เปิดข้อกฎหมายปิดงาน งดจ้าง หรือ Lockout คืออะไร หลังโรงงานแอร์ ชลบุรี ใช้สิทธิตอบโต้พนักงานประท้วงโบนัส เจรจา 11 รอบไม่สำเร็จ

ภาพจากเฟซบุ๊ก มนุษย์โรงงาน
จากการณีที่บริษัท ไดกิ้น อินตัสทรีส์ (ประเทศไทย)
โรงงานแอร์ชื่อดังในจังหวัดชลบุรีถูกพนักงานประท้วงเรียกร้องโบนัส 8 เดือน
พร้อมเงินพิเศษ 24,000 บาท และทองคำ 3 บาทสำหรับพนักงานที่มีอายุงานระหว่าง
10-15 ปี แต่การเจรจาระหว่างฝ่ายบริหารกับสหภาพแรงงานดำเนินมาถึงรอบที่ 11
ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงใด ๆ ได้
ต่อมา เมื่อเวลา 12.00 น. ของวันที่ 4 ธันวาคม 2568 ทางบริษัทไดกิ้นจึงตัดสินใจประกาศปิดการเจรจา พร้อมทั้งใช้สิทธิปิดงานและงดจ้างงานสหภาพแรงงานรวมถึงสมาชิกที่เกี่ยวข้อง โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ของวันที่ 6 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป
ขณะที่เฟซบุ๊ก
ธนา - ธนาธาร ประมูลพงษ์ Thanathan Pramunpong ได้อธิบาย "ปิดงาน -
งดจ้าง" (Lockout)
คือมาตรการที่นายจ้างหยุดรับพนักงานเข้าทำงานชั่วคราวเพื่อตอบโต้ข้อพิพาทแรงงาน
เพราะการเจรจาไม่ลงตัว จึงสั่งห้ามพนักงานเข้าโรงงาน
และเมื่อพนักงานไม่ได้ทำงาน ก็จะ ไม่ได้รับเงินเดือน สวัสดิการ
หรือค่าจ้างใด ๆ ในช่วงดังกล่าว
ภาพจากเฟซบุ๊ก มนุษย์โรงงาน
โดยข้อความมีดังนี้
การปิดงาน งดจ้าง (Lockout) คืออะไร ?
"การปิดงานงดจ้าง" หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Lockout คือ การที่นายจ้างปฏิเสธไม่ให้ลูกจ้างเข้าทำงานเป็นการชั่วคราว โดยมีสาเหตุมาจาก ข้อพิพาทแรงงาน (Labor Dispute) ที่ตกลงกันไม่ได้ เช่น ข้อเรียกร้องเรื่องโบนัส ค่าจ้าง สวัสดิการ หรือสภาพการจ้างงานอื่น ๆ
1. ความหมายและวัตถุประสงค์หลัก
ผู้ริเริ่ม : เป็นการกระทำที่ริเริ่มโดย นายจ้าง (ตรงข้ามกับการนัดหยุดงาน (Strike) ที่ริเริ่มโดยลูกจ้าง)
วิธีการ : นายจ้างสั่งปิดสถานประกอบกิจการ หรือปฏิเสธไม่ให้ลูกจ้างกลุ่มที่มีข้อพิพาทเข้าทำงาน
2. ผลกระทบต่อพนักงานในช่วงปิดงาน
ไม่ได้รับค่าจ้าง
: ในช่วงเวลาที่ถูก "ปิดงานงดจ้าง" ลูกจ้างที่ถูกปฏิเสธไม่ให้ทำงานจะ
ไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้าง จากนายจ้าง
เนื่องจากสัญญาจ้างแรงงานถูกระงับชั่วคราว (ลูกจ้างไม่ทำงาน
นายจ้างก็ไม่ต้องจ่ายค่าจ้าง)
การทำงานที่อื่น
: โดยหลักการแล้ว สิทธิและหน้าที่ตามสัญญาจ้างถูกระงับ
ลูกจ้างจึงไม่สามารถไปทำงานที่อื่นในช่วงเวลาดังกล่าว
(แต่ในทางปฏิบัติอาจมีความยืดหยุ่น ขึ้นอยู่กับการเจรจาหรือข้อบังคับเฉพาะ)
3. พนักงานจะได้กลับมาทำงานอีกหรือไม่ ?
คำตอบคือ "ส่วนใหญ่จะได้กลับมาทำงาน" แต่มีเงื่อนไข ดังนี้
เมื่อข้อพิพาทจบลง
: การปิดงานงดจ้างเป็นมาตรการ ชั่วคราว ในการเจรจาต่อรอง เมื่อคู่พิพาท
(นายจ้างและลูกจ้าง) สามารถตกลงและยุติข้อพิพาทแรงงานได้
นายจ้างจะต้องเปิดงานและให้ลูกจ้างกลับเข้าทำงานตามเดิม
ตัวอย่าง : หากข้อพิพาทยังไม่ยุติ และนายจ้างตัดสินใจที่จะปิดกิจการ
หรือเลิกจ้างโดยมีเหตุผลทางธุรกิจ (เช่น การปรับโครงสร้าง หรือลดกำลังคน)
นายจ้างก็จะต้องจ่าย ค่าชดเชย ให้แก่ลูกจ้างตามกฎหมาย
4. ข้อกำหนดทางกฎหมายที่สำคัญ (อ้างอิง พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์)
ต้องมีข้อพิพาทแรงงาน : เหตุผลของการปิดงานต้องมาจากข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้เท่านั้น
ต้องแจ้งล่วงหน้า : นายจ้างต้องแจ้งให้พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานและลูกจ้างทราบล่วงหน้า อย่างน้อย 24 ชั่วโมง ก่อนการปิดงาน
ห้ามในบางกรณี
: ห้ามปิดงานในระหว่างที่ข้อพิพาทอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์
หรือในกิจการที่มีผลกระทบต่อสาธารณชน (เช่น กิจการรถไฟ การประปา การไฟฟ้า)
ที่กฎหมายกำหนดห้ามไว้
สรุปง่าย ๆ คือ การปิดงานงดจ้างเป็นการใช้สิทธิของนายจ้าง เพื่อต่อรองกับลูกจ้างเมื่อตกลงกันไม่ได้ ลูกจ้างจะหยุดทำงานและไม่ได้รับค่าจ้างชั่วคราว แต่โดยทั่วไปจะกลับเข้าทำงานเมื่อข้อพิพาทสิ้นสุดลง เว้นแต่จะมีการตัดสินใจเลิกจ้างที่ชอบด้วยกฎหมายตามมาภายหลัง
ภาพจากเฟซบุ๊ก มนุษย์โรงงาน
แกอ่านอย่างมีสติ !!
การปิดงานของนายจ้าง ไม่ใช่การเลิกจ้าง !! แต่เป็นการใช้สิทธิเพื่อตอบโต้ลูกจ้างในกรณีที่มีข้อพิพาทแรงงานเกิดขึ้นและไม่สามารถตกลงกันได้ตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด
การปิดงานของนายจ้างอ้างอิงมาตรา ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ดังนี้
- มาตรา 21 และ 22 ซึ่งเป็นมาตราที่กำหนดขั้นตอนการดำเนินการข้อเรียกร้อง จนนำไปสู่การเป็นข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้ ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญที่เปิดให้มีการใช้สิทธิปิดงานได้
- มาตรา 21 กำหนดให้ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมีผลผูกพันคู่กรณี
-
มาตรา 22 กำหนดขั้นตอนเมื่อข้อเรียกร้องไม่ได้รับการยอมรับ
นำไปสู่การไกล่เกลี่ยของพนักงานประนอมข้อพิพาท (ถ้าไกล่เกลี่ยไม่สำเร็จ
และไม่มีการตกลงตั้งผู้ชี้ขาดข้อพิพาทแรงงาน)
จะถือว่าเป็นข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้
ซึ่งเป็นเงื่อนไขให้ใช้สิทธิปิดงาน รึนัดหยุดงานได้
- มาตรา 34 วรรคสอง กำหนดว่าก่อนการปิดงานหรือการนัดหยุดงาน ให้ฝ่ายที่จะปิดงานหรือนัดหยุดงาน แจ้งเป็นหนังสือให้พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงาน และอีกฝ่ายหนึ่งทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่ายี่สิบสี่ชั่วโมง
ผลของการปิดงาน
เมื่อนายจ้างดำเนินการปิดงานโดยชอบด้วยกฎหมาย (ทำตามขั้นตอนตามมาตรา 13, 22, และ 34 วรรคสอง) ผลที่ตามมาคือออก
1. การจ้างแรงงานยังคงอยู่ การปิดงานเป็นเพียงการหยุดทำงานชั่วคราว ไม่ได้เป็นการเลิกจ้าง
2.
นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าจ้าง เนื่องจากสัญญาจ้างแรงงานเป็นสัญญาต่างตอบแทน
เมื่อลูกจ้างไม่สามารถทำงานได้เพราะการปิดงานของนายจ้าง
(ซึ่งเป็นการใช้สิทธิโดยชอบด้วยกฎหมาย)
นายจ้างจึงไม่ต้องจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างในช่วงเวลานั้น
(อ้างอิงแนวคำพิพากษาศาลฎีกา)
3. แต่หากการปิดงานนั้น ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
(เช่น ปิดงานโดยไม่มีข้อพิพาทแรงงาน, ปิดงานในกิจการที่ห้ามปิด,
หรือไม่ได้แจ้งล่วงหน้า)
นายจ้างอาจต้องรับผิดชอบจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างในช่วงที่ปิดงานนั้นได้
(เป็นการจ่ายค่าเสียหาย)
สรุป
โดยคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ (ก.ร.ส.) ชี้ขาดข้อพิพาทแรงงาน ในกรณีที่เป็นกิจการที่สำคัญตามมาตรา 23 (เช่น กิจการรถไฟ, โรงพยาบาล, การประปา) หรือกิจการอื่นๆ ตามมาตรา 25 และมาตรา 36 และจบที่นายจ้างประกาศ ยกเลิกการปิดงาน
สรุป ปิดงานไม่ใช่เลิกจ้าง
และใครอึดกว่าคนนั้นชนะ
จบข่าว
แยกย้าย
กรณีการประท้วงโบนัสของ บริษัทไดกิ้น ที่นำไปสู่การปิดงานครั้งนี้ ชี้ให้เห็นถึงการใช้สิทธิทางกฎหมายของทั้งสองฝ่าย โดยการปิดงานไม่ได้หมายถึงการเลิกจ้าง แต่เป็นมาตรการตอบโต้ชั่วคราวที่นายจ้างสามารถใช้ได้ตามกฎหมาย เมื่อข้อพิพาทแรงงานไม่สามารถตกลงกันได้ หนทอพูดง่าย ๆ คือ พนักงานถูก "แช่แข็ง" ไว้ ไม่ได้ทำงาน ไม่ได้เงิน แต่สัญญาจ้างยังไม่ถูกยกเลิก มาตรการนี้จะคงอยู่จนกว่าการเจรจาจะยุติ ซึ่งอาจเร็วหรือยาวเป็นปี หากทนไม่ไหวก็สามารถลาออกได้ แต่ไม่ถือว่าเป็นการเลิกจ้างโดยนายจ้าง ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วฝ่ายใดที่อึดกว่าและยืนหยัดได้นานกว่า ฝ่ายนั้นย่อมมีโอกาสชนะในการเจรจาครั้งนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สะพัด ! บริษัทแอร์ดัง นิคมชลบุรี แจ้งปิดงานงดจ้าง พนง. เซ่นดราม่าต่อรองโบนัส 11 รอบไม่จบ
- โบนัสบริษัทแอร์ ยังไม่จบ เปิดยอดข้อเสนอ 2 ฝั่งที่ทำเจรจาถึง 10 รอบ ตัวแปรคือทอง 3 บาท
- ดราม่า หนุ่มสาวโรงงานดัง ประท้วงขอเพิ่มโบนัส มองได้ 5 เดือน + 12,000 น้อยเกินไป






