นักวิทย์ชี้โลกร้อนเข้าขั้นวิกฤติ อีก 40 ปี ร้อนขึ้นอีก 4-6 องศา


นักวิทย์ชี้โลกร้อนเข้าขั้นวิกฤติ อีก 40 ปี ร้อนขึ้นอีก 4-6 องศา


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

            ช่วงนี้เชื่อว่าหลายคนคงแทบจะไม่อยากก้าวออกจากบ้านหรือออฟฟิศในตอนกลางวันแน่ ๆ เพราะสภาพอากาศที่ร้อนสุดทน ทำให้เลือกที่จะนอนเปิดแอร์เปิดพัดลมอยู่ในที่พักอาศัยเสียมากกว่า แต่สภาพอากาศสุดร้อนที่เรา ๆ เผชิญอยู่ตอนนี้ อาจจะเด็ก ๆ ไปเลยเมื่อเทียบกับในอนาคต เพราะล่าสุด นักวิทยาศาสตร์ได้เปิดเผยมาว่า อีก 40 ปีข้างหน้า โลกจะเผชิญกับภาวะโลกร้อนแบบเต็มรูปแบบ อุณหภูมิอากาศอาจจะร้อนกว่านี้ 4-6 องศาเซลเซียส และตอนนี้ แม้ว่าจะพยายามหยุดยั้งภาวะโลกร้อนแค่ไหน ก็ดูเหมือนจะสายเกินไปเสียแล้ว

            เมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ไคลเมทนิวส์เน็ตเวิร์ก เปิดเผยงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศในลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ของคณะวิจัยที่นำทีมโดย ดร.เจเรมี่ แครูว์ รี้ด ที่ระบุว่า ภูมิภาคลุ่มน้ำโขงตอนล่างกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่ร้ายแรงกว่าที่นักวิทยาศาสตร์เคยคาดการณ์ไว้ และผู้คนในบางพื้นที่ อาจจะปรับตัวไม่ทันเพื่อรับกับอุณหภูมิอากาศที่อาจสูงขึ้นถึง 4-6 องศาเซลเซียส ในอีก 40 ปีข้างหน้านี้

            รายงานระบุว่า ประเทศที่จะได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อนแบบเต็มรูปแบบในอนาคต คือประเทศที่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำ และแหล่งเกษตรกรรมอย่างประเทศไทย ลาว กัมพูชา โดยอุณหภูมิจะร้อนขึ้นมากน้อยแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ซึ่งผลกระทบนั้น นอกจากประชาชนจะต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น ฝนที่ตกมากขึ้น และฤดูแล้งที่ยาวนานแล้ว ภาวะโลกร้อนก็จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อพืชผลทางการเกษตร และส่งผลต่อไปยังระบบเศรษฐกิจของประเทศ

นักวิทย์ชี้โลกร้อนเข้าขั้นวิกฤติ อีก 40 ปี ร้อนขึ้นอีก 4-6 องศา

            ดร.เจเรมี่ แครูว์ รี้ด ได้เปิดเผยว่า "เราพบว่าภูมิภาคนี้กำลังจะเผชิญกับภาวะโลกร้อน ฝนตกหนัก และพายุ ซึ่งอยู่ในระดับที่ร้ายแรงกว่าที่เราเคยคาดการณ์ไว้"

            สำหรับพื้นที่เกษตรกรรมในประเทศไทย ดร.เจเรมี่คาดว่า อุณหภูมิอากาศที่เพิ่มสูงขึ้น และปริมาณฝนที่เพิ่มมากขึ้น จะทำให้ผลผลิตจากการทำนาข้าวลดลง ในพื้นที่ราบต่ำที่จังหวัดเชียงราย แต่จะผลผลิตทางการเกษตรในจังหวัดสกลนครจะสูงขึ้น

            ทั้งนี้ ปัญหาโลกร้อน กลายเป็นประเด็นใหญ่ที่ถูกนำมาพูดถึงกันอย่างต่อเนื่องตลอด 10 ปีที่ผ่านมา หลังจากมีการศึกษาพบว่า น้ำแข็งขั้วโลกละลายเร็วกว่าที่เคยเป็นมาในอดีต ซึ่งสาเหตุของภาวะโลกร้อน นอกจากจะมาจากคาบของดวงอาทิตย์ที่โคจรมาถึงช่วงที่ร้อนที่สุดในรอบ 13 ปีแล้ว ตัวการหลักที่สำคัญที่สุด ก็คือ การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง ขึ้นไปทำลายชั้นบรรยากาศของโลกที่เป็นเกราะป้องกันความร้อนจากดวงอาทิตย์ จนทำให้ชั้นบรรยากาศบางลง จึงทำให้โลกร้อนขึ้นอย่างไม่อาจยับยั้งได้ และมีวี่แววว่าโลกจะร้อนขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ ด้วย




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
นักวิทย์ชี้โลกร้อนเข้าขั้นวิกฤติ อีก 40 ปี ร้อนขึ้นอีก 4-6 องศา โพสต์เมื่อ 2 เมษายน 2556 เวลา 10:40:32 7,154 อ่าน
TOP
x close