ถึงเวลาที่มนุษยชาติต้องเอาใจใส่สัญญาณเตือนภัยจากธรรมชาติ และร่วมมือกันลดสภาวะโลกร้อนอย่างจริงจัง
น้ำท่วมปากีสถาน ฝนตกหนักที่รัสเซีย คลื่นความร้อนกระหน่ำทั่วยุโรป ในช่วงหลายปีมานี้เหตุการณ์เหล่านี้คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมาก นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่าสภาพอากาศที่แปรปรวนนี้เป็นผลมาจากอุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้นอันเนื่องมาจากสภาวะโลกร้อน
10 สัญญาณโลกร้อน
เรามาดูกันว่า โลกส่งสัญญาณอะไรบ้างเพื่อเตือนให้มนุษย์หันมารักษาโลกนี้ไว้ก่อนจะสายเกินไป นักวิทยาศาสตร์ได้สรุป 10 สัญญาณเตือนภัยที่เกิดจากภาวะโลกร้อนไว้ดังนี้
คลื่นความร้อน แต่ละปีคลื่นความร้อนคร่าชีวิตผู้คนไปจำนวนมาก ปีที่ผ่านมาชาวญี่ปุ่นเสียชีวิตด้วยคลื่นความร้อน 14 คน อินเดีย 100 กว่าคน ปากีสถาน 50 คน ฮังการีตายไปสูงสุด 500 กว่าคน และมีแนวโน้มว่าคลื่นความร้อนจะทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี
น้ำทะเลขึ้นสูง หลายประเทศกำลังเผชิญกับปัญหา และผลกระทบจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทยที่กำลังเผชิญกับปัญหาน้ำทะเลขึ้นสูง น้ำท่วม และน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่ง
น้ำแข็งยอดภูเขาสูงละลาย น้ำแข็งที่ปกคลุมยอดภูเขาสูงกำลังละลาย เช่น ที่ยอดเขาหิมาลัย ประเทศเนปาล และยอดเขาฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น
น้ำแข็งขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้แตกตัว สภาพอากาศของโลกที่ร้อนขึ้น ทำให้น้ำแข็งขั้วโลกแตกตัวลอยอยู่ในทะเล ก่อนจะจมสู่ก้นทะเล มีผลกระทบต่อน้ำเค็มและการแพร่ระบาดของสาหร่ายในทะเล
โรคระบาด เกิดโรคอุบัติใหม่และโรคอุบัติซ้ำ เช่น การแพร่ระบาดของโรคมาลาเรียในเขตหนาว อย่างกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ หรือญี่ปุ่น
ฤดูใบไม้ผลิมาถึงเร็วกว่ากำหนด ส่งผลกระทบต่อวงจรชีวิตสัตว์ป่าที่ต้องอาศัยช่วงฤดูใบไม้ผลิเพื่อการเจริญเติบโตปรับตัวไม่ทันและสูญพันธุ์ไปในที่สุด
พืชและสัตว์เคลื่อนตัวไปทางเหนือ เมื่อพื้นที่ที่เคยหนาวเย็นทางตอนเหนือเริ่มมีความอบอุ่นมากขึ้น จึงพบพืชและแมลงที่ไม่เคยอาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นมาก่อน เริ่มปรับตัวและมาอยู่อาศัยมากขึ้น
ปะการังฟอกขาว เกิดจากปรากฏการณ์ เอลนิญโญ่ - ลานิญญ่า แต่อีกปัจจัยหนึ่งเกิดจากกรดในน้ำทะเลที่เป็นผลมาจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์บนชั้นบรรยากาศที่มีมากขึ้น
น้ำท่วมและพายุหิมะ ทั่วโลกกำลังเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่รุนแรงในรูปแบบต่าง ๆ เช่น พายุเฮอร์ริเคน ฝนตกหนัก น้ำท่วม ดินถล่ม และพายุหิมะ
ภัยแล้งและไฟป่า สภาพอากาศโลกมีความชื้นน้อย ส่งผลให้เกิดความแห้งแล้ง ทำให้เกิดการแพร่ขยายของไฟป่าอย่างรวดเร็วและป้องกันได้ยาก
ในยุคนี้เราได้รับข้อมูลข่าวสารเรื่องภาวะโลกร้อนในลักษณะเช่นนี้มากขึ้น แต่มีคนจำนวนน้อยเหลือเกินที่หันมาเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อช่วยกันลดภาวะโลกร้อนอย่างจริงจัง อาจเพราะรู้สึกว่าทำไปก็ไม่มีผลอะไรเนื่องจากตัวการทำให้โลกร้อนที่แท้จริงคือภาคอุตสาหกรรม แต่จะรอภาคอุตสาหกรรมอย่างเดียวอาจไม่ทันการณ์ ทุกคนควรเริ่มเอาใจใส่เรื่องง่าย ๆ ใกล้ตัว เช่น แยกขยะ พยายามใช้ระบบขนส่งมวลชนให้มากขึ้น ใช้ไฟฟ้า น้ำประปาอย่างเห็นคุณค่า ฯลฯ ก็จะช่วยชะลอภาวะโลกร้อนได้ แม้จะไม่เห็นผลในเร็ววันหรือแม้กระทั่งในชั่วชีวิตของเรา แต่ทฤษฏี "เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว" นั้นยังใช้ได้อยู่เสมอ เพราะธรรมชาติมีผลกระทบกับชีวิตมนุษย์อย่างลึกซึ้ง และอนาคตของลูกหลานก็อยู่ในมือของคนในยุคนี้นี่เอง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก