พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ถูกจับพกปืนที่ญี่ปุ่น ล่าสุด บริษัท ท่าอากาศยานไทย เผยผลการตรวจสอบ ยืนยัน พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ไม่ได้พกอาวุธปืนขึ้นเครื่องบิน
จากกรณีที่ พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศญี่ปุ่นจับกุมตัวในข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครอง ที่สนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น ขณะตรวจพบซุกซ่อนอยู่ภายในกระเป๋าเดินทาง เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2558 ที่ผ่านมานั้น (อ่านข่าว : คำรณวิทย์ เตรียมบินกลับไทย ขอโทษที่ทำให้เกิดเรื่องที่ญี่ปุ่น)
วันที่ 24 มิถุนายน 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.อ. กันต์พัฒน์ มังคละศิริ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานมาตรฐาน ท่าอากาศยานและการบิน บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า การที่จะสามารถพกพาอาวุธปืนขึ้นเครื่องนั้น ทำได้แต่เฉพาะการบินภายในประเทศ แต่หากเป็นเที่ยวบินต่างประเทศ ทาง ทอท. ไม่มีอำนาจในการอนุญาตในส่วนนี้
ทั้งนี้ในกรณีของ พล.ต.ท. คำรณวิทย์นั้น ในขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการตรวจสอบอยู่ว่าสามารถพกพาอาวุธปืนออกนอกประเทศได้อย่างไร และรอดพ้นการตรวจสอบในขั้นตอนใด เนื่องจากการที่จะสามารถพกพาอาวุธปืนขึ้นเครื่องได้นั้นจะต้องเป็นกรณีการอารักขาบุคคลสำคัญ หรือหากอ้างว่าเป็นการลืมก็อาจมีสิทธิ์ถูกตั้งข้อหาพยายามพกอาวุธขึ้นเครื่องได้
ล่าสุด นายประสงค์ พูนธเนศ ประธานคณะกรรมการบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่สนามบินสุวรรณภูมิ พบว่า พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ผ่านเครื่องเอกซเรย์ตามปกติ ทั้งยังให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบเป็นอย่างดี
ขณะผ่านเครื่องเอกซเรย์ ก็ไม่พบว่า พล.ต.ท. คำรณวิทย์ พกอาวุธติดตัวขึ้นเครื่องแต่อย่างใด ส่วนกระเป๋าเป้ ก็ผ่านการตรวจจากเครื่อง CTX พบเพียงโทรศัพท์มือถือ หูฟัง และที่ชาร์จแบต แต่ไม่มีอาวุธปืน สำหรับสัมภาระที่มีการโหลดไว้ใต้ท้องเครื่องบินก็ไม่พบอาวุธปืนเช่นเดียวกัน
นายประสงค์ กล่าวต่อว่า การพกอาวุธปืนขึ้นเครื่องบิน ต้องมีการสำแดงอาวุธทุกครั้ง ซึ่งทางสายการบินจะเป็นผู้เก็บรักษาไว้ ก่อนส่งมอบคืนเจ้าของเมื่อถึงปลายทาง ทั้งนี้ขอยืนยันว่า การตรวจสอบอาวุธได้มาตรฐานสากล และมาตรฐานการบิน
ภาพจาก เฟซบุ๊ก มั่นใจคนไทย 10ล้านคน เป็นกำลังใจให้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง
หมายเหตุ : อัพเดทข้อมูล ล่าสุดวันที่ 24 มิถุนายน 2558 เวลา 11.15 น.
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
, เฟซบุ๊ก ThaiPBS
