DSI เตรียมออกหมายจับ เณรคํา-ถอนวีซ่า บีบต่างชาติส่งกลับไทย


หลวงปู่เณรคำ


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยพีบีเอส

          DSI เตรียมออกหมายจับอดีตหลวงปู่เณรคำ 17 กรกฎาคมนี้ พร้อมเดินหน้าถอนวีซ่า หวังให้ถูกผลักดันกลับไทย ชี้ ง่ายกว่าขอส่งตัวกลับเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ขณะที่ เจ้าสำนักสงฆ์พุทธชยันตี ฟ้องศาลแพ่ง เรียกค่าเสียหาย 2.5 ล้าน จากการซื้อขายที่ดินของเณรคำ

           เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2556 นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีอดีตหลวงปู่เณรคำ หรือ นายวิรพล สุขผล ว่า ทางพนักงานสอบสวนได้ประชุมร่วมกันแล้ว โดยเห็นตรงกันว่าจะไม่ดำเนินการขอตัวอดีตพระวิรพลเป็นผู้ร้ายข้ามแดน เพราะขั้นตอนยุ่งยากกว่า แต่จะใช้วิธีเพิกถอนวีซ่า เพื่อให้ต่างประเทศผลักดันกลับ ซึ่งจะทำให้ได้ตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนี้ ที่ประชุมยังได้ลงมติใน 6 เรื่อง คือ

           1. ให้พนักงานสอบสวนขอศาลอนุมัติหมายจับอดีตพระวิรพลในวันพุธที่ 17 กรกฎาคมนี้ เนื่องจากมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ม.14 เนื่องจากลงข้อความอันเป็นเท็จ กรณีหลอกลวงฉ้อโกงอวดอ้างรับบริจาคสร้างพระแก้วมรกต รวมทั้งความผิดฐานกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี และพรากผู้เยาว์ ซึ่งกระทำผิดมาตั้งแต่ 10 กว่าปีก่อน

           2. เมื่อศาลอนุมัติออกหมายจับแล้ว ทางดีเอสไอจะเร่งดำเนินการขอส่งตัวกลับ โดยสามารถทำได้ 2 แนวทาง คือ หนึ่ง ทำหนังสือถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้แจ้งไปยังศูนย์ควบคุมการไปต่างประเทศสำหรับพระภิกษุสามเณร (ศ.ต.ภ.) ว่า มีหมายจับอย่างเป็นทางการแล้ว เพื่อจะได้ประสานให้กงสุลถอนวีซ่าต่อไป

           หรืออีกทางหนึ่งคือ ประสานงานกับหน่วยงานกลางของประเทศสหรัฐอเมริกาและยุโรปเพื่อขอให้เพิกถอนวีซ่าเลย ซึ่งก่อนหน้านี้ทางสหรัฐฯ เคยระบุว่า หากมีหมายจับในคดีที่เกี่ยวกับล่วงละเมิดทางเพศจะมีน้ำหนักในการถอนวีซ่ามากขึ้น

           3. แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวเพื่อยึด อายัดทรัพย์สินของอดีตพระวิรพล ทั้งบัญชีธนาคารที่ตรวจสอบพบ 41 บัญชี แจ้งอธิบดีกรมที่ดินให้อายัดที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ในชื่อของอดีตพระวิรพลทั้งหมด รวมทั้งแจ้งกรมการขนส่งทางบกเพื่อขออายัดรถยนต์ของอดีตพระวิรพล

           4. ประสานสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ขออายัดทรัพย์สินของผู้ใกล้ชิด และนอมินีของอดีตพระวิรพล

           5. มอบหมายให้ศูนย์ช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย ดีเอสไอ ยื่นเรื่องต่อศาลเยาวชนและครอบครัว จังหวัดศรีสะเกษ ในวันที่ 18 กรกฎาคมนี้ เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้เด็กชายวัย 11 ปี เป็นบุตรโดยชอบของอดีตพระวิรพล ซึ่งเมื่อศาลมีคำสั่ง ทางบุตรชายจะมีสิทธิได้รับการเลี้ยงดูและได้รับทรัพย์สินในส่วนที่ได้มาโดยถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากนี้ จะขอให้ศาลสั่งตรวจดีเอ็นเอเปรียบเทียบกับพ่อแม่ของอดีตพระวิรพล ซึ่งเป็นญาติใกล้ชิดสายตรง

           6. เรียกร้องให้พลเมือง หรือผู้เสียหาย ให้เบาะแส หรือแจ้งความร้องทุกข์คดีฉ้อโกงประชาชน และขอให้เข้าเป็นพยานในคดีด้วย

พระธีรธนัชณฤทธา เสาวภาคย์ โชติรส

พระธีรธนัชณฤทธา เสาวภาคย์ โชติรส

           วันเดียวกัน พระธีรธนัชณฤทธา เสาวภาคย์ โชติรส จากสำนักปฏิบัติธรรมพุทธชยันตี พร้อมด้วย นายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายรวมพลังต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ในฐานะทนายความ ได้เดินทางมายังศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงศรีอยุธยา จำกัด เรียกค่าเสียหายจำนวน 2.5 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี

           สืบเนื่องจากกรณีเมื่อต้นปี 2555 บริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงศรีอยุธยาฯ ได้ประกาศขายที่ดินย่านพุทธมณฑล สาย 3 เนื้อที่ 14 ไร่ 22 ตารางวา พร้อมสิ่งปลูกสร้างในราคา 55 ล้านบาท แต่ทางโจทก์ไม่มีเงินที่จะซื้อที่ดินดังกล่าวได้ ทางพนักงานเจ้าหน้าที่จึงแนะนำให้รู้จักกับอดีตพระเณรคำ โดยอ้างว่า สามารถออกเงินซื้อที่ดินดังกล่าว เพื่อสร้างเป็นสำนักปฏิบัติธรรมได้

           เมื่อเป็นเช่นนี้ พระธีรธนัชณฤทธา จึงได้รวบรวมเงินที่ได้จากการบริจาค เพื่อวางมัดจำไปก่อน จำนวน 5 แสนบาท แล้วทำสัญญาสำเร็จรูปให้ชำระเงิน 54.5 ล้าน ภายใน 2 เดือน เพื่อให้อดีตพระเณรคำชำระส่วนที่เหลือตามสัญญา ซึ่งภายหลังจากการชำระเงินมัดจำแล้ว จำเลยได้ยินยอมให้เข้าไปใช้พื้นที่พร้อมปลูกสร้าง แต่หลังจากครบกำหนดสัญญาแล้ว ทางฝ่ายของอดีตพระเณรคำ ไม่มีการชำระส่วนต่างให้ตามที่สัญญา ทำให้ได้รับความเสียหาย ค่าสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่รวมมูลค่า 2.5 ล้านบาท

           ทั้งนี้ ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ได้ประทับรับฟ้องและนัดให้มาไกล่เกลี่ยทั้ง 2 ฝ่าย ในวันที่ 26 สิงหาคมนี้


จ่อยึดทรัพย์ เณรคำ ในต่างประเทศ-ตั้งข้อหาข่มขืน พรากผู้เยาว์

            อธิบดี DSI เผยพบ เณรคำ ครอบครองรถเพิ่มอีก 16 คัน คาดอาจมีมากถึง 100 คัน พร้อมตั้ง 2 ข้อหา พรากผู้เยาว์และข่มขืนเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี เตรียมยื่นเรื่องไปสหรัฐฯ หวังถอนวีซ่า ด้าน ปปง. เตรียมตรวจสอบยึดทรัพย์ที่อยู่ต่างประเทศ

            เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2556 นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบทรัพย์สินที่มีอยู่ในประเทศไทยของ นายวิรพล สุขผล หรือ อดีตพระเณรคำ ฉัตติโก ว่า ขณะนี้พบว่ามีการครอบครองรถที่อาจเข้าข่ายหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร เพิ่มอีกจำนวน 16 คัน โดยเป็นรถยนต์หลายยี่ห้อ และมีราคาแพง ส่งผลให้ขณะนี้มีการครอบครองมากกว่า 70 คันแล้ว และคาดว่าจะมีมากกว่า 100 คัน ด้วย ซึ่งภายในสัปดาห์นี้ ดีเอสไอ จะมีการลงพื้นที่ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว รวมทั้งจะเร่งตรวจสอบเส้นทางการเงิน ว่าจะมีการฟอกเงินหรือเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดหรือไม่

            ส่วนกรณีที่หญิงสาวที่อ้างว่ามีความสัมพันธ์กับเณรคำ ซึ่งขณะนั้นอายุเพียง 13-14 ปี และมีลูกด้วยกัน 1 คน ปัจจุบันอายุ 11 ปีนั้น  นายธาริต เผยว่า หลังจากการสอบสวนพยานสอดคล้องกับข้อหาที่ตั้งไว้ 2 ข้อหา คือ ข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี และพรากผู้เยาว์เด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี ซึ่งถือเป็นความผิดอุกฉกรรจ์ จากนี้จะส่งเรื่องไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้ดำเนินการเพิกถอนพาสปอร์ตของเณรคำ และจะส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ของประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อเพิกถอนวีซ่าของเณรคำ โดยวันนี้ (15 กรกฎาคม) จะมีการประชุมคณะพนักงานสอบสวน เพื่อพิจารณาออกหมายจับเณรคำต่อไป

            นอกจากนี้ ดีเอสไอยังดำเนินการให้ผู้เสียหายทั้ง 3 คน เข้าโครงการคุ้มครองพยาน จากนั้นจะจัดทนายอาญายื่นเรื่องต่อศาลเยาวชนและครอบครัว รับรองเด็กชายวัย 11 ขวบ เป็นบุตรของเณรคำ เพื่อฟ้องร้องทางแพ่ง และเรียกค่าเลี้ยงดูในวันที่ 18 กรกฎาคมนี้ และจะขอไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อขออนุญาตศาลตรวจดีเอ็นเอตามหลักฐานในคดีแพ่ง ซึ่งจะขอมาเป็นผลดำเนินคดีอาญาด้วย

หลวงปู่เณรคํา


ปปง.จ่อยึดทรัพย์เณรคำในตปท.อีกระลอกใหม่


            ร.ต.อ.หญิง สุวนีย์ แสวงผล รองเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เผยถึงการตรวจเส้นทางการเงินของหลวงปู่เณรคำ ว่า หากมีหลักฐานชี้ชัดว่า อดีตพระวิรพล มีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนจริง สำนักงาน ปปง. สามารถเข้าไปตรวจสอบทรัพย์สินและเส้นทางการเงินได้ทั้งหมด โดยจะวิเคราะห์เงินบริจาคว่าเกิดจากการถูกล่อลวงให้บริจาคหรือไม่ รวมไปถึง ประเด็นการยักยอกทรัพย์สินของสำนักสงฆ์ขันติธรรม และการฟอกเงินด้วยการซื้อรถยนต์ ส่วนการพบบัญชีที่เกี่ยวโยงกับอดีตพระวิรพล จำนวน 10 บัญชี และมีเงินหมุนเวียน 200 ล้านบาท เพิ่มเติม กำลังตรวจสอบข้อมูลร่วมกับกองบังคับการปราบปราม

            และ ปปง. ยืนยันว่า สามารถตรวจสอบและยึดทรัพย์ในต่างประเทศของ อดีตพระวิรพล ได้แน่ โดยผ่านการประสานกับสำนักงาน ปปง. ของแต่ละประเทศได้ หากพบว่ามีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และมีพยานหลักฐานชัดเจน

            รองเลขาฯ ปปง. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ปปง. เพื่อพิจารณาตรวจสอบเรื่องเงินบริจาค ของสำนักสงฆ์ขันติธรรม และบัญชีที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะได้ความชัดเจนถึงมูลฐานความผิด ว่าเกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินหรือไม่
 

กองปราบฯ เตรียมถกคดี เณรคำ วันนี้


            พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รองผู้บังคับการปราบราม กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับ นายวิรพล ฉัตติโก หรือ เณรคำ อดีตประธานสำนักสงฆ์ขันติธรรม จ.ศรีสะเกษ ว่า ในวันนี้ (15 กรกฎาคม) เวลา 13.30 น. ตนได้เรียกประชุมพนักงานสบสวนเพื่อวางกรอบกำหนดแนวทางในการดำเนินคดี ทั้งเรื่องของฐานความผิดในข้อหาต่าง ๆ และความคืบหน้า การขออนุมัติศาลออกหมายจับในส่วนของผู้เสียหายที่เป็นเจ้าของอัญมณีใน จ.ตาก หลายราย ที่ถูกเณรคำหลอกซื้อพลอย มูลค่าความเสียหายร่วม 20 ล้านบาท จะทยอยเดินทาง เข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ภายในต้นสัปดาห์นี้





อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
 



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
DSI เตรียมออกหมายจับ เณรคํา-ถอนวีซ่า บีบต่างชาติส่งกลับไทย โพสต์เมื่อ 15 กรกฎาคม 2556 เวลา 08:43:29 3,041 อ่าน
TOP
x close