พบเรือทหารสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โผล่กลางลำน้ำที่อุตรดิตถ์

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก พิดโลกนิวส์

          พบเรือท้องแบนทหาร สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กลางลำน้ำน่าน ที่ จ.อุตรดิตถ์ คาดเป็นเรือที่ทหารญี่ปุ่นเคยใช้

          เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2557 มีรายงานว่า มีผู้พบเรือขนาดใหญ่จมอยู่กลางลำน้ำน่าน ในเขตเทศบาลตำบลบ้านแก่ง อำเภอตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยชาวบ้านได้กู้ขึ้นมาเก็บรักษาไว้ที่ลานหน้าเทศบาล โดยนายเกรียงไกร กิจประเสริฐ นายกเทศมนตรีตำบลบ้านแก่ง เผยว่า เรือดังกล่าวสร้างจากอะลูมิเนียมก ว่า 90 เปอร์เซ็นต์ มีเหล็กเพียงเล็กน้อย สภาพเรือค่อนข้างสมบูรณ์ มีความยาว 9 เมตร กว้าง 2.10 เมตร สูง 1.10 เมตร ที่ท้ายเรือมีแผ่นเพลทซีเรียลนัมเบอร์อักษรภาษาอังกฤษติดอยู่อย่างชัดเจนมีข้อความว่า

          "CORPS of ENGINEERS U.S. ARMY Bridging Equipment Ponton, Half. Aluminum. For Division & Army Bridge Cross Weight 1750 lbs Model NO. m4 Manufactured By Lord Burnham Company Irvinton On Hudson, N.Y. P.O. w-33-017 eng 715 DATE dec.16.1944 Manufacturer’s Serial no.296"

          จากการตรวจสอบวันที่ผลิตพบว่า เรือลำดังกล่าวมีอายุ 70 ปี เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นเรือของกองทัพญี่ปุ่นที่ใช้ในการขนย้ายเสบียง เครื่องจักร และอาวุธ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทั้งนี้ นายเกรียงไกร ระบุว่า จากการบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ที่มีอายุเกินกว่า 70 ปี ที่เคยอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เล่าว่าเคยเห็นทหารญี่ปุ่นใช้เรือเหล่านี้วิ่งขึ้นวิ่งล่องในลำน้ำน่านเป็นประจำ

          ซึ่งในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อ.พิชัย อ.ตรอน และ อ.เมืองอุตรดิตถ์ จะเป็นจุดที่กองทัพญี่ปุ่นใช้เป็นที่ตั้งหน่วยสื่อสารและหน่วยซ่อมเครื่องจักรกล การลำเลียงเสบียงอาหารหรือเครื่องจักรต่าง ๆ ข้ามแม่น้ำน่าน หากจุดไหนไม่มีสะพานข้ามแม่น้ำก็จะใช้เรือลักษณะที่พบนี้ทำเป็นทุ่นลอยน้ำ เพื่อความรวดเร็วในการขนย้ายสิ่งของหรือกำลังพล แต่ก็เป็นที่น่าแปลกว่าหากเป็นเรือที่ทหารญี่ปุ่นใช้แล้วทำไมถึงผลิตที่ประเทศอเมริกา

          ด้าน นายธาตรี บุญมาก นายอำเภอตรอน จ.อุตรดิตถ์ เผยว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 17 กันยายน ชาวบ้านที่ดักข่ายหาปลาในแม่น้ำน่านก็ได้พบเรือชนิดเดียวกันโผล่จากลำนำน่านมาแล้ว โดยได้นำไปเก็บรักษาไว้ที่วัดวังหิน ต.วังแดง อ.ตรอน ล่าสุดระดับน้ำในแม่น้ำน่านลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เขื่อนสิริกิติ์ลดการปล่อยน้ำจนเกิดเนินดินและทรายกลางแม่น้ำ จึงทำให้ชาวบ้านพบเรือลักษณะเดียวกันอีกนั่นเอง

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
, ,