เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สำนักข่าวสปริงนิวส์
ทำเนียบป่วนหนัก! 4 ม็อบใหญ่ ชมรมทันตสาธารณสุขภูธร, สถาบันนอกสมทบ, กบข., ขสมก บุกประท้วง ทำถนนเป็นอัมพาต บริเวณใกล้เคียงติดหนัก แนะเลี่ยงการสัญจรโดยรอบ ล่าสุดม็อบแพทย์ไม่พอใจ เผาโลง เผาหุ่น รมว.สธ. ขู่ขนคนมาชุมนุมเพิ่ม
วันนี้ (26 มีนาคม) ผู้สื่อข่าวรายงานจากหน้าทำเนียบรัฐบาลว่า มีม็อบถึง 4 ม็อบด้วยกัน เดินทางมาชุมนุมหน้าบริเวณทำเนียบรัฐบาล ฝั่งถนนพิษณุโลก จนถึงประตู 5 ถนนราชดำเนินนอก เป็นเหตุให้บริเวณดังกล่าว ไม่สามารถสัญจรได้ และการจราจรในพื้นที่ใกล้เคียงติดขัดอย่างหนัก
ทั้งนี้ กลุ่มแรกเป็นกลุ่มของ ชมรมทันตสาธารณสุขภูธร และเครือข่ายทันตแพทย์โรงพยาบาลชุมชนทั่วประเทศ จัดการชุมนุมโดยการแต่งกายชุดดำ อยู่บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ประตู 1 ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมได้นำพวงหรีด ป้ายประท้วง และป้ายขับไล่ นายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข และนายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ออกจากตำแหน่ง นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้ยกเลิกเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายของบุคลากรสาธารณสุข เปลี่ยนมาเป็นการจ่ายค่าตอบแทนตามภาระงานแทนด้วย
ส่วนสถานการณ์ล่าสุด สำหรับม็อบกลุ่มแพทย์ชนบทนี้ เมื่อเวลา 15.40 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนกลุ่มแพทย์ไม่พอใจ เผาหุ่นฟางรูปหน้า นายแพทย์ประดิษฐ์ หลังจากที่ประชุม ครม. ยังไม่ยอมยกเลิกเบี้ยเลี้ยงแบบเหมาจ่ายของบุคลากรทางการแพทย์ แต่กลับไปปรับปรุงวิธีการจ่ายแทน
โดยกลุ่มผู้ชุมนุมเห็นว่า นายแพทย์ประดิษฐ์ บริหารงานเป็นปัญหา และรวบอำนาจ รวมถึงพยายามผลักดันให้แพทย์ ออกจากการสังกัดของรัฐ และเปลี่ยนการจ่ายเงินแบบให้จ่ายเป็นเบี้ยขยัน ทำให้แพทย์ขาดขวัญและกำลังใจ
อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มผู้ชุมนุมจะกลับมาชุมนุมใหม่อีกครั้ง พร้อมจะกลับไประดมคนมาชุมนุมเพิ่ม เพื่อเป็นการกดดันให้ รมว.สาธารณสุข และรัฐบาล ยอมรับข้อตกลง
ขณะที่ นายแพทย์ประดิษฐ์ ระบุว่า จะไม่มีการยกเลิกเบี้ยเลี้ยงแบบเหมาจ่าย แต่เปลี่ยนเป็นการปรับปรุงวิธีการจ่าย เพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ จากเดิมเป็นการเหมาจ่ายแบบผสมผสาน โดยจะมีการจ่ายเบี้ยเลี้ยงตามภาระงาน ซึ่งการจ่ายเบี้ยเลี้ยงเหมาะจ่ายนั้น จะจ่ายในพื้นที่ทุรกันดาร และแพทย์ทั้งหมดจะไม่ถูกลดเงิน มีแต่จะเพิ่มขึ้น และเท่าเดิมเท่านั้น แต่ทั้งนี้เมื่อชี้แจงไปทางกลุ่มผู้ชุมนุมก็ยังไม่พอใจ พร้อมกับเรียกร้องให้ตนลาออกเพียงอย่างเดียว จึงอยากให้ประชาชน และสื่อมวลชน ใช้วิจารณญาณตรวจสอบ เป้าหมายที่แท้จริงของผู้ชุมนุม
กลุ่มที่สอง คือกลุ่มเครือข่ายนักวิชาการสาธารณสุขแห่งประเทศไทย (สถาบันนอกสมทบ) ซึ่งทางแกนนำได้ออกแถลงการณ์ร้องขอความเป็นธรรม โดยให้รัฐบาลชี้แจงการบรรจุราชการ พร้อมขอให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เร่งให้การบรรจุนักวิชาการสาธารณสุขปฏิบัติการที่เป็นลูกจ้างชั่วคราวใน 21 สายงาน เป็นข้าราชการ พร้อมกับบอกว่าถ้ายังไม่ได้ตามที่ต้องการ ก็จะปักหลักชุมนุมต่อไป
กลุ่มที่สาม องค์กรเครือข่ายสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) แห่งประเทศไทย ได้เรียกร้องให้รัฐบาล นำร่างการขอแก้กฎหมาย กบข. เข้าสู่ ครม. และขอให้แก้สูตรการคำนวณบำเหน็จบำนาญข้าราชการในมาตรา 63
โดยล่าสุด เวลา 13.30 น. ทางกลุ่ม กบข. ได้สลายการชุมนุมแล้ว ซึ่งทาง นายวิศร์ อัครสันตติกุล ประธานเครือข่ายสมาชิก กบข. แห่งประเทศไทย แกนนำการชุมนุมเปิดเผยว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง บอกว่าจะนำข้อเรียกร้องทั้ง 5 ข้อ รวมถึงข้อเสนอแก้ไข พ.ร.บ. กองบำเหน็จบำนาญฯ และพิจารณาอีกครั้งในวันที่ 28 มีนาคม ก่อนที่จะนำเสนอเข้าสู่คณะรัฐมนตรีในวันที่ 2 เมษายนนี้ ทั้งนี้ หากนายกิตติรัตน์ ไม่ทำตามที่บอกไว้ ก็จะกลับมาชุมนุม ในวันที่ 28 มีนาคม อีกครั้ง
กลุ่มที่สี่ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ขสมก. ได้รวมตัวกันชุมนุมบริเวณประตู 5 ทำเนียบรัฐบาลฝั่งตรงข้ามกระทรวงศึกษา เพื่อยื่นหนังสือถึงรัฐบาลเรียกร้องให้รีบดำเนินการ จัดการซื้อรถยนต์โดยสาร (รถเมล์) ใหม่ระบบเครื่องยนต์เอ็นจีวี จำนวน 3,183 คัน มาทดแทนรถเก่าที่ใช้งานเกินกว่า 20 ปี โดยทางกลุ่มผู้ชุมนุมระบุ ว่า รัฐบาลไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหา และอยากให้ปรับปรุงคุณภาพรถเมล์มีความจำเป็นและเร่งด่วนไม่น้อยไปกว่าโครงการกู้เงิน 2 ล้านล้าน เพื่อสร้างรถไฟฟ้า หรือรถไฟความเร็วสูงเพียงอย่างเดียว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
