 คน ได้แก่ นครศรีธรรมราช พัทลุง  สุราษฎร์ธานี ตรัง ชุมพร  สงขลา และกระบี่

         สำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตและสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดที่ประสบภัยได้ประสานความร่วมมือกับจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ประสบภัย จัดส่งเรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์ เรือ HDPE พร้อมไม้พาย เรือไฟเบอร์กลาส เรือยาง เครื่องเรือหางยาว และเครื่องเรือเร็ว รถบรรทุก รถเครน รถไฟฟ้าส่องสว่างรถยูนิม็อค รถตรวจการณ์ เครื่องอุปโภคบริโภค ถุงยังชีพ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุด ERT สนับสนุนการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วนแล้ว

         ตลอดจนจัดเจ้าหน้าที่เร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ สุดท้ายนี้ หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานและให้ความช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป


สถานการณ์ น้ำท่วมนครศรีธรรมราช

         สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดนครศรีธรรมราช น้ำท่วมในพื้นที่ 23 อำเภอ 165 ตำบล 1,551 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 312,500 ครัวเรือน 909,251 คน โดยขณะนี้ฝนหยุดตกในหลายพื้นที่แล้ว แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังอยู่ตามพื้นที่ต่าง ๆ เช่น พื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง ในเขตอำเภอปากพนัง เชียรใหญ่ หัวไทร และเฉลิมพระเกียรติ ระดับน้ำในแม่น้ำสายต่าง ๆ ยังสูงอยู่ โดยเฉพาะพื้นที่ราบลุ่มต่ำซึ่งเป็นพื้นที่การเกษตร ระดับน้ำท่วมสูง 1.00 - 1.50 เมตร ทางกรมชลประทาน ยังระบายน้ำด้วยการเปิดประตูระบายน้ำ เพื่อเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของพื้นที่ในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ระดับน้ำในคลองต่าง ๆ ที่ไหลเข้าสู่เขตเทศบาลเริ่มลดลง

         สำหรับพื้นที่การเกษตรเสียหาย 580,816 ไร่ ผู้เสียชีวิต 20 ราย ได้แก่ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช  ลานสกา ร่อนพิบูลย์ พระพรหม พิปูน เฉลิมพระเกียรติ หัวไทร จุฬาภรณ์  ชะอวด ขนอม  สิชล นบพิตำ ปากพนัง พรหมคีรี ท่าศาลา ถ้ำพรรณรา ช้างกลาง  เชียรใหญ่ ฉวาง  นาบอน ทุ่งใหญ่ ทุ่งสง  และบางขัน


    ร.พ.ท่าศาลา เปิดให้บริการแล้วหลังน้ำท่วม 

         นายแพทย์กิตติ รัตนสมบัติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยถึง สถานการณ์ล่าสุดหลังโรงพยาบาลปิดให้บริการ จากเหตุน้ำท่วมหนักว่า ขณะนี้โรงพยาบาลสามารถใช้บริการได้ทุกแผนกเกือบ 100 % ไม่ว่าจะเป็นห้องตรวจโรคทั่วไป ห้องฉุกเฉิน หรือ ห้องผ่าตัด 

         ส่วนห้องแล็ป ก็สามารถใช้บริการได้ แต่ยังไม่เต็มที่ เนื่องจากมีอุปกรณ์บางส่วนเสียหาย ซึ่งต้องรอการส่งเครื่องมือเข้ามาเพิ่มเติม พร้อมยืนยันว่า จำนวนแพทย์ และพยาบาลที่ประจำการมีเพียงพอ โดยเบื้องต้น มีแพทย์ที่คอยให้บริการ จำนวน 16 คน ทั้งนี้ จะมีประชาชนมารับบริการ 600-800 คนต่อวัน โดยส่วนใหญ่จะเป็นโรคที่มากับน้ำทั่วๆ ไป เช่น น้ำกัดเท้า โรคหวัด ยังไม่พบอาการร้ายแรง 


สถานการณ์ น้ำท่วมสุราษฎร์ธานี

         สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในเขต จ.สุราษฎร์ธานี ในพื้นที่ลุ่มน้ำตาปี ปริมาณฝนลดน้อยลง ระดับน้ำที่บริเวณต้นน้ำแม่น้ำตาปีเริ่มลดลง แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตรสูงประมาณ 0.60 เมตร ในเขต อ.กาญจนดิษฐ์ ไชยา และท่าชนะ

         โดยใน จ.สุราษฎร์ธานี เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 19 อำเภอ 129 ตำบล 1,047 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 114,034 ครัวเรือน 433,013 คน ผู้เสียชีวิต 10 ราย พื้นที่การเกษตรเสียหาย 318,757 ไร่ ได้แก่ อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี ดอนสัก กาญจนดิษฐ์ ไชยา  เวียงสระ ท่าชนะ บ้านนาสาร บ้านนาเดิม คีรีรัฐนิคม  เกาะสมุย วิภาวดี พุนพิน ท่าฉาง พระแสง  เกาะพะงัน พนม บ้านตาขุน ชัยบุรี และเคียนซา


           ติดตาม ข่าวน้ำท่วม น้ำท่วมสุราษฎร์ธานี ได้ที่นี่ค่ะ


สถานการณ์ น้ำท่วมพัทลุง

         พัทลุง น้ำท่วมพื้นที่ 11 อำเภอ 65 ตำบล 622 หมู่บ้าน 45 ชุมชน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 49,850 ครัวเรือน 199,400 คน ผู้เสียชีวิต 2 ราย พื้นที่การเกษตรเสียหาย 288,132 ไร่ ได้แก่ อำเภอเมืองพัทลุง เขาชัยสน ควนขนุน กงหรา ศรีบรรพต บางแก้ว ป่าพะยอม ศรีนครินทร์ ป่าบอน ตะโหมด และปากพยูน


สถานการณ์ น้ำท่วมตรัง

         ตรัง เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 10 อำเภอ 77 ตำบล 522 หมู่บ้าน และ 5 เทศบาล ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 31,135 ครัวเรือน 79,990 คน ผู้เสียชีวิต 2 ราย ได้แก่ อำเภอเมืองตรัง ห้วยยอด รัษฎา นาโยง ย่านตาขาว วังวิเศษ กันตัง สิเกา หาดสำราญ และปะเหลียน


สถานการณ์ น้ำท่วมชุมพร

          ชุมพร เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 8 อำเภอ 1 เทศบาลเมือง 63 ตำบล 567 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 22,481 ครัวเรือน 65,671 คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 4,332 ไร่ ผู้เสียชีวิต 2 ราย ได้แก่ อำเภอเมืองชุมพร  สวี หลังสวน  ละแม  พะโต๊ะ ทุ่งตะโก ปะทิว และท่าแซะ


สถานการณ์ น้ำท่วมสงขลา

          สงขลา เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 3 อำเภอ 21 ตำบล 110 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 11,638 ครัวเรือน 35,378 คน ได้แก่ อำเภอระโนด กระแสสินธุ์ และรัตภูมิ


สถานการณ์ น้ำท่วมกระบี่

         ส่วน จ.กระบี่ ในเขต อ.เมือง ยังคงมีฝนตก ระดับน้ำในคลองต่าง ๆ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ส่วนในพื้นที่อื่น ๆ ระดับน้ำในลำน้ำต่าง ๆ ที่สูงขึ้นไหลเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร และพื้นที่ชุมชน

          ติดตาม ข่าวน้ำท่วม น้ำท่วมกระบี่ ได้ที่นี่ค่ะ


   




[4 เมษายน] น้ำท่วมเมืองคอนเริ่มทุเลา ประชาชนยังขาดแคลนอาหาร 

          กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สรุปตัวเลขล่าสุด น้ำท่วมภาคใต้ เสียชีวิตแล้ว 45 ราย ยังมีพื้นที่ประสบภัย 10 จังหวัด คนเดือดร้อนกว่า 2 ล้านคน

          กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ. รายงาน พื้นที่ประสบภัย 10 จังหวัด ในเขตภัยพิบัติน้ำท่วมภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี ตรัง ชุมพร สงขลา กระบี่ พังงา สตูล และ จังหวัดนราธิวาส 100 อำเภอ 646 ตำบล 5,229 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 581,085 ครัวเรือน 2,009,134 คน

          สถานการณ์คลี่คลายอยู่ระหว่างการฟื้นฟู 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพังงา นราธิวาส และ จังหวัดสตูล (จังหวัดชุมพร สถานการณ์คลี่คลายอยู่ระหว่างฟื้นฟู ยกเว้นอำเภอหลังสวน) มีผู้เสียชีวิต 45 ราย จากนครศรีธรรมราช 19 ราย สุราษฎร์ธานี 10 ราย พัทลุง 2 ราย กระบี่ 9 ราย ชุมพร 2 ราย ตรัง 2 ราย และพังงา 1 ราย

           ขณะกรมอุตุนิยมวิทยาเตือน บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อน ประกอบกับมีลมใต้พัดปกคลุมภาคกลางและภาคตะวันออกลักษณะเช่นนี้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้บางแห่ง

           อนึ่งในช่วงวันที่ 5-7 เมษายน 2554 จะมีบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีน แผ่เสริมลงมาปกคลุม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ ทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานคร มีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเพิ่มมากขึ้นในระยะนี้

           สำหรับ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ตั้งแต่เวลา 06:00 น.วันนี้ - 06:00 น.วันพรุ่งนี้ อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับลมกระโชกบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศา ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ช.ม.

          ด้านนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงเรียนวัดจันดี ต.หลักช้าง อ.ช้างกลาง จ.นครศรีธรรมราช ที่ประสบภัยน้ำท่วมกว่า 2 เมตร ว่า ได้รับรายงานเบื้องต้นว่า มีโรงเรียนได้รับความเสียหายจากอุทกภัยกว่า 1,200 โรงเรียน โดยกระทรวงศึกษาธิการจะทำการฟื้นฟูให้ทันเปิดภาคเรียน ในเดือนพฤษภาคม ที่จะถึงนี้

          สำหรับการช่วยเหลือเบื้องต้น สำนักงานปลัดกระทรวงได้อนุมัติงบประมาณให้ 3 แสนบาท สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. อนุมัติงบประมาณให้ 11 เขต พื้นที่การศึกษา เขตละ 2 แสนบาท และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา อนุมัติงบประมาณให้วิทยาลัยต่าง ๆ ออกไปจัดตั้งศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน หรือ Fix it Center ซ่อมแซมเครื่องมือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เสียหายจากน้ำท่วม เพื่อช่วยเยียวยา ประชาชนในเบื้องต้น หลังจากน้ำท่วมผ่านไปแล้ว จะมีมาตรการดำเนินการต่อไป และจะมีการรวมพลัง ศธ. ทั้งหมดฟื้นฟูโรงเรียน ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม ให้กลับสู่สภาพเดิมโดยเร็ว


สถานการณ์ น้ำท่วมนครศรีธรรมราช

          สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดนครศรีธรรมราช จนถึงขณะนี้ไม่มีปริมาณน้ำฝนตกลงมาแล้ว  ระดับน้ำในหลาย ๆ อำเภอ ยังคงที่ ทั้งนี้ มีบางจุดระดับน้ำเริ่มลดลง ซึ่งหากยังไม่มีปริมาณน้ำฝนตกลงมาอย่างนี้ติดต่อกันหลายวัน อาจจะทำให้ระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง

           ส่วนชาวบ้านที่ประสบความเดือดร้อนจากภัยน้ำท่วมจนบ้านเรือนได้รับความเสีย หาย แต่ไม่ต้องการอพยพออกมาในพื้นที่ที่ปลอดภัย เนื่องจากเป็นห่วงบ้านเรือนของตน ซึ่งปัญหาคือ การขาดแคลนอาหาร เพราะการเดินทางออกมาจากที่พักที่ค่อนข้างลำบาก แต่ก็มีหน่วยงานต่าง ๆ ทยอยนำข้าวสารอาหารแห้งเข้าแจกจ่ายช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว

          ขณะที่ พ.อ.อนุสรณ์ ปัญญะบูรณ์ เสนาธิการกองพลทหารช่าง กรมทหารช่างราชบุรี ได้นำกำลังกรมทหารช่างจำนวน 100 นาย และเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ เรือสะพานชั่วคราว และรถสายพานเอนกประสงค์ เดินทางมาถึงอำเภอนบพิตำ เพื่อเตรียมพร้อมลุยเข้าไปในพื้นที่ตำบลกรุงชิง อำเภอนบพิตำ ให้การซ่อมสะพานและในพื้นที่ ที่พังเสียหาย จำนวน 11 จุด และถนนอีกหลายจุด ซึ่งจะได้ส่งเครื่องบินขึ้นเฮลิคอปเตอร์ และถนนที่เสียหายทั้งหมด ก่อนที่จะนำเครื่องจักรขนาดใหญ่ เข้าซ่อมสะพานภายในวัน 2 วัน นี้ต่อไปแล้ว

          ทั้งนี้ ปภ.รายงานว่า จังหวัดนครศรีธรรมราช มีน้ำท่วมในพื้นที่ 23 อำเภอ 161 ตำบล 1,462 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 292,500 ครัวเรือน 909,251 คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 580,816 ไร่ ผู้เสียชีวิต 19 ราย ได้แก่ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช  ลานสกา ร่อนพิบูลย์ พระพรหม พิปูน เฉลิมพระเกียรติ หัวไทร จุฬาภรณ์  ชะอวด ขนอม  สิชล นบพิตำ ปากพนัง พรหมคีรี ท่าศาลา ถ้ำพรรณรา ช้างกลาง  เชียรใหญ่ ฉวาง  นาบอน ทุ่งใหญ่ ทุ่งสง  และบางขัน


   ผู้ใหญ่บ้านเกาะทวดเผยน้ำลดแล้ว-ไร้ไฟฟ้าใช้
 
          นายสุทธิชัย ชื่นชม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ตำบลเกาะทวด อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวถึง สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ว่า เมื่อช่วงคืนที่ผ่านมาไม่มีฝนตกซ้ำลงมาอีก ทำให้ปริมาณน้ำในพื้นที่ลดลง อีกประมาณ 6 ซ.ม. โดยระดับน้ำบนพื้นผิวการจราจรอยู่ที่ประมาณ 1.80 เมตร แต่ระดับน้ำที่ท่วมขังในพื้นที่ บ้านเรือนประชาชนยังคงอยู่ที่ระดับ 2 เมตรเศษ ซึ่งในส่วนของชีวิตความเป็นอยู่ ของชาวบ้าน ยังคงต้องเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมขัง และยังมีสัตว์มีพิษ เช่น งู ตะขาบ ที่อาจจะออกมาในช่วงน้ำท่วม จะต้องเพิ่มความระมัดระวังในเรื่องนี้อีกด้วย

          ขณะที่ของรับบริจาคในขณะนี้ ยังต้องการในเรื่องของอาหารแห้ง น้ำดื่ม และยารักษาโรค เพราะหลังจากเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมประมาณ 9 วัน ของที่รับบริจาคมาได้ทำการแจกจ่ายให้กับชาวบ้านเกือบหมดแล้ว อีกทั้งเรื่องของการประกอบอาหาร ที่ขณะนี้ในพื้นที่กระแสไฟฟ้าถูกตัดขาด ทำให้ต้องใช้ถ่านหุงต้ม ในการประกอบอาหาร ซึ่งในพื้นที่ ที่มีการเตรียมถ่านหุงต้มประมาณ 20 กระสอบ เพื่อแจกจ่ายให้กับชาวบ้านแล้ว

    วัด 3 เเห่ง อ.นบพิตำ ดินถล่มทับพังเสียหาย
 
          เจ้าอาวาสวัดเขาเหล็ก ซึ่งรับผิดชอบดูแลวัดในพื้นที่ตำบลกรุงชิง และตำบลนบพิตำ เปิดเผยว่า วัดจำนวน 3 แห่งในตำบลกรุงชิง คือ วัดหน้าแจ้ง หมู่ 7 ตำบลป่าบ้านห้วยตง และสำนักสงฆ์ทับน้ำเต้า หมู่ 8 ตำบลกรุงชิง และวัดเขาเหล็ก ถูกดินถล่มสไลด์ทับกุฏิพังเสียหายทั้ง 3 แห่ง ใช้การไม่ได้ ยังไม่ได้สำรวจความเสียหาย ต้องอพยพพระสงฆ์ กว่า 10 รูป ออกจากพื้นที่แล้ว จนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่ได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของวัดทั้ง 3 แห่ง ว่ามีอะไรหลงเหลืออยู่บ้าง เพราะ เจ้าอาวาสวัดเขาเหล็ก และพระลูกวัด ก็ต้องหนีตายออกมาก่อน

     คปภ.นครศรีฯ ตั้งศูนย์แจ้งเหตุผู้ประสบภัยน้ำท่วม

          นายวิชิต เพชรยอด ประชาสัมพันธ์ จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากสำนักงาน คปภ. จ.นครศรีธรรมราช ว่า ตามที่ จ.นครศรีธรรมราช เกิดเหตุน้ำท่วมในทุกพื้นที่ ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน เพื่อเป็นการช่วยเหลือ และบรรเทาความเดือดร้อนของผู้เอาประกันภัย สำนักงาน คปภ. ได้ร่วมกับชมรมประกันวินาศภัย จ.นครศรีธรรมราช ได้จัดตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุผู้ประสบภัยน้ำท่วม ด้านการประกันภัยขึ้น ณ สำนักงาน คปภ. จ.นครศรีธรรมราช เลขที่ 86 หมู่ ถนนมะขามชุม -นาเคียน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช

          ทั้งนี้ ผู้ที่เอาประกันภัยทรัพย์สิน ได้รับความเสียหายจากภัยน้ำท่วม สามารถแจ้งเหตุได้ที่สำนักงาน คปภ. จ.นครศรีธรรมราช หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 075-347322 , 080-7488841 หรือ สายด่วนประกันภัย 1186


สถานการณ์ น้ำท่วมตรัง

          การประปา จ.ตรัง เริ่มจ่ายน้ำแก่ประชาชนผู้ใช้บริการแล้ว โดยกำหนดช่วงเวลา 05.00 น. - 20.00 น. ขณะที่ ปภ.รายงานสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.ตรัง เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 10 อำเภอ 77 ตำบล 522 หมู่บ้าน และ 5 เทศบาล ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 31,135 ครัวเรือน 79,990 คน ผู้เสียชีวิต 2 ราย ได้แก่ อำเภอเมืองตรัง ห้วยยอด รัษฎา นาโยง ย่านตาขาว วังวิเศษ กันตัง สิเกา หาดสำราญ และปะเหลียน


          ติดตาม ข่าวน้ำท่วม น้ำท่วมตรัง ได้ที่นี่ค่ะ


สถานการณ์ น้ำท่วมกระบี่

          สถานการณ์น้ำท่วม จ.กระบี่ หลังจากได้เกิดเหตุดินถล่มในหลายพื้นที่ รวมถึงภาวะน้ำท่วมบ้านเรือนประชาชนเดือดร้อนจำนวนมากนั้น ล่าสุดเริ่มคลี่คลายแล้ว ขณะที่ ปภ.สรุปว่า จังหวัดกระบี่ได้เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 7 อำเภอ 49 ตำบล 343 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 43,370 ครัวเรือน 228,772 คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 150 ไร่ ผู้เสียชีวิต 7 ราย ได้แก่ อำเภอเมืองกระบี่ เขาพนม  ลำทับ  เกาะลันตา เหนือคลอง  คลองท่อม และอ่าวลึก


          ติดตาม ข่าวน้ำท่วม น้ำท่วมกระบี่ ได้ที่นี่ค่ะ



สถานการณ์ น้ำท่วมสุราษฎร์ธานี

           สถานการณ์น้ำท่วมที่สุราษฎร์ธานี แม้ฝนจะหยุดตกแล้ว แต่สถานการณ์ยังน่าเป็นห่วงโดยเฉพาะ ต.ลีเล็ด ต.หนองไทย ระดับน้ำท่วมสูง เส้นทางคมนาคมถูกตัดขาดหลายสาย และในบางพื้นที่กระแสน้ำเชี่ยวกราก ทำให้การเดินทางเข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนนั้นเป็นไปอย่างยากลำบาก

          ขณะที่ ปภ.รายงานว่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 19 อำเภอ 129 ตำบล 1,041 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 114,035 ครัวเรือน 433,013 คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 318,757 ไร่  มีผู้เสียชีวิต 10 ราย ได้แก่ อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี ดอนสัก กาญจนดิษฐ์ ไชยา  เวียงสระ ท่าชนะ บ้านนาสาร บ้านนาเดิม คีรีรัฐนิคม  เกาะสมุย วิภาวดี พุนพิน ท่าฉาง พระแสง  เกาะพะงัน พนม บ้านตาขุน ชัยบุรี และเคียนซา

           ติดตาม ข่าวน้ำท่วม น้ำท่วมสุราษฎร์ธานี ได้ที่นี่ค่ะ


สถานการณ์ น้ำท่วมพัทลุง

           สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ของจังหวัดพัทลุง ระดับน้ำได้ลดลงแล้วหลังฝนหยุดตก แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ริมทะลสาบสงขลาใน 4 อำเภอ คือ อ.เมือง อ.ควนขนุน อ.เขาชัยสน และ อ.บางแก้ว มีผู้ประสบภัยยังได้รับความเดือดร้อน จำนวน 150 หมู่บ้าน มีระดับน้ำสูงเฉลี่ย 70 เซนติเมตร

          ด้าน ปภ.รายงานว่า จังหวัดพัทลุงมีน้ำท่วมพื้นที่ 11 อำเภอ 65 ตำบล 622 หมู่บ้าน 45 ชุมชน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 45,850 ครัวเรือน 199,400 คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 288,132 ไร่ ผู้เสียชีวิต 2 ราย ได้แก่  อำเภอเมืองพัทลุง เขาชัยสน ควนขนุน กงหรา ศรีบรรพต บางแก้ว ป่าพะยอม ศรีนครินทร์ ป่าบอน ตะโหมด และปากพยูน


           ติดตาม ข่าวน้ำท่วม น้ำท่วมพัทลุง ได้ที่นี่ค่ะ


สถานการณ์ น้ำท่วมพังงา

          ที่จังหวัดพังงา ขณะนี้ท้องฟ้าเริ่มโปร่งใส มีแสงแดดจ้า อากาศร้อนอบอ้าวในบางพื้นที่ อยู่ที่ 24 องศา และบางจุดในพื้นที่จังหวัดพังงา ยังคงมีฝนตกลงมาโปรยปราย แต่ก็เว้นระยะห่าง อย่างไรก็ตาม ทางด้าน นายธำรงค์ เจริญกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา กล่าวว่า จะไม่ประมาทและเฝ้าระวังในพื้นที่ ที่ยังคงมีฝนตก ส่วนจะเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมขังและน้ำป่าไหลหลากซ้ำรอย และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าอีกด้วย


สถานการณ์ น้ำท่วมสงขลา

           ชาวบ้านในพื้นที่ อ.ระโนด จ.สงขลา ที่ได้รับความเดือดร้อนจากภาวะน้ำท่วมบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร ระดมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ กว่า 200 เครื่อง จากทั่วทุกหมู่บ้าน สูบน้ำที่ท่วมพื้นที่การเกษตร และบ้านเรือนประชาชน ในพื้นที่ 3 ตำบล คือ ต.พังยาง ต.โรง และ ต.ระโนด เพื่อระบายลงสู่ทะเลสาบสงขลา รวมทั้งระดมมาช่วยกันเป็นค่าน้ำมัน และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ หลังจากที่ไม่สามารถรอความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐที่ล่าช้าได้ และต้องประสบกับปัญหาน้ำท่วมมานานกว่า 1 สัปดาห์ ส่งผลให้พื้นที่การเกษตรเสียหายไปแล้วกว่า 70 % โดยเฉพาะนาข้าวที่กำลังตั้งท้อง ซึ่งจมอยู่ใต้น้ำ และเน่าเปื่อยเสียหายลงกว่า 12,000 ไร่ ต้องประสบกับปัญหาภาวะขาดทุน และเดือดร้อนอย่างหนัก โดยชาวบ้าน ต่างเร่งช่วยกันสูบน้ำออกจากพื้นที่

           ทั้งนี้ ปภ.รายงานสรุปว่า ได้เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 3 อำเภอ 21 ตำบล 110 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 11,638 ครัวเรือน 35,378 คน ได้แก่ อำเภอระโนด กระแสสินธุ์ และรัตภูมิ


สถานการณ์ น้ำท่วมชุมพร

          ปภ.รายงานสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดชุมพรว่า เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 8 อำเภอ 1 เทศบาลเมือง 63 ตำบล 567 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 22,481 ครัวเรือน 65,671 คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 4,332 ไร่ ผู้เสียชีวิต 2 ราย ได้แก่ อำเภอเมืองชุมพร  สวี หลังสวน  ละแม  พะโต๊ะ ทุ่งตะโก ปะทิว และท่าแซะ





น้ำท่วม ข่าวน้ำท่วม




คลิป น้ำหลากทำสะพานหักที่บ้านเขาน้อย ต.ลำพูน อ.บ้านนาสาร สุราษฎร์ธานี จากคุณ Kadsararat Naunsad




[3 เมษายน] ยอดตาย น้ำท่วมภาคใต้ 40 ราย

         ปภ.เผย ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันภาคใต้ 40 ราย ด้าน ศชอ. ประชุมวางแผนฟื้นฟูหลังน้ำลด ก่อนรายงานคณะรัฐมนตรี


          กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ. เปิดเผยความคืบหน้า สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 10 จังหวัดภาคใต้ ว่า ล่าสุดพบผู้เสียชีวิตเช้าวันที่ 3 เมษายน 2554 จำนวน 40 ราย ประกอบด้วย

          จ.นครศรีธรรมราช 17 ราย
          จ.พัทลุง 3 ราย
          จ.สุราษฎร์ธานี 10 ราย
          จ.ตรัง 2 ราย
          จ.ชุมพร 2 ราย
          จ.กระบี่ 7 ราย

          ขณะที่ กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งประกาศเตือนให้ประชาชนบริเวณพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม ต้องระมัดระวังภัยจากน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลไหลากต่อไปอีก 1 - 2 วัน

          อย่างไรก็าม ทางด้าน นายวิทเยนทร์ มุตตามระ รองผู้อำนวยการศูนย์ประสานการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย (ศชอ.) กล่าวว่า ในวันนี้เวลาประมาณ 10.30 น. จะมีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางแผนในตการช่วยเหลือฟื้นฟู และเยียวยา ประชาชนในพื้นที่ประสบภัย รวมทั้ง การใฃมอบเงินช่วยเหลือ ก่อนจะนำผลประชุมที่สรุปได้ นำเข้ารายงานต่อคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (4 เมษายน)

          ทางด้าน นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า ขณะนี้มีพื้นที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ 10 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี ตรัง ชุมพร สงขลา กระบี่ พังงา สตูล และ นราธิวาส ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 100 อำเภอ 641 ตำบล 5,169 หมู่บ้าน จำนวน 579,062 ครัวเรือน หรือกว่า 2,000,000 ราย

          สถานการณ์คลี่คลายอยู่ระหว่างการฟื้นฟู 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพังงา นราธิวาส และ สตูล โดยขณะนี้ มีผู้เสียชีวิต 40 ราย ประกอบด้วย จังหวัดนครศรีธรรมราช 17 ราย สุราษฎร์ธานี 10 ราย พัทลุง 2 ราย กระบี่ 7 ราย ชุมพร 2 ราย และ ตรัง 2 ราย มีบ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 17 หลัง เสียหายบางส่วน 848 หลัง สิ่งสาธารณประโยชน์ เสียหายเบื้องต้น ถนน 2,804 สาย สะพาน/คอสะพาน 251 แห่ง วัด/โรงเรียน 296 แห่ง สถานที่ราชการ 76 แห่ง พื้นที่การเกษตรประสบภัย 917,793 ไร่ สำหรับยางพารา ประมาณการพื้นที่คาดว่า จะเสียหายจากดินโคลนถล่มไม่เกิน 50,000 ไร่ เนื่องจากสถานการณ์อุทกภัยครั้งนี้จะคลี่คลายได้เร็ว ไม่ทำให้ต้นยางพาราที่มีอายุมากเสียหาย


อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

          ทางด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนออกเดินทางจากกรมการขนส่งทหารบก ไปดูปัญหาอุทกภัยที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ว่า ตนจะลงไปดูสถานการณ์ในพื้นที่ เพื่อประเมินสถานการณ์ก่อนว่าหลังจากนี้ จะต้องลงพื้นที่ที่ประสบภัยขึ้นบ่อยหรือไม่ ซึ่งสถานการณ์ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในขณะนี้ถือว่าอยู่ในระดับที่หนัก

          สำหรับภารกิจของนายกรัฐมนตรีในวันนี้ ช่วงเช้าจะลงพิ้นที่เพื่อพบปะประชาชน และแจกถุงยังชีพที่โรงพยาบาลสวนสราญรมย์ อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ขณะที่ในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีจะไปแจกถุงยังชีพให้กับประชาชนที่ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง และจะเดินทางกลับถึงกรุงเทพมหานคร

สถานการณ์ น้ำท่วมพัทลุง

          สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จังหวัดพัทลุง ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย คือ นายเฉลิม เกื้อพรหม อายุ 52 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 10 ต.โคกม่วง อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ได้ออกไปหาปลามาทำกับข้าวเลี้ยงครอบครัว หลังขาดรายได้ช่วงน้ำท่วม แต่ถูกกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากพัดจมน้ำหาย จนมาเจอเสียชีวิตดังกล่าว

          ขณะน้ำยังคงท่วมใน 5 อำเภอ แถบริมทะเลสาบ คือ อ.เมือง อ.ควนขนุน อ.เขาชัยสน อ.บางแก้ว และ อ.ปากพะยูน โดยเฉพาะพื้นที่ หมู่ที่ 3, 4 ต.จองถนน หมู่ 8 ต.หานโพธิ์ อ.เขาชัยสน น้ำทะเลหนุนบวกกับน้ำเหนือจากพื้นที่เทือกเขาบรรทัด ไหลเอ่อล้น ก่อนลงสู่ทะเลสาบสงขลา ทำให้ชาวบ้านกว่า 800 ครัวเรือน ได้รับความเดือดร้อน ต้องย้ายไปอาศัยอยู่กับญาติ และพื้นที่หมู่ที่ 7 บ้านหัวป่าเขียว ต.ทะเลน้อย ชาวบ้านยังคงอาศัยอาคารศิลปะชีพจำนวน 33 ครัวเรือน เนื่องจากน้ำยังท่วมสูง ยังไม่สามารถกลับเข้าบ้านได้

          พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบรมราชูปถัมภกสภากาชาดไทย และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สภานายิกาสภากาชาดไทย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ นายแผน วรรณเมธี เลขาธิการสภากาชาดไทย เป็นผู้แทนพระองค์ นำเงินพระราชทานจัดชื้อถุงยังชีพ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในภาคใต้ จำนวน 1,000 ชุด ในพื้นที่ อำเภอบางแก้ว จังหวัดพัทลุง สร้างความปราบปลื้มแก่ผู้ประสบภัยเป็นล้นพ้น

          สำหรับ อ.บางแก้ว จังหวัดพัทลุง ประสบอุทกภัยมาแล้วหลายระลอก ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งแต่ละครั้งในพื้นที่ดังกล่าว จะมีน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน เนื่องจากเป็นพื้นที่ราบลุ่ม และรับน้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัด ของ อ.กงหรา อ.ตะโหมด ก่อนไหลลงสู่ทะเลสาบสงขลา


สถานการณ์ น้ำท่วมนครศรีธรรมราช

          ในเช้าวันนี้สภาพทั่วไปใน จังหวัดนครศรีธรรมราช ฝนหยุดตกแล้ว มีแสงแดดให้ชาวบ้านได้พบเห็น สำหรับสภาพน้ำท่วมในหลายอำเภอ ระดับน้ำเริ่มลดลงและแห้ง แต่ยังมีหลายอำเภอที่มีสภาพน้ำยังคงท่วมสูงและยังไม่ลด เช่น อ.เชียรใหญ่ อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.ชะอวด โดยเฉพาะที่ ต.เคร็ง อ.ชะอวด ระดับน้ำยังคงสูง ซึ่งการช่วยเหลือนำสิ่งของบรรเทาทุกข์ ยังคงเต็มไปด้วยความลำบาก เพราะเรือที่ใช้ขนของไปแจกนั้น มีไม่เพียงพอ ส่วนที่ อ.ปากพนัง น้ำทะเลยังคงหนุนเข้าชนกับน้ำที่ท่วม จึงไม่สามารถระบายลงสู่ทะเลได้

          ขณะที่ คาราวานครัวพึ่ง(ภาฯ) ของมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก สภากาชาดไทย พร้อมคณะ เดินทางมาถึงศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช หลังใช้เวลาออกเดินทางจาก กรุงเทพมหานคร กว่า 20 ชั่งโมง เพื่อนำวัตถุดิบที่ใช้ในการประกอบอาหาร ที่นำมามอบให้กับผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมี นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นผู้รับมอบ พร้อมกับมีพิธีมอบถุงยังชีพพระราชทาน จากมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก ซึ่งมี นายอภัย จันทนจุลกะ เป็นผู้แทนพระองค์มอบถุงยังชีพพระราชทานให้กับ ผู้ว่าฯนครศรีธรรมราช นำไปมอบให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในพื้นที่ด้วย

          โดยผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เตรียมปล่อยขบวนคาราวานครัวพึ่ง(ภาฯ) ลงพื้นที่ ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยมีการจัดตั้งโรงครัวด้วย อีักทั้งยังกล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ว่า แม้ว่าขณะนี้ฝนจะหยุดตกแล้ว แต่ก็ยังเฝ้าระวังปัญหาดินถล่ม ดินสไลด์ และน้ำท่วม

          ส่วนกรณีที่การตั้งข้อสังเกตเรื่องอุทกภัยนอกฤดูกาล และทำให้การช่วยเหลือล่าช้า เพราะไม่มีการเตรียมการช่วยเหลือไว้ล่วงหน้านั้น ปัญหาไม่ได้เกิดจากความล่าช้าของหน่วยงานราชการ แต่เพราะในบางพื้นที่น้ำท่วมหนักมากจึงไม่สามารถไปช่วยเหลือได้ เพราะทางจังหวัดมีการตั้งประเด็นหลักไว้ 2 เรื่อง คือ หากเกิดอุทกภัยในพื้นที่ ประชาชนต้องอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย และมีอาหารรับประทาน อีกทั้งหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ก็เข้ามาให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่อยู่แล้ว

ดินถล่ม

          อย่างไรก็ตาม ล่าสุดพบรอยปริแยกบนภูเขาในพื้นที่บ้านเขาเหล็ก หมู่ 1 ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จังหวัดนครศรีธรรมราช กว้างประมาณ 1 เมตร ยาวประมาณ 1 กิโลเมตร พร้อมที่จะถล่มได้ทุกเวลา นอกจากนี้ ยังพบว่าบริเวณภูเขายังมีร่องรอยของดินสไลด์ตามจุด ๆ มากกว่า 40 จุดทั่วบริเวณ เจ้าหน้าที่สั่งเร่งอพยพประชาชนหวั่นฝนตกหนักอาจพังถล่ม

          ทั้งนี้ ชาวบ้านเปิดเผยว่า แผ่นดินแยกเกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ สาเหตุเกิดมาจากฝนที่ตกหนักตลอดเวลาสะสมกันมาหลายวัน ทำให้ดินอุ้มน้ำไว้ไม่ไหวจึงปริแตกออกจากกัน สำหรับพื้นที่โดยทั่วใน ต.กรุงชิง และ อ.นบพิตำ พบว่าเสียหายอย่างหนัก ถนนเข้าหมู่บ้านหลายสาย ถูกตัดขาดเนื่องจากดินสไลด์ลงทับเส้นทาง และบางจุดวิกฤตหนักเนื่องจากดินพร้อมที่จะสไลด์ได้ทุกเวลา


สถานการณ์ น้ำท่วมสุราษฏร์ธานี

          สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ยังคงวิกฤติต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่รับน้ำทางตอนล่างของแม่น้ำตาปี ในเขต อ.พุนพิน และ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี ในช่วงเช้าวันนี้ ระดับน้ำยังเพิ่มขึ้นอีก และมีน้ำทะเลหนุนสูง ส่งผลให้การระบายน้ำออกสู่ทะเลเป็นไปได้อย่างช้า ๆ

          ส่วนทางหลวงหมายเลข 417 สายสุราษฎร์ธานี - สนามบิน การจราจรติดขัดอย่างหนัก โดยมีรถขนาดใหญ่เท่านั้นที่ผ่านเส้นทางนี้ไปได้ และต้องใช้ระยะเวลานาน โดยมีรถบรรทุกสิบล้อและรถเทรเลอร์พลิกลงข้างทางจำนวนมาก เนื่องจากระดับน้ำท่วมสูง ไม่สามารถมองเห็นขอบทางได้ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นหลายราย

          ด้านอาสาสมัครร่วมบิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขึ้นบินเพื่อรายงานสถานการณ์น้ำท่วม และสำรวจเส้นทางจราจรผ่านทางศูนย์วิทยุกู้ภัย มูลนิธิกุศลศรัทธาด้วย

สถานการณ์ น้ำท่วมสงขลา

          ความคืบหน้าสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จังหวัดสงขลา เกิดน้ำท่วมใน 2 อำเภอ คือ อ.ระโนด และ อ.กระแสสินธุ์ ซึ่งเป็นที่พื้นที่ลุ่มติดริมทะเลสาปสงขลา และได้รับผลกระทบจากน้ำทะเลหนุน และน้ำที่ไหลมาจาก จ.พัทลุง ล่าสุด
สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย โดยระดับน้ำที่ท่วมขังมานานกว่า 1 สัปดาห์ เริ่มลดระดับลงอย่างต่อเนื่อง เป็นผลจากไม่มีภาวะน้ำทะเลหนุน และปริมาณฝนเริ่มน้อยลง โดยในส่วนของพื้นที่ อ.กระแสสินธุ์ ขณะนี้เหลือพื้นที่ ที่ยังมีน้ำ
ท่วมขังใน 2 ตำบล โดย ต.โรง และ ต.เชิงแส ส่วน อ.ระโนด ที่ยังหนักคือ ต.บ้านขาว โดยพื้นที่น้ำท่วมส่วนใหญ่เป็นพื้นที่การเกษตร เช่น นาข้าว สวนปาล์ม และพืชผลทางการเกษตร

          ขณะที่ ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสงขลา สรุปความเสียหายของทั้ง 2 อำเภอ ผลกระทบในภาพรวม เป็นพื้นที่ทางการเกษตร ทั้ง นาข้าว และพืชผลทางการเกษตรที่ได้รับความเสียหายหนักกว่า 60,000 ไร่ แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บ หรือ เสียชีวิต

 



[2 เมษายน] น้ำท่วมสุราษฎร์ธานี พุนพินวิกฤตสุด

         ปภ.รายงานน้ำท่วมใต้เสียชีวิตแล้ว 35 คน ด้าน ศชอ.สั่งเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงดินถล่มซ้ำ ทั้ง อ.ร่อนพิบูลย์ อ.ลานสกา อ.จุฬาภรณ์ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช อ.ปากพะยอม จ.พัทลุง อ.นาโยง จ.ตรัง อ.นาสาร อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี

          กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสถานการณ์น้ำท่วม ในพื้นที่ภาคใต้ ล่าสุด เมื่่อช่วงเช้าวันนี้ (2 เมษายน) มีพื้นที่ประสบภัย 10 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี ตรัง ชุมพร สงขลา กระบี่ พังงา สตูล และจังหวัดนราธิวาส ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 558,308 ครัวเรือน ขณะที่มีจำนวนผู้เสียชีวิต 35 ราย ที่นครศรีธรรมราช 15 ราย , สุราษฎร์ธานี 8 ราย พัทลุง 2 ราย กระบี่ 6 ราย ชุมพร 2 ตรัง 2

          ส่วนการคมนาคมนั้น ขณะนี้ ทางหลวงแผ่นดิน มีน้ำท่วม 45 สายทาง จำนวนรวม 47 แห่ง ผ่านไม่ได้ 24 แห่ง สนามบินปิดให้บริการ 1 แห่ง ที่สนามบินนครศรีธรรมราช รถไฟสายใต้ ให้บริการได้ถึงสถานีรถไฟท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี บริษัทขนส่ง (บขส.) ให้บริการเป็นปกติ เว้นแต่จังหวัดที่สถานีขนส่งถูกน้ำท่วม จะจัดจุดรับ-ส่ง ณ ที่ ๆ เหมาะสมและเรือเฟอร์รี่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี สามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติแล้ว

          ศูนย์ประสานการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย (ศชอ.) รายงานสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ว่า ปริมาณฝนเบาบางลง แต่อำเภอพุนพินยังคงวิกฤติ เนื่องจากเป็นพื้นที่รับน้ำจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และกระบี่

          โดยนายวิทเยนทร์ มุตตามระ รองผู้อำนวยการ ศชอ. เป็นประธานการประชุม โดย คชอ. ได้รับทราบพื้นที่เฝ้าระวังโคลนถล่มอยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวัง ได้แก่ อ.ร่อนพิบูลย์ อ.ลานสกา อ.จุฬาภรณ์ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช อ.ปากพะยอม จ.พัทลุง อ.นาโยง จ.ตรัง อ.นาสาร อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี

          ส่วนโรงพยาบาลที่พบว่ามีปัญหาในการให้บริการ อาทิ โรงพยาบาลท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช ไม่สามารถให้บริการได้ โรงพยาบาลท่าโรงช้าง จังหวัดสุราษฎร์ธานี กระแสไฟฟ้าถูกตัด ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ส่งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้บริการ 139 ครั้ง ให้บริการผู้ป่วยไปแล้ว 80,000 ราย สาเหตุส่วนใหญ่มาจากน้ำกัดเท้า ไข้หวัด โรคระบบทางเดินหายใจ และอุบัติเหตุ


สถานการณ์ น้ำท่วมนครศรีธรรมราช

          เช้าวันนี้ ในภายใน จ.นครศรีธรรมราช ได้หยุดตกแล้ว แต่ท้องฟ้ายังเต็มไปด้วยเมฆฝน ขณะนี้เส้นทางหลักที่เข้าสู่ จ.นครศรีธรรมราช เช่น ถนนสุราษฎร์ธานี -นครศรีธรรมราช ถนนเอเชีย สุราษฎร์ธานี-ทุ่งสง รถสามารถผ่านไปมาได้แล้ว

          ขณะที่วันนี้โรงพยาบาลท่าศาลาน้ำลดแล้ว และทางเจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดเพื่อเตรียมรับผู้ป่วยฉุกเฉินและเพื่อส่งต่อโรงพยาบาลมหาราช จ.นครศรีธรรมราช ส่วนที่โรงพยาบาลสิชลได้จัดสถานที่ใต้ตึกผู้ป่วยเป็นที่พักชั่วคราวให้ชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วมให้ชาวบ้านและผู้หญิงกว่า 200 คน เข้ามาอยู่อาศัย

          ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า ในพื้นที่ อ.สิชล ได้มีเหตุดินภูเขาถล่มได้รับความเสียหายหลายจุด โดยเฉพาะหมู่บ้านที่ 10 ที่ 15 ต.เทพราช และหมู่ 10 ต.ฉลอง ไม่มีดินโคลนและท่อนไม้ซุงจำนวนมาก ถล่มเข้าหมู่บ้าน โดยชาวบ้านกล่าวว่า สาเหตุจากฝนตกหนักและมีการตัดไม้ทำลายป่าจึงมีดินโคลนถล่มเข้าหมู่บ้านหนักของ 3 หมู่บ้านใน อ.สิชล ครั้งนี้

  น้ำท่วมอ.ถ้ำพรรณรายังอ่วม-ฉวางเริ่มน้ำลด

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ฝนในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช และในบางพื้นที่ได้หยุดตกบ้างแล้ว และในพื้นที่ฉวาง หลังจากที่ในตลาดฉวาง รวมทั้งสถานที่ในราชการถูกน้ำท่วมระดับ 4 เมตร ที่ สภ.ฉวาง ตำรวจต้องอยู่แต่บนโรงพักไปไหนไม่ได้นั้น

          ทั้งนี้ สาเหตุหนึ่งที่ทำให้น้ำท่วมฉวางหนัก เป็นเพราะอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ จำนวน 2 อ่าง ที่ อ.กะทูน ระบายปล่อยน้ำที่ล้นอ่างมาจำนวนมาก ซึ่งหลังจากที่ฝนหยุดตกมา 2 วัน ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำอยู่ในสภาวะปกติ ได้ลดแห้งเป็นปกติแล้ว ทำให้ตำรวจโรงพักฉวาง และชาวตลาดฉวาง รอดจากวิกฤติน้ำท่วมไปได้อย่างหวุดหวิด แต่ก็ยังมีหลายพื้นที่ใน อ.ฉวาง เช่น ต.นากะชะ ต.นาเขลียง ยังคงมีสภาพจมน้ำอยู่ใต้น้ำ ถนนในหมู่บ้านหลายสาย ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก การช่วยเหลือยังไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ เพราะขาดเรือที่ใช้เป็นพาหนะ

          ขณะเดียวกันในพื้นที่ อ.ถ้ำพรรณรา ก็ยังมีหลายตำบลที่น้ำยังท่วมขังอยู่เช่นกัน โดยเฉพาะชาวบ้านที่มีบ้านเรือนอยู่ริมแม่น้ำฉวาง ไม่สามารถพักอาศัยอยู่ที่บ้านได้ ต้องขนย้ายสิ่งของมาอยู่บนถนนเอเชีย จนกว่าน้ำจะลดจึงจะย้ายกลับไปได้

 ชาวบ้าน นบพิตำ 16,000 ทุกข์หนัก

          นายบุญส่ง สิทธิยุโน รักษาการนายอำเภอนบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ได้กล่าวผ่านรายการ ไอ.เอ็น.เอ็น.สุดสัปดาห์ ทางคลื่น 102.75 ว่า สถานการณ์ในพื้นที่ ต.นบพิตำ ทั้ง 11 หมู่บ้าน ถนนขาด ยังไม่สามารถสัญจรไปมาได้ และในขณะนี้กองทัพภาคที่ 4 ได้สนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ จำนวน 3 ลำ ส่งถุงยังชีพให้กับราษฎรทุกหมู่บ้าน เป็นระยะเวลา 4 วันแล้ว และในขณะนี้เฮลิคอปเตอร์ชีนุก ได้เข้ามาถึงพื้นที่แล้ว และได้มีการลำเลียงนำของไปส่งให้กับผู้ประสบภัย ซึ่งการให้ความช่วยนั้น ทางการต้องใช้เฮลิคอปเตอร์ในการลำเลียงสิ่งของตลอดทั้งวัน ซึ่งหากอากาศปิดต้องหยุด

          รักษาการนายอำเภอนบพิตำ ระบุต่อว่า ประชาชนใน อ.นบพิตำ มีประมาณ 31,000 กว่าคน และมีผู้ได้รับความเดือดร้อนประมาณ 16,000 คน และจากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่บางราย กล่าวว่า ในรอบ 60 ปี ไม่เคยพบเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนเลย


สถานการณ์ น้ำท่วมสุราษฏร์ธานี

          นายอำเภอพุนพิน ระบุ ปริมาณน้ำยังท่วมสูง น้ำเหนือไหลผ่าน วอนประชาชนเลี่ยงสัญจร หลัง ถนนและสะพานถูกตัดขาด 

            ติดตาม ข่าวน้ำท่วม น้ำท่วมสุราษฎร์ธานี ได้ที่นี่ค่ะ



สถานการณ์ น้ำท่วมตรัง

          สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดตรัง ล่าสุด หลายอำเภอ น้ำลดเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว รถทุกชนิดสัญจรไปมาได้ อ.เมือง ต.ทับเที่ยง เขตเทศบาลนครตรัง น้ำลดเข้าสู่สภาวะปกติเกือบทั้งหมดแล้ว

          ติดตาม ข่าวน้ำท่วม น้ำท่วมตรัง ได้ที่นี่ค่ะ


สถานการณ์ น้ำท่วมพัทลุง

          สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดพัทลุง ล่าสุดฝนยังตกประปราย ขณะที่ น้ำท่วมได้ลดลงแล้วจาก 11 อำเภอ คงเหลือพื้นที่น้ำท่วม อยู่แค่ 5 อำเภอ แถบริมทะเลสาบ คือ อำเภอเมืองพัทลุง อำเภอควนขนุน อำเภอเขาชัยสน อำเภอบางแก้ว และอำเภอปากพะยูน

          โดยหนักสุดขณะนี้อยู่พื้นที่อำเภอเมืองพัทลุง ในตำบลพญาขันธ์ ตำบลลำปำ และตำบลชัยบุรี ระดับน้ำ 50-60 เซนติเมตร และพื้นที่อำเภอควนขนุน ในตำบลทะเลน้อย และตำบลพนางตุง คงมีระดับน้ำท่วมสูง 1.50 เมตร

          ด้านสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพัทลุง สรุปความเสียหายเบื้องต้น จากอุทกภัยครั้งนี้ ความเสียหายด้านสิ่งสาธารณประโยชน์ เช่น ถนน เสียหาย 97 สาย สะพาน 6 แห่ง วัด มัสยิด โรงเรียน และสถานีอนามัย จำนวน 138 แห่ง มูลค่าความเสียหายเบื้องต้น จำนวน 103 ล้านบาท

          ส่วนบรรยากาศในพื้นที่ของจังหวัดพัทลุงในวันนี้ ตั้งแต่เช้าท้องฟ้ามืดครึ้มมีฝนตกหนัก ทางจังหวัด ยังคงแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสียงภัยดินโคลนถล่ม ใน อ.กงหรา อ.ศรีนครินทร์ ศรีบรรพต ตะโหมด เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะที่ ต.เขาย่า อ.ศรีบรรพต หลังพบมีรอยแยกและยุบตัว ในพื้นที่สวนยางพาราของชาวบ้าน


สถานการณ์ น้ำท่วมพังงา

          จากกรณีที่มีเหตุประสบภัยน้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขังดินสไลด์ ในพื้นที่ จ.พังงา บรรยากาศในขณะนี้เริ่มดีขึ้นตามลำดับ เนื่องจากคืนที่ผ่านมาปริมาณน้ำฝนลดน้อยลง และทิ้งช่วงฝนตก ทำให้ในหลายพื้นที่ปริมาณน้ำเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ

          ขณะที่ล่าสุด มีรายงานว่า พบศพนายพิมาน แก้วกระจ่าง อายุ 49 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ฝ่ายปกครอง หมู่ที่ 3 ต.รมณีย์ อ.กะปง จ.พังงา ที่ตกแพไม้ไผ่ ขณะที่ข้ามคลองรมณีย์เมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมาแล้ว หลังจากนายอำเภอกะปง ได้ประสานงานร่วมกับทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.พังงา เจ้าหน้าที่ สภ.กะปง ฝ่ายปกครอง ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน จำนวนกว่า 100 คน ช่วยกันลงพื้นที่ค้นหาจนกระทั่งพบศพ


สถานการณ์ น้ำท่วมกระบี่

          นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี ลงเยี่ยมผู้ประสบภัยที่ อ.เขาพนม จ.กระบี่ ขณะที่พบศพผู้เสียชีวิต รายที่ 9 แล้ว

          ติดตาม ข่าวน้ำท่วม น้ำท่วมกระบี่ ได้ที่นี่ค่ะ 


 







[1 เมษายน] ฮ.หลายสิบเที่ยวเข้าช่วยชาวบ้านกรุงชิง

            ปภ.รายงานมีผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมแล้ว 21 คน ด้านสาทิตย์คาดจะจ่ายเงินช่วยเหลือน้ำท่วมครอบครัวละ 5 พันบาทหลังสงกรานต์เป็นต้นไป ขณะที่ ปภ.เขต 4 ยอมรับเข้าช่วยลำบาก เพราะถนนหาย เรือเข้าไม่ได้ เพราะมีต้นไม้ขวาง

            กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานลักษณะอากาศทั่วไป บริเวณความกดอากาศสูง หรือ มวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน มีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และกรุงเทพมหานคร มีอุณหภูมิสูงขึ้นและเข้าสู่สภาวะหน้าร้อนตามปกติ

            สำหรับลมตะวันออกพัดปกคลุมภาคใต้ และอ่าวไทยทำให้ภาคใต้มีฝนกระจาย ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยและทะเลอันดามัน มีกำลังอ่อนลง ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ส่วนมาก

            บริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และพัทลุง
อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตรภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมาก

         
บริเวณจังหวัดภูเก็ต พังงา และกระบี่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

            ขณะที่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก อากาศเย็น โดยมีฝนเล็กน้อยเป็นแห่ง ๆ

           ขณะที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สรุปสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้ ช่วงเช้า วันที่ 1 เม.ย.2554 พบว่า ขณะนี้มีพื้นที่ประสบภัย 8 จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี ตรัง ชุมพร สงขลา กระบี่ และพังงา 87 อำเภอ 568 ตำบล 4,615 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 294,097 ครัวเรือน 998,867 คน เสียชีวิต 21 ราย ที่นครศรีธรรมราช 9 ราย , สุราษฎร์ธานี 4 ราย พัทลุง 2 ราย กระบี่ 6 ราย บาดเจ็บ 181 คน โดยรายชื่อผู้เสียชีวิตทั้ง 21 ราย มีดังนี้

จังหวัดนครศรีธรรมราช มีผู้เสียชีวิต 9 ราย

             1.นายอรรถกร บุญเพชร
             2.นายวิรัตน์ ชัยคช
             3.นายธงชัย คําด้วง
             4.พระพัทราภรณ์จิระวรา
             5.พระอภิชาต คุ้มประดิษฐ์
             6.นางเอื้อมพร สังข์วงศ์
             7.ด.ช.อภิชาติ  รัตนสุข
             8.นายสุคนธ์ พัฒนาสุคน
             9.นางมิ้ง บุญคล้าย

จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีผู้เสียชีวิต 4 ราย

             1.นางนพ เพชรรัตน์
             2.นายวีรศักดิ์ วิจิตร
             3.น.ส.แจ่มนภา แซกกระโทก
             4.นายจ้าง ไม่ทราบนามสกุล

จังหวัดพัทลุง มีผู้เสียชีวิต 2 ราย

             1.ด.ช.ซอดีหรีน เส็นเกลี้ยง
             2.ด.ช.กิตติยศ เกาะทอง

จังหวัดกระบี่ มีผู้เสียชีวิต 6 ราย ซึ่ง 5 รายเสียชีวิตจากดินโคลนถล่มทับคือ

             1.นายไพศาล ชูศรี
             2. นางมัณทนา ชูศรี
             3.นางแก้วดารา แข็งขัน
             4.นายสมบูรณ์ ทองเนียร
             5.นางพริก ทองเนียร
             6.นายสุริยา เดชคำ (เสียชีวิตจากการจมน้ำ)


          ด้านนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ประสานการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยหรือ ศชอ. เล็งขออนุมัติเงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ เบื้องต้นครัวเรือนละ 5,000 บาท ต่อคณะรัฐมนตรีในวันจันทร์นี้ โดยระบุว่า มีผู้ประสบภัยถึง 2 แสน 9 หมื่นครัวเรือน คาดว่า จะเริ่มจ่ายได้ภายหลังเทศกาลสงกรานต์ โดยทาง ศชอ. จะเสนอให้ผู้นำท้องถิ่นตรวจสอบ และประสานกับทางจังหวัด โดยคณะกรรมการเห็นว่า ควรจ่ายเงินเยียวยาให้รวดเร็วกว่าเหตุอุทกภัยในปีที่ผ่านมา จึงได้จัดตั้งคณะทำงาน เพื่อติดตามจากภาพถ่ายทางดาวเทียม และ ตั้งคณะอนุกรรมการ 5 ชุด ดูจังหวัดใหญ่ และเริ่มลงพื้นที่ตั้งแต่สุดสัปดาห์นี้เป็นต้นไป โดยภายหลัง ครม. อนุมัติเงินเยียวยา ก็ดำเนินการประชุมทางไกลกับหน่วยงานท้องถิ่น

          ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมขณะนี้ยังไม่น่าไว้วางใจ โดยเหตุดินถล่ม 17 จุด ทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการอพยพคนไปยัง 9 จุดใหญ่ ขณะเดียวกัน หมู่บ้านที่ถูกตัดขาดได้ประสานกับทางทหาร ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และผู้บัญชาการทหารบก สั่งการให้ทุกหน่วยเดินหน้าช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด

          ขณะที่นายอรรณพ เพ็ชรวิเศษ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 4 (ปภ.เขต 4) เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับนายวิศาล มูสิกะ หัวหน้ากลุ่มงานป้องกันฯ ปภ.เขต 4 นำเจ้าหน้าที่กู้ภัย ปภ.เขต 4 พร้อมด้วยกำลังหน่วยกู้ภัยมูลนิธิในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์อีก 100 นาย เข้าปฏิบัติการกู้ภัยในพื้นที่จังหวัดชุมพร ระนอง และสุราษฎร์ธานี โดยเข้าช่วยเหลือขนย้ายราษฎร และอุปกรณ์ออกมายังที่ปลอดภัย นำอาหารและน้ำ เข้าไปช่วยเหลือตามหมู่บ้านที่ประสบภัย

          ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 4 กล่าวอีกว่า สิ่งที่เป็นอุปสรรคในการทำงานของเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย ขณะนี้ก็คือ เส้นทางเชื่อมต่อในอำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เช่น อำเภอไชยา อำเภอพระแสง ถนน เกิดความเสียหาย ไม่สามารถใช้เดินทางเข้าไปให้ความช่วยเหลือได้ ถึงแม้จะมีเรือจำนวน 40 ลำเข้าไปช่วย ก็มีปัญหาบางพื้นที่ห่างไกล ไม่สามารถนำเรือเข้าไปได้ เนื่องจากไม่มีถนนที่จะบรรทุกเรือเข้าไป ส่วนเรือโอเวอร์คราส สะเทินน้ำสะเทินบก ที่ใช้ใบพัดลมขนาดใหญ่ติดท้าย หรือเจ็ตสกีที่มีอยู่ ก็ไม่สามารถนำเข้าไปใช้ได้ เนื่องจากมีต้นไม้และก้อนหิน ขวางเส้นทางจำนวนมากอาจเกิดอันตรายขึ้นได้ จะมีเพียงรถยูนิม็อก

          ด้าน น.อ.สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ แถลงคำเตือนเรื่องสภาวะน้ำท่วม และคลื่นลมแรงในภาคใต้ ประจำวันที่ 1 เม.ย. ว่า แม้สภาวะฝนตกหนักจะเบาบางลง แต่สถานการณ์น้ำท่วมขัง และดินโคลนถล่มยังไม่หมดไป อีกทั้ง ยังมีสภาวะนำทะเลหนุนต่อเนื่อง จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย ยังคงต้องระมัดระวังอันตราย โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.นบพิตำ อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี และ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง และติดตามข้อมูลจากศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติอย่างต่อเนื่อง


สถานการณ์ น้ำท่วมนครศรีธรรมราช
         
          รักษาการนายอำเภอสิชล เผย สวนยางพาราเสียหายแล้วกว่า 2 แสนไร่ กว่า 10 จุด เสี่ยงต่อดินถล่ม

          นายเฉลิม เพชรรัตน์ รักษาการนายอำเภอสิชล จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า จากฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สวนยางพาราเสียหายกว่า 2 แสนไร่ ในขณะที่ราษฎรได้รับความเดือดร้อนกว่า 70,000 คน จากที่มีอยู่ 87,000 คน โดยมีบ้านเรือนเสียหายกว่า 50 หลังคาเรือน และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย

          นอกจากนี้ จากการลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย โดยการเดินเท้าสำรวจของ ตำรวจตระเวนชายแดน และ ทหาร พบว่า มีพื้นที่กว่า 10 จุด ที่เสี่ยงต่อดินถล่ม โดยเฉพาะใน ต.เทพราช ต.สี่ขีด และ ต.เขาน้อย ที่มีความเสี่ยงต่อดินถล่มค่อนข้างสูง โดยในขณะนี้ มีถนนเสียหาย และไม่สามารถเดินทางได้ 4 เส้นทาง และยอมรับว่า บางจุดยังเข้าไปให้ความช่วยเหลือไม่ได้ เพราะฝนตกหนัก

ทหารส่ง ฮ.เข้าช่วยชาวบ้านนบพิตำติดในเหมือง

          พล.ต.เดชา กิ่งวงษา รองแม่ทัพภาคที่ 4 เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยในพื้นที่หมู่บ้านนบพิตำ ว่า มีคนงานเหมืองแร่และชาวบ้านติดอยู่ กว่า 100 ราย เนื่องจากมีชุมชนอยู่บริเวณเชิงเขาจำนวนหลายครัวเรือน แต่สามารถรวมตัวอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว และทางกองทัพบกได้เร่งนำเฮลิคอปเตอร์ ลำเลียงสิ่งของบริจาคกว่า 2,000 ชุด เข้าช่วยเหลือ และอพยพชาวบ้าน โดยเฉพาะคนท้อง คนชรา คนป่วย และเด็ก ออกมาก่อนได้จำนวนหนึ่ง และหากวันที่สภาพอากาศเปิด ก็จะนำเฮลิคอปเตอร์เข้าสำรวจพื้นที่อีกครั้งหนึ่ง

          อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการสื่อสารยังคงติดต่อกันได้ แต่การคมนาคมเสียหายอย่างหนัก รวมถึงไฟฟ้าถูกตัดขาด แต่ทางกองทัพบก อยากให้ประชาชนมีกำลังใจ และยืนยันจะเร่งช่วยเหลืออย่างเต็มที่ และทั่วถึง

          ขณะที่ช่วงบ่ายมีรายงานว่า ตั้งแต่เช้าเป็นต้นมา การลำเลียงช่วยเหลือชาวบ้าน ที่ติดค้างอยู่บนภูเขาไม้ไผ่ ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากฝนได้ตกลงมาตลอดเวลา จนทำให้เฮลิคอปเตอร์ของทหาร จำนวน 4 ลำ ที่ใช้บินขึ้นไปลำเลียงช่วยเหลือประชาชนลงมานั้น ต้องรอจังหวะที่ฝนหยุดตกเป็นครั้งคราว จึงบินขึ้นไป พร้อมกับบรรทุกอาหารแห้งจำพวก ขนม นมกล่อง และน้ำดื่ม ไปแจกชาวบ้านที่กำลังขาดแคลนอาหารอยู่ และต้องทำงานแข่งกับเวลาตลอด เพราะฝนตกไม่หยุด


ปภ.เผย รพ.ท่าศาลายังปิด-ส่ง อส.เข้าช่วยประชาชนแล้ว

          ปภ. เผยโรงพยาบาลท่าศาลาระดับน้ำกลับมาท่วมสูงอีก ยังเปิดให้บริการไม่ได้ ยังไม่มีการอพยพผู้ป่วยกลับ แต่มีหน่วยบริการประชาชน ร.พ.มหาราช ตั้งเต็นท์ให้บริการที่ฝั่งตรงข้าม คาดว่า อีกประมาณ 1-2 วัน จะสามารถเปิดให้บริการได้

          ส่วนกรณีดินถล่มที่ ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ ถนนถูกตัดขาดไม่สามารถสัญจรไปมาได้ จนท.ปภ.จังหวัด สนธิกำลังร่วมกับกำลังทหาร สมาชิก อส. จำนวน 30 นาย เดินเท้าเข้าไปในพื้นที่ ขณะนี้ได้สถาปนาระบบสื่อสารความถี่ 150.850 MHz เพื่อติดต่อสื่อสาร และได้ประสาน กองทัพภาคที่ 4 สนับสนุน เฮลิคอปเตอร์ นำถุงยังชีพจำนวน 3,000 ชุด เข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว

ปภ.รายงานนครศรีฯ ท่วม 23 อำเภอ

          ปภ.รายงานวันนี้ ว่า นครศรีธรรมราช มีน้ำท่วมพื้นที่ 23 อำเภอ 161 ตำบล 1,410 หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ลานสกา ร่อนพิบูลย์ พระพรหม พิปูน เฉลิมพระเกียรติ หัวไทร จุฬาภรณ์ ชะอวด ขนอม สิชล นบพิตำ ปากพนัง พรหมคีรี ท่าศาลา ถ้ำพรรณรา ช้างกลาง เชียรใหญ่ ฉวาง นาบอน ทุ่งใหญ่ ทุ่งสง และบางขัน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 114,761 ครัวเรือน 372,392 คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 196,378 ไร่

ชาวทุ่งสงผวา เหตุภูเขาแตก แผ่นดินแยก

          นายสุวิทย์ รัตนพันธ์ นายก อบต.เขาขาว อ.ทุ่งสง พร้อมด้วย นายสมพงศ์ ขาวผ่อง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 ต.เขาขาว และชาวบ้านจำนวนหนึ่ง ได้ทำการขึ้นไปตรวจปล่องภูเขาที่ล้อมรอบชุมชนหมู่บ้าน หลังจากที่เมื่อคืนที่ผ่านมา ชาวบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านต่างผวาหนีตายทั้งหมู่บ้าน เมื่อได้ยินเสียงลั่นดังสนั่นของภูเขาเป็นเวลา 2 นาที โดยกลัวว่าภูเขาจะถล่มลงมาเหมือนที่ จ.กระบี่ ผลจากการตรวจสอบพบการแยกของภูเขาจำนวนมาก และพบดินสไลด์ลงมาจากภูเขาเป็นบริเวณกว้างหลายจุด

          นอกจากนี้ ยังพบแผ่นดินแยกกว้างประมาณ 50 ซ.ม. ที่เชิงเขา ส่วนในลำคลองละแวกดังกล่าวเป็นสีแดงขุ่นข้น ซึ่งชาวบ้านยังคงหวาดผวากับสิ่งที่เกิดขึ้น และชาวบ้านที่ออกจากหมู่บ้านได้ทยอยกลับเข้าบ้านกันบ้างแล้ว ทั้งนี้ หลังจากตรวจสอบแล้ว นายก อบต.เขาขาว ได้ทำรายงานให้นายธัชพงศ์ แผ่ความดี นายอำเภอทุ่งสง ทราบต่อไปแล้ว



สถานการณ์ น้ำท่วมพัทลุง

          ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดพัทลุงยังไม่คลี่คลาย ล่าสุด เจ้าหน้าที่ชลประทาน ยังคงต้องทยอยปล่อยน้ำจากฝายบ้านพร้าวอย่างต่อเนื่อง เพราะปริมาณน้ำในฝายยังอยู่ในระดับสูงกว่าระดับที่ต้องเตือนภัยประมาณ 1 เมตร และอ่างเก็บน้ำอำเภอป่าพะยอม น้ำยังคงล้นผ่าน spillway 2.179 ล้านลูกบาตรเมตรต่อวัน รวมกับเมื่อคืนที่ผ่านมา ฝนได้ตกหนักลงมาอีกรอบ ทำให้น้ำยังคงท่วมขังบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่ ต.ป่าพะยอม ต.บ้านพร้าว อ.ป่าพะยอม และ ต.ปันแต ต.แหลมโตนด ต.มะกอกเหนือ ต.ทะเลน้อย ต.พนางตุง อ.ควนขนุน ทำให้ชาวบ้านบางส่วนต้องอยู่อาศัยกันท่ามกลางน้ำที่ท่วมขัง

          ขณะที่ในภาพรวมของจังหวัดพัทลุง ล่าสุด ระดับน้ำที่ท่วมในพื้นที่ริมเทือกเขาบรรทัด อ.กงหรา อ.ตะโหมด และ อ.ศรีนครินทร์ ได้ลดลงเกือบเข้าสู่สภาวะปกติ ส่วนชาวบ้านในพื้นที่ ต.พญาขัน ต.ชัยบุรี ต.ลำปำ อ.มือง ต.นาปะขอ ต.ท่ามะเดื่อ ต.โคกสัก อ.บางแก้ว ต.ควนขนุน ต.โคกม่วง ต.หารโพธิ์ ต.เขาชัยสน ต.จองถนน อ.เขาชัยสน ยังคงได้รับความเดือดร้อนจากสภาพน้ำท่วมสูงกว่า 1.50 เมตร เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ติดกับทะเลสาบ ส่วนสัตว์เลี้ยงโค กระบือ เริ่มขาดแคลนหญ้าเนื่องจากในจังหวัดพัทลุง มีสภาพน้ำท่วมหลายรอบ แปลงหญ้าของเกษตรกรได้รับความเสียหายทั้งหมด

          ด้าน ปภ.พัทลุง ระบุว่า ขณะนี้ยังต้องเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงดินถล่มใน 28 หมู่บ้าน 4 อำเภอริมเทือกเขาบรรทัด ได้แก่ อ.กงหรา อ.ศรีนครินทร์ อ.ศรีบรรพต และอ.ป่าพะยอม สำหรับความเสียหายทั้งพื้นที่การเกษตร ถนน สะพาน โรงเรียน สถานีอนามัย วัด มัสยิดต่าง ๆ นั้น เบื้องต้นประเมินอยู่ที่ 103 ล้านบาท


สถานการณ์ น้ำท่วมชุมพร

          นายพินิจ เจริญพานิช ผู้ว่าฯ ชุมพร กล่าวว่า ได้อพยพชาวบ้านที่อยู่ในจุดเสี่ยงดินถล่มบริเวณ อ.สวี อ.หลังสวน อ.ทุ่งตะโก อ.พะโต๊ะ ออกมาหมดแล้ว และคาดว่าสถานการณ์คงคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น เพราะขณะนี้ฝนหยุดตกแล้ว แต่ยังคงไม่กล้าให้ชาวบ้านกลับเข้าไปในพื้นที่ โดยจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดูสถานการณ์ก่อน

          ขณะที่วันนี้ นายนพพร อุสิทธิ์ ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร รับแจ้งจาก นายจรัญ รอดทัพ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 ต.เขาค่าย อ.สวี จ.ชุมพร ว่า เกิดเหตุหินภูเขาพ่อตาขุนไกร ซ.หินกลัด ม.8 ต.เขาค่าย อ.สวี จ.ชุมพร ถล่มลงมาทับบ้านเรือนชาวบ้าน ที่เกิดเหตุริมคลองสวีหนุ่ม มีหินขนาดยักษ์ใหญ่ เท่ารถบรรทุกสิบล้อประมาณ 10 กว่าก้อน และขนาดเท่ารถกกระบะอีกนับ 100 ก้อน หล่นลงมาจากยอดภูเขาพ่อตาขุนไกร เป็นทางยาวเหยียดหลายกิโลเมตร ได้ทับสวนยาง สวนปาล์ม และทับบ้านเลขที่ 156/1 หมู่ที่ 8 ของ นางบุปผา นวลตุ้ย อายุ 44 ปี ได้รับความเสียหายทั้งหลัง โชคดีที่ นางบุปผา ไม่ได้อยู่ภายในบ้าน หลังจากนั้นก็ยังกระเด็นไปทับบ้านเรือนชาวบ้านอีกประมาณ 10 หลังคาเรือน

          ขณะนี้ถนนเส้นทางเข้าหมู่บ้านคลองสวีหนุ่ม ไม่สามารถใช้การได้ สวนยาง สวนปาล์ม เสียหายนับร้อยไร่ สาเหตุคาดว่า เกิดจากฝนตกเป็นเวลายาวนาน ภูเขาอุ้มน้ำไม่ไหวทำให้ภูเขาที่ยึดติดกับดินถล่มลงมา ต้องอพยพคนทั้งหมู่บ้านอยู่ที่อื่น

17 ชาวประมงติดเกาะได้รับความช่วยเหลือแล้ว

          ความคืบหน้า ในการช่วยเหลือกลุ่มชาวประมงพื้นบ้าน 17 คน ในพื้นที่หมู่ที่ 9 ต.สวนแตง อ.ละแม จ.ชุมพร ซึ่งนำเรือประมงพื้นบ้านขนาดเล็กออกจับปลา ตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. แต่ยังไม่สามารถกลับเข้าฝั่งได้ ต้องอดอาหารนานถึง 6 วัน เพราะเตรียมเสบียงไปแค่ 7 วัน ไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่ ต้องหลบลมพายุ และคลื่นขนาดใหญ่ อยู่บนเกาะอ่างทอง ชาวประมงบางคนเริ่มมีอาการป่วยแล้ว

          ล่าสุด พ.ต.ท.ก.จารุ สังขมรรทร รองผู้กำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจน้ำสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ตำรวจน้ำสุราษฎร์ธานี ได้นำเรือตรวจการ 517 ฝ่าคลื่นสูงประมาณ 3 เมตร เข้าไปยังเกาะอ่างทอง บริเวณรอยต่อ จ.ชุมพร กับ จ.สุราษฎร์ธานี โดยเรือตำรวจน้ำ สามารถจอดหน้าอ่าวเทียน หลังจากนั้นได้ใช้เรือยาง นำข้าวไปส่งให้ทั้ง 17 คน ที่ติดอยู่บนเกาะ และนำเรือประมงกลับเข้าฝั่งในพื้นที่ ต.สวนแตง อ.ละแม จ.ชุมพร และเดินทางถึง อ.ละแม ในช่วงบ่ายของวันนี้


สถานการณ์ น้ำท่วมตรัง

          จังหวัดตรัง ฝนหยุดตกแล้ว สถานการณ์น้ำท่วมในเขตเทศบาลนคร เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ถนนหลายสาย รถสัญจรไป - มาได้ ขณะที่มีรายงานว่า การประปาได้หยุดจ่ายน้ำใน 3 อำเภอ คือ พื้นที่ อ.เมืองตรัง อ.กันตัง และ อ.ห้วยยอด หลังน้ำท่วมโรงสูบน้ำและโรงกรองน้ำสูงกว่า 6 เมตร โดยยังไม่ทราบว่า จะสามารถกลับมาจ่ายน้ำให้ประชาชนได้อีกเมื่อไหร่


          ติดตาม ข่าวน้ำท่วม น้ำท่วมตรัง ได้ที่นี่ค่ะ


สถานการณ์ น้ำท่วมสุราษฎร์ธานี

          สถานการณ์น้ำท่วมยังวิกฤต สุราษฎร์ธานีการจราจรเป็นอัมพาต คอสะพานแม่น้ำตาปีขาด เร่งอพยพคนออกจากริมฝั่งหลังน้ำท่วมสูง


          ติดตาม ข่าวน้ำท่วม น้ำท่วมสุราษฎร์ธานี ได้ที่นี่ค่ะ


สถานการณ์ น้ำท่วมสงขลา

          สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดสงขลา ยังคงมีน้ำท่วมขังอยู่ในพื้นที่ริมทะเลสาบ ทางอำเภอระโนด และอำเภอกระแสสินธุ์ ซึ่งทั้ง 2 อำเภอ เป็นพื้นที่ที่ทางจังหวัดได้ประกาศให้เป็นเขตภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน

          โดยเฉพาะที่อำเภอกระแสสินธุ์ จนถึงขณะนี้ ยังคงมีน้ำท่วมขังเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนประชาชน เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่ม ซึ่งติดอยู่ทะเลสาบสงขลา และได้รับผลกระทบจากน้ำที่ไหลมาจากจังหวัดพัทลุง และในส่วนของพื้นที่การเกษตร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนาข้าว ถูกน้ำท่วมครอบคลุม 4 ตำบล มีตำบลเชิงแสง 2,890 ไร่ ตำบลรอง 4,050 ไร่ ตำบลกระแสสินธุ์ 1,600 ไร่ และตำบลเกาะใหญ่ 300 ไร่

          ทางอำเภอกระแสสินธุ์ ได้เร่งแก้ปัญหาด้วยการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ทั้งแบบไฟฟ้าเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่จำนวน 8 เครื่อง เพื่อเร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่การเกษตรและที่ท่วมขังบ้านเรือนประชาชน และระบายลงสู่ทะเลสาบสงขลา โดยคาดว่า ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 4 วัน เนื่องจาก ชาวบ้านระบายน้ำออกจากพื้นที่ได้ทั้งหมด

          ขณะที่ นายวิญญู ทองสกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมคณะลงพื้นที่บ้านท่าเข็น ต.คลองแดน อ.ระโนด จ.สงขลา เพื่อตรวจสภาพพื้นที่ชายหาดของบ้านเรือนชาวบ้าน ในพื้นที่หมู่ 1 ที่อยู่ติดริมทะเลอ่าวไทย ซึ่งถูกคลื่นซัดเสียหายจำนวน 9 หลัง ท่ามกลางฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก พร้อมกับได้มอบถุงยังชีพให้กับชาวบ้านทั้ง 9 ครอบครัว เพื่อช่วยเหลือในเบื้องต้น เนื่องจากชาวบ้านในบางครอบครัว เริ่มกลับเข้ามาอาศัยในบ้านอีกครั้งและเริ่มซ่อมแซม และเริ่มเก็บซากปรักหักพังของตัวบ้านที่ถูกคลื่นซัดเสียหาย หลังจากที่ต้องอพยพไปอาศัยที่วัดมากกว่า 4 วัน

          ขณะที่สภาพคลื่นลมในทะเลอ่าวไทย ในวันนี้ เริ่มลดความรุนแรงลง ส่วนความช่วยเหลือชาวบ้านที่บ้านพังเสียหาย ทั้ง 9 หลัง ทางจังหวัดจะเริ่มดำเนินการช่วยเหลืออย่างเร็วที่สุด โดยกรณีที่บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง จะมอบเงินช่วยเหลือ 30,000 บาท ส่วนที่เสียหายบางส่วน จะช่วยเหลือตามสภาพความเป็นจริง


สถานการณ์ น้ำท่วมกระบี่

          รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เผยยอดผู้เสียชีวิตเหตุดินถล่มเขาพนม จ.กระบี่ มี 5 ราย ขณะผู้ว่าฯ สั่งเจ้าหน้าที่ ห้ามขาด - ลา ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือชาวบ้านอย่างเร่งด่วน

          ติดตาม ข่าวน้ำท่วม น้ำท่วมกระบี่ ได้ที่นี่ค่ะ


สถานการณ์ น้ำท่วมพังงา

          หลังจากที่เกิดพายุฝนตกลงมาอย่างหนักติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง ในพื้นที่ จ.พังงา ขณะนี้ ท้องฟ้าเริ่มที่จะโปร่งใส แต่ก็ยังมีฝนตกลงมาโปรยปราย ส่วนในพื้นที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น อ.ทับปุด อ.เมือง อ.ตะกั่วป่า อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ระดับน้ำเริ่มจะลดลงเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ส่วนถนนหลายสายประชาชนสามารถสัญจรผ่านไปมาได้สะดวก

          ด้าน นายธำรงค์ เจริญกุล ผู้ว่าราชการ จ.พังงา ได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.พังงา รวมถึง สำนักงานบำรุงทาง จ.พังงา นายก อบต.ทุกตำบล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เข้าตรวจสอบบ้านเรือนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ และเส้นทางถนนที่ได้รับความเสียหาย เพื่อที่จะได้เข้าไปปรับปรุงซ่อมแซมถนน ที่ได้รับผลกระทบอีกด้วย

          ขณะที่ ปภ.พังงา รายงานว่า พายุและคลื่นสูงกว่า 5 เมตรที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ได้พัดเอานายอานัติ แจ้งใจธรรม อายุ 58 ปี ซึ่งเป็นลูกเรือปั่นไฟของเรือ ป.ธวัชชัย 44 ตกน้ำไปขณะอยู่บนเรือ เช่นเดียวกับนายพิมล แก้วกระจ่าง อายุ 50 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 บ้านปากคลอง ต.รมณีย์ ที่ถูกน้ำป่าพัดหายไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 มีนาคม ขณะกำลังล่องแพไม้ไผ่มาประชุมอำเภอทุกเดือน


สถานการณ์ น้ำท่วมปัตตานี

          สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดปัตตานีเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว หลังจากฝนหยุดตกมา 2 วัน และท้องฟ้าเปิด ทำให้น้ำที่ท่วมขังบริเวณพื้นที่ทำกินลดลง ประชาชนสามารถออกกรีดยางได้อย่างปกติ

          ขณะที่นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวยืนยันว่า การแจ้งเตือนพายุที่อาจเข้าอีกระลอกในวันที่ 3 เม.ย. นี้ มั่นใจจะไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่จังหวัดปัตตานี แต่ก็ยังคงต้องมีการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เพื่อความไม่ประมาทต่อภัยธรรมชาติ


สถานการณ์ น้ำท่วมสตูล

          สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ อ.ละงู จ.สตูล ขยายวงกว้าง หลังจากที่น้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัดรอยต่อ จ.พัทลุง ไหลเข้าผ่านคลองละงู ก่อนลงทะเลอันดามัน ส่งผลให้น้ำเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร ซึ่งไม่สามารถออกสัญจรไปมาได้เป็นเวลา 3 วัน แล้ว โดย พ.อ.ปรีชา สาลีผล ผู้บังคับหน่วยเคลื่อนที่ 45 จ.สตูล ได้นำเรือท้องแบนและถุงยังชีพ เข้าแจกจ่ายให้กับชาวบ้านในหมู่บ้านดังกล่าว เนื่องจากน้ำท่วมไม่สามารถออกมาจับจ่าย หรือสัญจรไปมาได้

          อย่างไรก็ตามขณะนี้ องค์การบริหารส่วนตำบลกำแพง ก็เตรียมที่จะนำข้าวของช่วยเหลือ และอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย



น้ำท่วมภาคใต้


[31 มีนาคม]ศชอ.สั่งอพยพชาวบ้านใน 3 พื้นที่สีแดงเสี่ยงดินถล่มแล้ว

          ศชอ.สั่งอพยพคนในพื้นที่เสี่ยงดินถล่มในจังหวัดภูเก็ต-นครศรีฯ-สุราษฏร์ พร้อมจับตาน้ำล้นตลิ่งในหลายพื้นที่ ด้าน สธ.เผยมีสถานพยาบาลในสังกัดเสียหายจากภัยพิบัติ 77 แห่ง ให้ผู้ประสบภัย 8 จังหวัดรักษาฟรีทุกโรงพยาบาลใน 8 จังหวัด ขณะที่ ปภ.เผยมีผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมแล้ว 13 คน

          วันนี้ (31 มีนาคม) กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือนภัย เรื่อง "สภาวะน้ำท่วมในภาคใต้" ฉบับที่ 19 วันที่ 31 มีนาคม 2554 ว่า  เมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้ หย่อมความกดอากาศต่ำที่เคลื่อนมาปกคลุมบริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และกระบี่ เริ่มมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ภาคใต้มีฝนชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ในวันนี้ หลังจากนั้นปริมาณฝนจะลดลง แต่ประชาชนบริเวณ จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา พังงา กระบี่ ตรัง และสตูล ยังคงต้องระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากต่อไปอีก

          ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยและทะเลอันดามันสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะ 1-2 วันนี้ไว้ด้วย

          ด้านนายวีระ วงศ์แสงนาค รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวถึง การแก้ไขสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ว่า ในวันนี้ กรมชลประทานได้จัดทีมนักวิชาการลงพื้นที่ประเมินสถานการณ์น้ำตกค้าง ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี เพื่อเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเล ส่วนการป้องกันน้ำท่วมในระยะยาว จะทบทวนสภาพลุ่มน้ำทั้งหมด ซึ่งได้มีการศึกษาเบื้องต้นไว้แล้ว แต่ไม่ได้นำมาปฏิบัติอย่างจริงจัง ทั้งนี้ ปัจจุบันสภาพลุ่มน้ำเปลี่ยนแปลงไปมาก จึงต้องนำผลวิจัยทั้งลุ่มน้ำย่อยและลุ่มน้ำหลักมาทบทวนอีกครั้ง เพื่อหาแนวทางป้องกัน หากฝนที่ตกในปริมาณมากเหมือนปัจจุบัน

          อนึ่ง สำหรับปริมาณน้ำที่ จ.นครศรีธรรมราช ยังคงมีปริมาณมาก แต่สามารถระบายออกสู่ทะเลทางลุ่มน้ำปากพนังวันละ 80 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนลำน้ำสายย่อยที่ไหลลงสู่ทะเลโดยตรง ยังคงระบายน้ำได้ดี ซึ่งกรมชลประทาน ได้เตรียมส่งเครื่องสูบน้ำ 50 เครื่อง ไประบายที่จังหวัดนครศรีธรรมราช นอกจากนี้ จะนำเครื่องสูบน้ำจากจังหวัดสงขลาอีก 50 เครื่องมาประจำ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชด้วย เพื่อช่วยระบายน้ำออกทันทีที่ฝนหยุดตก

          ขณะที่นายวิทเยนทร์ มุตตามระ รองผู้อำนวยการศูนย์ประสานการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย (ศชอ.) ระบุว่า ได้แจ้งประชาชนที่อยู่ในเขตพื้นที่ลาดเชิงเขา ซึ่งเสี่ยงต่อน้ำป่าและดินถล่มระดับสีแดงอพยพออกจากพื้นที่แล้ว 3 แห่ง ได้แก่ บ้านพลุสมภาร ต.เทพกษัตรี อ.ถลาง จ.ภูเก็ต บ้านวังลุง อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช และบ้านสระบัว ต.ลำพูน อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี

          ทั้งนี้ ยังมีจุดที่เตือนภัยในระดับให้เตรียมอพยพอีก หากสถานการณ์มีทีท่าจะเลวร้ายไปกว่านี้ ได้แก่ ที่บ้านพาราวงอารี ต.เพิ่มพูนทรัพย์ อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี บ้านหมากกลับ ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต บ้านคีรีวงศ์ อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช และบ้านสวนกลาง ต.คลองสระ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี

          นายวิทเยนทร์ กล่าวต่อด้วยว่า ในส่วนพื้นที่อื่น ๆ ขณะนี้สถานการณ์ฝนตกหนักทางภาคใต้เริ่มคลี่คลายลงแล้ว กรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่า แนวโน้มจะอ่อนกำลังลงในวันที่ 2 เม.ย. ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำท่วมขังลดลงตามลำดับ นอกจากนี้ ยังเปิดเผยว่า ได้มีการประสานไปยังกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้เปิดศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ซึ่งหากต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อมาได้ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โทร 1672 และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โทร 02-3560650

          ขณะที่เรือหลวงจักรีนฤเบศร์ ได้นำนักท่องเที่ยวที่ติดค้างตามเกาะจำนวน 618 คน เข้าเทียบท่าที่ฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี ส่วนเรือหลวงสุโขทัย พร้อมนักท่องเที่ยว 125 คน จะเข้าเทียบท่าในเวลา 14.00 น.

          ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ได้ปล่อยขบวนคาราวาน เครื่องอุปโภค บริโภค และยา 30,000 ชุด ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ 8 จังหวัด คือที่ นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี ตรัง ชุมพร พังงา สงขลา และกระบี่ ซึ่งผู้ประสบภัยทั้ง 8 จังหวัดนี้ สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ฟรีทุกโรงพยาบาลในเขตพื้นที่ 8 จังหวัด โดยไม่จำเป็นต้องใช้บริการที่โรงพยาบาลต้นทาง

          โดยล่าสุด ทีมแพทย์เคลื่อนที่รายงานว่า มีประชาชนมารับบริการมากถึง 7,237 คนแล้ว ส่วนใหญ่มาด้วยอาการไข้หวัด น้ำกัดเท้า และบาดแผลเล็กน้อย ส่วนยอดผู้เสียชีวิตยืนยันอยู่ที่ 20 คน สำหรับเหตุดินถล่มที่ จังหวัดกระบี่ พบผู้บาดเจ็บทั้งสิ้น 44 คน ล่าสุด ได้ส่งทีมแพทย์จากโรงพยาบาลวชิระ ภูเก็ต 8 คน ไปช่วยเหลือแล้ว

          สำหรับฝนที่ยังคงตกลงมาอย่างหนัก ในพื้นที่ภาคใต้ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ทำให้สถานพยาบาลในสังกัดเสียหายเพิ่มเป็น 77 แห่ง ในจำนวนนี้มี 3 แห่งที่เสียหายหนัก มีน้ำท่วมเกือบมิดหลังคาอาคารผู้ป่วย 1 ชั้น คือ โรงพยาบาลพ้อแดง จังหวัดชุมพร โรงพยาบาลไทรทอง และโรงพยาบาลสองแพรก จังหวัดสุราษฎร์ธานี ส่วนที่โรงพยาบาลท่าศาลา ที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อวานนี้ วันนี้ก็ต้องปิดให้บริการอีกครั้ง เพราะน้ำท่วมเข้าไปถึงที่เก็บเครื่องปั่นไฟ และอาคารผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลต้องเร่งอพยพผู้ป่วยไปยังจุดบริการนอกพื้นที่ ที่จัดไว้ 3 แห่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งกู้ระบบไฟฟ้า ให้กลับมาใช้งานได้เร็วที่สุด

          ด้านนายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวถึงสถานการณ์อุทกภัยว่าปัจจุบัน ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ รวม 8 จังหวัด 81 อำเภอ 514 ตำบล 4,014 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 239,160 ครัวเรือน 842,324 คน บ้านเรือนราษฎรเสียหายทั้งหลัง 4 หลัง บางส่วน 132 หลัง ถนน 1,593 สาย มีผู้เสียชีวิต 13 ราย เป็นผู้เสียชีวิตจาก จ.นครศรีธรรมราช 9 ราย จ.พัทลุง 1 ราย จ.สุราษฎร์ธานี 3 ราย



สถานการณ์ น้ำท่วมตรัง

          สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดตรัง เมื่อเย็นวานนี้ ผนังกันแม่น้ำตรัง ที่ ต.หนองตรุด อ.เมืองตรัง ได้เกิดแตกน้ำจากแม่น้ำตรังไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่ ม.1 และ ม.3 ต.หนองตรุด อย่างรวดเร็ว ซึ่งทาง นายสมบัติ ศรีประยูร นายก อบต.หนองตรุด ได้ระดมเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน ช่วยกันขนสิ่งของมีค่าต่อความจำเป็นไปอยู่ในที่ปลอดภัย

          นายสมบัติ ศรีประยูร เปิดเผยว่า ขณะนี้การจะเดินทางเข้ามา ต.หนองตรุด ต้องใช้เรือเพียงอย่างเดียว ระดับน้ำท่วมสูงขึ้นมาอีก 1 เมตร เพราะผนังกั้นน้ำแตกในครั้งนี้ ทำให้น้ำท่วมในพื้นที่ หมู่ที่ 1 และ 3 ทางตนเองได้ตั้งศูนย์ช่วยเหลือประชาชนแล้ว เพื่อให้ประชาชนได้ รับประทานอาหารและมีที่นอนพักอาศัยชั่วคราว การเดินทางเข้ามา ต.หนองตรุด ต้องใช้เรือเพียงอย่างเดียว

          ติดตาม ข่าวน้ำท่วม น้ำท่วมตรัง ได้ที่นี่ค่ะ


สถานการณ์ น้ำท่วมนครศรีธรรมราช

          เมื่อช่วงเวลา 03.00 น. ที่ผ่านมา มีน้ำจากตัวเมืองซึ่งไหลหลากออกไปนอกเมือง ได้เข้าท่วมบริเวณถนนหน้าโรงพยาบาลมหาราช นครศรีธรรมราช โดยบนถนนหน้าโรงพยาบาลนั้น มีน้ำท่วมสูง ประมาณ 30-50 ซ.ม. รถไม่สามารถผ่านไปมาได้ รถใหญ่ผ่านไปมาก็ด้วยความยากลำบาก เจ้าหน้าที่ต้องนำกระสอบทรายมากั้นบริเวณประตูทางเข้า-ออก เพื่อไม่ให้น้ำเข้าไปในบริเวณภายในโรงพยาบาล และมีนายณัฐวุฒิ ภารพบ รองนายกเทศมนตรีนครศรีธรรมราช เดินทางมาสั่งให้เจ้าหน้าที่หน่วยบรรเทาสาธารณภัยเทศบาล ร่วมกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิประชาร่วมใจ เร่งนำกระสอบทรายมาปิดกั้นหน้าโรงพยาบาลอีก เนื่องจากเกรงว่า น้ำจะทะลักเข้าไปในโรงพยาบาล
         
          อย่างไรก็ตาม บริเวณรอบ ๆ โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราชนั้น มีน้ำทะลักท่วมบ้านเรือนชาวบ้าน ระดับน้ำสูง 50-70 ซ.ม. ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันอพยพชาวบ้านในพื้นที่เสี่ยง ออกไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว ส่วนเขตเทศบาลเมืองนั้น ระดับน้ำเริ่มลดลงแล้ว

          ทั้งนี้ พื้นที่ส่วนใหญ่ในจังหวัดฝนหยุกตกแล้ว แต่ท้องฟ้ายังปกคลุมด้วยเมฆฝนอยู่ และฝนสามารถจะตกลงมาได้ตลอดเวลา ส่วนทางด้านอำเภอปากพนัง ระดับน้ำได้สูงขึ้นกว่าเมื่อวานนี้ ถนนสายนครศรีธรรมราช-ปากพนัง รถยนต์ทุกชนิดไม่สามารถวิ่งผ่านไปมาได้ ส่วนที่อำเภอท่าศาลา ในเขตเทศบาลน้ำลดแห้งหมดแล้ว แต่มีที่ลุ่มรอบนอกที่น้ำยังท่วมขังอยู่ ขณะที่อำเภอนบพิตำ ชาวบ้านที่ถูกตัดขาดขณะนี้ ได้รับการช่วยเหลือได้บ้างแล้ว

น้ำหลากเข้างานศพ โลงลอยตามน้ำ

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น้ำที่ท่วมตัวเมืองทุ่งสง หลังจากฝนหยุดตก ได้ไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ ตำบลกะปาง ซึ่งในขณะที่บ้านเลขที่ 83 หมู่ที่ 4 ตำบลกะปาง กำลังมีงานบำเพ็ญกุศลศพ นายณรงค์ มะลิกุล อายุ 31 ปี ซึ่งป่วยเสียชีวิตอยู่นั้น ปรากฏว่า น้ำได้ไหลหลาก เข้าท่วมบริเวณจัดงานศพอย่างรวดเร็ว กระแสน้ำไหลเชี่ยวพัดพาเอาโลงศพที่ตั้งอยู่ลอยไปกับกระแสน้ำ ญาติ ๆ ที่อยู่ในงาน ต่างพากันวิ่งเดินฝ่าจะแสน้ำ ตามจับโลงศพและสิ่งของเครื่องใช้ในงาน หลังจากเก็บได้แล้วจึงนำศพขึ้นไปจัดงานบนถนนในหมู่บ้าน ซึ่งน้ำท่วมไม่ถึง และกำหนดเผาในวันนี้ ที่วัดใกล้บ้าน

น้ำป่าถล่มบ้านอ.นบพิตำแม่-ลูกจมน้ำดับ
 
          พ.ต.ท.พีระพัฒน์ ติงหงะ สารวัตรเวร สภ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุพบศพผู้เสียชีวิตในคลองตัน หมู่ที่ 2 ต.นบพิตำ หลังจากรับแจ้งจึงรุดไปทำการชันสูตรพลิกศพ ทราบชื่อ นางสมใจ รัตนแก้ว อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 150/8 หมู่ที่ 2 ต.นบพิตำ สภาพศพจมน้ำและได้ลอยมากับกระแสน้ำ สอบสวนทราบว่า ผู้ตายอยู่ที่บ้านด้วยกัน 3 คน ได้มีน้ำป่าถล่มลงมาจากภูเขาบ้านพัง และทั้ง 3 คน จมหายไปกับกระแสน้ำ จนกระทั่งพบศพผู้ตาย ส่วนบุตรสาวชื่อ ด.ญ.เสาวลักษณ์ วโรรส อายุ 12 ปี เสียชีวิตแล้วเช่นกัน แต่ยังไม่พบศพ เนื่องกระแสน้ำแรงและทางขาด ส่วนพ่อยังไม่รู้ชะตากรรม


สถานการณ์ น้ำท่วมยะลา

          บรรยากาศทั่วไปในพื้นที่จังหวัดยะลา เช้าวันนี้อากาศเริ่มดีขึ้น ท้องฟ้าโปร่งไม่มีเมฆฝน ทำให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ราบลุ่ม เริ่มมีความสบายใจไม่วิตกกังวลมากนัก ส่วนกรมอุตุนิยมวิทยา ได้พยากรณ์อากาศว่า บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน เริ่มมีกำลังอ่อนลง และจะทำให้อุณหภูมิเริ่มจะสูงขึ้นในตอนกลางวัน

          แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังคงเฝ้าระวังดินถล่มในพื้นที่ อ.บันนังสตา อ.ธารโต และ อ.เบตง จ.ยะลา เนื่องจากสภาพดินภูเขาที่อุ้มน้ำมาหลายวัน อาจจะพังทลายลงมาได้ จึงได้มีการเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา โดยทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา ได้เตรียมความพร้อมในเรื่องของรถจักรกลขนาดใหญ่ที่เตรียมความพร้อมไว้แล้ว หากมีดินภูเขาสไลด์ ลงมาปิดถนนก็จะสามารถดำเนินการได้ทันท่วงที


สถานการณ์ น้ำท่วมสุราษฎร์ธานี

          สถานการณ์เริ่มดีขึ้นหลังฝนหยุดตก โดยขณะนี้เรือเฟอร์รี่จากเกาะสมุยได้เปิดให้บริการเที่ยวแรกแล้ว โดยจะนำนักท่องเที่ยวที่ตกค้างอยู่บนเกาะหลายวันกลับมา ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ต้องคอยประเมินสถานการณ์คลื่นลมอยู่เป็นระยะ ๆ ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมบนเกาะสมุยเริ่มคลี่คลายลงแล้ว หากไม่มีฝนตกลงมาซ้ำอีก

          ติดตาม ข่าวน้ำท่วม น้ำท่วมสุราษฎร์ธานี ได้ที่นี่ค่ะ 


สถานการณ์ น้ำท่วมสตูล

          สำหรับบรรยากาศ สภาวะน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดสตูล ขณะนี้ค่อนข้างที่จะเบาบางลงบ้าง แต่น้ำในลำคลองต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดสตูลหลายลำคลอง ยังมีปริมาณที่เปี่ยมล้นอยู่ ส่วนขณะนี้ท้องฟ้าโปร่งในบางพื้นที่มีแดดออก โดยนายวินัย ครุวรรณพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ยังไม่ยกเลิกประกาศการเตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วม และคาดว่า อีก 2 วัน สถานการณ์น้ำท่วมและท้องฟ้าต่าง ๆ กลับคืนสู่สภาพปกติ พร้อมส่งเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานลงสำรวจความเสียหายพื้นที่ในจังหวัดสตูลแล้ว


สถานการณ์ น้ำท่วมพังงา

          ที่บริเวณคลองกะไหล หมู่ที่ 10 ตำบลกะไหล อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา นายมนตรี โลหะกิจ กำนันตำบลกะไหล พร้อมด้วยนายวิฉัตร ไตรรัตน์ เจ้าของปางช้าง บริษัทไอส์แลนด์ ซาฟารี่ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่โด่งดังในจังหวัดพังงา พร้อมด้วยผู้ใหญ่หมู่ที่ 3 หมู่ที่ 4 หมู่ที่ 5 เข้าตรวจสอบสภาวะน้ำในคลองกะไหลที่ขณะนี้มีระดับน้ำสูงถึง 5 เมตร ซึ่งไหลเชี่ยวลงมาอย่างรุนแรง เอ่อล้นเข้าท่วมตลาดกะไหลสูงถึงกว่า 1 เมตร จากนั้นได้ร่วมมือกันเตรียมความพร้อมในการแก้ไขปัญหาน้ำล้นคลอง ก่อนที่จะเข้าท่วมสวนไร่นา ชาวบ้านต่อไป

          และขณะนี้ ระดับคลื่นลมในทะเลชายฝั่งอันดามัน ชายทะเลนาใต้ ชายหาดท้ายเหมือง ชายหาดเขาหลัก และเกาะคอเขา และตะกั่วป่า จังหวัดพังงา มีคลื่นลมแรง 3-4 เมตร ขณะนี้ ทางจังหวัดประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ และห้ามเรือประมงทุกชนิด ออกจากฝั่งอีกด้วย ส่วนบรรยากาศขณะนี้ที่จังหวัดพังงา ยังคงมีฝนตกโปรยปรายอยู่ตลอดเวลา


สถานการณ์ น้ำท่วมสงขลา

          สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดสงขลา ล่าสุดชาวบ้านที่มีบ้านเรือนติดริมทะเลอ่าวไทย ในพื้นที่อำเภอระโนด ยังคงได้รับผลกระทบ จากสภาพคลื่นลมในทะเล ที่ยังคงมีกำลังลมแรง โดยเฉพาะที่บ้านท่าเข็ม ตำบลคลองแดน อำเภอระโนด ซึ่งได้รับความเสียหายมากที่สุด จนถึงขณะนี้ ชาวบ้านทั้ง 9 ครอบครัว ที่บ้านถูกคลื่นซัดพังเสียหายเมื่อช่วง 2 วัน ที่ผ่านมา ยังไม่สามารถกลับเข้าไปรื้อซาก และซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหาย รวมทั้งต้นไม้ที่ล้มทับบ้านได้ เนื่องจากสภาพลมที่มีกำลังแรง ยังคงรอความช่วยเหลือจากทางส่วนราชการไปช่วยเหลือ ขณะที่ทางประมงก็ยังไม่สามารถออกทะเลได้

          ทางด้านสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดสงขลา สรุปสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดสงขลา ล่าสุด ขณะนี้มีพื้นที่น้ำท่วม 4 อำเภอ อำเภอระโนด อำเภอกระแสสินธุ์ อำเภอรัตภูมิ และอำเภอสะเดา แต่สถานการณ์โดยรวมยังไม่รุนแรง เป็นเพียงน้ำไหลผ่าน และยังไม่มีรายงานของผู้เสียชีวิต

          อย่างไรก็ตาม สภาพอากาศในพื้นที่จังหวัดสงขลา ในวันนี้ท้องฟ้าเริ่มเปิด และไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มเติม


สถานการณ์ น้ำท่วมกระบี่

          ผู้ว่าฯ กระบี่ ยืนยัน เหตุดินถล่มมีผู้เสียชีวิตเพียง 2 ราย บาดเจ็บ 24 และสูญหายอีกจำนวน 6 ราย ขณะที่เช้านี้กองพันทหารราบที่ 1 ระดม 200 นาย ค้นหาต่อ

          ติดตาม ข่าวน้ำท่วม น้ำท่วมกระบี่ ได้ที่นี่ค่ะ


สถานการณ์ น้ำท่วมชุมพร

           กลุ่มชาวประมงพื้นบ้านในหมู่ที่ 6 - 9 ต.สวนแตง อ.ละแม จ.ชุมพร ร้องขอความช่วยเหลือว่า กลุ่มชาวประมงพื้นบ้าน จำนวน 17 คน ใช้เรือประมงพื้นบ้านจำนวน 15 ลำ ออกไปวางล่อปลาหมึก ตั้งแต่ช่วงวันที่ 21 มี.ค. และถูกคลื่นลมแรง ไม่สามารถกลับเข้าฝั่งได้ ต้องพักอยู่ที่เกาะอ่างทองกลางทะเล เมื่อ 5 วันที่แล้ว ไม่ได้รับประทานอาหาร และมีผู้บาดเจ็บในขณะที่กำลังหลบคลื่นเข้าสู่เกาะ อีกทั้งเสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ถูกน้ำพัดไป เหลือเพียงชุดชั้นในเท่านั้น ชาวประมงหลายคนอายุยังน้อย และเริ่มป่วยหลายคนแล้ว จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือโดยด่วนด้วย


สถานการณ์ น้ำท่วมปัตตานี

          สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดปัตตานี ขณะนี้ยังมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ซัดใส่ถนนเลียบชายฝั่งทะเลระหว่าง อ.ยะหริ่ง- ต.แหลมโพธิ์ หมู่.ที่ 2 บ้านตะโล๊ะสะมีแล ต.แหลมโพธิ์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ทำให้ถนนได้รับความเสียหาย การสัญจรไปมาลำบากอย่างมาก ขณะที่ได้เกิดต้นไม้ล้มระเนระนาดหลายสิบต้นที่ถนนสายเก่าระหว่างอำเภอยะหริ่งบริเวณรอยต่อกับอำเภอปะนาเระ ทำให้ถนนได้รับความเสียหาย

          ขณะที่ทางจังหวัดได้ประกาศให้ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.สายบุรี อ.กะพ้อ อ.ทุ่งยางแดง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ติดต่อจังหวัดนราธิวาส เฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลากและดินถล่ม






น้ำท่วมตรัง

น้ำท่วมตรัง

น้ำท่วมตรัง

น้ำท่วมตรัง



[30 มีนาคม] ศอช.คาดหลัง 1 เม.ย. สถานการณ์น้ำท่วมจะเริ่มคลี่คลาย

           ภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกชุกอีก 1-2 วัน เตือนระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ด้าน ศอช.คาดหลัง 1 เม.ย.สถานการณ์จะดีขึ้น เล็งจ่ายช่วยเหลือครอบครัวละ 5 พัน ผู้เสียชีวิตศพละ 20,000 หากเป็นหัวหน้าครอบครัวจ่าย 50,000

          กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือนภัย "สภาวะน้ำท่วมในภาคใต้" ฉบับที่ 16 พยากรณ์อากาศพบหย่อมความกดอากาศต่ำ กำลังแรงปกคลุมบริเวณจังหวัดพังงา ภูเก็ต และ กระบี่ ลักษณะเช่นนี้ ทำให้ภาคใต โดยเฉพาะบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันตก ยังคงมีฝนชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ในหลายพื้นที่ต่อไป อีก 1-2 วัน จึงขอให้ประชาชนบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และ สตูล ยังคงต้องระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากต่อไปอีก

          ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทย และทะเลอันดามันสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย

          อนึ่ง ในวันพรุ่งนี้ (31 มี.ค.) บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน เริ่มมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และกรุงเทพมหานคร มีอากาศเย็นต่อไปอีก 1-2 วัน แต่อุณหภูมิจะเริ่มสูงขึ้นในตอนกลางวัน

           ขณะที่ กรมทรัพยากรธรณี ได้ออกประกาศฉบับที่ 5 วันที่ 30 มีนาคม 2554 เฝ้าระวังเหตุดินถล่ม และน้ำป่าไหลหลาก ในระยะ 1-2 วันนี้ ในพื้นที่จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สตูล ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส โดยเฉพาะในพื้นที่

             อำเภอสวี พะโต๊ะ หลังสวน จังหวัดชุมพร
             อำเภอท่าชนะ ไชยา วิภาวดี บ้านตาขุน พนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี
             อำเภอขนอม สิชล พิปูน ฉวาง ลานสกา นบพิตำ ร่อนพิบูลย์ ทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช
             อำเภอศรีบรรพต ศรีนครินทร์ กงหรา ตะโหมด จังหวัดพัทลุง
             อำเภอละอุ่น เมืองระนอง กระบุรี สุขสำราญ จังหวัดระนอง
             อำเภอคุระบุรี ตะกั่วป่า กะปง ท้ายเหมือง จังหวัดพังงา อำแภอเมืองกระบี่ เขาพนม เหนือคลอง เกาะลันตา จังหวัดกระบี่
             อำเภอเมืองภูเก็ต ถลาง กะทู้ จังหวัดภูเก็ต
             อำเภอห้วยยอด นาโยง ย่านตาขาว ปะหลียน จังหวัดตรัง
             อำเภอทุ่งหว้า มะนัง ควนกาหลง จังหวัดสตูล
             อำเภอรัตภูมิ นาทวี จังหวัดสงขลา

          ทั้งนี้ เนื่องจากหย่อมความกดอากาศต่ำ กำลังแรงยังคงปกคลุมบริเวณภาคใต้ ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมาก และตกต่อเนื่องในหลายพื้นที่ บางพื้นที่ปริมาณน้ำฝนสะสม 5 วัน วัดได้มากกว่า 1,000 มิลลิเมตร ทำให้ดินบนภูเขาชุ่มน้ำ อาจถล่มเพิ่มลงมาได้ และขณะนี้มีดินไหลในหลายพื้นที่แล้ว

          ด้านนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุว่า ขณะนี้ให้ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของแต่ละจังหวัด เพิ่มงบประมาณจาก 50 ล้าน บาทเป็น 100 ล้านบาท เพื่อช่วยผู้ประสบภัย รวมทั้งเพิ่มแผนและฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยด้วย ทั้งนี้ ตนไม่ได้ลงพื้นที่ไปด้วยตนเอง เพราะมีภารกิจประชุมสภาเพื่อพิจารณากฎหมายลูก ทั้ง 3 ฉบับ

          ส่วนนายวิทเยนทร์ มุตตามระ รองผู้อำนวยการศูนย์ประสานการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย หรือ ศอช. เปิดเผยว่า จากการประเมินสถานการณ์ขณะนี้ คาดว่าฝนจะยังตกหนักต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 1 เม.ย. ซึ่งหลังจากนั้น เชื่อว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลง
 
          ขณะที่มาตรการในส่วนของการให้ความช่วยเหลือนั้น ที่ประชุมได้มีการเสนอให้ช่วยเหลือเงินเบื้องต้นจำนวน 5,000 บาทต่อครัวเรือน ตามหลักเกณฑ์เดิมแม้ว่า บางครอบครัวจะได้รับมาแล้วในครั้งก่อน โดยจะมีการเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า

          ทั้งนี้ คาดว่า จะใช้งบประมาณในส่วนนี้ไม่เกิน 2,000 ล้านบาท แต่ครั้งนี้จะต้องมีการกำหนดหลักเกณฑ์ให้ชัดเจนกว่าครั้งก่อน อย่างไรก็จะต้องรอดูสถานการณ์อีก 1-2 วัน เนื่องจากขณะนี้มรสุมได้ผ่านไปยังฝั่งจังหวัดอันดามัน ซึ่งอาจจะทำให้มีผู้ได้รับผลกระทบเพิ่มเติม

          นอกจากนี้ ในส่วนของการจ่ายค่าชดเชยเรื่องที่อยู่อาศัยจะมีการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ. ซึ่งจะเป็นงบคนละส่วนกับงบ 5,000 บาท ส่วนกรณีของผู้เสียชีวิตนั้น ทางกองทุนผู้ประสบสาธารณภัย ได้ให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นศพละ 50,000 บาท ขณะที่ ปภ. จะให้ความช่วยเหลือหากผู้เสียชีวิตเป็นหัวหน้าครอบครัวเพิ่มเติม อีก 30,000 บาท หากไม่ได้เป็นหัวหน้าครอบครัว จะช่วยเหลือศพละ 20,000 บาท       

          ด้านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานถึงสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ตั้งแต่ วันที่ 23 มีนาคม 2554 ถึงช่วงเช้าวันนี้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 11 ราย แบ่งเป็นจังหวัดนครศรีธรรมราช 7 ราย จังหวัดพัทลุง 1 ราย และจังหวัดสุราษฎร์ธานี 3 ราย ดังนี้

             1.นายอรรถกร บุญเพชร อายุ 22 ปี ถูกน้ำพัดขณะเดินข้ามคลองท่าหาเพื่อกลับบ้านที่อำเภอลานสกา
             2.นายวิรัตน์ชัยคช อายุ 54  ปี จมน้ำเสียชีวิตที่อำเภอพระพรหม
             3.นายธงชัย คําด้วง อายุ 69 ปี จมน้ำเสียชีวิตที่อำเภอพิปูน
             4.พระพัทราภรณ์จิระวรา อายุ 50 ปี จากเหตุดินถล่มสํานักสงฆ์ที่อำเภอขนอม
             5.พระอภิชาต คุ้มประดิษฐ์ อายุ 36 ปี จากเหตุดินถล่มสํานักสงฆ์ที่อำเภอขนอม
             6.นางเอื้อมพร สังข์วงศ์ อายุ 46 ปี จมน้ำเสียชีวิตที่อำเภอสิชล
             7.ด.ช.อภิชาติ  รัตนสุข เสียชีวิตที่อำเภอทุ่งใหญ่
             8.ด.ช.ซอดีหรีน เส็นเกลี้ยง อายุ 7 ปี เสียชีวิตที่อำเภอกงหรา
             9.นางนพ เพชรรัตน์ อายุ 81 ปี จมน้ำเสียชีวิตที่อำเภอกาญจนดิษฐ์
             10.นายวีรศักดิ์ วิจิตร อายุ 44 ปี เสียชีวิตที่อำเภอบ้านนาสาร
             11.น.ส.แจ่มนภา แซกกระโทก อายุ 26 ปี ถูกไฟฟ้าช็อตที่อำเภอเกาะสมุย






สถานการณ์ น้ำท่วมนครศรีธรรมราช

          สถานการณ์น้ำท่วม จ.นครศรีธรรมราช เมื่อคืนที่ผ่านมา ฝนยังคงตกลงมาตลอดทั้งคืน จนกระทั่งเช้า ท้องฟ้ายังเต็มไปด้วยเมฆฝน สภาพทั่วไป น้ำยังคงท่วมในเขตตัวเมือง หลังจากที่น้ำทรงตัวแล้วและลดลงบางแห่ง แต่เช้าวันนี้ ระดับเริ่มสูงเพิ่มขึ้นอีก หลังจากที่ฝนได้ตกลงมาซ้ำ ที่ อ.นบพิตำ และเพราะสะพานขาด เป็นเหตุให้ชาวบ้านกว่า 2,000 คน ไม่สามารถเข้าออกได้นั้น ทางเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน ได้ระดมกำลังทำสะพานข้ามชั่วคราว เพื่อให้สัญจรไปมาได้

          สำหรับในเขตเทศบาลเมืองทุ่งสง หลังจากเขื่อนที่แตก ทำให้น้ำทะลักเข้าตัวเมืองทุ่งสง ตั้งแต่เมื่อวานนี้ ขณะนี้ น้ำได้เริ่มลดลงแล้วรถสามารถสัญจรได้ ซึ่งน้ำในตัวเมืองทุ่งสงนั้น ได้ไหลเข้าท่วม ต.ที่วัง ต.กะปาง อ.ทุ่งสง ก่อนที่จะไหลเข้าท่วมใน อ.รัษฎา จ.ตรัง





ผู้ใหญ่บ้านตะลุมพุกเผยมรสุมแรงสุดรอบ 51 ปี

          ขณะที่พายุซึ่งพัดกระหน่ำใส่แหลมตะลุกพุกเมื่อวานนี้นั้น ทำให้ถนนในหมู่บ้านถูกกระแสน้ำพัดตัดขาด จนชาวบ้านเริ่มกังวลว่า หากฝนยังตกไม่หยุดอาจทำให้หมู่บ้านจมน้ำ โดยผู้ใหญ่บ้านกล่าวว่า ไม่เคยเจอกระแสลมแรงเช่นนี้มาก่อน ถือเป็นมรสุมที่รุนแรงที่สุดในรอบ 51 ปีเลยทีเดียว

อำเภอนบพิตำลำเลียงอาหารส่งชาวบ้านเขาไม้ไผ่

          นายบุญสงค์ สิทธิยุโณ ปลัดอำเภอนบพิตำ อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช รักษาราชการแทนนายอำเภอนบพิตำ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า มีประชาชนที่ติดค้างอยู่บนเขาไม้ไผ่จำนวน 11 คน โดยทั้งหมดเป็นประชาชนในพื้นที่ เนื่องจากบริเวณเขาไม้ไผ่มีโรงงานเหมืองแร่ และใกล้เคียงกันยังมีหมู่บ้านของประชาชนอาศัยอยู่ ซึ่งยอมรับว่า พื้นที่ดังกล่าวถูกตัดขาด ไม่สามารถเข้าไปได้ เนื่องจากถนนลูกรังที่เดินทางเข้าไปนั้น ถูกน้ำท่วมขังและถนนขาดเป็นระยะ ซึ่งในวันนี้ ทางฝ่ายปกครองได้ประสาน ขอเฮลิคอปเตอร์ บินนำอาหารและถุงยังชีพ ไปส่งให้ชาวบ้านที่ลานบ้านโปรงแล้ว แต่เนื่องจากสภาพอากาศที่ปิด ไม่สามารถขึ้นบินได้ ก็ได้เตรียมมาตรการประสานกองทัพภาค 4 เพื่อขอกำลังทหาร และชาวบ้าน ผู้ชำนาญเส้นทาง เดินเท้านำถุงยังชีพ และน้ำดื่มไปให้ประชาชน และคาดว่า ภายในวันนี้จะสามารถมอบถุงยังชีพถึงมือประชาชนได้

          อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราชเช้านี้ ท้องฟ้ายังปิด มีฝนตกโปรยปรายมาเป็นระยะโดยมีทั้งหนักและเบาสลับกันไปโดยชาวบ้านที่ประสบปัญหาน้ำท่วม เจ้าหน้าที่ก็เร่งให้ความช่วยเหลือ

รางรถไฟสายทุ่งสง-ตรัง ถูกน้ำซัดเสียหายหนัก

          น้ำที่ไหลเชี่ยวได้เอ่อล้นท่วมสวนยางพารา และไหลผ่านรางรถไฟสายทุ่งสง-ตรัง ตรงจุดบ้านควนกอ ตำบลที่วัง อำเภอทุ่งสง จนกัดเซาะหินรองไม้หมอนรถไฟขาด ทำให้รางทรุดและไม้หมอนหลุดหาย จนทางรถไฟบิดเบี้ยวหลายจุด ต้องรอให้ระดับน้ำลดลง เจ้าหน้าที่จึงจะเข้าไปซ่อมแซมได้


ข่าวน้ำท่วม

สภาพความเสียหายของรางรถไฟที่บ้านควนกอ ภาพจาก คุณ owen savee

ข่าวน้ำท่วม

สภาพความเสียหายของรางรถไฟที่บ้านควนกอ ภาพจาก คุณ owen savee

ข่าวน้ำท่วม

สภาพความเสียหายของรางรถไฟที่บ้านควนกอ ภาพจาก คุณ owen savee

ข่าวน้ำท่วม

สภาพความเสียหายของรางรถไฟที่บ้านควนกอ ภาพจาก คุณ owen savee


พบศพชายกัมพูชาจมน้ำตายในคลองกระเบียด

          พ.ต.ท.พงษ์ศักดิ์ ชโยฬาร สารวัตรเวร สภ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งพบผู้เสียชีวิต จมน้ำในคลองกระเบียด หมู่ที่ 3 ต.กระเบียด หลังรับแจ้งจึงไปที่เกิดเหตุ พบผู้เสียชีวิตเกี่ยวติดเบ็ดตกปลาของชาวบ้าน จึงลากศพขึ้นมา ทราบชื่อ นายเถื่อน ไม่ทราบนามสกุล เป็นชาวเขมร จากการสอบสวน ผู้ตายทำงานรับจ้างทั่วไป และเมื่อวานตอนใกล้ค่ำเพื่อนของผู้ตายตกน้ำในคลองดังกล่าวที่วัด ผู้ตายได้กระโดดลงไปช่วยเพื่อนรอด แต่ตนเองจมน้ำหายไป จนมาพบศพในวันนี้

          ทั้งนี้ สรุปยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์น้ำท่วมใน จ.นครศรีธรรมราช ในครั้งนี้ล่าสุด 10 ศพแล้ว




น้ำท่วมตรัง


สถานการณ์น้ำท่วมตรัง

          ที่จังหวัดตรังยังมีฝนตกหนักลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้น้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัดไหลทะลักท่วมบ้านเรือนในเขตตำบลนาโยงเหนือ อำเภอนาโยง ทำให้การไฟฟ้าต้องตัดไฟ เนื่องจากน้ำได้ท่วมหม้อแปลงไฟฟ้า ซึ่งนายการุณ ลิ่มไทย นายกเทศมนตรีได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือและอพยพชาวบ้านออกมาแล้ว พร้อมกับยอมรับว่า สถานการณ์ขณะนี้รุนแรงกว่าเมื่อปลายปี 2553 และอำเภอนาโยงถือเป็นอำเภอที่ประสบภัยหนักที่สุดของจังหวัดตรัง

          ขณะที่ในเวลาต่อมา มีรายงานด้วยว่า น้ำจากอำเภอนาโยงได้ไหลเข้าท่วมเขตเทศบาลนครตรัง ที่บริเวณอนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐมหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) ชุมชนสระกะพังสุรินทร์ ห้างโรบินสันสาขาตรัง ชุมชนบ้านควนขัน ชุมชนซอยควนขนุน หลังสนามกีฬาเทศบาล ถนนรัษฎา ช่วงหน้าสนามกีฬาเทศบาล ธนาคารเกษตรและสหกรณ์ตรัง หน้าปั๊มน้ำมัน ปตท. สี่แยกต้นสมอ ห้างเทสโก้ โลตัส สาขาตรัง สี่แยกหัวสะพานวังยาว ถนนวิเศษกุล ตรงหน้าหมู่บ้านไทยทอง ชุมชนคลองน้ำเจ็ด โดยระดับน้ำสูงประมาณ 1.50 เมตร และไหลเชี่ยวแรง ทำให้ห้างสรรพสินค้า และธนาคาร สถานีบริการน้ำมัน ที่ถูกน้ำท่วมหยุดให้บริการ

          ล่าสุด นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้ออกช่วยเหลือ และเยี่ยมประชาชนในทุกพื้นที่แล้ว และเรียกประชุมด่วน เพื่อรับมือกับภาวะนำท่วม ที่กำลังรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะฝนยังตกต่อเนื่อง


สถานการณ์น้ำท่วมสุราษฎร์ธานี


  แม่น้ำตาปีเพิ่มระดับ ไหลท่วม อ.พระแสง

          น้ำที่ท่วมขังอยู่ในหลายพื้นที่ได้เพิ่มระดับสูงขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากฝนยังคงตกหนักอยู่ตลอดเวลา ล่าสุด ทุกอำเภอประสบภาวะน้ำท่วมแล้ว แต่จุดที่หนักที่สุดอยู่ที่อำเภอดอนสัก, กาญจนดิษฐ์, เกาะสมุย, ไชยา, ท่าชนะ และท่าฉาง ที่มีระดับน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตรขึ้นไป และเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ระดับน้ำในแม่น้ำตาปีสูงขึ้นมากกว่า 7 เมตร ได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในอำเภอพระแสงหลายหลังคาเรือน

  เรือหลวงช่วยนักท่องเที่ยวเกาะเต่า ส่งถึงฝั่งแล้ว

          ในส่วนของกองทัพเรือที่กำลังส่งเรือหลวงสุโขทัยเข้าไปช่วยนักท่องเที่ยวที่ติดอยู่ที่เกาะสมุยอยู่นั้น จนถึงเวลา 11.20 น. เรือเฟอร์รี่ก็ยังไม่สามารถเข้าไปรับนักท่องเที่ยวที่อยู่ในเกาะสมุยได้ เนื่องจากฝนยังตกต่อเนื่อง และคลื่นลมแรงมาก

          เช่นเดียวกับที่เกาะเต่า นักท่องเที่ยวที่ติดค้างอยู่บนเกาะเต่ายังไม่ได้ขึ้นเรือหลวงจักรีฯ หลังฝนตกหนัก คลื่นสูง เรือเล็กจากทหารเข้ามาไม่ถึง ขณะที่คนบนเกาะพยายามเอาเรือออกไปก็ไปไม่ถึงเช่นกัน ก่อนที่ในเวลาต่อมา เรือลมพระยาจะสามารถฝ่าคลื่นสูงกว่า 2 เมตร เข้าไปช่วยนักท่องเที่ยวที่ติดอยู่ในเกาะเต่า รวมทั้ง อ้อม พิยดา และป้อง ณวัฒน์ ดาราชื่อดังออกมาส่งถึงฝั่งที่จังหวัดชุมพรได้สำเร็จ

          ขณะที่เรือโดยสารไปยังเกาะสมุย เกาะพะงัน ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้ เนื่องจากคลื่มลมในทะเลสูงกว่า 5 เมตร และทางการได้ประกาศห้ามเรือประมงทุกประเภทออกจากฝั่งโดยเด็ดขาด

  หลายพื้นที่ขาดแคลนอาหาร

          จากวิกฤติที่ยังหนักต่อเนื่อง ทำให้หลายพื้นที่เริ่มขาดแคลนอาหาร เนื่องจากน้ำท่วมติดต่อกันนานหลายวัน ผู้ประสบภัยน้ำท่วมไม่สามารถออกไปหาซื้ออาหารได้ ส่วนที่ เกาะพะลวย อ.เกาะสมุย มีคลื่นลมแรง ชาวบ้านกว่า 180 ครัวเรือน เริ่มขาดแคลนอาหาร เนื่องจากไม่สามารถนำเรือออกจากเกาะ เพื่อไปซื้ออาหารเข้ามาเพิ่มเติมได้

  ปภ.สุราษฎร์ฯ รายงานเหตุน้ำท่วม ทำเสียชีวิตแล้ว 4 ราย

          ด้านสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สุราษฎร์ธานี รายงานความเสียหายเบื้องต้นจากอุทกภัยในครั้งนี้ว่า มีประชาชนเดือดร้อนกว่า 2.4 แสนคน มีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย สูญหาย 1 ราย ถนนได้รับความเสียหาย 311 สาย มูลค่าความเสียหายเบื้องต้น กว่า 1.5 พันล้านบาท

          ขณะที่ สถานีอุตุนิยมวิทยา จ.สุราษฎร์ธานี ได้รายงานปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ปริมาณฝนสูงสุด วัดได้ 247.3 มิลลิเมตร ที่ สถานีอุตุนิยมวิทยาเกษตร อ.กาญจนดิษฐ์ โดยยังมีฝนตกหนักต่อเนื่องครอบคลุมพื้นที่ทั่วทั้ง จ.สุราษฎร์ธานี ต่อไปอีก


  บางกอกแอร์เวย์สขนผู้โดยสารออกจากสมุย
 
          ในช่วงเช้าวันนี้ ทางบางกอกแอร์เวย์สได้ให้บริการลงที่สนามบินสมุยแล้ว 6 เที่ยวบิน เป็นเที่ยวบินปกติ 2 เที่ยวบิน และเที่ยวบินพิเศษอีก 4 เที่ยวบิน เพื่อรับผู้โดยสารกลับกรุงเทพมหานคร 4 เที่ยวบิน ไปอู่ตะเภา 1 เที่ยวบิน และฮ่องกงอีก 1 เที่ยวบิน คาดว่า จะขนผู้โดยสารได้ในเบื้องต้น ประมาณ 600 คน

          และในช่วงบ่าย จะมีเที่ยวบินจากกรุงเทพมหานครไปสมุยอีก 5 เที่ยวบิน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ เนื่องจากยังแปรปรวน ลมแรง และฝนยังคงตกต่อเนื่อง โดยผู้โดยสารที่ต้องการติดต่อเปลี่ยนเที่ยวบิน หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลข 02-265-8777



น้ำท่วมภาคใต้

น้ำท่วมสุราษฏร์ธานี


สถานการณ์น้ำท่วมพังงา

          เกิดดินสไลด์ทับเส้นทางทับปุด-พังงา หลังฝนตกหนัก ทำให้รถไม่สามารถสัญจรผ่านได้ ขณะที่ถนนตะกั่วป่า-พังงา บริเวณบ้านทุ่งคาโงก พายุได้พัดเสาไฟฟ้าแรงสูงหักโค่นลงมากีดขวางถนน

          เช่นเดียวกัน เมื่อช่วงสายของวันนี้ได้เกิดดินสไลด์ลงมาที่บริเวณ ถนนสายถ้ำทองหลาง-เขานางหงส์ กม.989 ต.ถ้ำทองหลาง จ.พังงา ทำให้ต้นยางพารานับ 1,000 ต้น ล้มระเนระนาด ริมถนนมีเสาไฟฟ้าล้ม 6-7 ต้น ขณะนี้ นายธำรงค์ เจริญกุล ผู้ว่าราชการ จ.พังงา ได้เรียกประชุมหัวหน้าส่วนราชการ อ.ทับปุด ที่ ศาลาประชาคม อ.ทับปุด แล้ว เพื่อที่จะเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำท่วม แต่อย่างไรก็ตาม หากไม่มีฝนตกหนักกว่านี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหา และยังได้สั่งการให้ อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จัดชุดยังชีพ เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านในเบื้องต้นอีกด้วย


สถานการณ์น้ำท่วมกระบี่

          เกิดดินถล่มที่หมู่บ้านอิสลาม อำเภอเขาพนม จังหวัดกระบี่ โดยมีชาวบ้านติดอยู่ในบริเวณดังกล่าวประมาณ 200-300 คน เบื้องต้นมีรายงานว่า ที่หมู่ 7 มีผู้เสียชีวิตแล้ว 6 คน บาดเจ็บ 42 ราย เป็นชาย 15 ราย หญิง 15 ราย เด็ก 12 ราย ส่งโรงพยาบาลเขาพนมแล้ว


สถานการณ์น้ำท่วมปัตตานี

          นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ได้แจ้งเตือนประชาชนนี่อาศัยอยู่บริเวณแม่น้ำปัตตานี แม่น้ำสายบุรี โดยเฉพาะ อ.สายบุรี อ.กะพ้อ อ.ยะหริ่ง อ.หนองจิก อ.เมือง อ.ทุ่งยางแดง และ อ.ยะรัง ให้เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน เนื่องจากเป็นพื้นที่รองรับน้ำและอยู่ติดกับ จ.ยะลา และ จ.นราธิวาส ที่เกิดน้ำท่วมแล้วในบางพื้นที่ จึงทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในอำเภอดังกล่าว ต้องเตรียมรับมือกับสถานการณ์น้ำที่อาจจะท่วมสูง พร้อมให้รับขนย้ายสิ่งของที่จำเป็นและสัตว์เลี้ยงขึ้นอยู่บนที่สูงทันที ในส่วนของระดับน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง และคลื่นลมในทะเลหนุน อาจส่งผลให้พื้นที่ จ.ปัตตานี น้ำท่วมสูงใน 1-2 วันนี้


สถานการณ์น้ำท่วมสงขลา

           ภาพรวมสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.สงขลา จนถึงขณะนี้พื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมยังอยู่ในวงจำกัดแค่ 2 อำเภอ คือ อ.ระโนด กับ อ.กระแสสินธุ์ โดยพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมทั้ง 2 อำเภอ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ลุ่มและอยู่ริมทะเลสาบสงขลา ซึ่งได้รับอิทธิพลจากน้ำทะเลหนุน และน้ำที่ไหลจาก จ.พัทลุง และนครศรีธรรมราช เข้าท่วม และกว่าร้อยละ 80 เป็นพื้นที่การเกษตร เช่น นาข้าว สวนปาล์ม

          อย่างไรก็ตาม แม้ทางจังหวัดจะประกาศให้พื้นที่ ทั้ง 2 อำเภอ เป็นเขตภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน แต่เป็นการประกาศเฉพาะพื้นที่ในแต่ละตำบล ไม่ได้ครอบคลุมทั่วทั้ง 2 อำเภอ เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมยังทรงตัวไม่ได้มีการขยายวงกว้างเพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มลดระดับลง เนื่องจากภาวะฝนใน จ.สงขลา เริ่มทิ้งช่วง

          สำหรับพื้นที่ที่ยังได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมค่อนข้างหนักของ จ.สงขลา คือที่บ้านเกาะวา ต.บ้านขาว อ.ระโนด เนื่องจากพื้นที่การเกษตรจมอยู่ใต้น้ำ สัตว์เลี้ยง เช่น ควาย ขาดแคลนหญ้าและลอยคอหากินอยู่ในน้ำ ขณะที่ชาวบ้านและเกษตรกร ที่ได้รับความเดือดร้อนได้รวมตัวเข้าแจ้งทรัพย์สินที่เสียหายจากน้ำท่วม เพื่อขอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐ


สถานการณ์น้ำท่วมสตูล

          สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.สตูล เริ่มขยายวงกล้างในหลายพื้นที่โดยเฉพาะ อ.ละงู มีน้ำท่วมขัง ถนนสายละงู-สตูล เนื่องจากน้ำไหลช้า มีการปิดกั้นทางน้ำไหล เพราะมีการก่อสร้างขยายถนน 4 เลน รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ไม่สามารถวิ่งสัญจรไปมาได้ และยังมีน้ำไหลเข้าท่วมเส้นทางในพื้นที่หมู่บ้านหลายหมู่บ้าน ขณะที่ปริมาณน้ำได้เพิ่มสูงขึ้นในพื้นที่คลองบาราเกต คลองมำบังอย่างต่อเนื่อง

          นายสุรินทร์ สุริยะวงศ์ ปลัดอาวุโส อ.ละงู กล่าวว่า ขณะนี้ได้อพยพนักท่องเที่ยว รวมทั้งชาวบ้านในพื้นที่ อ.ละงู ที่เข้าท่องเที่ยวและล่องแก่งแล้ว ด้วยเกรงว่าน้ำจะท่วมฉับพลัน ส่วนเกษตรกรในพื้นที่ ที่ปลูกแตงโมและข้าวโพดหวาน อ.ท่าแพ อ.มะนัง ได้รับความเสียหายแล้ว 58 หมู่บ้าน ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน 1,400 ครอบครัว พื้นที่เสียหายการทำเกษตร จำนวน 4,500 ไร่ อย่างไรก็ตามขณะนี้เตรียมพร้อมอพยพประชาชน หากมีน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ จ.สตูล


สถานการณ์น้ำท่วมยะลา

          นายเวโรจน์ สายทองแท้ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดยะลา กล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เตรียมความพร้อมรับมือกับสภาวะน้ำท่วม ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ หากฝนยังไม่หยุดตกลงมา แต่ถึงอย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ ได้รับรายงานว่า ปริมาณน้ำในแม่น้ำปัตตานี ยังอยู่ในระดับต่ำ สามารถรองรับน้ำได้อีก แต่คงจะต้องเฝ้าระวังอย่างเต็มที่

          และล่าสุดมีรายงานว่า ในอำเภอเบตง มีพื้นที่ประสบอุทกภัยแล้ว 2 หมู่บ้าน คือ หมู่ 1 และ หมู่ 5 ต.ยะรม อ.เบตง มี บ้านเรือนได้รับความเสียหายจากน้ำป่าไหลหลาก จำนวน 18 ครัวเรือน และพื้นที่เกษตรได้รับความเสียหาย สำหรับน้ำในเขื่อนบางลาง ขณะนี้อยู่ในปริมาณร้อยละ 82 ยังไม่ถึงระดับวิกฤติ โดยทางเขื่อนได้มีการระบายน้ำออกจากเขื่อนอยู่เป็นระยะ จึงขอให้ประชาชนไม่ต้องหวาดวิตกกังวลแต่อย่างใด


สถานการณ์น้ำท่วมนราธิวาส

          กรมชลประทานออกประกาศฉบับที่ 1 เรื่องสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส โดยระบุว่า ระดับน้ำในคลองตันหยงมัสเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก จึงขอให้ประชาชนที่อยู่ริมคลองตันหยงมัสทั้งสองฝั่ง ทั้งที่บริเวณบ้านตันหยงมัส บ้านไท บ้านแกแม ตำบลตันหยงมัส อำเภอระแงะ  บ้านมะนังตาหยี ตำบลมะนังตายอ ตำบลลำภู ตำบลบางปอ อำเภอเมืองนราธิวาส และบ้านทุ่งคา บ้านโต๊ะแม ตำบลละหาร อำเภอยี่งอ ให้เฝ้าระวังและติตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด


 ข่าวน้ำท่วม น้ำท่วมนครศรีธรรมราช น้ำท่วมภาคใต้

 



น้ำท่วมตรัง

น้ำท่วมตรัง



[29 มีนาคม] เตือน 14 จังหวัดใต้ระวังฝนตกหนัก–น้ำท่วมฉับพลัน

            กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือนภัย"สภาวะน้ำท่วมในภาคใต้" ฉบับที่ 14 ระวังฝนตกหนัก – น้ำท่วมฉับพลัน  ส่วนภาคอื่นมีอากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อย ลมแรง ขณะที่ บางกอกแอร์เวย์ส เลื่อนเที่ยวบินออกจากสมุย

           
เมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ (29 มีนาคม)  กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมบริเวณจังหวัดกระบี่ คาดว่าจะเคลื่อนตัวลงสู่ทะเลอันดามันในคืนนี้ ซึ่งจะทำให้ภาคใต้มีฝนชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ จึงขอให้ประชาชนบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากที่จะเกิดเพิ่มขึ้นต่อไปอีก1-2 วัน หลังจากนั้นปริมาณฝนตกหนักจะลดลง

            ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยและทะเลอันดามันสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือ เพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วง 2-3 วันนี้ไว้ด้วย สำหรับ บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานคร และ ภาคตะวันออกมีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไป อุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อย และมีลมแรง

            ขณะที่ สายการบิน บางกอกแอร์เวย์ส ประกาศเลื่อนเวลาทุกเที่ยวบินเข้าออกจากเกาะสมุยวันนี้ ตั้งแต่เวลา 06.00 น.-12.00 น. โดยจะเริ่มให้บริการเที่ยวบินแรก เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป เนื่องจากสภาพอากาศบริเวณเกาะสมุย ยังตงมีฝนตกหนัก และมีลมมรสุมแปรปรวน ซึ่งไม่อำนวยต่อการทำการบิน เช่นเดียวกับสายการบินไทยที่แจ้งงดเที่ยวบินไปสมุยทั้งหมดอย่างไม่มีกำหนด

           ด้าน พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้สั่งการให้นำเรือรบหลวงจำนวน 4 ลำ ได้แก่ เรือหลวงจักรีนฤเบศร เรือหลวงสุโขทัย เรือหลวงบางปะกง และเรือหลวงล่องลม เดินทางลงใต้ไปช่วยนักท่องเที่ยวที่ตกค้างอยู่ตามเกาะต่าง ๆ แล้ว หลังพบว่า มีนักท่องเที่ยวติดค้างอยู่ตามเกาะต่าง ๆ จำนวนมาก และเรือเล็กไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ เนื่องจากคลื่นลมแรงและสูง

          ล่าสุด มีรายงานว่า ที่ จ.พังงา ขณะนี้ เรือหลวงบางปะกง ภายใต้การควบคุมของ พล.ร.ต.รังสฤษดิ์ สัตยานุกูล เสนาธิการทัพเรือภาคที่ 3 ที่ร่วมมือกับฐานทัพเรือ จ.พังงา ได้ออกไปช่วยเหลือนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ติดอยู่บนเกาะสุรินทร์ - สิมิลัน อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา จำนวน 84 คน และเดินทางมาถึงฝั่งเรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางความดีใจของนักท่องเที่ยว และเมื่อนักท่องเที่ยวได้ก้าวเท้าออกจากเรือหลวงบางปะกง ต่างก็ส่งเสียงแสดงความดีใจ และกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทั้งหมด ที่ได้ออกไปให้ความช่วยเหลือ รวมถึงมีนักท่องเที่ยวบางรายที่ซาบซึ้งจนถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่


สถานการณ์ น้ำท่วมนครศรีธรรมราช


 ทุ่งสงวิกฤต! เขื่อนวังอ้ายว่าวแตก

           ทุ่งสงวิกฤต! หลังฝนกระหน่ำทำเขื่อนวังอ้ายว่าวแตก เป็นเหตุให้น้ำไหลเข้าท่วมตัวเมืองอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านหนีน้ำชุลมุน

แหลมตะลุมพุก วิกฤต!! คลื่นสูงซัดต่อเนื่อง

           มีรายงานว่า ในพื้นที่แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช มีฝนตกหนักต่อเนื่อง คลื่นลมทะเลมีกำลังแรง ซึ่งมีบ้านเรือนชาวบ้านและร้านอาหารอยู่จำนวนมาก ได้ถูกคลื่นทะเลสูงประมาณ 3 เมตร พัดเข้าฝั่ง ทำให้ร้านค้าและบ้านเรือนของประชาชน รวมถึงชายหาด ได้รับความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง

           ทั้งนี้ นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ระบุว่า สถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ถือว่ามีความรุนแรงไม่น้อย และส่งผลกระทบในวงกว้างอย่างรวดเร็วเกือบทั้งจังหวัด แต่ที่น่าเป็นหว่งมากขณะนี้ คือ บ้านแหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง และ อ.หัวไทร ซึ่งได้กำชับพื้นที่ดังกล่าวเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ขอให้ประชาชนติดตามข่าวพยากรณ์อากาศไว้ตลอด 

ฝนถล่มพิปูน หวั่นอ่างเก็บน้ำแตก-ดินภูเขาสไลด์

          
ในส่วนของ อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช ขณะนี้อ่างเก็บน้ำคลองดินแดง ต.เขาพระ และอ่างเก็บน้ำกะทูน ต.กะทูน ไม่สามารถรองรับน้ำเพิ่มได้แล้ว เนื่องจากฝนที่ตกลงมา น้ำได้ล้นทั้ง 2 อ่าง จึงจำเป็นต้องสั่งเปิดระบายน้ำออกมา เนื่องจากกลัวอ่างเก็บน้ำจะแตก เพราะฝนที่ตกลงเฉพาะ อ.พิปูน เมื่อคืนที่ผ่านมาวัดได้เกิน 100 มิลลิเมตร และปรากฏว่า ได้มีดินและก้อนหินบนภูเขา หมู่ที่ 10 ต.เขาพระ พังถล่มลงมาเป็นวงกว้างหลายจุด และสะพานขาด ขณะนี้ ยังไม่สามารถไปสำรวจได้

ชาวบ้านกว่า 100 คน ติดบนเขาไม้ไผ่
 
           มีรายงานว่า ที่บนภูเขาไม้ไผ่ รอยต่อเขตเขากรุงชิง ต.นบพิตำ อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช มีคนงานเหมืองแร่ทำงานอยู่ ประมาณ 20 คน และชาวบ้านอาศัยอยู่ ประมาณ 100 กว่าคน ติดค้างอยู่บนเขา ไม่สามารถจะลงมาได้ ประมาณ 2-3 วันแล้ว และเจ้าหน้าที่จากด้านล่าง ก็ไม่สามารถจะขึ้นไปช่วยเหลือได้เช่นกัน เส้นทางถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง ทางด้านกองทัพภาคที่ 4 ได้รับการร้องขอให้ช่วยเหลือ แต่เฮลิคอปเตอร์ ไม่สามารถบินขึ้นไปช่วยเหลือได้ เนื่องจากฝนตกหนักและท้องฟ้าปิดตลอดเวลา ซึ่งขณะนี้ทางหน่วยกู้ภัย และเจ้าหน้าที่กำลังหาทางที่จะช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนต่อไป

เสาไฟฟ้าล้มกว่า 200 บ้าน อำเภอเมือง นครศรีธรรมราช ไร้ไฟใช้
 

น้ำท่วมนครศรีธรรมราช


           สถานีตำรวจภูธรเมืองนครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุ ลมกรรโชแรงพัดเอาต้นไม้ขนาดใหญ่ บริเวณหน้าวัดพระบรมมหาธาตุ ริมถนนราชดำเนิน ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มทับสายไฟฟ้า และเสาไฟฟ้า จำนวน 10 ต้น ขวางถนน รถไม่สามารถสัญจรไปมาได้ และพบว่า กำแพงวัดหน้าพระบรมธาตุ ถูกต้นไม้ล้มทับด้วย ทำให้กำแพงวัดเสียหายไปทั้งแถบ

           นอกจากนี้ สายไฟฟ้ายังล้มทับรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง 1 คัน มีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ทราบชื่อคือ นายสถิตย์ ดำด้วง อายุ 57 ปี ถูกนำส่งโรงพยาบาลมหาราช นครศรีธรรมราช แพทย์ทำการช่วยเหลือและอนุญาตกลับบ้านได้แล้ว ขณะที่ ชาวบ้านกว่า 200 หลังคาเรือน ไม่มีไฟฟ้าใช้ ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมงกว่าจะแล้วเสร็จ สามารถกลับมาใช้ไฟได้ตามปกติ


สถานการณ์น้ำท่วมพัทลุง

           ขณะที่ จ.พัทลุง ฝนตกหนัก ดินถล่มทับกุฏิวัดสวนธรรมเจดีย์ ศาลาการเปรียญ เสียหายยับ ขณะชาวบ้านขนย้ายหนีน้ำอลหม่าน กลางดึกอีกรอบ







          เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลพนางตุง พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่จากอำเภอควนขนุน เข้าตรวจสอบที่ วัดสวนธรรมเจดีย์ หรือ วันควนสูง หมู่ 3 ต.พนางตุง อ.ควนขนุน หลังเกิดเหตุเนินดินสไลด์ลงมาทับกุฏิอดีตเจ้าอาวาส วัดสวนธรรมเจดีย์ ได้รับความเสียหายทั้งหลัง

          นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ยังพบทั้งดินและต้นไม้ ไหลทับเส้นทางขึ้นไปยังอุโบสถ และพระรูปเหมือนหลวงปูทวด จนไม่สามารถผ่านขึ้นไปได้ โดยพระหล่อย กะตะสโร รักษาการแทนเจ้าอาวาส เล่าว่า ขณะเกิดเหตุเป็นช่วงฝนตกหนัก ตนกำลังทำวัตรอยู่ที่ในกุฏิ ห่างออกไปประมาณ 20 เมตร ก็ได้ยินเสียงดังสนั่น จึงออกมาดู พบว่า ทั้งดินและต้นไม้ไหลลงมาทับกุฏิพระดังกล่าว โชคดี ขณะเกิดเหตุไม่มีใครอยู่ จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

          ขณะที่ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดพัทลุง สรุปรายงาน ขณะนี้ยังมีน้ำที่ท่วมขังใน 11 อำเภอ 63 ตำบล 563 หมู่บ้าน โดยระดับเฉลี่ยสูงสุด ที่บ้านหัวป่าเขียว บ้านปากคลองเก่า อ.ควนขนุน น้ำสูงเกือบ 2 เมตร ราษฎรได้รับความเดือดร้อนกว่า 3 หมื่นคน


สถานการณ์ น้ำท่วมยะลา
 
          บรรยากาศทั่วไปในพื้นที่จังหวัดยะลา เช้าวันนี้ (29 มีนาคม) ยังคงมีท้องฟ้ามืดครึ้ม และยังคงมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ราบลุ่ม เช่น ชาวบ้านที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำสายบุรี ในพื้นที่ ต.อาซ่อง ต.ท่าธง อ.รามัน จ.ยะลา และประชาชนที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำปัตตานี ในพื้นที่ ต.ท่าสาป ต.พร่อน อ.เมืองยะลา เริ่มที่จะเตรียมความพร้อม ที่จะอพยพสัตว์เลี้ยงและครอบครัว ไปอยู่ในที่สูง เพื่อความปลอดภัย หากฝนยังไม่หยุดตกลงมาอีก คาดว่า อาจจะเกิดน้ำท่วมฉับพลัน ในระยะนี้ได้

          ด้านทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดยะลา ได้แจ้งเตือน และขอให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ราบลุ่ม ให้เฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ด้วย และหากต้องการความช่วยเหลือ ก็สามารถแจ้งผ่านไปยังกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง


สถานการณ์ น้ำท่วมสตูล

          จากฝนตกหนักตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ไม่ยอมหยุดตก ส่งผลให้น้ำท่วมขังในพื้นที่โรงเรียนบ้านในเมือง อำเภอเมืองสตูล นายสมศักดิ์ พรหมสุทธิ์ ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การประถมศึกษา จังหวัดสตูล กล่าวว่า ล่าสุดได้รับรายงานมีโรงเรียนน้ำท่วมแล้ว 1 โรงเรียนในพื้นที่จังหวัดสตูล เป็นโรงเรียนบ้านในเมือง อำเภอละงู จังหวัดสตูล สำหรับพื้นที่อื่น ๆ กำลังตรวจสอบ

          อย่างไรก็ตาม นายวินัย คุรุวรรณพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ได้ประชาสัมพันธ์ให้เรือขนาดเล็ก หยุดออกหาปลาในช่วงนี้ เนื่องจากคลื่นลมแรงและฝนตกตลอด และเตรียมพร้อมที่จะประกาศภาวะเกิดน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่จังหวัดสตูล


สถานการณ์ น้ำท่วมสงขลา
 
          สถานการณ์น้ำท่วมใน จ.สงขลา ขณะนี้ได้เกิดภาวะน้ำท่วมแล้ว โดยเฉพาะพื้นที่ที่อยู่ติดริมทะเลสาบสงขลา โดยทางจังหวัดได้มีการประกาศให้เป็นเขตภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินแล้ว 2 อำเภอ คือ อำเภอระโนด และอำเภอกระแสสินธุ์

น้ำท่วมสงขลา
น้ำท่วมสงขลา

น้ำท่วมสงขลา
น้ำท่วมสงขลา

          โดย อำเภอระโนด เกิดน้ำท่วม 12 ตำบล 64 หมู่บ้าน ประชาชน เดือดร้อน 8,095 ครัวเรือน รวม 24,394 คน ส่วนที่อำเภอกระแสสินธุ์ เกิดน้ำท่วมใน 2 ตำบล 9 หมู่บ้าน ประชาชนเดือดร้อน 1,370 ครัวเรือน 3,952 คน โดยน้ำที่ไหลเข้าท่วมทั้ง 2 อำเภอ เป็นผลมาจากปริมาณน้ำที่ไหลมาจาก จ.นครศรีธรรมราช และ จ.พัทลุง ประกอบกับในพื้นที่ จ.สงขลา มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้น้ำท่วมอย่างรวดเร็ว

 
สถานการณ์ น้ำท่วมตรัง

          สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดตรัง บางพื้นที่ ใน 5 อำเภอ ขณะนี้น้ำป่าจากเขาบรรทัด และฝนที่ตกมาตั้งแต่เมื่อวานนี้และเมื่อคืนที่ผ่านมา น้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่ อำเภอนาโยง ทำให้ ถนนทางหลวงหมายเลข 4 เพชรเกษม กม.1114-1115 ตำบลละมอ อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง น้ำท่วมตั้งแต่เช้า รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านไปมาได้แล้ว ขณะนี้ นายสันติ วงศ์ยงศิลป์ ผู้อำนวยการแขวงการทางตรัง ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ และส่งเจ้าหน้าที่ไปดูแลความปลอดภัยแก่ผู้ที่ใช้รถใช้ถนน

          หน่วยป้องกันบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตรัง ได้ประกาศเตือนน้ำป่าจากเขาบรรทัด ไหลลงสู่คลองนางน้อย กำลังไหลเร็วและแรงจะเข้าท่วมพื้นที่ เทศบาลตำบลนาโยงเหนือ อำเภอนาโยง ประมาณช่วงเที่ยงวันนี้ ดังนั้นจึงให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าวได้อพยพมาอยู่ในที่ปลอดภัย


สถานการณ์ น้ำท่วมสุราษฎร์ธานี
 
          พื้นที่น้ำท่วมใน จ.สุราษฎร์ธานี เข้าสู่ภาวะวิกฤติ ขยายออกไปเป็น 17 อำเภอ โดยระดับน้ำในแม่น้ำตาปีล้นตลิ่ง และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้น้ำที่ท่วมอยู่ใน อ.พระแสง อ.เคียนซา อ.เวียงสระ และ อ.พุนพิน เพิ่มสูงขึ้นอีก ประกอบกับมีน้ำทะเลหนุน ทำให้การระบายน้ำลงสู่ทะเล เป็นไปได้อย่างล่าช้า น้ำในแม่น้ำตาปีล่าสุด วัดได้ 6.37 เมตร สูงกว่าระดับตลิ่ง 87 เซนติเมตร และหากยังมีตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ระดับน้ำอาจสูงถึง 7 เมตร ในเย็นวันนี้

          ด้านสถานีอุตุนิยมวิทยา จ.สุราษฎร์ธานี ได้รายงานปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี โดยเฉลี่ยเกิน 100 มิลลิเมตร ทั้งจังหวัดและมีฝนมากที่สุดใน อ.ดอนสัก วัดได้ 425 มิลลิเมตร อ.วิภาวดี วัดได้ 210 มิลลิเมตร และ อ.ไชยา 280 มิลลิเมตร นอกจากนั้นถนนสายเอเชีย หรือทางหลวงหมายเลข 41 ถูกน้ำท่วมสูงในหลายจุด ทั้งขาขึ้นและขาล่อง ใน อ.ไชยา อ.ท่าฉาง และ อ.ท่าชนะ ระดับน้ำสูงและรถเล็ก ไม่สามารถสัญจรไปมาได้ และมีแนวโน้มว่า สะพานอาจจะขาดในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า


สถานการณ์ น้ำท่วมพังงา
 
          เกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ในพื้นที่ 8 อำเภอ ทำให้หลายพื้นที่ในจังหวัดพังงา ตำบลต่าง ๆ เกิดน้ำท่วมขังอย่างหนัก บนถนนหลายสาย ซึ่งมีระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร ในพื้นที่หมู่ที่ 2 หมู่ที่ 3 ตำบลถ้ำน้ำผุด อำเภอเมือง และหมู่ที่ 4 หมู่ที่ 5 หมู่ที่ 6 ตำบลบ่อแกลบ อำเภอถ้ำผุด จังหวัดพังงา และทำให้น้ำท่วมพืชสวน รวมถึงปาล์มของชาวบ้านหลายอำเภอ ถูกน้ำท่วมขังได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ขณะที่รั้วโรงเรียนสตรีพังงา อำเภอเมือง ได้เกิดพังถล่มลงมาอีกด้วย


สถานการณ์ น้ำท่วมกระบี่

          เกิดน้ำท่วมหนักที่ตำบลทับปริก อำเภอเมือง ทำให้บ้านเรือนกว่า 30 หลังจมอยู่ใต้น้ำ ขณะที่เรือโดยสารกระบี่-พีพี ประกาศหยุดให้บริการชั่วคราว เนื่องจากมีคลื่นลมแรงมาก ทำให้มีนักท่องเที่ยวประมาณ 100 คน ไม่สามารถเดินทางกลับมาได้ ต้องติดอยู่บนเกาะ


ประกาศเตือนภัยสภาวะน้ำท่วมภาคใต้ ฉบับที่ 12

            กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือนภัย เรื่อง "สภาวะน้ำท่วมในภาคใต้" ฉบับที่ 12 หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงยังคงปกคลุมบริเวณภาคใต้และคาดว่าจะเคลื่อนตัวลงสู่ทะเลอันดามันในวันนี้ แต่ยังคงทำให้ภาคใต้มีฝนชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ต่อไปอีก 1-2 วัน จึงขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้

            โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทยและทะเลอันดามันสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วง 2-3 วันนี้ไว้ด้วย

            อนึ่ง ในช่วง 1-2 วันนี้ บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล มีอากาศหนาวเย็น อุณหภูมิจะลดลงอีก 1-2 องศา











น้ำท่วมนครศรีธรรมราช

น้ำท่วมนครศรีธรรมราช

น้ำท่วมนครศรีธรรมราช


[28 มีนาคม] ประกาศเตือน 10 จังหวัด ฝนตกหนัก-น้ำท่วมฉับพลัน

          นครศรีธรรมราชฝนหยุดตกแล้ว พบยอดผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วม - ดินถล่ม 8 ราย ค่าความเสียหาย 250 ล้าน ขณะที่พัทลุง ยังหนัก 5 อำเภอ ระดับน้ำสูงเกือบ 2 เมตร หลายหมู่บ้านยังถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ชาวบ้านยังรอการช่วยเหลือ ส่วนสุราษฎร์ธานี สถานการณ์น้ำเริ่มคลี่คลาย ระดับน้ำลดต่อเนื่อง การเดินเรือไปเกาะสมุย ยังสามารถสัญจรไปมาได้ ทางด้านกรมอุตุนิยมวิทยา เตือนภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป น้ำท่วมฉับพลันจากฝนตกหนักมาก ส่วนกรุงเทพฯ อากาศเย็น

          วันนี้ (28 มีนาคม) นายวิทเยนทร์ มุตตามระ รองผู้อำนวยการศูนย์ประสานการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย (ศชอ.) แถลงภายหลังการประชุม เพื่อรับทราบรายงานสถานการณ์อุทกภัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถึงมาตรการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้เดือดร้อน โดยระบุว่า สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ จนถึงขณะนี้ มีพื้นที่ประสบปัญหาน้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมฉับพลันใน 5 จังหวัด 42 อำเภอ ซึ่งประชาชนได้รับความเดือดร้อนกว่า 71,000 ครัวเรือน โดยขณะนี้ มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างเป็นทางการจำนวน 6 คน

          ทั้งนี้ ทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จัดส่งเรือท้องแบน เพื่อช่วยเหลือในพื้นที่ประสบอุทกภัย จำนวน 136 ลำ แล้วพร้อมเข้าช่วยเหลือ อีก 117 ลำ พร้อมทั้งตั้งศูนย์บริการประชาชน เปิดสายด่วน 1111 ให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ แจ้งเหตุหรือขอความช่วยเหลือได้ตลอด 24 ช.ม. ส่วนพื้นที่เฝ้าระวัง ในขณะนี้ประชาชนใน 10 จังหวัด ยังต้องระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะบริเวณ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร และ จ.พัทลุง ซึ่งจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากไปจนถึงวันที่ 31 มี.ค.

          ส่วนการของบประมาณฉุกเฉิน เพื่อใช้ในการให้ความช่วยเหลือนั้น เป็นหน้าที่ของแต่ละจังหวัด ที่จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ทันที

          ด้านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม ถึงปัจจุบัน ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำล้นตลิ่งใน 5 จังหวัด 42 อำเภอ 214 ตำบล 1,689 หมู่บ้าน ได้แก่ จ.นครศรีธรรมราช จ.พัทลุง จ.สุราษฎร์ธานี จ.ตรัง และ จ.ชุมพร ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 66,034 ครัวเรือน 161,991 ราย ผู้เสียชีวิต 4 ราย ใน 2 จังหวัด ได้แก่ จ.นครศรีธรรมราช 3 ราย พัทลุง 1 ราย

          ทั้งนี้ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่ประสบอุทกภัย ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งสำรวจความเสียหายในเบื้องต้นแล้ว ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
 

สถานการณ์น้ำท่วมนครศรีธรรมราช มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 8 ราย
 
          นครศรีธรรมราชฝนหยุดตกแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่ประเมินความเสียหาย หลังจากที่เกิดฝนตกหนักน้ำท่วมทั่วทั้ง จังหวัดนครศรีธรรมราช ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคมจนถึงเมื่อวันที่ 27 มีนาคมนั้น ผลสรุปความเสียหายเป็นดังนี้ มีผู้เสียชีวิตรวม 8 ราย จากน้ำท่วมและดินถล่ม และทางจังหวัดประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติแล้ว 21 อำเภอ ส่วนค่าเสียหายทางการเกษตรและทรัพย์สิน รวมประมาณ 250 ล้านบาท ประชาชนได้รับความเดือดร้อนประมาณ 26,000 ครัวเรือน

          ในขณะเดียวกัน น.ส.แสงจันทร์ ไตรเกษม ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 14 นครศรีธรรมราช ได้เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วม จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับรายงานว่า มีโบราณสถานได้รับผลกระทบ 2 แห่ง คือ ป้อมและกำแพง เมือง เนื่องจากน้ำที่ไหลบ่าลงมาจากเขาหลวง และเข้าท่วม จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ เพราะเซาะดินรอบศาลป้อมและกำแพงเมือง ทำให้มีเศษดินหลุดร่อนออกมาแต่ไม่มากนัก

          ขณะที่นายแพทย์ กิตติ รัตนสมบัติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลท่าศาลา เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ภายหลังจากโรงพยาบาลถูกน้ำท่วมสูงที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งเป็นเวลา 100 ปี ในเช้าวันนี้ยังคงต้องหยุดบริการผู้ป่วย แม้ระดับน้ำจะลดลงแล้วก็ตาม เนื่องจากทางโรงพยาบาลจำเป็นต้องเร่งช่วยกันทำความสะอาด รวมถึงเช็ดล้างอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ รวมไปถึงต้องตรวจเซ็ตระบบคอมพิวเตอร์ใหม่ทั้งหมด เพื่อเตรียมพร้อมที่จะเปิดให้บริการรักษาผู้ป่วย

          ทั้งนี้ ผู้ป่วยที่ทำการอพยพทั้งหมดไปรักษาต่อที่ ร.พ.สิชล ร.พ.ค่ายวชิราวุธ ร.พ.มหาราช และ ร.พ.เอกชนใกล้เคียง ยืนยันว่า ไม่มีปัญหาในการรักษา เนื่องจากทางโรงพยาบาลมีระบบส่งตัวผู้ป่วย เพื่อให้รักษาตามโรงพยาบาลอื่นได้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ทางโรงพยาบาลยังคงติดตามสถานการณ์ อย่างใกล้ชิดต่อไป

          ส่วนที่ ต.เคร็ง อ.ชะอวด น้ำได้ท่วมทั้งหมู่บ้านไม่สามารถติดโลกภายนอกได้ และชาวบ้านไม่กล้าพายเรือออกมา เนื่องจากน้ำไหลเชี่ยวกราก สูงถึง 2-3 เมตร โดยนายธรรมนูญ คงจันทร์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6 ต.เคร็ง ได้เดินทางเข้าพบนายไพศาล บุญล้อม นายอำเภอชะอวด ร้องขอความช่วยเหลือให้ชาวบ้านเกี่ยวกับเครื่องอุปโภคบริโภคโดยด่วน เพราะชาวบ้านไม่สามารถออกมาได้ ซึ่งนายอำเภอชะออดรับปากจะส่งสิ่งของไปช่วยเหลือ

สถานการณ์น้ำท่วมพัทลุง ยังน้ำท่วมหนัก 11 อำเภอ
 
          สถานการณ์น้ำท่วมในภาพรวมของจังหวัดพัทลุง ซึ่งขณะสามารถแบ่งออกได้ 2 ส่วน ล่าสุด ฝนได้ทิ้งช่วง ทำให้ระดับน้ำที่ท่วมบ้านเรือนราษฎร พื้นที่การเกษตร สวนยางพารา สวนปาล์ม ในพื้นที่ ริมป่าเทือกเขาบรรทัด อำเภอกงหรา อำเภอศรีบรรพต อำเภอศรีนครินทร์ อำเภอตะโหมด ลดระดับลง ชาวบ้านที่อพยพอาศัยบ้านญาติ และศาลาหมู่บ้านเริ่มกลับเข้าปัดกวาดที่อยู่อาศัยได้แล้ว

          แต่ในขณะเดียวกัน น้ำเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่ ตำบลพญาขัน ตำบลปรางหมู่ ตำบลชัยบุรี ตำบลนาโหนด ตำบลลำปำ อำเภอเมือง ตำบลปันแต ตำบลแหลมโตนด ตำบลมะกอกเหนือ ตำบลพนางตุง ตำบลทะเลน้อย อำเภอควนขนุน ตำบลหานโพธิ์ ตำบลเขาชัยสน ตำบลโคกม่วง อำเภอเขาชัยสน ตำบลท่ามะเดื่อ ตำบลนาปะขอ อำเภอบางแก้ว ตำบลบ้านพร้าว อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง ระดับน้ำยังสูงเกือบ 2 เมตร หลายหมู่บ้าน ยังคงถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ต้องใช้เรือในการเข้าออกหมู่บ้าน เพื่อหาซื้ออาหารไว้รับประทาน และยังร้องขอน้ำดื่มที่สะอาด ในอาการบริโภค ซึ่งในพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ราบลุ่ม น้ำระบายไหลลงสู่ทะเลสาบสงขลาได้อย่างช้า ๆ และสัตว์เลี้ยง อย่างโคเนื้อและโคนม เริ่มขาดหญ้าสด และอาหารแห้ง
 
          อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทางจังหวัดได้ออกประกาศพื้นที่ภัยพิบัติน้ำท่วม เพิ่มอีก 3 อำเภอ คือ อ.ป่าบอน อ.ตะโหมด และ อ.ป่าพะยูน เพิ่มหลังจากที่ได้ประกาศไปแล้ว 8 อำเภอ เมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา ขณะที่ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพัทลุง สรุปรายงานขณะนี้ ยังมีน้ำที่ท่วมขังใน 11 อำเภอ 63 ตำบล 563 หมู่บ้าน โดยระดับเฉลี่ยสูงสุด ที่บ้านหัวป่าเขียว บ้านปากคลองเก่า อ.ควนขนุน น้ำสูงเกือบ 2 เมตร รองลงมาที่ ต.ปรางหมู่ ต.พญาขัน อ.เมือง ราษฎรได้รับความเดือดร้อนกว่า 3 หมื่นครัวเรือน พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย จำนวน 4 หมื่นไร่ มูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ

          ด้าน นายสิทธิสาร ศรีชุมพวง ประมงจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า จากการสำรวจความเสียหายน้ำท่วมขณะนี้พบเกษตรผู้เลี้ยงปลาในกระชัง ได้รับความเดือดร้อน กว่า 950 ราย พื้นที่บ่อเลี้ยงปลาเสียหายประมาณ 700 ไร่ ความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 5 ล้านบาท และคาดว่าจะมีความเสียหายเพิ่มขึ้นอีก ตอนนี้อยู่ระหว่างการสำรวจเพิ่มเติม

น้ำท่วมพัทลุง

น้ำท่วมพัทลุง

น้ำท่วมพัทลุง

น้ำท่วมพัทลุง

น้ำท่วมพัทลุง

น้ำท่วมพัทลุง


สถานการณ์น้ำท่วมสุราษฎร์ธานี เกิดดินสไลด์ที่ ต.ปากหมาก

          สถานการณ์น้ำท่วมสุราษฎร์ธานีล่าสุด นายธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ขณะนี้ สถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ระดับน้ำเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง หากไม่มีฝนตกลงมาอีกระลอก เนื่องจาก น้ำเริ่มไหลลงสู่ทะเล โดยพื้นที่ 6 ตำบล ที่ติดกับ จังหวัดนครศรีธรรมราช เริ่มสัญจรไปมาได้ เช่น อำเภอดอนสัก อำเภอกาญจนดิษฐ์ เป็นต้น รวมถึงโรงพยาบาลกาญจนดิษฐ์ ก็เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ในส่วนของความเสียหาย พบว่า ส่วนใหญ่ถนนในแต่ละตำบลขาด แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือ เสียชีวิต แต่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนในเรื่องของเครื่องอุปโภคบริโภค ซึ่งทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ระดมสิ่งของ เพื่อเข้าช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง

          ขณะที่บริเวณเกาะสมุยยังคงมีฝนตกหนักทั้งวัน ทำให้เกิดน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ สูงประมาณ 50 ซม. พ่อค้าแม่ค้าต้องรีบยกข้าวของขึ้นเหนือน้ำ และขณะที่ไฟฟ้าได้ถูกตัดแล้ว ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนมาก และยังไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปให้ความช่วยเหลือ

          ส่วนที่บริเวณหาดเฉวงยังมีลมแรง คลื่นสูงกว่า 3 เมตร เจ้าหน้าที่ต้องนำธงแดงมาปักไว้ และไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำ

          ขณะที่อีกด้าน มีรายงานว่า ได้เกิดดินสไลด์ปิดเส้นทางสัญจรในพื้นที่ หมู่ 7 ต.ปากหมาก อ.ไชยา เนื่องจากมีฝนตกติดต่อกันมาหลายวันจนดินอุ้มน้ำไว้เต็มที่ และเมื่อมีฝนตกหนักซ้ำลงมาอีก จึงทำให้เกิดดินสไลด์ปิดเส้นทางเข้าออกหมู่บ้าน ทาง อบต.ปากหมาก ได้นำรถแบคโฮเข้าเปิดเส้นทาง แต่ยังไม่สามารถปิดเส้นทางได้ เนื่องจากยังมีฝนตกหนักต่อเนื่อง ทั้งนี้ อบต. ได้ตั้งศูนย์อพยพไว้ที่คลองไม้แดง เพื่อรองรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนแล้ว นอกจากนั้น ยังมีสะพานในพื้นที่หมู่ที่ 2 ต.ปากหมาก ถูกน้ำตัดขาดส่งผลให้การสัญจรในหมู่บ้านเป็นไปด้วยความยากลำบาก

สถานการณ์น้ำท่วมชุมพร เร่งช่วย 6 นักศึกษาติดเกาะ 3 วัน

          สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ จังหวัดชุมพร รวม 5 อำเภอ 21 ตำบล 150 หมู่บ้าน มีราษฎรได้รับความเดือดร้อน 12,934 คน 4,057 ครัวเรือน ประกอบด้วย อำเภอสวี เกิดอุทกภัยตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม มีพื้นที่ประสบภัย 4 ตำบล 17 หมู่บ้าน อำเภอเมืองชุมพร เกิดอุทกภัยขึ้นเมื่อวันที่ 25 มีนาคม มีพื้นที่ประสบภัย 4 ตำบล 11 หมู่บ้าน อำเภอหลังสวน เกิดอุทกภัยเมื่อวันที่ 24 มีนาคม มีพื้นที่ประสบภัย 5 ตำบล 27 หมู่บ้าน อำเภอละแม เกิดอุทกภัยเมื่อวันที่ 24 มีนาคม มีพื้นที่ประสบภัย 4 ตำบล 47 หมู่บ้าน และ อำเภอพะโต๊ะ เกิดอุทกภัยเมื่อวันที่ 27 มีนาคม มีพื้นที่ประสบภัย 4 ตำบล 46 หมู่บ้าน

          ขณะที่มีรายงานด้วยว่า มีนักศึกษา ม.ศรีปทุม จำนวน 6 คน พร้อมเด็กชายวัย 9 ปีอีก 1 คน ติดอยู่ที่เกาะแกลบ จังหวัดชุมพร หลังจากว่าจ้างเรือไปส่งเมื่อวันที่ 21 มีนาคม และนัดให้มารับในวันที่ 25 มีนาคม แต่ปรากฎว่า เรือประมงไม่สามารถออกจากฝั่งมารับกลุ่มนักศึกษากลับได้ เพราะคลื่นลมแรง ทำให้ขณะนี้กลุ่มนักศึกษาติดอยู่บนเกาะนานกว่า 3 วันแล้ว ไม่มีทั้งอาหารรับประทาน และไฟฟ้า ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่เร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปช่วยเป็นการเร่งด่วนแล้ว

สถานการณ์น้ำท่วมตรัง น้ำไหลเข้าท่วม 4 อำเภอ

          สถานการณ์น้ำท่วมใน 4 อำเภอ จังหวัดตรัง ประกอบด้วย อำเภอเมือง,อำเภอนาโยง ,อำเภอห้วยยอด และอำเภอรัษฎา ทำให้มีบ้านเรือนได้รับผลกระทบประมาณ 2,000 หลัง และมีผู้ประสบภัยประมาณ 1,700 คน โดยเฉพาะอำเภอนาโยง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีน้ำท่วมหนักที่สุด ขณะนี้ระดับน้ำในบางจุดยังคงทรงตัว บางจุดระดับน้ำลงเล็กน้อย แต่ยังคงมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ทำให้ชาวบ้านเกิดความรู้สึกวิตกกังวลว่า อาจจะทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น

          ส่วนพื้นที่ในอำเภอห้วยยอด ได้เกิดเหตุดินจากภูเขาสไลด์ลงมาทับบ้านเรือนพังเสียหายหลายหลัง และยังสไลด์ลงมาทับถนนสาย 4270 ห้วยยอด-ไม้เสียบ ซึ่งใช้เป็นทางสัญจรเข้าออกหมู่บ้าน จนเกิดการยุบตัวลึกกว่า 2.5 เมตร และกว้างเกือบ 80 เซนติเมตร


กรมอุตุฯ เตือนใต้ฝนตกหนัก - กทม.อากาศเย็น

          กรมอุตุนิยมวิทยา เตือนภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป ระวังน้ำท่วมฉับพลัน จากฝนตกหนักมาก ขณะที่กรุงเทพฯ อากาศเย็น

          กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือนภัย "สภาวะน้ำท่วมในภาคใต้" ฉบับที่ 10 ว่า หย่อมความกดอากาศต่ำ ยังคงปกคลุมบริเวณภาคใต้ตอนกลาง ทำให้บริเวณภาคใต้ มีฝนชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ในหลายพื้นที่ จึงขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก ที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดชุมพร ระนอง พังงา ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง กระบี่ ตรัง และ สตูล สำหรับคลื่นลม ในอ่าวไทยสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตราย ในการเดินเรือ และเรือเล็ก ควรงดออกจากฝั่งในช่วง 1-2 วันนี้ ไว้ด้วย ต่อจากนั้น ในช่วงวันที่ 29-30 มีนาคม 2554 หย่อมความกดอากาศต่ำนี้ จะเคลื่อนตัวลงสู่ทะเลอันดามัน และอ่าวเบงกอล

          อนึ่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล อุณหภูมิจะลดลงอีก 3-5 องศาเซลเซียส ทำให้บริเวณดังกล่าว มีอากาศเย็นถึงหนาว
 
ภาคเหนือ

          อากาศหนาว โดยมีฝนกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ และตาก อุณหภูมิต่ำสุด 14-16 องศา อุณหภูมิสูงสุด 25-31 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

          อากาศหนาว และมีลมแรง โดยมีฝนเล็กน้อยเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองคาย หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครราชสีมา และอุบลราชธานี  อุณหภูมิต่ำสุด 13-16 องศา อุณหภูมิสูงสุด 24-28 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ภาคกลาง

          อากาศเย็น กับมีฝนเล็กน้อยเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ 3 ส่วนมากบริเวณจังหวัดอุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 17-19 องศา อุณหภูมิสูงสุด 26-29 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ภาคตะวันออก

          อากาศเย็น และมีลมแรง กับมีฝนเล็กน้อยเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 18-20 องศา อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

            อากาศเย็น และมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่และมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ บริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 26-30 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 20-40 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

          มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 27-31 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-35 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

          อากาศเย็น และมีฝนเล็กน้อยเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 19-21 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-31 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กิโลเมตร/ชั่วโมง

 


น้ำท่วมพัทลุง
 
น้ำท่วมพัทลุง
 
น้ำท่วมพัทลุง


[27 มีนาคม] สถานการณ์น้ำท่วม จ.พัทลุง ยังน่าห่วง

          สถานการณ์น้ำท่วม จ.พัทลุง ยังน่าห่วง ประชาชนขนสิ่งของหนีน้ำท่วม พบ 10 อำเภอ ประสบปัญหาหนัก ขณะที่กองพันทหารช่าง ลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้าน

          ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดพัทลุง ฝนยังคงตกตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ขณะที่ชาวบ้านหมู่ที่ 3 และในเขตเทศบาลตำบลเขาชัยสน อ.เขาชัยสน ต่างเร่งขนย้ายข้าวของไว้ในที่สูง เพื่อหนีน้ำ หลังจากน้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัด ไหลเข้าท่วมถนนลาดยาง เส้นทางเข้าอำเภอ มีน้ำท่วมสูง รถเล็กไม่สามารถผ่านได้

          ล่าสุดในภาพรวมของจังหวัด ยังคงมีน้ำท่วมสูงในพื้นที่ 10 อำเภอ คือ อ.เมืองกงหรา อ.ศรีนครินทร์ อ.ควนขนุน อ.เขาชัยสน อ.บางแก้ว อ.ศรีบรรพต อ.ตะโหมด อ.ป่าบอน และ อ.ป่าพะยอม ชาวบ้านกว่า 1,000 ครัวเรือน ต้องอพยพไปอยู่กับญาติ เนื่องจากบ้านเรือนถูกน้ำท่วมสูง ไม่สามารถพักอาศัยอยู่ได้

          ขณะที่กองพันทหารช่าง 401-402 ค่ายอภัยบริรักษ์ จังหวัดพัทลุง ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว พร้อมนำข้าวสารอาหารแห้ง จำนวน 250 ชุด ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นให้กับชาวบ้าน บ้านปากคลองเก่า หมู่ที่ 2 ต.มะกอกเหนือ และ หมู่ที่ 9 ต.พนางตุง อ.ควนขนุน ซึ่งล่าสุดบ้านเรือนถูกน้ำท่วมสูงร่วม 2 เมตร ชาวบ้านต้องใช้เรือสัญจร พื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วมทั้งหมด จนไม่สามารถประกอบอาชีพได้

         ทางด้าน นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ ว่า ขณะนี้มีที่จังหวัดที่ประสบภัย คือ จ.พัทลุง นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี และที่ จ.ชุมพร ตั้งแต่บริเวณอำเภอสวี หลังสวน เริ่มมีฝนตกลงมาเช่นกัน ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัด รวมทั้งส่วนราชการต่าง ๆ และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตต่าง ๆ ก็ได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือประชาชน ที่ประสบภัยในเบื้องต้นอย่างใกล้ชิดแล้ว

          อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ยังกล่าวด้วยว่า ในช่วง 1-2 วันนี้ อาจจะมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นขอให้พี่น้องประชาชนเพิ่มความระมัดระวัง และติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดด้วย

          ขณะเดียวกัน ศูนย์ภาคใต้การรถไฟแห่งประเทศไทย รายงานสถานการณ์การเดินรถไฟสายใต้ หลังจากที่ได้เกิดน้ำท่วมหนัก ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช และ จ.พัทลุง และเกิดปัญหาน้ำท่วมรางรถไฟในบางเส้นทาง ขณะนี้การให้บริการรถไฟสายใต้ ทั้งขาขึ้นและขาล่อง เส้นทางกรุงเทพฯ-หาดใหญ่- 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังเปิดให้บริการตามปกติทุกขบวน ประชาชนสามารถ จองตั๋วเดินทางได้ทุกขบวนตามตารางการเดินรถปกติ

          ทั้งนี้ มีเพียงขบวนรถไฟที่จะเดินทาง เข้าสู่สถานีนครศรีธรรมราช ที่ยังหยุดให้บริการเนื่องจาก น้ำท่วมรางรถไฟที่สถานีรถไฟบ้านโคกคราม ต.หินตก อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ระยะกว่า 2 ก.ม. โดยรถไฟขบวนโดยสารสาย นครศรีธรรมราช-กรุงเทพฯ ได้จัดส่งผู้โดยสารให้ไปขึ้นรถที่สถานีรถไฟชุมทางทุ่งสง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช แทน

          ในส่วนของสนามบินพาณิชย์ จ.นครศรีธรรมราช ถูกสั่งยกเลิกทุกเที่ยวบินวันนี้ (27 มีนาคม) เนื่องจากมีน้ำท่วมขัง เครื่องไม่สามารถลงจอด และผู้โดยสารไม่สามารถเข้าออกสนามบินได้

          ทั้งนี้ ผลสรุปความเสียหายในจังหวัดนครศรีธรรมราชจนถึงวันนี้ พบมีผู้เสียชีวิตรวม 8 ราย จากน้ำท่วมและดินถล่ม และทางจังหวัดประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติแล้วในวันนี้รวม 21 อำเภอ ส่วนค่าเสียหายทางการเกษตรและทรัพย์สิน รวมประมาณ 250 ล้านบาท ประชาชนได้รับความเดือดร้อนประมาณ 26,000 ครัวเรือน และขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ทุ่งทางลาด อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นสวนสัตว์สาธารณะ กำลังออกตามล่าจระเข้ของสวนสัตว์ จำนวน 8 ตัว ที่หลุดออกจากสวนสัตว์ เนื่องจากน้ำท่วมสวนสัตว์จมมิดไปหมด ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบแต่อย่างใด


น้ำท่วมนครศรีธรรมราช
 
          เมื่อ กลางดึกที่ผ่านมา ในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช และเขตอำเภอเมือง ระดับน้ำท่วมที่ท่วมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ได้เพิ่มระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากน้ำป่าจากเทือกเข้าบรรทัดเขตอำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 30 กิโลเมตร ได้ไหลหลากมายังเขตเมืองและเขตเทศบาล ซึ่งใช้เวลาการไหลของกระแสน้ำประมาณสอง-สามชั่วโมง

          นายสมนึก เกตุชาติ เทศมนตรีเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ได้จัดเจ้าหน้าที่สาธารณภัย พร้อมเรือท้องแบนจำนวนหลายลำ ออกช่วยเหลืออพยพชาวบ้านไปอยู่ในที่ปลอดภัย ขณะเดียวกันทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้ตัดกระแสไฟฟ้าในหลายจุด เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนได้รับอันตรายจากกระแสไฟฟ้า ถนนหลายสายในเขตเทศบาลเป็นอัมพาต รถไม่สามารถวิ่งไปได้

          ขณะเดียวกัน นายเสรี ทวีพันธุ์ นายอำเภอท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยความคืบหน้าเหตุการณ์น้ำท่วมฉับพลัน ว่า ขณะนี้ในพื้นที่มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น มีระดับเหนือเอว โดยเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ระดับน้ำก็เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จัดเรือท้องแบน เข้าไปอพยพเคลื่อนย้ายประชาชน พร้อมทั้งจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจช่วยเหลือที่วัดท่าสูง และมีการจัดเตรียมอาหารไปแจกจ่ายประชาชน ส่วนบริเวณโรงพยาบาลอำเภอท่าศาลานั้น ขณะนี้ก็ปิดให้บริการ เนื่องจากระดับน้ำท่วมสูงมาก ไม่สามารถเข้าไปยังโรงพยาบาลได้ ซึ่งเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ก็มีประชาชนเจ็บป่วย เจ้าหน้าที่ต้องทำการเคลื่อนย้าย ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลจังหวัดนครศรีธรรมราชแทน ซึ่งยังไม่พบรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

          ทางด้าน นายนิสิต สมบัติ ผอ.ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมหนักใน จ.นครศรีธรรมราช อย่างหนัก ส่งผลท่าอากาศยานได้รับผลกระทบหนักเช่นกัน น้ำท่วมตลอดแนวรันเวย์ โดยเฉพาะพื้นผิวสูงกว่า 1 – 2 ฟุต อากาศยานทุกชนิดไม่สามารถลงจอดได้ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องประกาศปิดสนามบินชั่วคราว จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ขณะเดียวกัน การสัญจรเข้าสู่ท่าอากาศยานก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากน้ำท่วมสูงมากทุกเส้นทาง

          ทั้งนี้ คาดว่าจะมีความเสียหายในเรื่องของระบบไฟนำทางรันเวย์ เนื่องจากจมน้ำทั้งหมด หลังจากน้ำลดต้องเข้าตรวจสอบทั้งสภาพพื้นผิว และระบบลงจอดของอากาศยานทุกตัวอย่างเร่งด่วน ส่วนผู้โดยสารสามารถประสานกับสายการบินในการคืนตั๋ว หรือเลื่อนการทางได้

          ส่วนที่ อ.ขนอม สถานการณ์โดยทั่วไปยังอยู่ในขั้นวิกฤติ โดยกระแสน้ำได้กัดเซาะถนนสายในเพลา-ท้องหยี หมู่ 8 ต.ขนอม จนคอสะพานขาดกว้างเกือบ 10 เมตร ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ระดมกำลังออกช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อ เนื่อง รวมทั้งการออกค้นหาศพพระภิกษุ 2 รูป หลังถูกน้ำป่าพัดพาร่างไปกับสายน้ำ

          อย่างไรก็ตาม นายธเณศวร  คงหอม  รักษาการหัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า พื้นที่ 19 อำเภอของจังหวัดมีระดับเพิ่มมากขึ้นกว่า 2 เมตร หลังจากที่เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก ประชาชนกว่า 60,000 คน ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ได้สั่งการให้ทุกอำเภอติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมกับเตือนประชาชนให้ระมัดระวัง และเชื่อฟังคำแจ้งเตือนของทางราชการ ซึ่งขณะนี้ จ.นครศรีธรรมราช มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย ทั้งนี้ หากต้องการความช่วยเหลือแจ้งสายด่วนสาธารณภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

น้ำท่วมสุราษฎร์ธานี

          จากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี หลังจากที่มีฝนตกต่อเนื่องนานกว่า 3 วัน ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในหลายอำเภอนั้น ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังเร่งอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่เสี่ยง ขณะที่ฝนยังตกหนักตลอดเวลา และระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

           ด้าน นายมนตรี เพชรขุ้ม นายก อบจ.สุราษฎร์ธานี ระบุว่า พื้นที่ อ.บ้านนาเดิม ซึ่งถูกน้ำป่าไหลเข้าท่วมนั้น ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นเด็กเล็กและผู้สูงอายุ ที่ติดค้างอยู่ภายในบ้าน ขณะที่บางส่วนได้อพยพขึ้นมาอยู่บนถนนแล้ว ขณะที่มีผู้ได้รับความเดือดร้อนแล้วกว่า 1,000 ครอบครัว

          สถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.สุราษฎร์ธานี ยังไม่พ้นวิกฤต เนื่องจากยังมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับหลายอำเภอเป็นพื้นที่รับน้ำหลากที่ไหลบ่ามาจาก จ.นครศรีธรรมราช ได้ขยายตัวพื้นที่น้ำท่วมจาก 4 อำเภอเป็น 11 อำเภอ 45 ตำบล 85 หมู่บ้านแล้ว ประกอบด้วย อ.ดอนสัก, อ.กาญจนดิษฐ์, อ.เวียงสระ, อ.ไชยา, อ.เมือง, อ.บ้านนาเดิม, อ.ท่าชนะ, อ.บ้านนาสาร, อ.วิภาวดี, อ.ท่าฉาง และอำเภอคีรีรัฐนิคม

          ทั้งนี้ กระแสน้ำจาก จ.นครศรีธรรมราช ส่งผลให้พื้นที่ตอนล่าง อ.กาญจนดิษฐ์ ที่ ต.ท่าอุแท, ต.พลายวาส, ต.ช้างซ้าย และ ต.ช้างขวา ต้องรับน้ำอย่างเต็ม ๆ ทำให้ถนนทางหลวง 401 สุราษฎร์ฯ-นครศรีฯ ตั้งแต่หน้าโรงพยาบาลกาญจนดิษฐ์-หน้าวิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี 2 รถทุกชนิดผ่านไม่ได้ และหัวสะพานคอนกรีตที่หน้าวัดวังไทร หมู่ 9 ต.ช้างซ้าย ทรุดตัวลงไม่ปลอดภัย

          นอกจากนี้ ที่บ้านหัวหมาก หมู่ 5 ต.ช้างขวา มีระดับน้ำไหลบ่าท่วมผิวถนนทางหลวง 44 ถนนสายเซ้าเทิร์นซีบอร์ด (กาญจนดิษฐ์- กระบี่) ต้องปิดเส้นทางขาไป จ.กระบี่ 1 ช่องจราจร และที่ ต.พลายวาส มีน้ำท่วมสูง 3 เมตร ต้องขนย้ายสิ่งของมาไว้บนถนนเซ้าเทิร์นซีบอร์ด โดย นายเจริญศักดิ์ วงศ์สุวรรณ นายอำเภอบ้านนาเดิม และนายมนตรี เพชรขุ้ม นายก อบจ.สุราษฎร์ธานี นำเจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัย และเรือท้องแบนเข้าช่วยเหลือขนย้ายเด็กและคนชรา ออกมาได้ 15 คน และเหลืออีก 4 คน ยังออกมาไม่ได้ เพราะกระแสน้ำเชี่ยวมาก อีกทั้งยังได้ช่วยเหลือชาวบ้านที่ติดค้างในซอย 5 หมู่ 1 บ้านปากด่าน ต.ท่าเรือ ออกมาได้อีก 100 คน และย้ายอีก 30 คนที่ ต.ท่าเรือ ออกมาพักอยู่ริมถนนเซ้าเทิร์นซีบอร์ด

          ส่วนที่ อ.วิภาวดี เกิดดินสไลด์ทับบ้านพักเสียหาย 1 หลัง ที่บ้านนครบางจำ หมู่ 15 ต.กะกุกใต้ ไม่มีผู้ได้รับอันตราย และเกิดดินสไลด์ทับผิวถนนสายล่างไชยา-พุนพิน บริเวณหลัก กม.ที่ 43 เจ้าหน้าที่กำลังเข้าช่วยเหลือ

          ที่ อ.เกาะสมุย เวลา 05.00 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัยพบศพ นายโกเมศ สมนึก อายุ 28 ปี ชาว จ.พัทลุง เจ้าหน้าที่ดูแลนักท่องเที่ยวชายหาดเฉวง (การ์ดบีช) ของโรงแรมเซนทาราแกรนด์หาดเฉวง ที่ถูกคลื่นซัดหายในทะเลบริเวณหน้าหาดเฉวง ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม ลอยไปติดหาดเฉวงน้อย หลังลงไปช่วยเหลือนักท่องเที่ยวชาวอิหร่านที่กำลังจมน้ำรอดปลอดภัย แต่ตัวเองจมน้ำเสียชีวิต นอกจากนี้ ยังมีฝนยังตกหนักต่อเนื่อง และเริ่มมีน้ำท่วมขังที่ลุ่มบางพื้นที่แล้ว โดยเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากดอนสัก-เกาะสมุย แล่นได้เป็นบางเที่ยว

ข่าวน้ำท่วม

น้ำท่วมพัทลุง

          สถานการณ์น้ำท่วมในภาพรวมของ จ.พัทลุง ล่าสุดฝนได้ทิ้งช่วง ทำให้ระดับน้ำที่บ้านเรือนราษฎรในพื้นที่ อ.กงหรา อ.ศรีบรรพต ลดระดับลง แต่น้ำได้ไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่ ต.พญาขัน ต.ปรางหมู่ ต.ชัยบุรี ต.นาโหนด อ.เมือง ต.ปันแต ต.แหลมโตนด ต.พนางตุง ต.ทะเลน้อย อ.ควนขนุน ต.หารโพธิ ต.เขาชัยสน ต.โคกม่วง อ.เขาชัยสน ต.ท่ามะเดื่อ อ.บางแก้ว จ.พัทลุง ระดับเฉลี่ยสูงกว่า 2 เมตร หลายหมู่บ้าน ต้องใช้เรือในการสัญจรแทนการใช้รถยนต์

          ขณะที่ นายกเทศบาลตำบลมะกอกเหนือ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง กล่าวว่า ทางเทศบาลมะกอกเหนือ ได้เปิดโรงครัวทำอาหาร เพื่อบรรจุถุงพร้อมเตรียมน้ำดื่มจำนวน 600 ชุด ช่วยเหลือชาวบ้านผู้ประสพภัยน้ำท่วมในพื้นที่เทศบาลมะกอกเหนือ 600 ครัวเรือน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และลดภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันให้กับชาวบ้าน ในช่วงประสบภัยน้ำท่วม

          ด้าน นายพิสิษฐ บุญช่วง ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ได้กลับเข้ามาพื้นที่แล้ว พร้อมนำถุงยังชีพของทางจังหวัดจำนวน 1,400 ถุง มอบให้ชาวบ้านในพื้นที่ ต.มะกอกเหนือ และ ต.ชะมวง อ.ควนขนุน และพื้นที่ อ.เมืองพัทลุง หลังจากถูกชาวบ้าน ผู้นำท้องถิ่น รุมประณาม ไม่อยู่พื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยหลายวัน

น้ำท่วมระนอง

          จากสภาวะฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่อง ในเขตพื้นที่ จ.ระนอง ล่าสุดเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ได้เกิดน้ำป่าทะลักบริเวณพื้นที่ บ้านบางหิน ต.บางหิน อ.กะเปอร์ จ.ระนอง ในเบื้องต้นส่งผลให้สะพานทางเบี่ยงในเส้นทางสายเพชรเกษม เส้นทางระนอง-ภูเก็ต ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างสะพานใหม่ขาด ส่งผลให้การจราจรผ่านเส้นทางระนอง-ภูเก็ต ไม่สามารถสัญจรได้ ทั้งนี้ ทางชาวบ้าน และหน่วยงานในพื้นที่ ได้เร่งซ่อมแซมอย่างเร่งด่วน ส่วนความเสียหายต่อทรัพย์สินอื่น ๆ ขณะที่ยังไม่มีความเสียหายใด ๆ

น้ำท่วมชุมพร

          ขณะที่ทางด้าน อ.หลังสวน จ.ชุมพร มีรายงานว่า ขณะที่ชาวบ้านที่อาศัยริมถนนสายเอเซีย ได้ประกอบพิธีสวดพระอภิธรรมศพ นางลำดวน ชาวบ้านที่เสียชีวิต แต่ขณะนั้นน้ำป่าได้ไหลซัดลงมาอย่างแรง จนโลงที่บรรจุศพลอยกระเด็นออกจากบ้าน สร้างความตกใจและโกลาหลให้ชาวบ้านที่มาร่วมงาน เจ้าหน้าที่ต้องนำอุปกรณ์มาช่วยเหลือ และสามารถนำโลงศพดังกล่าว กลับเข้ามายังพื้นที่ปกติได้

          อย่างไรก็ตาม มีรายงานอีกว่า เกิดเหตุดินภูเขาถล่มลงมาทับบ้านเรือนประชาชน ในหมู่บ้านควน อ.หลังสวน ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบความเสียหาย

          ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หลังสวน จ.ชุมพร ได้เดินทางไปปิดกั้นเส้นถนนสาย 4006 ช่วงหลังสวน-ราชกรูด จาก อ.หลังสวน จ.ชุมพร ไปยัง จ.ระนอง เนื่องจากได้รับแจ้งว่าถนนสายดังกล่าวช่วงหลัก กม.ที่ 54 หมู่ที่ 9 บ้านในหงาว ต.หาดยาย อ.หลังสวน มีน้ำป่าได้ไหลทะลักเข้าท่วมผิวจราจรและสะพานข้ามคลองหงาว ระดับน้ำสูงเกือบ 2 เมตร รถยนต์ทุกชนิดไม่สามารถผ่านได้ ทำให้รถบรรทุกและรถนำเที่ยวต้องติดอยู่บนเส้นทางดังกล่าว ประมาณ 50 คัน และจุดดังกล่าวอยู่กลางป่าเขา ผู้ที่ติดอยู่ไม่สามารถหาอาหารรับประทานได้ เจ้าหน้าที่จึงประสานกับอำเภอหลังสวน เพื่อนำเรือท้องแบนเข้าไปพานักท่องเที่ยวทั้งหมดออกจากจุดดังกล่าว

          นอกจากนี้ จังหวัดชุมพรได้ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติเพิ่มอีก 2 อำเภอ คือ อ.ละแม และ อ.พะโต๊ะ รวมเป็น 5 อำเภอ จากเดิมที่มีการประกาศพื้นที่ประสบภัยไป 3 อำเภอ คือ อ.เมือง อ.สวี และ อ.หลังสวน

น้ำท่วมตรัง

          นายวิโรจน์ อินทร์สว่าง ปลัดอำเภอห้วยยอด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เข้าตรวจสอบเหตุถนนในหมู่บ้านยุบตัว และดินภูเขาถล่มทับบ้านของชาวบ้าน ที่บ้านไร่เหนือ หมู่ 3 ตำบลในเตา อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง จุดที่ถนนยุบตัวนั้น มีความลึกประมาณ 2.5 เมตร ความกว้างกว่า 80 เซนติเมตร ทำให้เหลือช่องทางจราจรเพียงช่องทางเดียว ส่งผลให้เกิดความลำบากในการจราจรของชาวบ้าน โดยขณะนี้ เจ้าหน้าที่ อบต.ในเตา ได้ทำเครื่องหมายเตือนให้ชาวบ้านสัญจรไปมาด้วยความระมัดระวัง

          ส่วนเหตุดินภูเขาจากแนวเทือกเขาบรรทัดถล่มลงในหมู่บ้าน ทำให้บ้านของนายสมหมาย สุขรอด อายุ 42 ปี และบ้านของนางเนื่อง สุขรอด อายุ 46 ปี ได้รับความเสียหายจำนวน 2 หลัง โดยหลังคาบ้านแตก ข้าวของเครื่องใช้ เช่น โอ่ง รถจักรยานยนต์ เครื่องครัว ได้รับความเสียหาย ที่ผนังห้องน้ำยังมีรอยแตกร้าวเป็นแนวยาว แต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ และยังมีบ้านอีก 3 หลัง ในระยะใกล้เคียงที่ดินภูเขาได้ถล่มลงมา พร้อมต้นไม้เกือบทับตัวบ้าน ซึ่งขณะนี้ชาวบ้านทั้ง 5 หลัง ได้อพยพออกจากพื้นที่ใกล้เคียงไปอยู่ที่ปลอดภัยแล้ว



ชาวพัทลุง อ่วม


[26 มีนาคม] ใต้อ่วม! น้ำท่วมหลายจุด นครศรีธรรมราชหนักสุด

          ใต้อ่วมอีกรอบ นครศรีฯ ท่วมหนักสุด หลังความกดดาอากาศสูงปกคลุมทั่วจังหวัด ล่าสุด ดินสไลด์ทับกุฏิพระ พบมรณภาพแล้ว 1 ที่พัทลุงรถนักท่องเที่ยวถูกน้ำพัดติดโขดหินน้ำตก แต่เจ้าหน้าที่ช่วยขึ้นมาได้แล้ว ด้านรถไฟภาคใต้จอดส่งได้ถึงแค่ทุ่งสง เหตุน้ำท่วมราง ขณะที่อุตุฯ เตือนฝนจะตกต่อไปอีกถึงวันที่ 28 มี.ค.

          เมื่อเวลา 16.30 น. กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ออกประกาศเตือนภัย "สภาวะน้ำท่วมในภาคใต้" ฉบับที่ 4 ระบุว่า บริเวณความกดอากาศสูง กำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีน ยังคงแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ มีกำลังแรง

         ลักษณะเช่นนี้ ทำให้ภาคใต้มีฝนหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ต่อไปอีก 1-2 วัน จึงขอ ให้ประชาชนบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ตรัง และสตูล ระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากที่เกิดขึ้น ในช่วงวันที่ 26-28 มี.ค.2554 ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง ในช่วงวันเวลาดังกล่าวไว้ด้วย


น้ำท่วมนครศรีธรรมราช

          เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาของวันนี้ (26 มีนาคม) ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา มีน้ำจากเทือกเขาได้ทะลักเข้าท่วมในหลายอำเภอของจังหวัดนครศรีธรรมราช ภายหลังที่มีปริมาณน้ำฝนตกลงมาตลอดหลายวัน ส่งผลให้น้ำจากเทือกเขาไหลเข้าเมือง ถนนหนทางบางเส้นถูกตัดขาด ถนนเลียบตลิ่ง ก็ไม่สามารถสัญจรได้ โดยระดับน้ำมีระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ถนนสายหลักในเขตเทศบาลหลายสาย รถเล็กไม่สามารถสัญจรไปมาได้ เนื่องจากมีระดับน้ำสูง ประมาณ 30-50 เซนติเมตร การสัญจรไปมา กลายเป็นอัมพาตเกือบทั้งเมือง

          ส่วนสถานการณ์ในหลายอำเภอนั้น ที่อำเภอหัวไทร อำเภอสิชล อำเภอท่าศาลา อำเภอพระพรหม ได้มีการเรงอพยพชาวบ้านมาอยู่ที่ปลอดภัยตั้งแต่ช่วงเช้ามืด และยังมีชาวบ้านอีกจำนวนมาก ที่ติดอยู่ในบ้านไม่สามารถออกมาได้ ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้ยังมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง

          ขณะที่ พ.ต.อ.พิรุณ กลัดทอง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งเหตุภูเขาถล่มดินสไลด์ลงมาทับกุฏิสำนักสงฆ์พังเสียหาย และพระที่สำนักสงฆ์ได้สูญหายไป เหตุเกิดที่เขาในเพลา หมู่ที่ 8 ตำบลขนอม หลังรับแจ้งจึงเดินทางออกไปตรวจสอบ พบสำนักสงฆ์ดังกล่าว ถูกดินภูเขาถล่มลงมาพังพินาศ ส่วนพระสงฆ์ที่พำนักอยู่ 2 รูป ได้หายไป จึงได้ออกค้นหา ปรากฏว่า ค้นหาอยู่หลายชั่วโมงจนกระทั่งพบเป็นศพไปแล้ว 1 รูป เสียชีวิตอยู่ในลำคลองขนอม โดยมีซากไม้ที่ถูกน้ำพัดพามาทับถมร่าง อยู่ห่างจากสำนักสงฆ์ ประมาณ 5 กิโลเมตร ส่วนพระอีกรูปอายุ 36 ปี ที่หายไป ขณะนี้ยังหาไม่พบ

          ทั้งนี้คาดว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ฝนได้ตกลงมาไม่หยุด ทำให้ดินและก้อนหินภูเขา ถล่มไหลลงมาพระทั้ง 2 รูป เกรงว่าอยู่ในที่พักไม่ปลอดภัย จึงได้หนีออกมา จนประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตและสูญหายดังกล่าว

          ขณะเดียวกันกระแสน้ำที่ไหลเข้าท่วม ต.สิชล อ.สิชล ได้ไหลเข้าท่วมบ้านของนางนอง พรหมจิต อายุ 85 ปีอย่างรวดเร็วจนมิดหลังคาบ้าน ทำให้นางนองซึ่งชราภาพแล้วไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้จมน้ำเสียชีวิตภายในบ้าน

          อย่างไรก็ตาม สภาพน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในจังหวัดนครศรีธรรมราชถือว่าหนักกว่าจังหวัดอื่น ๆ โดยมีพื้นที่เสียหายถึง 16 อำเภอ 92 ตำบล 497 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 61,568 คน 27,315 ครัวเรือน บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 3 หลัง พื้นที่การเกษตรเสียหาย 16,600 ไร่ ถนนเสียหาย 297 สาย ทั้งนี้เป็นผลมาจากความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนแพร่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ส่งผลให้ลมตะวันออกพัดปกคุมอ่าวไทย และภาคใต้มีกำลังแรงมาก และขณะนี้เรดาห์ตรวจจับอากาศพบว่า ความกดอากาศสูงกำลังแรงปกคลุมอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช




น้ำท่วมภาคใต้

แผนที่แสดงเรดาห์ตรวจจับอากาศ ความกดอากาศสูงปกคลุมที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เวลา 22.00 น.


น้ำท่วมตรัง

         ขณะที่จังหวัดตรัง นายโส เหมกุล ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ตรัง สรุปสถานการณ์น้ำท่วม 4 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง , อ.นาโยง ,อ.ห้วยยอด และ อ.วังวิเศษ รวม 10 ตำบลกว่า 30 หมู่บ้าน เนื่องจากหลายอำเภอยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณน้ำในลำคลองสายต่าง ๆ เพิ่มระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่ ต.นาโยงเหนือ อ.นาโยง หลายหมู่บ้าน ยังคงมีน้ำท่วมบ้านเรือนประชาชน สวนยางพารา และพื้นที่ทางการเกษตร เนื้อที่ไม่ต่ำกว่า 500 ไร่ ส่วนที่หมู่ 1 ถึงหมู่ที่ 8 ต.นาโยงใต้ อ.เมือง ระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร ถนนเข้าหมู่บ้านหลายสาย รถเล็กไม่สามารถผ่านไปมาได้


น้ำท่วมตรัง

น้ำท่วมตรัง

         ส่วนที่ อ.ห้วยยอด กับ อ.วังวิเศษ ระดับน้ำสูงประมาณ 20-50 เซนติเมตร ส่วนพื้นที่รับน้ำตอนล่างหลายตำบล ได้แก่ ต.บ้านโพธิ์ ต.นาพละ ต.นาบินหลา ต.ควนปริง และ ต.ทับเที่ยง อ.เมือง ระดับน้ำได้เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณสองฝั่งแม่น้ำตรัง ได้ขนย้ายสิ่งของและสัตว์เลี้ยงไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว



น้ำท่วมพัทลุง

น้ำท่วมพัทลุง

น้ำท่วมพัทลุง

น้ำท่วมพัทลุง


น้ำท่วมพัทลุง

         ด้านจังหวัดพัทลุง มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่า จ.พัทลุง ต้องเร่งเข้าไปช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่พยายามขับรถกระบะข้ามน้ำตกโตนแพรทอง ซึ่งปกติเป็นจุดตื้นเขินและรถยนต์สามารถขับผ่านได้สบาย แต่เนื่องจาก 3 วันมานี้ เกิดฝนตกหนักติดต่อกัน ทำให้น้ำไหลเชี่ยว และน้ำได้พัดรถตกไปอยู่บริเวณโขดหิน ซึ่งล่าสุด เจ้าหน้าที่ช่วยกันลากรถกระบะขึ้นมาได้แล้ว

          ขณะที่ฝนยังคงกระหน่ำตกหนักในพื้นที่ จ.พัทลุง ทำให้นำป่าจากเทือกเขาบรรทัด ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรใน อ.เมือง กงหรา ศรีนครินทร์ ควนขนุน เขาชัยสน บางแก้ว ศรีบรรพต ตะโหมด ป่าบอน และ อ.ป่าพะยอม อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด 40 ตำบล 335 หมู่บ้าน ถนนไม่สามารถใช้เดินทางเข้าออกได้ เนื่องจากมีน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร และชาวบ้านได้อพยพออกจากหมู่บ้าน กางเต็นท์นอนอยู่บนถนน และอาศัยนอนบ้านญาติแล้วกว่า 200 ครอบครัว ล่าสุดที่บ้านชะรัด บ้านหูเล่ หมู่ที่ 5 และหมู่ที่ 8 ต.ชะรัด อ.กงหรา น้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัดได้ไหลทะลักเข้าท่วมหมู่บ้านระดับน้ำสูง 1.50 เมตร ชาวบ้านกว่า 70 ครอบครัว เร่งขนย้ายสิ่งของหนีน้ำกันอย่างอลหม่าน

          ในขณะที่ชาวบ้านผู้ประสบภัยได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมอย่างหนัก แต่ทางจังหวัดยังไม่ได้ลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือแต่อย่างใด ต้องอยู่ด้วยความยากลำบาก เนื่องจากผู้ว่าราชการจังหวัดไม่อยู่ในพื้นที่


น้ำท่วมชุมพร

         ส่วนที่จังหวัดชุมพร ฝนที่ตกติดต่อกันอย่างหนัก ทำให้ล่าสุดทางจังหวัดประกาศพื้นที่ประสบอุทกภัยแล้ว 3 อำเภอ คือ อ.เมือง อ.สวี และ อ.หลังสวน


น้ำท่วมสุราษฎร์ธานี

         ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดสุราษฎร์ธานี หลังจากที่มีฝนตกต่อเนื่องนานกว่า 3 วัน ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในหลายอำเภอของจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยในเขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี บริเวณถนนนาเนียน ได้เกิดน้ำท่วมเป็นระยะทางประมาณ 800 เมตร ระดับน้ำสูงประมาณ 30 ซ.ม. และถนนสายเลี่ยงเมืองบางจุดถนนใช้การได้เพียงช่องทางเดียว

         ส่วนถนนสายสุราษฎร์ธานี-นครศรีธรรมราช มีน้ำท่วมในเขตอำเภอกาญจนดิษฐ์ หลายจุดมีน้ำไหลผ่านเส้นทาง ส่งผลให้ถนนใช้การได้เพียงช่องทางเดียวเช่นกัน ส่วนทางเข้าหมู่บ้านคีรีรอบ อ.กาญจนดิษฐ์ มีคอสะพานขาด ส่งผลให้รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรเข้าออกหมู่บ้านได้

         นอกจากนั้น ยังพบช้าง 1 เชือก ถูกล่ามโซ่อยู่ริมคลอง ซึ่งมีระดับน้ำท่วมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยได้เร่งเข้าให้การช่วยเหลือแล้ว พร้อมกันนี้ทางจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ออกประกาศแจ้งเตือนประชาชน ให้ระวังน้ำท่วมดินโคลนถล่ม และน้ำล้นตลิ่ง และสั่งการให้เจ้าหน้าที่ออกให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนแล้ว

        ในเวลาต่อมา มีรายงานว่า น้ำได้ท่วมรางรถไฟ สูง 20 ซม.ที่บริเวณสถานีโคกคราม-นครศรีฯ ทำให้รถไฟสายกทม.-นครศรีฯ วิ่งได้ถึงแค่สถานีทุ่งสง แล้วใช้รถบัสถ่ายผู้โดยสารไปส่งที่นครศรีธรรมราชต่อไป

          

 

ชาวพัทลุง อ่วม




[25 มีนาคม] พัทลุง อ่วม! น้ำท่วมสูง เร่งอพยพประชาชน

          สถานการณ์ล่าสุด จังหวัดพัทลุง เข้าขั้นวิกฤติ หลังระดับน้ำเพิ่มสูงถึง 1.20 เมตร ต้องเร่งอพยพชาวบ้านหนีน้ำท่วม

           ขณะนี้ พื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมแล้ว 9 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอเมือง อำเภอควนขนุน อำเภอบางแก้ว อำเภอเขาชัยสน อำเภอศรีนครินทร์ อำเภอศรีบรรพต อำเภอป่าพะยอม อำเภอตะโหมด และอำเภอกงหรา ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนแล้วกว่า 8,000 ครอบครัว พื้นที่การเกษตรสวนยางพารา ถูกน้ำท่วมเสียหายกว่า 1 แสนไร่ โดยเฉพาะหมู่ที่ 10 ตำบลเขาเจียก อำเภอเมือง ตำบลพนมวัง อำเภอควนขนุน ระดับน้ำท่วม 1.20 เมตร ชาวบ้านต้องพากันอพยพไปอาศัยในที่ปลอดภัยแล้วจำนวน 12 ครัวเรือน เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีกระแสน้ำไหลเชี่ยวกราด

           นอกจากนั้น ถนนสายหลัก และสายรอง ในหลายพื้นที่มีน้ำไหลผ่าน โดยเฉพาะ ถนนสายเพชรเกษม พัทลุง-ตรัง ถนนสายเอเชีย ขาขึ้น กทม. ช่วง อำเภอควนขนุน มีน้ำไหลผ่านเป็นช่วง ๆ








          จังหวัดนครศรีธรรมราช ประกาศพื้นที่เสี่ยงภัยใน 7 อำเภอ หลังฝนตกต่อเนื่อง 2 วัน ส่งผลให้มีน้ำป่าหลายหลาก และเกิดดินโคลนถล่ม ในขณะที่จังหวัดพัทลุง เริ่มประกาศเตือนประชาชน ให้ระวังน้ำป่าไหลหลาก ด้านกรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือน 10 จังหวัดภาคใต้ จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้น

          เมื่อวานนี้ (24 มีนาคม)  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ออกประกาศพื้นที่เสี่ยงภัย 7 อำเภอ หลังเกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนใน 6 อำเภอ คือ อำเภอลานสกา อำเภอฉวาง อำเภอร่อนพิบูลย์ อำเภอพิปูน อำเภอพรหมคีรี  และอำเภอนบพิตำ โดยมีผู้เสียชีวิต 2 คน  ในขณะที่ อำเภอสิชล เกิดมีภูเขาหินถล่ม ทำให้บ้านเรือนชาวบ้านได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่ต้องเข้ากันพื้นที่ และประกาศเป็นพื้นที่อันตราย เพราะยังมีหินขนาดใหญ่ไหลลงมาพร้อมกับดินโคลนเป็นระยะ เนื่องจากดินบนภูเขาอุ้มน้ำไว้เต็มพิกัด หลังฝนตกติดต่อกันถึง 2 วัน เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

          ในขณะที่ ชลประทานจังหวัดพัทลุง ออกประกาศเตือนให้ประชาชนในพื้นที่เตรียมพร้อมรับมือกับน้ำป่าไหลหลากที่อาจเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ หลังมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ส่วนบริเวณริมเทือกเขาบรรทัด ตำบลชะรัส อำเภอกงหรา เจ้าหน้าที่ต้องประกาศปิดน้ำตก ในบริเวณดังกล่าว เพื่อความปลอดภัยของประชาชน

 

สถานการณ์หลังเกิดพายุฤดูร้อน ในแต่ละพื้นที่ของประเทศ

 ภาคใต้


          จังหวัดพัทลุง

          หลังเจอพายุฝนโหมกระหน่ำอย่างต่อเนื่อง 2 วันติด ทำให้น้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัด ไหลทะลักเข้าท่วมขังในพื้นที่ราบลุ่ม 6 อำเภอ คือ อำเภอกงหรา , อำเภอเขาชัยสน , อำเภอเมือง , อำเภอควนขนุน  อำเภอป่าพะยอม  และอำเภอศรีนครินทร์ ส่งผลให้ถนนในหมู่บ้านหลายสาย มีน้ำท่วมสูงประมาณ 60-80 เซนติเมตร โดยเฉพาะถนนสายหลัก เพชรเกษม สายพัทลุง-ตรัง ท้องที่บ้านม่วงลูกดำ ตำบลโคกชะงาย อำเภอเมือง มีน้ำท่วมสูงเป็นทางยาวกว่า 2 กิโลเมตร รถเล็กต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินทาง

          ในขณะที่ ประชาชนที่อาศัยอยู่ในหมู่ที่ 12-14 ตำบลโคกม่วง อำเภอเขาชัยสน กว่า 250 หลังคาเรือน ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก เนื่องจากในหมู่บ้าน มีน้ำท่วมสูง รถไม่สามารถเดินทางเข้าออกหมู่บ้านได้ 


          จังหวัดตรัง

          หลังจากที่มีฝนตกหนักอย่างเนื่อง 3 วัน ส่งผลให้มีน้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัดไหลหลากทะลักเข้าท่วมสวนยางพาราและแปลงพืชผักของชาวบ้าน ในพื้นที่หมู่ที่ 1 และ 2 ในเขตเทศบาล ตำบลนาโยงเหนือ โดยระดับน้ำบางจุดที่ราบลุ่มและอยู่ติดกับคลองนางน้อย สูงถึง 80 เซนติเมตร และ1 เมตร

          ในขณะที่ หมู่ที่ 1และ หมู่ที่10 ตำบลละมอ อำเภอนาโยง น้ำได้ไหลทะลักเอ่อท่วมถนนสายตรัง-พัทลุง และ ตำบลช่อง น้ำได้ไหลเข้าท่วมขังในสถานีอนามัย ทั้งนี้ เชื่อว่า หากฝนยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง อีกไม่นานน้ำจะไหลเข้าท่วมพื้นที่ชั้นในของเขตเทศบาลตำบลนาโยงเหนือในบางพื้นที่



น้ำท่วม!! ฝนตก ฟ้ารั่วที่ ท่าศาลา นครศรีธรรมราช ถ่ายวันนี้ โดย @aunonline



 

          จังหวัดนครศรีธรรมราช

          ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ออกประกาศเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย 8 อำเภอ คือ อำเภอพิปูน, อำเภอลานสกา , อำเภอฉวาง , อำเภอนบพิตำ , อำเภอพรหมคีรี , อำเภอร่อนพิบูลย์, อำเภอสิชล และอำเภอพระพรหม เป็นพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม หลังถูกน้ำท่วมฉับพลันและมีดินโคลนถล่มในบางพื้นที่ รวมถึงการเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยที่ราบเชิงเขา บริเวณที่ราบชายฝั่งอ่าวไทย ตำบลแหลมตะลุมพุก อำเภอปากพนัง และพื้นที่ใกล้แหล่งน้ำ

          นอกจากนี้ ได้ขอให้เจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะที่ อำเภอพิปูน, อำเภอลานสกา , อำเภอฉวาง , อำเภอนบพิตำ , อำเภอพรหมคีรี และอำเภอร่อนพิบูลย์ เฝ้าระวังสถานการณการณ์อย่างต่อเนื่อง เพราะเกรงว่าจะมีดินโคลนถล่มลงมาอีก เนื่องจากดินบนภูเขาอุ้มน้ำไว้เกือบเต็มพิกัดแล้ว

          และในขณะนี้ ยังคงมีรายงานฝนตกและตกหนักในเกือบทุกพื้นที่ทั้ง 23 อำเภอ โดยเฉพาะในพื้นที่ต้นน้ำและบริเวณเทือกเขาหลวง ทำให้มีน้ำท่วมขังและน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ใกล้ที่ลุ่มของอำเภอร่อนพิบูลย์ อำเภอลานสกา อำเภอพระพรหม อำเภอพรหมคีรี และอำเภอเมือง ส่งผลให้พื้นที่ทางการเกษตรและบ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมขัง และเส้นทางเข้าหมู่บ้านที่รถขนาดเล็กไม่สามารถสัญจรได้

          ทั้งนี้ จากเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากตั้งแต่เมื่อวาน (24 มีนาคม) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย คือ ด.ญ.วรรัตน์ พุทธศรี อายุ 9 ขวบ เสียชีวิตที่คูน้ำ ตำบลท่างิ้ว ซึ่งเป็นบ้านญาติของ ด.ญ.วรรัตน์ เอง และนายอรรถกร บุญเพชร อายุ 22 ปี เสียชีวิตจากการพลัดตกลงไปที่น้ำตกท่าหา หมู่ 9 ตำบลกำโลน อำเภอลานสกา


          จังหวัดสุราษฎร์ธานี

          ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ออกประกาศเตือนให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ริมภูเขาและชายทะเล  เฝ้าระวังการเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และดินโคลนถล่ม ในขณะที่บริเวณเกาะสมุย มีน้ำท่วมขังในบางจุด ส่งผลให้การจราจรติดขัด


          จังหวัดปัตตานี

          ด้วยสภาพอากาศที่มีฝนตกหนักติดต่อกัน ส่งผลให้พื้นที่การเกษตรของประชาชนในหมู่ 1 , 2 , 3 และหมู่ 4 ตำบลคอกกระบือ อำเภอปะนาเระ ได้รับความเสียหายกว่า 5,000 ไร่ เนื่องจากมีน้ำท่วมขัง

น้ำท่วม


          ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยา รายงาน ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และอุณหภูมิจะลดลง โดยเฉพาะภาคใต้บริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส กระบี่ ตรัง และสตูล จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากขึ้นได้ จึงขอให้ประชาชนในบริเวณภาคใต้ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากที่จะเกิดขึ้นในระยะนี้ 

          สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 25 - 27 มีนาคม 2554 

          พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้

  ภาคเหนือ

          อากาศเย็นในตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณด้านตะวันตกและตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 20 - 22 องศา อุณหภูมิสูงสุด 33 - 37 องศา ลมใต้ ความเร็ว 10 - 25 กม./ชม. 

  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

          อากาศเย็นและอุณหภูมิจะลดลง 2 - 3 องศา โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย ชัยภูมิ และนครราชสีมา อุณหภูมิต่ำสุด 16 - 21 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31 - 33 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. 

  ภาคกลาง

          มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัด สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 20 - 22 องศา อุณหภูมิสูงสุด 28 - 34 องศา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 - 30 กม./ชม. 

  ภาคตะวันออก

          มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 20 - 22 องศา อุณหภูมิสูงสุด 33 - 34 องศา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร 

  ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

          มีพายุฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 22 - 23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 27 - 31 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 20 - 40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร 

  ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

          มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 23 - 24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร 

  กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

          มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21 - 22 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30 - 32 องศา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม.



               ศูนย์ข้อมูล ข่าวน้ำท่วม ร่วมส่งแรงใจ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยคลิกเลย





อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่
รายการเรื่องเล่าเช้านี้          
                            
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เผยผลสอบเงินช่วยน้ำท่วมไร้ทุจริต ยันชาวบ้านเซ็นชื่อยินยอม อัปเดตล่าสุด 26 เมษายน 2554 เวลา 11:15:05 556,428 อ่าน
TOP