เบี้ยยังชีพคนชรา ... รับเงินที่ไหน อย่างไร เรามีคำตอบให้

เบี้ยยังชีพคนชรา

เบี้ยยังชีพคนชรา

 

 

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์


        นับเป็นอีกหนึ่งข่าวใหญ่ ที่หลายคนให้ความสนใจกันอย่างมาก หลังกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) ออกประกาศ ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไฟเขียวจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุทั่วประเทศ เดือนละ 500 บาท เป็นเวลา 6 เดือน และยังให้วาระดังกล่าวเป็นประเด็นเร่งด่วนอีกด้วย ทั้งนี้เพราะนอกจากจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ทางหนึ่งแล้ว ยังถือเป็นการตอบแทนผู้สูงอายุที่ทำงานเพื่อบ้านเมืองมาทั้งชีวิตด้วย

        สำหรับเบี้ยยังชีพคนชรา ถือเป็นบริการสวัสดิการสังคมประเภทหนึ่ง ที่รัฐบาลจัดสรรให้กับคนชราอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป แม้จะดูเหมือนไม่มีบทบาทสักเท่าไหร่ในหลายยุคที่ผ่านมา แต่เวลานี้ได้ถูกชุบให้กระชุ่มกระชวยขึ้นอีกครั้งด้วยแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่แจกจ่ายนโยบายประชานิยมอย่างทั่วถึง ไม่เว้นแม้แต่ผู้สูงอายุ โดยแต่เดิมนั้นจะจ่ายให้เฉพาะผู้ที่มีฐานะยากไร้ รายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ ถูกทอดทิ้ง หรือขาดผู้อุปการะเลี้ยงดู หรือไม่สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองได้ ราว 1.8 ล้านคนเท่านั้น

        แต่จุดต่างของเบี้ยยังชีพคนชราในรัฐบาลชุดนี้ คือ การจ่ายให้ผู้สูงอายุทั่วประเทศทุกคน เว้นเฉพาะรายที่เป็นราชการเท่านั้น อย่างไรก็ดี การจ่ายเบี้ยยังชีพเดือนละ 500 บาท ครอบคลุมผู้สูงอายุทั่วประเทศที่ว่านี้ จะมีระยะเวลาสั้นๆ เพียง 6 เดือน โดยเริ่มเดือนเมษายนจะจ่ายเงินเป็นงวดแรก ไปจนถึงเดือนกันยายน 2552 ซึ่งหลายคนอาจเกิดคำถามต่อว่า เมื่อหมดจาก 6 เดือนนี้ จะเป็นอย่างไรต่อไป คำตอบคือ คงต้องรอดูผลจาก ร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่ ที่รัฐบาลลั่นประกาศิตว่าจะจัดสรรงบประมาณลงไปในงบประจำปีตาม พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ (ที่จะออกมาใหม่) ซึ่งจะทำให้ผู้สูงอายุทุกคนได้รับเบี้ยยังชีพ

        ทางด้าน นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้ข้อมูลว่า รัฐบาลได้อนุมัติวงเงินงบประมาณกลางปีจำนวน 9 พันล้านบาท เพื่อเตรียมจ่ายให้กับผู้สูงอายุทั้งสิ้น 7.1 ล้านคน โดยผู้สูงอายุที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนด ให้ไปลงทะเบียนที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ - 15 มีนาคม 2552 มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

 คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ 

        1. ผู้มีสิทธิต้องมีสัญชาติไทย 

        2. ผู้มีสิทธิต้องมีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป โดยต้องเกิดก่อนวันที่ 31 มีนาคม 2492 ส่วนผู้สูงอายุที่ทราบเพียงปีเกิด แต่ไม่ทราบวันและเดือนเกิด ให้ถือว่าเกิดวันที่ 1 มกราคมของปีนั้นๆ

        3. ต้องไม่เป็นผู้ได้รับเงินเดือน สวัสดิการ หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากรัฐ ทั้งบำเหน็จ บำนาญ เบี้ยยังชีพ หรือผลประโยชน์อื่นใดจากรัฐ ทั้งรายวันและรายเดือน 

        4. ต้องไม่เป็นผู้อยู่ในสถานสงเคราะห์คนชราที่รัฐดูแลอาหารและที่พักให้อยู่แล้ว

 ขั้นตอนการยื่นคำขอรับเงิน

        1. ผู้สูงอายุที่มีคุณสมบัติครบตามรายละเอียดข้างต้น สามารถยื่นคำขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้ด้วยตนเอง

        2. ในกรณีที่ผู้สูงอายุมีความจำเป็นที่ไม่สามารถมาลงทะเบียนยื่นคำขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้ด้วยตนเอง สามารถมอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษรให้ผู้อื่นยื่นคำขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแทนได้ (สามารถขอรับแบบฟอร์มได้ที่สำนักงานเขต องค์การบริหารส่วนตำบล หรือใช้หนังสือมอบอำนาจทั่วไปก็ได้)

        3. การยื่นคำขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุยื่นได้ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2552-15 มีนาคม 2552

 หลักฐานประกอบการยื่นคำขอ 

        - บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรอื่นที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐ ที่มีรูปถ่ายพร้อมสำเนา

        - สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร พร้อมสำเนาสำหรับในกรณีที่ผู้ขอรับเงินเบี้ยยังชีพ ผู้สูงอายุประสงค์ขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุผ่านธนาคาร (ทุกธนาคาร)

 สถานที่ลงทะเบียน

        - เขตภูมิภาค ยื่นได้ที่เทศบาล/อบต. ที่ผู้สูงอายุมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน

        - เขตกรุงเทพมหานคร  ยื่นได้ที่สำนักงานเขต ที่ผู้สูงอายุมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ระหว่างเวลา 08.00 – 16.00 น. ไม่เว้นวันหยุดราชการ และวันหยุดนักขัตฤกษ์

 การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

        การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุให้แก่ผู้มีสิทธิ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจ่ายเป็นรายเดือนๆ ละ 1 ครั้ง ในอัตราเดือนละ 500 บาท โดยรัฐบาลกำหนดจ่ายงวดแรกในวันที่ 13 เมษายน ดังนี้

        - จ่ายเป็นเงินสด หรือโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้มีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

        - จ่ายเป็นเงินสด หรือโอนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของบุคคลที่ได้รับมอบหมายจากผู้มีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นลายลักษณ์อักษร

        อย่างไรก็ดี หลังจากที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในแต่ละจังหวัดทั่วประเทศได้เปิดรับลงทะเบียนผู้สูงอายุรับเบี้ยยังชีพเป็นวันแรก ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ปรากฎว่า ปัญหาที่พบมากที่สุด คือ เรื่องเอกสารไม่ครบ และผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะเขียนหนังสือไม่ได้ จึงขอแนะนำว่าผู้สูงอายุที่จะมาลงทะเบียนให้นำบุตรหลานมาด้วยจะเป็นการดี ทั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมด้านเอกสารให้เรียบร้อย นอกจากนี้ จะเป็นการช่วยดูแลเรื่องรายละเอียดในการลงทะเบียน หากผิดพลาดอะไรก็สามารถแก้ไขได้ทันทีอีกด้วย

        อย่าลืมนะคะ เริ่มลงทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้ตั้งแต่วันนี้  – 15 มีนาคม 2552 ดังนั้น ครอบครัวไหนที่มีผู้สูงอายุ ตามคุณสมบัติที่กล่าวมาข้างต้น ก็ยังเหลือเวลาให้ได้มาแสดงสิทธิ์กันค่ะ

 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 

        - ศูนย์ประชาบดี  โทร. 1300 
        - ศูนย์ดำรงธรรม โทร. 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง
        - ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน โทร.1111 ตลอด 24 ชั่วโมง
        - สำนักพัฒนาสังคม กรุงเทพมหานคร โทร 0-2245-5166 ในวันและเวลาราชการ (เฉพาะกรุงเทพมหานคร)

 คลายข้อสงสัย

           ถาม : ผู้ที่ได้รับสวัสดิการ หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หมายถึงใครบ้าง?

           ตอบ : ผู้รับเงินบำนาญ ผู้ได้รับเงินเบี้ยยังชีพตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย และกรุงเทพมหานคร ผู้สูงอายุที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของรัฐ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ที่ได้รับเงินเดือน ค่าตอบแทน รายได้ประจำหรือผลประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นที่รัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดให้เป็นประจำ

           ถาม : ในกรณีบุตรรับราชการหรือสามีรับราชการ หรือภรรยารับราชการ สามารถยื่นค่าขอขึ้นทะเบียน รับสิทธิได้หรือไม่?

           ตอบ : หากผู้ยื่นค่าขอรับเงินเบี้ยยังชีพไม่ได้รับบำนาญ และมีคุณสมบัติตามคำตอบในคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ สามารถยื่นค่าขอรับเงินเบี้ยยังชีพได้

           ถาม : รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่?

           ตอบ : เมื่อผ่านการตรวจสอบสิทธิว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติ โดยรับได้ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน 2552 เป็นต้นไป

           ถาม : การรับเงินเบี้ยยังชีพผ่านธนาคาร ใครเป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียมการโอนเงิน?

           ตอบ : ผู้สูงอายุเป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียมในการโอนเข้าบัญชีธนาคาร ยกเว้นธนาคารกรุงไทยในส่วนภูมิภาค ที่ผู้สูงอายุไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร

           ถาม : การยื่นค่าขอขึ้นทะเบียน เพื่อรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ สามารถให้ผู้อื่นยื่นค่าขอแทนได้หรือไม่?

           ตอบ : ได้ แต่ต้องมีหนังสือมอบอำนาจ

 

 ระเบียบคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ พ.ศ. 2552 

 แบบคำขอขึ้นทะเบียนรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
   
 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เบี้ยยังชีพคนชรา ... รับเงินที่ไหน อย่างไร เรามีคำตอบให้ อัปเดตล่าสุด 3 มีนาคม 2552 เวลา 11:44:39 165,194 อ่าน
TOP
x close