เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเจาะข่าวเด่น
สลด! ผู้ต้องหาข่มขืนลูกเลี้ยง เสียชีวิตในคุก ด้วยโรคหัวใจล้มเหลว ด้านภรรยาเผย สามีรอผลตรวจเลือดจากซากศพเด็กของลูกเลี้ยง แต่เพิ่งจะทราบว่า ซากศพของเด็กได้ถูกทำลายไปแล้ว บอกเรื่องนี้กลายเป็นตราบาปสามี เนื่องจากไม่ได้ทำ และมอบตัวพิสูจน์ความบริสุทธิ์ด้วยตัวเอง แต่ก็ต้องมาตายในคุก
จากกรณีที่แม่ของเด็กหญิงน้ำ (นามสมมติ) วัย 15 ปี เดินทางมาร้องเรียนกับมูลนิธีปวีณาว่า ลูกสาวถูกสามีพี่เลี้ยงข่มขืนหลายครั้ง หลังจากที่ถูกพี่เลี้ยงลักพาตัวไปตั้งแต่อายุ 2 ขวบ แถมยังถูกพี่เลี้ยงบังคับให้ขายพวงมาลัยตอนช่วงกลางคืน และจนกลายเป็นประเด็นอื้อฉาวในสังคมไปเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์
ต่อมาทางด้านพี่เลี้ยงของเด็กได้ออกมาโต้ข่าวว่า สามีไม่สามารถข่มขืนเด็กหญิงน้ำได้อย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นโรคหอบหืด โรคหัวใจ แค่เดินขึ้นบันไดก็หอบแล้ว อีกทั้งยังปฏิเสธเรื่องลักพาตัวเด็กหญิงน้ำ โดยบอกว่า พ่อแม่ของเด็กหญิงน้ำได้ทิ้งลูกไว้ให้ตนเลี้ยงตั้งแต่เมื่อ 13 ปี ก่อน โดยตนเลี้ยงดูเป็นอย่างดี หาเงินให้ใช้ ส่งเสียให้เรียน และไม่เคยใช้ทำงานบ้านเลย พร้อมบอกด้วยว่า เด็กหญิงน้ำ เคยหนีออกจากบ้านไปนอนกับแฟนชื่อ บี หลายต่อหลายครั้ง ส่วนในเรื่องที่ติดต่อให้แม่ของเด็กหญิงน้ำกลับมารับนั้น ไม่เป็นความจริง ตนเพียงจะติดต่อขอใบเกิดเพื่อทำการสมัครเข้าเรียนเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตาม สามีของแม่เลี้ยง หรือ นายสมคิด แสงวิสุทธิ์ ได้เดินทางมอบตัวกับตำรวจเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ โดยปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ แต่ล่าสุดมีข่าวแจ้งมาว่า นายสมคิด เสียชีวิตในห้องขังแล้ว ด้วยโรคหัวใจล้มเหลว เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา ได้เชิญนางจำปี พี่เลี้ยงซึ่งถูกกล่าวหา พร้อมกับลูกสะใภ้คนโตมาเปิดเผยเรื่องราวดังกล่าวในรายเจาะข่าวเด่น (21 มีนาคม)
โดยนางจำปี กล่าวว่า เมื่อช่วงกลางวันของวันที่ 21 มีนาคม ทางตำรวจได้โทรศัพท์มาบอกตนว่า สามีของตนเสียชีวิตแล้วด้วยอาการหัวใจล้มเหลว โดยสามีของตนพยายามพิสูจน์ความบริสุทธ์ให้กับตนเอง จากข้อหาข่มขืนลูกเลี้ยง จึงได้เดินทางมามอบตัวให้กับตำรวจ ซึ่งในวันมอบตัวนั้น สามีของตนไม่สามารถขึ้นรถเมล์ไปสถานีตำรวจได้ จึงได้โทรแจ้งตำรวจให้มารับและทำการมอบตัว โดยตำรวจบอกว่า ถ้าอยากจะประกันตัวต้องใช้เงินถึง 380,000 บาท ซึ่งเป็นเงินจำนวนมากเกินกว่าที่บ้านของตนจะมาหามาได้ จะไปกู้หนียืมสินใครก็ไม่มีเงินมาคืนเขา ทางสามีเลยบอกว่า เขาจะทนติดคุก เนื่องจากทางตำรวจแจ้งว่า ถ้าผลเลือดจากทำแท้งถูกต้องตามกฎหมายของ เด็กหญิงน้ำ ออกมาเมื่อไร สามีของตนจะได้กลับบ้าน
ทางด้านลูกสะใภ้กล่าวว่า ตนและนางจำปี เดินทางไปเยี่ยมนายสมคิดทุกวันจันทร์มาโดยตลอด ยกเว้นวันจันทร์ที่ผ่านมาที่ไม่ได้ไป เพราะติดงานศพหลานสาว จึงจะเดินทางไปเยี่ยมกันอีกครั้งในวันจันทร์หน้า ซึ่งวันแรกที่นายสมคิดเข้าไปมอบตัว ก็ไม่ได้ออกมาอีกเลย เพราะทางตำรวจได้พาไปตรวจเลือด ขึ้นศาล และเข้าเรือนจำ แต่ทั้งนี้ นายสมคิดก็สู้บอกกับตนตลอดว่า เขาจะอดทน และทวงถามถึงผลเลือดตลอดเวลา แต่ระยะหลังมา นายสมคิดเริ่มไม่ไหว เพราะมีอาการหอบตอนกลางคืน และเวลามาพบนายสมคิด เขาจะต้องนั่งรถเข็นมาหา เพราะไม่สามารถเดินออกมาได้แล้ว
ลูกสะใภ้กล่าวต่อว่า ตั้งแต่ที่นายสมคิดเข้าเรือนจำ ตนก็พยายามติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อถามถึงผลเลือดตลอด แต่เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า ยังไม่ได้ และตามเรื่องให้แล้ว ซึ่งตนมารู้ภายหลังก่อนที่นายสมคิดจะเสียชีวิตว่า ซากศพของเด็กที่จะเป็นหลักฐานสำคัญ ถูกนำไปทิ้งแล้ว เนื่องจากทางศิริราชไม่ได้รับการแจ้งให้เก็บซากศพเด็กไว้
ด้าน นางจำปีกล่าวว่า ตั้งแต่ที่เกิดเรื่อง ตนมั่นใจว่า สามีของตนไม่สามารถข่มขืนลูกเลี้่ยงได้แน่นอน เพราะเขามีโรคประจำตัวทั้งหอบหืด โรคหัวใจ และถุงลมโป่งพอง หลัง ๆ มาอาการยิ่งหลักขึ้นทุกวัน ตนเลยเชื่อใจในสามีว่า คงไม่มีแรงจะไปข่มขืนใครได้ อีกทั้งบ้านที่อาศัยกันอยู่ เป็นบ้านเช่าห้องเดียว นอนรวมกัน 7 คน ตอนเช้าสามีของตนก็ออกไปทำงานเป็นยามตั้งแต่ 6 โมง และกลับบ้านเวลา 5 โมงเย็น ซึ่งในบ้านก็จะมีลูกสะใภ้อาศัยอยู่ตลอดเวลา ส่วนเด็กหญิงน้ำนั้น ลูกสะใภ้ของตนเป็นคนเดินทางไปรับไปส่งตลอด
ส่วนเรื่องคดีความ ลูกสะใภ้กล่าวว่า ตอนนี้ศพดังกล่าวก็ถูกทำลายไปแล้ว คดีนี้ต้องฟังความจากปากเด็กหญิงน้ำ และพยานแวดล้อมอย่างเดียว อีกทั้งนายสมคิดก็เสียชีวิตแล้ว ทางตำรวจบอกว่า เป็นการปิดคดีไปโดยอัตโนมัติ เรื่องนี้จึงกลายเป็นตราบาปให้กับนายสมคิด ที่ไม่ได้ทำผิดแล้วต้องมาตายในคุก
อย่างไรก็ตาม ลูกสะใภ้สามี ได้กล่าวเรียกร้องผ่านทางรายการว่า อยากให้อีกฝ่ายติดต่อกลับมาบ้าง เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องมาก็ยังไม่ได้ติดต่ออะไรเลย และอยากจะทราบว่า ทำไมไม่ไปขอตรวจดีเอ็นเอกับนายบี ผู้ชายที่ เด็กหญิงน้ำเคยคบบ้าง (เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ทางตำรวจได้บอกว่า เจ้าทุกข์ไม่ได้ร้องทุกข์ จึงไม่สามารถตรวจดีเอ็นเอนายบีได้)
ท้ายนี้ นางจำปี ได้กล่าวฝากบอกไปยังเด็กหญิงน้ำว่า ตนได้บอกให้สามีของตนให้อภัยลูกแล้ว และตนก็ให้อภัยลูกเหมือนกัน ถึงแม้ว่าลูกจะใจร้ายทำกับพ่อกับแม่ได้ถึงเพียงนี้ แต่แม่ก็ให้อภัย เพราะรักลูกมาก ที่ผ่านมาถ้าลูกไม่มีพ่อแม่คนนี้ ลูกก็ไม่สามารถโตขึ้นมาได้ แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ลูกได้ไปอยู่กับพ่อแม่ที่แท้จริงของลูกแล้ว ตนก็ยังเป็นห่วงเหมือนเดิม และอยากให้มาพบมาเจอกันบ้าง
ส่วนทางด้านฝ่ายแม่ที่แท้จริงของเด็กหญิงน้ำ กล่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า ตนไม่ทราบว่าซากศพของเด็กได้ถูกทำลายไปแล้ว แต่ทั้งนี้ ถ้าผลเลือดออกมา ไม่ใช่ลูกของสามีแม่เลี้ยงก็จริง ก็ไม่ใช่ว่า สามีแม่เลี้ยงจะไม่ข่มขืนลูกตน เนื่องจากตนคิดว่า ลูกคงไม่โกหกตนอย่างแน่นอน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
รายการเจาะข่าวเด่น
[22 กุมภาพันธ์] เด็กสาวรับเคยนอนกับแฟน - รอผล DNA สามีพี่เลี้ยง
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เรื่องเล่าเช้านี้
สามีพี่เลี้ยง ปฏิเสธไม่ได้ลักพาตัว-ข่มขืน ล่าสุดเจ้าหน้าที่ส่งตรวจดีเอ็นเอแล้ว ด้านเด็กหญิงน้ำ โต้ ถูกข่มขืนจริง รับเคยมีเพศสัมพันธ์กับคนชื่อบี
สืบเนื่องจากกรณีที่แม่ของเด็กหญิงวัย 15 เข้าร้องเรียน หลังลูกสาวถูกพี่เลี้ยงลักพาตัวนานกว่า 13 ปี อีกทั้งยังถูกสามีพี่เลี้ยงข่มขืนจนท้อง 3 เดือน ขณะที่ทางด้านสามีพี่เลี้ยง และตัวพี่เลี้ยงเองกลับให้การตรงกันข้าม และปฏิเสธทุกข้อกล่าว พร้อมกับท้าตรวจดีเอ็นเอนั้น
ความคืบหน้าวานนี้ (21 กุมภาพันธ์) นายสมคิด แสงวิสุทธิ์ สามีของนางจำปี พี่เลี้ยงเด็ก ได้เดินทางไปมอบตัวที่ สน.บางกอกน้อย โดยให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาว่า เขาไม่สามารถข่มขืนเด็กหญิงน้ำได้ เพราะตนเองมีโรคประจำตัวเยอะ และมีโรคแทรกซ้อนอีกหลายโรคเช่นกัน ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการรักษาตัวอยู่ และที่สำคัญ เขาไม่เคยมีความคิดที่จะกระทำผิด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายสมคิดไปตรวจดีเอ็นเอที่ศิริราชเพื่อนำไปเทียบกับผลตรวจของทารกที่ทำแท้งไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม จากกรณีที่ นางจำปี พี่เลี้ยงได้ให้สัมภาษณ์วานนี้ว่า ไม่ได้ลักพาตัวเด็กไป และนำไปคืนให้ยาย ซึ่งปฏิเสธที่จะรับเลี้ยงเพราะมีหลานที่ต้องเลี้ยงดูอีก 3 คนนั้น ทำให้ยายแท้ ๆ ของเด็กถึงกับโกรธมาก พร้อมกับระบุว่า เรื่องดังกล่าวไม่จริงแต่อย่างใด นางจำปีไม่เคยนำเด็กมาคืน อีกทั้งตนเป็นคนที่ออกตามหาหลานเองด้วยซ้ำ หลังจากที่เคยได้ยินข่าวว่าเด็กหญิงน้ำไปตระเวนขายดอกไม้ตามงานรับปริญญา 05.00 - 22.00 น. ซึ่งยายก็ถึงกับนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างออกไปตามหลานเอง
ขณะที่ทางด้าน เด็กหญิงน้ำ ได้ยอมรับว่า เคยมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ชื่อ บี ตามที่พี่เลี้ยงกล่าวจริง ๆ ในช่วงเดือนสิงหาคม พร้อมกับยืนยันด้วยว่า เรื่องโทรศัพท์มือถือที่นางจำปีกู้เงินซื้อให้ไม่เคยมี และเรื่องซักกางเกงในเปื้อนประจำเดือนที่เคยกล่าวอ้างก็ไม่มีเช่นกัน ตนทำเองทุกอย่าง อีกทั้งไม่เชื่อว่านายสมคิดจะป่วยจริง เพราะตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่ผ่านมา ตนถูกนายสมคิดข่มขืน 4 ครั้งด้วยกัน และยังข่มขู่ต่าง ๆ นานาอีกเช่นกัน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
เรื่องเล่าเช้านี้
[21 กุมภาพันธ์] สามีพี่เลี้ยง มอบตัว ยันไม่ได้ข่มขืน-พาตรวจ DNA
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Youtube.com โพสต์โดย HeroInsakrab
จากกรณีที่แม่ของเด็กหญิงวัย 15 เข้าร้องเรียนนางปวีณา หงสกุล หลังลูกสาวถูกพี่เลี้ยงลักพาตัวนานกว่า 13 ปี อีกทั้งยังถูกสามีพี่เลี้ยงข่มขืนจนท้อง 3 เดือน ขณะที่ทางด้านสามีพี่เลี้ยง และตัวพี่เลี้ยงเองเข้าพบตำรวจ สน.บางกอกน้อยแล้ว แต่กลับให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และฟ้องกลับว่าพ่อและแม่แท้ ๆ ของเด็กเป็นคนทิ้งลูก และสามีพี่เลี้ยงไม่ได้เป็นคนข่มขืน พร้อมกับท้าตรวจดีเอ็นเอนั้น
ความคืบหน้าในช่วงเย็นวานนี้ (20 กุมภาพันธ์) นายสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา ได้เชิญนางจำปี พี่เลี้ยงซึ่งถูกกล่าวหา พร้อมกับลูกสะใภ้คนโตและลูกชายคนเล็ก มาเปิดเผยถึงประเด็นสุดอื้อฉาวทางสังคมดังกล่าว ใน รายการเจาะข่าวเด่น
เมื่อถามว่า นางจำปีเชื่อว่าสามีไม่ได้ก่อเหตุข่มขืนใช่หรือไม่ นางจำปี ยืนยันว่า ใช่ค่ะ ท้าพิสูจน์ได้เลย เนื่องจากสามีเป็นโรคปอด โรคหัวใจล้มเหลว โรคหอบ 3-4 ปีแล้ว และโรคไต นอกจากนี้ สามีไม่ได้เสพยาบ้า และไม่ได้ลาออกจากการเป็น รปภ. ขณะนี้นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
สำหรับกรณีที่ถูกเด็กหญิงน้ำกล่าวหาว่าสามีของนางจำปีข่มขืนนั้น นางจำปีกล่าวว่า ไม่เชื่อ เพราะลูกสาวคนนี้เคยหนีไปเที่ยว 2 วัน 1 คืน อยู่กับคนที่ชื่อ "บี" ซึ่งเป็นแฟนเขา ตนก็ไปตามกลับมา และถามว่า มีอะไรกับเขาหรือเปล่า จะไปแจ้งความไหม ลูกสาวตอบว่า ไม่มีอะไร ไม่ต้องแจ้งความ อายเขา ด้วยความรักลูก ตนจึงไม่อยากแจ้งความ กลัวเขาอาย
เมื่อถามว่านางจำปีเลี้ยงดูเด็กหญิงน้ำเหมือนลูก แล้วทำไมถึงปล่อยให้ไปขายดอกไม้ดึก ๆ ดื่น ๆ นางจำปี ปฏิเสธว่า ครอบครัวไม่ได้ทำอาชีพขายพวงมาลัยเลย ตนไม่เคยบังคับเขาเลย หรือแม้แต่งานบ้าน ตนก็ยังไม่เคยใช้ให้เขาทำ ขนาดกางเกงในเปื้อนประจำเดือน เด็กหญิงน้ำยังซักไม่เป็นเลย ต้องให้ลูกชายคนโตของตนเป็นคนซักให้ แต่ถ้าไม่ซักให้ เด็กหญิงน้ำก็จะทิ้งเลยไม่ซักใหม่ นอกจากนี้ ตนยังให้เงินเขาไปโรงเรียนด้วยวันละ 100 บาท ถึงไม่มีเงินก็ต้องไปยืมคนอื่นมาให้ลูก มีแต่ลูกที่นอนดึก ๆ ดื่น ๆ ตี 1- ตี 2 เพราะคุยโทรศัพท์กับแฟนที่ชื่อ บี และตนไม่เคยรู้มาก่อนว่าลูกสาวตั้งครรภ์
นอกจากนี้ นางจำปี ยังเล่าต่อว่า เมื่อสามีรู้ว่าถูกลูกสาวกล่าวหา เขาก็เสียใจและบอกว่าไม่น่าทำกับพ่อแบบนี้เลย พ่อรักเหมือนลูกสาว มาใส่ร้ายพ่อทำไม ทำไมไม่ตามตัวแฟนมารับแทน ส่วนแฟนที่ชื่อบี ก็มีเมียแล้ว เมียยังเคยโทรมาด่าลูกสาวตนด้วยว่า ไปแย่งผัวเขา ตนจึงถามว่า ไปนอนกับเขามากี่ครั้ง ลูกสาวบอกว่า ครั้งแรกคือตอนที่หายไป 2 วัน 1 คืน ส่วนหลัง ๆ ก็หนีไปหาวันเสาร์ ซึ่งตนไม่อยู่ ไปทำงาน
ส่วนกรณีที่นางจำปีถูกแม่แท้ ๆ ของเด็ก กล่าวหาว่าลักพาตัวไปตั้งแต่อายุเพียงขวบเดียวนั้น นางจำปี ปฏิเสธว่า เขามาจ้างตนเลี้ยงจริง ได้ค่าจ้างวันละ 50 บาท แต่ตนไม่ได้ขโมย แม่ของเขาอุ้มมาให้ตนเองที่บ้าน แม่สามียังว่าตนด้วยซ้ำว่าไปรับลูกเขามาทำไม ตนบอกว่า สงสารเขา เดี๋ยวลูกเขาอดข้าวตาย พอตนจะเอาเด็กไปคืน ญาติ ๆ ของแม่เด็กก็ไม่มีใครเอา พยายามติดต่อแม่เด็กก็ไม่ได้ ตนจึงเลี้ยงมาตลอด จนกระทั่งเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วตนเพิ่งติดต่อได้ แต่ไม่ใช่เพื่อคืนลูกให้ แต่ตนต้องการใบแจ้งเกิดเพื่อให้ลูกเข้าเรียน ม.1
และท้ายที่สุด ทั้งนางจำปีและลูกชายคนเล็ก กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า อยากให้น้องออกมาพูดความจริง เพราะขณะนี้ทางครอบครัวได้รับความลำบาก ตกเป็นผู้เสียหาย กลายเป็นจำเลยของสังคม และถูกไล่ออกจากห้องเช่า เพราะมองว่าครอบครัวเป็นคนไม่ดีอีกด้วย
พ่อเลี้ยงมอบตัวแล้ว ยืนกรานไม่ได้ข่มขืน
ล่าสุด วันนี้ (21 กุมภาพันธ์) นายสมคิด แสงวิสุทธิ์ อายุ 53 ปี พ่อเลี้ยงของเด็กหญิงน้ำ ก็ได้เดินทางเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สน.บางกอกน้อย เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เบื้องต้นยังให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่า ตนนั้นไม่สามารถที่จะข่มขืนลูกเลี้ยงได้ เนื่องจากขณะนี้ตนมีโรคประจำตัว และมีโรคแทรกซ้อนหลายโรคด้วยกัน และอยู่ระหว่างการรักษา อีกทั้งยังเห็นว่า เด็กหญิงน้ำนั้นเป็นลูกแท้ ๆ ของตนด้วย จึงไม่คิดที่จะกระทำความผิดดังกล่าว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายสมคิด ไปตรวจดีเอ็นเอ ที่โรงพยาบาลศิริราช เพื่อพิสูจน์ว่า ทารกที่อยู่ในครรภ์เป็นบุตรของนายสมคิดหรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวห อนาจารบุคคล และพรากผู้เยาว์ อายุไม่เกิน 15 ปี โดยหลังจากนี้จะมีการนำตัวไปขออำนาจศาลจังหวัดตลิ่งชันฝากขัง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ค้านประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีที่มีโทษสูง
คลิปรายการเจาะข่าวเด่น
[20 กุมภาพันธ์] ยิ่งกว่าละคร ลูกถูกลักพาตัว 13 ปี ตามเจอท้อง 3 เดือน
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3
แม่เด็กหญิงวัย 15 ร้องปวีณา ถูกพี่เลี้ยงลักพาตัวลูกสาวนานกว่า 13 ปี พอหาจนเจอพบว่า ลูกสาวถูกสามีพี่เลี้ยงข่มขืนจนท้อง 3 เดือน ขณะที่สามีพี่เลี้ยง และตัวพี่เลี้ยงเองเข้าพบตำรวจ สน.บางกอกน้อยแล้ว
วานนี้ (19 กุมภาพันธ์) คุณพ่อและคุณแม่ของเด็กหญิงน้ำ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ได้พาลูกสาวเดินทางมาร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธาน มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ในกรณีที่ถูกสามีของพี่เลี้ยงข่มขืนจนตั้งครรภ์
โดยผู้เป็นแม่ได้เท้าความเล่าเรื่องให้ฟังว่า ย้อนกลับไปเมื่อปี 2541 ลูกสาวของตนอายุเพียงขวบเศษ ตนได้จ้างนางจำปี เนตรเสนี เป็นพี่เลี้ยงดูแลลูกสาวตน โดยให้ค่าจ้างเดือนละ 2,000 บาท เนื่องจากตนและสามีทำงานก่อสร้างต้องออกไปทำงานข้างนอก และตลอดเวลาที่ผ่านมาตนก็เห็นนางจำปี รักใคร่และดูแลลูกสาวตนเป็นอย่างดี ตนจึงไว้ใจมาก ๆ แต่ต่อมาไม่นาน นางจำปี ได้ลักพาตัวลูกสาวตนหนีไป ตนพยายามติดต่อสอบถามคนที่รู้จักจนเจอที่นครสวรรค์ ซึ่ง นางจำปี ก็มาขอโทษตน พร้อมบอกเหตุผลว่า ที่ลักพาตัวลูกไปนั้นทำเพราะความรัก และลูกของตนก็อยู่สุขสบาย ไม่ได้เป็นอะไร ตนจึงสงสารและให้อภัยนางจำปี
แม่ของเด็กหญิงน้ำ เล่าต่อว่า หลังจากที่พบลูกสาว ตนก็พาลูกกลับบ้าน แล้วนางจำปีก็แวะเวียนมาพบปะลูกตนบ่อย ๆ ซึ่งทุกอย่างอยู่ในสายตาของตนและสามีตลอดเวลา ประกอบกับเห็นว่า นางจำปี รักลูกสาวตนเหมือนลูก ตนจึงจ้างให้ นางจำปี เป็นพี่เลี้ยงอีกครั้ง แต่แล้ว นางจำปี ก็ลักพาตัวลูกของตนไปอีก คราวนี้ตนไม่สามารถตามตัวได้เลย ไปที่ไหน สอบถามใครก็ไม่มีข่าวคราว จนกระทั่ง 13 ปีให้หลัง วันที่ 24 พฤศจิกายน 2554 จู่ ๆ นางจำปี ก็ติดต่อตนมา พร้อมบอกว่า ตอนนี้ลูกของตนจะขึ้น ม.1 แล้ว อยากจะขอใบแจ้งเกิด เพื่อสมัครเข้าโรงเรียน ตนดีใจมาก และพาสามีไปรับลูกกลับ
แต่หลังจากที่รับลูกสาวมาอยู่ แม่ของเด็กหญิงน้ำ ก็พบว่าลูกสาวเกิดอาการซึมเศร้าผิดปกติ จึงสอบถามได้ความว่า นางจำปี ได้พาลูกของตนไปอยู่ที่ซอยตรอกสิงโต ใกล้วัดดงมูลเหล็ก หลังโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งอาศัยอยู่กับ นายสมคิด แสงวิสุทธิ์ และลูกสะใภ้ กับเด็กที่เป็นน้องชายอีกคน ที่นางจำปีขอมาเลี้ยง ทั้งนี้ เด็กหญิงน้ำ เล่าว่า ตนไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า พ่อแม่ที่อยู่ด้วยไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริง และเมื่อไม่นานมานี้เวลาที่ นางจำปี ไม่อยู่ นายสมคิด ก็ใช้กำลังบังคับข่มขืนกระทำชำเราหลายครั้ง ทั้ง ๆ ที่มีคนอยู่ในห้องด้วย แต่ทำเป็นไม่เห็น นอกจากนี้ก็จะคอยไปรับไปส่งตนไปโรงเรียนทุกวัน เพื่อไม่ให้คุยกับเพื่อนผู้ชาย อีกทั้งยังขู่ว่า ห้ามนำเรื่องนี้ไปบอกใคร จนตอนนี้ตั้งครรภ์ได้ 3 เดือนแล้ว
เด็กหญิงน้ำ เล่าอีกว่า ระหว่างที่อาศัยอยู่กับ นางจำปี ได้พาตนไปขายดอกกุหลาบตามสถานที่ต่าง ๆ ทั้งสนามหลวง ตลาดมีนบุรี ฯลฯ โดยเริ่มขายตั้งแต่ตนอายุ 8 ขวบ เริ่มขายเวลาประมาณ 20.00 - 05.00 น. ของทุกวัน ส่วนนายสมคิดนั้น ก็ติดยาบ้า พอเริ่มเมายาบ้าก็จะมาข่มขืนตน
อย่างไรก็ตาม แม่ของเด็กหญิงน้ำ ได้ตัดสินใจพาบุตรสาวเข้าแจ้งความไว้ที่ สน.บางกอกน้อย และเดินทางมาพบ นางปวีณา เพื่อขอความช่วยเหลือต่อไป
ด้านพันตำรวจเอกอัศวยุทธ์ นุชพุ่ม ผู้กำกับการ สน.บางกอกน้อย กล่าวถึงคดีนี้ว่า เจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมพยานหลักฐาน และผลพิสูจน์ทางการแพทย์ เพื่อออกหมายจับนายสมคิดแล้ว โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ส่งตำรวจชุดสืบสวนตามประกบนายสมคิดอย่างใกล้ชิด และพบว่า นายสมคิด ได้ลาออกจากการเป็น รปภ.ของโรงเรียนในย่านฝั่งธนแล้วไปขับรถสามล้อรับจ้างในพื้นที่ใกล้เคียงแทน คาดว่าหากศาลอนุมัติหมายจับก็จะสามารถจับกุมได้ทันที
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ มีรายงานว่า นายสมคิด และนางจำปี ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.บางกอกน้อยแล้ว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก