
ดร.เสรี-ปู จิตกร ออกโรงป้อง ครูลิลลี่ ซัดจะเอายังไงสังคมนี้ ทีรูปฆาตกรแชร์กันได้แชร์กันดี ไม่เห็นถามถึงสิทธิของคนที่ถูกถ่าย ลั่นหากนิ่งเฉย เพราะกลัวถูกคนต่อว่า สังคมจะเสื่อมทรามเละเทะแน่นอน
ตกเป็นข่าวดังทั่วโลกโซเชียลเลยทีเดียว หลังจากที่ ครูลิลลี่ ติวเตอร์ภาษาไทยชื่อดัง ได้โพสต์ภาพของคู่รักหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ที่กอดกันบนรถไฟฟ้าบีทีเอส พร้อมข้อความว่า "รักกันไม่ผิดนะลูก แต่ขอให้ดูกาลเทศะ" จนถูกวิพากษ์วิจารณ์กลับแบบตั้งตัวไม่ติด หาว่าครูลิลลี่เองต่างหากที่ไม่มีกาลเทศะ ถ่ายรูปคนอื่นมาประจาน ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล (อ่านเพิ่มเติม ครูลิลลี่ ลงรูปคู่รักบน BTS สอนให้ดูกาลเทศะ แต่โดนโซเชียลซัด ละเมิดสิทธิ !?)


เกี่ยวกับกรณีดังกล่าวนี้ วันที่ 13 มิถุนายน 2560 ปู จิตกร บุษบา นักจัดรายการ นักเขียน และคอลัมนิสต์การเมืองชื่อดัง ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว แสดงความคิดเห็นถึงเรื่องดังกล่าวว่า ไม่คิดว่า ครูลิลลี่ ทำผิด เพราะเป็นการบันทึกเหตุการณ์ที่ไม่เหมาะสมที่เกิดขึ้นในที่สาธารณะ มาเป็นบทเรียนสอนคน ว่า กาลเทศะอันควร ควรเป็นเช่นไร หากครูลิลลี่ตั้งใจประจาน คงให้เห็นหน้าตาไปแล้ว และหากผู้ถูกถ่ายภาพมองว่าเป็นการละเมิด ก็สามารถฟ้องร้องดำเนินคดีได้
ปู จิตกร ระบุอีกว่า เราควรหวงแหนพื้นที่สาธารณะกันให้มากกว่านี้ และพร้อมจะตักเตือนกันว่าในพื้นที่ดังกล่าวนั้น อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ ไม่ใช่ไปปกป้องสิทธิคนที่ละเมิดส่วนรวม โดยด่าทอคนที่ปกป้องความเป็นส่วนรวม หากจะแสดงความรักกันในที่ส่วนตัว คงไม่มีใครไปละเมิดได้ แต่เมื่อคุณใช้ที่สาธารณะอย่างปราศจากความรับผิดชอบ สังคมย่อมเรียกร้องความรับผิดชอบนั้นจากคุณได้ และใช้เป็นตัวอย่างของการทำกิจกรรมส่วนตัวในที่สาธารณะได้ หากจะบอกว่าแค่แสดงความรักกันก็ไม่เป็นไร เพราะทุกการสื่อสารย่อมถูกแปลความได้ต่างกันไป ดีที่สุดคือมีสติรู้ว่า ที่นี่ใช่ที่ที่เราจะแสดงความรักกันหรือไม่ เท่านั้นเอง
พร้อมกันนี้ ปู จิตกร ยังทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า บางคนบอกว่าทำไมไม่เตือนเขาตรงนั้น ซึ่งการเตือนกันตรงนั้น ก็จบไปตรงนั้น แต่การสอนสั่งสังคมล่ะเกิดขึ้นไหม บางคนบอกว่าเอาเรื่องมาเขียนอย่างเดียวก็ได้ ไม่ต้องมีรูปนั่นก็ถูก แต่มีกี่คนเชื่อว่ามันเกิดขึ้นในโลกยุคนี้ ดีที่สุดคือเอามาให้เห็นว่าเกิดขึ้นจริง โดยที่ครูลิลลี่ไม่ได้ท้วงติงอย่างหยาบคาย เพจบางเพจที่เอาข้อความและภาพของเธอไป ถือเป็นการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของครูลิลลี่ไหม รูปฆาตกรเห็นแชร์กันได้แชร์กันดี ไม่เห็นถามถึง "สิทธิของคนที่ถูกถ่ายภาพเลย" จะเอายังไงกัน สังคมนี้
ดร.เสรี ระบุด้วยว่า ถ้าหากเห็นสิ่งเลวร้ายในสังคมแต่กลับนิ่งเฉย ก็เหมือนยอมจำนน แล้วกลายเป็นความเคยชินธรรมดาทำตามกันไปหมด สังคมจะเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่ 2 คนกำลังกอดกันเช่นนั้น เป็นการบุกรุกสายตาของคนด้วยสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ครูลิลลี่ทำถูกแล้วที่อยากจะเห็นสังคมสะอาดสะอ้านขึ้น เพราะระเบียบสังคมไม่ได้ถูกกำหนดด้วยกฎหมายเพียงอย่างเดียว ยังมีจารีต แบบแผน บรรทัดฐาน ประเพณี ควรจะรู้จักกาลเทศะ เมื่อใดก็ตามที่ทำสิ่งที่ไม่ถูกในสังคม ก็ย่อมจะต้องยอมรับคำติเตียน
ดร.เสรี กล่าวทิ้งท้ายว่า หลายคนถามว่าทำไม่ไม่กล่าวเตือนในตอนนั้น แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าบุคคลนั้นเป็นคนอารมณ์ร้าย มีอาวุธหรือไม่ ซึ่งการที่ต้องเอามาโพสต์ ถ้าโพสต์เฉย ๆ แต่ไม่มีภาพ ก็อาจจะถูกกล่าวหาว่าสร้างเรื่องขึ้นมา การถ่ายภาพที่ไม่เห็นหน้าตัวบุคคลทั้ง 2 คนนั้นเป็นใคร ก็เป็นการหาหลักฐานประกอบการวิจารณ์ ไม่ได้มีเจตนาจะประจานใคร ฉะนั้นถ้าพ่อแม่ ครูอาจารย์ ที่เป็นผู้ชี้นำสังคม ยอมจำนนต่อสภาวะดังกล่าวนิ่งเฉยเพราะกลัวถูกคนต่อว่า ต่อไปในอนาคต สังคมก็จะเสื่อมทรามเละเทะแน่นอน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
