เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเจาะข่าวเด่น โพสต์โดย คุณ เรื่องเล่า เช้านี้ สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
ประเด็นเรื่องการอนุรักษ์ช้างถูกพูดถึงกันมานานแล้ว แต่ยิ่งเป็นกระแสมากขึ้นในช่วงนี้ เนื่องจากประเทศไทยกำลังเป็นเจ้าภาพการประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส) ครั้งที่ 16 จึงมีการรณรงค์จากหลายฝ่ายให้ประเทศไทยเดินทางแก้กฎหมายยุติการค้างาช้าง เพื่อช่วยชีวิตช้างจำนวนมากที่ถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม เพราะยังพบช้างถูกฆ่าอย่างทารุณอยู่เรื่อย ๆ
อย่างครั้งล่าสุดก็คือ การพบซากช้างป่าเพศเมียถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมในป่าแก่งกระจาน เพื่อพรากเอาลูกช้างไป รายการเจาะข่าวเด่น ทางช่อง 3 จึงได้เชิญ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี มาเปิดโปงแผนของขบวนการลักลอบค้าช้างป่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นายชัยวัฒน์ เล่าถึงความคืบหน้าในการตามล่าขบวนการนี้ว่า ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง กำลังเร่งติดตามตัวกันอย่างเต็มที่ โดยตำรวจรับหน้าที่ตรวจสอบเส้นทางที่รถบรรทุกขนลูกช้างออกไป ขณะที่ฝ่ายทหารก็สอดส่องตามชายแดนไทย-พม่า ที่คาดว่าจะเป็นเส้นทางในการพาลูกช้างหลบหนี ส่วนฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เอง ก็ได้ตระเวนหาภายในพื้นที่อุทยานฯ ซึ่งน่าจะหาพบ ถ้าหากกลุ่มนี้ยังไม่ได้ออกนอกเขตป่าไป โดยขณะนี้ได้เก็บ DNA ของแม่ช้างไว้แล้ว หากไปพบลูกช้างที่ต้องสงสัยก็สามารถตรวจ DNA พิสูจน์ได้เลย
เมื่อถามว่าขบวนการลักลอบค้าช้างนี้มาจากไหน นายชัยวัฒน์ ระบุว่า จริง ๆ ขบวนการล่าช้างมีมานานแล้ว และเจ้าหน้าที่ก็เคยยิงปะทะมาแล้วหลายครั้ง มีครั้งหนึ่งเจ้าหน้าที่สามารถยิงกลุ่มคนร้ายเสียชีวิตไป 1 คน เมื่อตรวจสอบก็พบปืนยาสลบ ปืนคาร์บิน อาวุธสงคราม จึงได้ทราบว่า ขบวนการนี้มีอาวุธอะไรบ้าง และในการปะทะครั้งอื่น ๆ ก็ยังพบว่า ผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ หรือชนกลุ่มน้อยในพื้นที่ และสามารถนำช้างกลับมาได้ 1 ตัว
สำหรับเหตุการณ์ล่าสุดที่เจอนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตั้งข้อสันนิษฐานว่า การที่ขบวนการล่าช้างยิงช้างตัวเมียก็เพราะต้องการลูกช้าง คือ ยิงแม่เอาลูก แต่ยังไม่ทราบว่า ลูกช้างนั้นโตขนาดไหนแล้ว แต่สันนิษฐานว่าลูกยังเล็กอยู่ ซึ่งถ้าลูกช้างเล็กอยู่ ขบวนการจะไม่พาช้างเดินในป่า เพราะจะไม่ปลอดภัย ต้องพาขึ้นรถ แล้วข้ามไปยังเขตของพม่า เพื่อนำช้างไปฝึกให้ประโยชน์ได้ เมื่อพร้อมแล้วก็จะพาช้างกลับเข้ามาทางฝั่งไทยผ่านอำเภอสวนผึ้ง แล้วส่งไปที่ปางช้างในประเทศไทย
หัวหน้าอุทยานฯ ยังเปิดเผยวิธีการซื้อขายลูกช้างของแก๊งนี้ด้วยว่า ปกติแล้ว ในการล่าลูกช้างจะใช้คน 4-7 คน แล้วขายในราคา 1 แสนบาท แต่เมื่อถึงพ่อค้าคนกลางราคาจะขึ้นไปที่ 2 แสนบาท กระทั่งเมื่อถึงปางช้าง ราคาจะพุ่งไปถึง 3 แสนบาท แต่หากช้างมีลักษณะดี ฝึกได้ดี ราคาจะทะยานไปถึงหลักล้าน นี่จึงดึงดูดให้คนเข้ามาอยู่ในขบวนการ
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่รู้ปัญหานี้อยู่แล้ว และพยายามปราบปรามมาโดยตลอด แก๊งนี้ส่วนใหญ่จะเป็นชาติพันธุ์ คนในป่าที่ล่าช้างเป็นอยู่แล้ว เมื่อมีใบสั่งมาจากคนในเมือง คนกลุ่มนี้ก็จะออกล่าช้าง เมื่อพบช้างที่ตรงตามตั๋วรูปพรรณช้างแล้ว คนในพื้นที่จะเดินตามกลุ่มช้างไป เพื่อดูวงรอบการหากิน แล้วส่งอาวุธให้พรานเข้าไปยิงแม่ และจะมีทีมงานคอยคล้องลูกช้างอยู่อีกทาง จำเป็นต้องฆ่าแม่ก่อนถึงจะพาลูกช้างออกไปได้ เป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่พบ แม่ช้างที่ตายครั้งนี้แล้วออกข่าวก็ไม่ใช่ตัวแรก ก่อนหน้านี้ก็มีอย่างนี้อยู่
"เอาลูกช้างออกไปยังไงต้องฆ่าแม่ เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ทุกคนรู้อยู่แล้ว เพราะเราปะทะกันมาหลายครั้ง เราเจ็บช้ำ ชอกช้ำในใจกันมาอยู่แล้ว ไม่ใช่เรามาพูดวันนี้เพื่อให้ทุกคนเห็น แต่ทุกคนต้องยอมรับความจริงว่ามันเกิดมานานแล้ว ขบวนการนี้มันไม่หายไปจากประเทศไทย ยังอยู่จนทุกวันนี้"...นายชัยวัฒน์ ระบุ
ขณะเดียวกัน นอกจากคนในพื้นที่ที่ร่วมมือกับขบวนการนี้แล้ว หัวหน้าอุทยานฯ แก่งกระจาน ก็ยังให้ข้อมูลเสริมด้วยว่า ในกลุ่มนี้ยังมีคนชี้เป้า คนเฝ้าฝูงช้าง คนส่งเสบียง ทำกันเป็นกระบวนการ เมื่อยิงแม่ช้างได้แล้ว จะมีคนอีกกลุ่มที่คอยจุดลูกปรงให้เกิดเสียงดัง เพื่อไล่ช้างตัว ๆ อื่นในฝูง ให้ออกห่างจากแม่ช้างที่ล้มลงไป และจะเหลือแต่เพียงลูกช้างที่ยังอยู่กับแม่ช้างเพียงตัวเดียวเท่านั้น เพราะลูกช้างจะมีความผูกพันกับแม่มาก สุดท้าย ลูกช้างก็จะถูกจับตัวโดยง่าย
จากข้อมูลตอนนี้พบว่า ในป่ามีขบวนการล่าช้างอยู่ 4 ทีม ทีมละ 4-7 คน คนกลุ่มนี้จะคอยล่าช้างเป็นหลัก แต่จะล่าค่างมาเป็นอาหารเสริมด้วย ซึ่งชุดที่ทำงานเป็นกลุ่มเดียวกับกลุ่มที่ฆ่าช้างพลายเอางา หรืออวัยวะเพศ ที่พบได้บ่อยเช่นกัน โดยกลุ่มที่ฆ่าช้างเอางานี้ก็จะได้รับใบสั่งมาจากคนในเมือง และก็จะมีสายอยู่ภายในป่าคอยชี้เป้าเช่นกันว่า โขลงนี้ ฝูงนี้ มีช้างแบบนี้ งายาวขนาดนี้ ถ้าตรงตามใบสั่ง ทีมล่าก็จะเข้ามาล่าเลย
หัวหน้าชัยวัฒน์ ยังเล่าถึงความโหดร้ายของขบวนการฆ่าช้างเอางาด้วยว่า ขบวนการล่าช้างเอางานี้ใช้วิธีฆ่าที่โหดเหี้ยมมาก เพราะยิ่งงายาว สวย จะยิ่งมีราคาดี โดยงา 1 เซนติเมตร จะมีราคา 1,000 บาท ดังนั้น หากงายาว 70 เซนติเมตร ราคาตกอยู่ที่ 70,000 บาท แต่ที่น่าหดหู่กว่านั้นก็คือ พวกพรานสามารถเรียกราคางาช้างให้สูงขึ้นกว่านี้ได้ เพราะคนที่สั่งให้ฆ่าช้างปกติจะอยากได้งาช้างที่ถอดออกมาจากช้างที่ยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้น พวกพรานก็จะใช้ปืนยาสลบยิงช้างให้สะลึมสะลือแล้วตัดเอางาออกจากช้างที่ยังมีชีวิตอยู่ พร้อมกับให้คนถ่ายคลิปช้างที่ดิ้นกระเสือกกระสนทุรนทุรายจากการถูกตัดงาเอาไว้ ถ้ามีคลิปตรงนี้จะขายงาได้ราคาคูณสอง เช่น จาก 70,000 บาท จะเป็น 150,000 บาททันที คนที่สั่งฆ่าช้างได้แบบนี้ต้องเรียกว่าเป็นคนวิตถาร
ส่วนพวกที่ตัดงวงนั้น หัวหน้าชัยวัฒน์ บอกว่า แก๊งพวกนี้จะยิงช้างทิ้งเลย แล้วตัดเอาตั้งแต่ส่วนหน้าผาก ปลายจมูกออกมา รวมทั้งตัดปลายหาง อวัยวะเพศ เอาไปทำไสยศาสตร์บ้าง เอาไปเปิบพิสดารบ้าง ซึ่งเราก็รู้กลุ่มแล้ว และช่วงนี้ก็ไม่ค่อยมีใบสั่งให้ฆ่าตัดงวงแล้ว เพราะตำรวจรู้ตัวคนสั่งแล้ว จึงไม่ค่อยกล้าทำกัน ถือว่าป้องกันได้ในส่วนนี้
อย่างไรก็ตาม ถือว่ายังโชคดีที่มีคนคอยให้เบาะแสเจ้าหน้าที่ ทำให้สามารถสกัดปราบปรามขบวนการเหล่านี้ได้บ้าง เพราะคนกลุ่มนี้มีอาวุธครบมือ มีปืนติดกล้องส่องได้ไกลถึง 200 เมตร ขณะที่กลุ่มผู้บงการนั้นมีอยู่ 2 กลุ่ม ซึ่งก็รู้ตัวแล้ว แต่ยังไม่มีหลักฐานเอาผิดได้เสียที เคยยื่นฟ้องแต่ก็เอาผิดไม่ได้ แต่เมื่อถามว่าแล้วจะแก้ได้อย่างไรก็คงตอบยาก เพราะเจ้าหน้าที่ก็ทำงานกันอย่างเต็มที่แล้ว
"พวกเราทำงานกันเต็มที่อยู่แล้ว เพราะไม่อยากให้ช้างป่าตายในป่าแก่งกระจาน หรือป่าอื่น ๆ ในประเทศไทยอีก ไม่อยากให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือสมเด็จพระนางเจ้าฯ เสียพระทัย เจ้าหน้าที่อุทยานทุกคนต้องการปกปักรักษาไม่ให้ช้างต้องมาเสียชีวิตอีกต่อไปแล้ว" นายชัยวัฒน์ ประกาศ
เมื่อถามว่า หลายคนสงสัยว่า ทำไมเวลาเจอขบวนการเหล่านี้จึงไม่ยิงปะทะไปเลย... นายชัยวัฒน์ ตอบอย่างเครียด ๆ ว่า จริง ๆ เมื่อเดือนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ก็ได้ปะทะกับแก๊งล่าช้างแก๊งหนึ่งแล้วก็ยิงคนร้ายตายไป 1 คน แต่จนถึงทุกวันนี้ เจ้าหน้าที่อุทยาน 2 คนที่เข้าไปปราบปรามแก๊งนี้ ก็ถูกฟ้องและถูกตั้งข้อหาว่าพยายามฆ่าขบวนการล่าช้าง...
"ถ้าถามว่าท้อไหม จริง ๆ ตัวผมเองผมต่อสู้ได้อยู่แล้ว แต่ตัวลูกน้องผมและครอบครัว บางทีมันก็เจ็บปวด เราทำงานไม่ได้หวังผลตอบแทนอยู่แล้ว เสี่ยงตายทุกวัน ก้าวขาออกไปจากบ้าน ก็ตายอยู่แล้ว แล้วทุกวันนี้ขบวนการเหล่านี้มันกลับมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม" นายชัยวัฒน์ กล่าวในที่สุด