ลูกหลานยายแสงเอ้ย ไม่ขอรับบริจาคแล้ว หลังมีคนนำชื่อไปหากิน


หญิงชราตาบอด สูญเสียสามี ร่ำไห้ หลังจากนี้ใครจะพายายไปอาบน้ำ


              ชาวเน็ตแจง ยายแสงเอ้ย หญิงชราตาบอด วัย 98 สูญเสียสามี มีลูกหลานดูแล ไม่ขอรับบริจาคเงินหรือสิ่งของใด ๆ หลังลูกหลานไม่สบายใจ และมีคนนำชื่อไปแอบอ้างหาเงิน จนถูกวิจารณ์ทั่วโซเชียล

              เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2558 เฟซบุ๊ก ชมรมคนกู้ภัยจังหวัดเชียงใหม่ มีการโพสต์ข้อความถึงคุณยายคนหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ ว่า คุณยายคนนี้ชื่อคุณยายแสงเอ้ย วัย 98 ปี เธอเป็นคนตาบอด เพิ่งสูญเสียสามีคือคุณตาแสงวัย 95 ปีไป ซึ่งคุณยายก็ร้องไห้ และบอกว่า หลังจากนี้ใครจะพายายไปอาบน้ำ พร้อมกับเล่าเรื่องราวความรักของคุณยายที่ยาวนานหลายสิบปี

              สำหรับข้อความทั้งหมดมีดังนี้

              ‪#‎คืนนี้มีการสวดอภิธรรมศพวันสุดท้ายนะครับ

              #‎ใครว่างเว้นขอเชิญร่วมงานเพื่อเป็นเกียรติให้กับความรักขอทั้งคู่ด้วยครับผม‬

 
หญิงชราตาบอด สูญเสียสามี ร่ำไห้ หลังจากนี้ใครจะพายายไปอาบน้ำ

              ได้รับการประสานจากเครือข่ายกู้ชีพ-กู้ภัยเชียงใหม่ว่า มีเคสของคุณตาแสง อายุ 95 ปี ได้เสียชีวิตจากยายแสงเอ้ย อายุ 98 ปี ภรรยาที่มีอาการตาบอด อย่างไม่มีวันกลับ

              ยายแสงเอ้ยนั่งก็ร้องไห้ นอนก็ร้องไห้ ยายบอกว่า ต่อจากนี้ไปใครจะเป็นคนพายายไปอาบน้ำ ทำให้คนเรานั้นมองเห็นความรักที่ยั่งยืน แบบไม่มีที่สิ้นสุด

              แต่ในการจัดงานนั้นยังขาดสิ่งของเครื่องใช้ในการจัดงาน ขาว-ดำ เนื่องจากฐานะของยายยากจน ทางกลุ่มจึงขอสนับสนุนจากผู้ใจบุญที่มีจิตศรัทธา และอยากให้ผู้อื่นบ้าง ติดต่อที่แอดมินเพจ หรือหมายเลขโทรศัพท์ 080-8544736 ทางเราจะได้รวบรวมและนำไปมอบให้กับคุณยาย โดยศพตั้งอยู่ที่วัด ใหม่สวรรค์ อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ จนถึงวันศุกร์ที่ 20 มี.ค. 58 นี้

หญิงชราตาบอด สูญเสียสามี ร่ำไห้ หลังจากนี้ใครจะพายายไปอาบน้ำ

หญิงชราตาบอด สูญเสียสามี ร่ำไห้ หลังจากนี้ใครจะพายายไปอาบน้ำ

              ต้นเรื่องชีวิตแกเดินทางมาจากสิบสองปันนา ตั้งแต่เมื่อ 90 กว่าปีที่ผ่านมา โดยทั้งคู่ได้ใช้มือใช้เท้าข้ามป่าข้ามเขาข้ามน้ำสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ฝ่าฟันอุปสรรคในการใช้ชีวิตอย่างลำบาก หอบรักจากเมืองสิบสองปันนา มาใช้ชีวิตที่เมืองล้านนา เดินทาง 3 เดือนเต็ม ๆ เพื่อจะมาถึงเมืองไทยผ่าน สามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งต้องมาอยู่กันแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ กับสามีโดยไม่มีเอกสาร เพราะทั้งคู่ไม่อยากทนลำบากเป็นทาสในสมัยนั้น โดยทั้งคู่ได้ตัดสินใจขอใช้ชีวิตร่วมกันในวังน้ำค้างจนวันตาย และแล้ววันนี้คุณตาก็จากไปจริง ก่อนเสียชีวิตลูกหลานอยู่ไกล ต้องเสียค่าใช้จ่ายที่โรงพยาบาล ราว ๆ 5000 กว่าบาท ลูกหลานก็โอนมาจ่ายให้ รักนี้นิรันดร์จริง ๆ ตั้งแต่คุณตาเสียคุณยายเพ้อร้องไห้ไม่หยุดเลยคับ ได้แต่ปลอบใจไม่รู้ทำไง คู่รักคู่นี้ใช้ชีวิตร่วมกัน 90 กว่าปี จะมีสักกี่คู่ น่าสงสารคุณยายมาก 

              ยังมีเรื่องราวที่คุณยายพูดอีกเยอะคับ แต่ก็เอาเถอะ แค่ตอนมีชีวิตให้อยู่กับคนที่รักเราให้มาก ๆ นะครับ

              ทั้งนี้หลังจากที่เรื่องราวของคุณยายแสงเอ้ยได้รับการแชร์ต่อออกไปอย่างแพร่หลาย ทั้งยังมีสื่อจำนวนมากที่หยิบยกเรื่องของคุณยายมานำเสนอ ทำให้มีผู้ประสงค์ดีจำนวนมากที่ออกมาแสดงเจตจำนงอยากให้การช่วยเหลือครอบครัวของคุณยาย โดยมีการเปิดรับบริจาคผ่านช่องทางต่าง ๆ อย่างไรก็ตามล่าสุดวานนี้ (19 มีนาคม 2558) เฟซบุ๊ก Pumpui Kuntha ก็ได้ออกมาเป็นตัวแทนชี้แจงว่า ทางลูกหลานของคุณยายไม่ขอรับเงินบริจาคหรือสิ่งของใด ๆ ทั้งสิ้นแล้ว เพราะไม่สบายใจ หลังเรื่องราวแพร่หลายจนมีคนนำชื่อคุณยายไปหากิน โดยระบุข้อความดังนี้


              สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อ อรณิชชา กันทา ค่ะ ขออนุญาตชี้แจงเรื่องของ คุณตาแสง พรมดี อายุ 95 ปี ที่เสียชีวิตจากภรรยา ยายแสงเอ้ย พรมดี อายุ 98 ปีที่กำลังเป็นกระแสแชร์ต่อ ๆ กันนะคะ งดรับบริจาคทุกด้านนะคะ ลูกหลานแกไม่สบายใจค่ะ ไม่รับอะไรทั้งสิ้นค่ะ เงิน สิ่งของ ตอนนี้เรื่องราวลุกลามใหญ่โต บางคน บางเพจได้นำเรื่องราวของตาและยายไปหากินค่ะ หลายคนก่นด่าลูกหลานของท่าน หลายคนมีคำถาม หลายคนบอกต้องแชร์ให้ถึงคุณสรยุทธ หลายคนบอกทำไม คุณบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ไม่เข้ามาช่วย 

              อยากให้ทุกท่านได้รับข้อมูลที่แท้จริงนะคะ คุณตาและคุณยายได้อาศัยอยู่กับลูกสาวและลูกเขยที่เขตอำเภอแม่วาง สร้างบ้านปูนสี่เหลี่ยมอาศัยอยู่ในเขตรั้วสวนเดียวกับบ้านของลูกสาวและลูกเขยที่คอยดูแลท่าน แต่ด้วยต้องทำมาหากินและอายุก็ 60 กว่า ทั้งลูกเขยและลูกสาวก็ต้องออกไปทำมาหากินรับจ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ลูกสาวและลูกเขยก็มีลูก หรือเรียกว่าหลานของตาแสงและยายแสงเอ้ยนี่ล่ะค่ะ อาศัยอยู่จังหวัดอุดรธานี ลูกหลานของท่านก็มีฐานะธรรมดาหาเช้ากินค่ำ หยิบยื่นให้บ้าง แต่ในช่วงที่ตาไม่สบายนี้ลูกสาวและลูกเขยของแกไม่ได้มีงานไม่ได้มีรายได้ เมื่อก่อนอาจจะเป็นครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง แต่ ณ ตอนนี้ในขณะที่ตาป่วยและเสียชีวิตลง ทั้ง 2 ไม่มีเงินติดตัวเลย 

              โดยลูกสาววัย 60 กว่าของตาแสง มาขอความช่วยเหลือจากตัวดิฉัน ดิฉันและครอบครัวจึงได้ช่วยไปในเบื้องต้น และได้รับการช่วยเหลือจากชมรมอาสากู้ภัยนพรัตน์ผ่านคุณนุ และดิฉันจึงได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวของดิฉันเอง ไม่คิดว่าจะได้รับการช่วยเหลือเป็นอย่างดี จากอาสากู้ภัยนพรัตน์และพิงค์นคร 

              แต่ในตอนนี้เกิดเหตุการณ์ได้นำรูปและเรื่องราวของคุณตาไปหากิน และอยากแจ้งให้ทราบว่าทางลูก-หลานของคุณตาแสงและยายแสงเอ้ย ได้ดูแลและเดินทางมาร่วมงานศพตาแสงนะคะ และทุกคนดูแลยายอย่างเต็มความสามารถแล้ว......หากท่านคิดจะช่วยเหลือโปรดทำตามที่ใจท่านพึงกระทำ หากท่านใดไม่ทำก็โปรดอย่าก่นด่า สาปแช่งลูกหลานหรือแม้แต่ตัวดิฉันเอง หากท่านคิดจะหากินบนความทุกข์ของคนอื่นโปรดพึงสำนึกถึงบาปบุญคุณโทษเวรกรรมด้วยเถิดค่ะ

              .....ด้วยความเคารพ...... ปุ้ย อรณิชชา




หมายเหตุ : อัพเดทข้อมูลล่าสุดเมื่อเวลา 14.53 น. วันที่ 20 มีนาคม 2558




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ลูกหลานยายแสงเอ้ย ไม่ขอรับบริจาคแล้ว หลังมีคนนำชื่อไปหากิน อัปเดตล่าสุด 20 มีนาคม 2558 เวลา 20:13:24 159,191 อ่าน
TOP
x close