ไขปริศนา ทำไมอุณหภูมิ 38 องศา แต่กลับรู้สึกร้อนจัดเหมือน 49 องศา ชี้ อันตรายกว่าที่คิด เพราะค่าดัชนีความร้อน เราควรนำมาคำนวณด้วย
ช่วงนี้สิ่งที่หลายคนบ่นเป็นเสียงเดียวกัน คงหนีไม่พ้นเรื่อง อากาศที่ร้อนมากเป็นพิเศษ ร้อนจนต้องเปิดแอร์คลายร้อน บางทีก็รู้สึกว่า ประเทศไทยร้อนกว่าทุก ๆ ปี อากาศร้อนเกินจริง มันเป็นเพราะอะไร
วันที่ 2 พฤษภาคม 2567 เฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant ของนายเจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการโพสต์ข้อความถึงเรื่องนี้ ดังนี้
"ทำไมอุณหภูมิ 38 องศา แต่รู้สึกร้อนจัดเหมือน 49 องศา"
มีคำถามหลังไมค์ เกี่ยวกับหน้าร้อนนี้ อีกข้อครับ บอกว่า "รบกวนอาจารย์ ช่วยอธิบายหน่อยได้ไหมครับ ว่าอุณหภูมิ 38 แต่รู้สึกเหมือน 49 คืออะไรครับ แล้วจริง ๆ มันร้อนกี่องศาครับ ?"
จริง ๆ คือ อุณหภูมิของอากาศในวันนั้น จะอยู่ที่ 38 องศาเซลเซียส ครับ แต่ที่บอกว่า รู้สึกร้อนเหมือน 49 องศาเซลเซียส คือเอามาจากค่า "ดัชนีความร้อน" หรือ "heat index" ครับ
ค่าดัชนีความร้อน (Heat Index) คือ อุณหภูมิที่ร่างกายคนเรา รู้สึกตามความสัมพันธ์กันระหว่าง "อุณหภูมิ และ ความชื้น"
พูดง่าย ๆ คือ การที่เรารู้สึกว่าอากาศขณะนั้น ร้อนหรือเย็น มันไม่ได้ตรงไปตรงมากับ "อุณหภูมิอากาศ" ที่แท้จริง ... แต่ต้องรวมไปถึง "ความชื้นสัมพัทธ์ของอากาศ" ด้วย
ดังเช่น ถ้าบอกว่าอุณหภูมิวันนี้ 38 องศาเซลเซียส แต่มีความชื้นสัมพัทธ์อยู่ที่ 50 % เราจะรู้สึกเหมือนกับว่า อยู่ในบริเวณอุณหภูมิถึง 49 องศาเซลเซียส ซึ่งก็ถือว่าร้อนในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของเราแล้ว (ร่างกายคนเรา อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 37 องศาเซลเซียส)
แถมค่าดัชนีความร้อนนี้ ยังคำนวณโดยดูตอน "อยู่ในร่มเงา" นะครับ .. ถ้าเกิดไปเดินหรือตากแดดโดยตรง ค่าดัชนีความร้อนอาจเพิ่มขึ้นไปอีก สูงถึง 8 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว !
ดังนั้น เราควรที่จะพิจารณาถึงค่าดัชนีความร้อนในแต่ละวันด้วย (ไม่ใช่แค่ดูอุณหภูมิอากาศธรรมดา) และหลีกเลี่ยงการอยู่ในบริเวณที่อากาศร้อนจัด โดยเฉพาะคนที่มีร่างกายไม่แข็งแรง จะมีผลกระทบต่อสุขภาพได้
ผลกระทบตามค่าดัชนีความร้อน
27-32 องศาเซลเซียส : อ่อนล้า อ่อนเพลีย วิงเวียน คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะได้ หากมีกิจกรรมการแจ้งอาจเกิดอาการปวดแสบปวดร้อนได้
32-41 องศาเซลเซียส : ตะคริว เพลียแดดหากสัมผัสความร้อนเป็นเวลานานอาจเกิดภาวะลมแดด Heat Stroke
41-54 องศาเซลเซียส : ปวดเกร็ง เพลียแดด หน้ามืด หากทำกิจกรรมต่อเนื่องเสี่ยงต่อสภาวะลดแดด Heat Stroke
54 องศาเซลเซียสขึ้นไป : เกิดสภาวะลมแดด หรือ Heat Stroke ได้ตลอดเวลา และเสี่ยงต่อการเสียชีวิต
แถมว่า ค่าดัชนีความร้อนที่มากขึ้นขนาดนี้ ทำให้ผู้คนจำเป็นต้องเปิดแอร์หรือพัดลม เพื่อป้องกันผลกระทบต่อร่างกาย ส่งผลทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างแอร์ ต้องทำงานหนักมากขึ้น และกินไฟฟ้าก็มากขึ้น เนื่องจากแอร์ต้องนำพาความร้อนภายในห้อง ออกสู่นอกห้อง ยิ่งความร้อนนอกห้อง สูงเท่าไรย่อมมีผลต่ออุณหภูมิภายในห้องไปด้วย แอร์ทำงานหนักขึ้นตามไปด้วย
ช่วงนี้สิ่งที่หลายคนบ่นเป็นเสียงเดียวกัน คงหนีไม่พ้นเรื่อง อากาศที่ร้อนมากเป็นพิเศษ ร้อนจนต้องเปิดแอร์คลายร้อน บางทีก็รู้สึกว่า ประเทศไทยร้อนกว่าทุก ๆ ปี อากาศร้อนเกินจริง มันเป็นเพราะอะไร
วันที่ 2 พฤษภาคม 2567 เฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant ของนายเจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการโพสต์ข้อความถึงเรื่องนี้ ดังนี้
"ทำไมอุณหภูมิ 38 องศา แต่รู้สึกร้อนจัดเหมือน 49 องศา"
มีคำถามหลังไมค์ เกี่ยวกับหน้าร้อนนี้ อีกข้อครับ บอกว่า "รบกวนอาจารย์ ช่วยอธิบายหน่อยได้ไหมครับ ว่าอุณหภูมิ 38 แต่รู้สึกเหมือน 49 คืออะไรครับ แล้วจริง ๆ มันร้อนกี่องศาครับ ?"
จริง ๆ คือ อุณหภูมิของอากาศในวันนั้น จะอยู่ที่ 38 องศาเซลเซียส ครับ แต่ที่บอกว่า รู้สึกร้อนเหมือน 49 องศาเซลเซียส คือเอามาจากค่า "ดัชนีความร้อน" หรือ "heat index" ครับ
ค่าดัชนีความร้อน (Heat Index) คือ อุณหภูมิที่ร่างกายคนเรา รู้สึกตามความสัมพันธ์กันระหว่าง "อุณหภูมิ และ ความชื้น"
พูดง่าย ๆ คือ การที่เรารู้สึกว่าอากาศขณะนั้น ร้อนหรือเย็น มันไม่ได้ตรงไปตรงมากับ "อุณหภูมิอากาศ" ที่แท้จริง ... แต่ต้องรวมไปถึง "ความชื้นสัมพัทธ์ของอากาศ" ด้วย
ดังเช่น ถ้าบอกว่าอุณหภูมิวันนี้ 38 องศาเซลเซียส แต่มีความชื้นสัมพัทธ์อยู่ที่ 50 % เราจะรู้สึกเหมือนกับว่า อยู่ในบริเวณอุณหภูมิถึง 49 องศาเซลเซียส ซึ่งก็ถือว่าร้อนในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของเราแล้ว (ร่างกายคนเรา อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 37 องศาเซลเซียส)
แถมค่าดัชนีความร้อนนี้ ยังคำนวณโดยดูตอน "อยู่ในร่มเงา" นะครับ .. ถ้าเกิดไปเดินหรือตากแดดโดยตรง ค่าดัชนีความร้อนอาจเพิ่มขึ้นไปอีก สูงถึง 8 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว !
ดังนั้น เราควรที่จะพิจารณาถึงค่าดัชนีความร้อนในแต่ละวันด้วย (ไม่ใช่แค่ดูอุณหภูมิอากาศธรรมดา) และหลีกเลี่ยงการอยู่ในบริเวณที่อากาศร้อนจัด โดยเฉพาะคนที่มีร่างกายไม่แข็งแรง จะมีผลกระทบต่อสุขภาพได้
ผลกระทบตามค่าดัชนีความร้อน
27-32 องศาเซลเซียส : อ่อนล้า อ่อนเพลีย วิงเวียน คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะได้ หากมีกิจกรรมการแจ้งอาจเกิดอาการปวดแสบปวดร้อนได้
32-41 องศาเซลเซียส : ตะคริว เพลียแดดหากสัมผัสความร้อนเป็นเวลานานอาจเกิดภาวะลมแดด Heat Stroke
41-54 องศาเซลเซียส : ปวดเกร็ง เพลียแดด หน้ามืด หากทำกิจกรรมต่อเนื่องเสี่ยงต่อสภาวะลดแดด Heat Stroke
54 องศาเซลเซียสขึ้นไป : เกิดสภาวะลมแดด หรือ Heat Stroke ได้ตลอดเวลา และเสี่ยงต่อการเสียชีวิต
แถมว่า ค่าดัชนีความร้อนที่มากขึ้นขนาดนี้ ทำให้ผู้คนจำเป็นต้องเปิดแอร์หรือพัดลม เพื่อป้องกันผลกระทบต่อร่างกาย ส่งผลทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างแอร์ ต้องทำงานหนักมากขึ้น และกินไฟฟ้าก็มากขึ้น เนื่องจากแอร์ต้องนำพาความร้อนภายในห้อง ออกสู่นอกห้อง ยิ่งความร้อนนอกห้อง สูงเท่าไรย่อมมีผลต่ออุณหภูมิภายในห้องไปด้วย แอร์ทำงานหนักขึ้นตามไปด้วย