เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก luangpunenkham.com
ตลอดช่วงเดือนที่ผ่านมานี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ข่าวคราวของ "สมีคำ" เป็นประเด็นที่ผู้คนต่างติดตามให้ความสนใจมากที่สุด แต่ไม่ใช่แค่ในประเทศไทยเท่านั้น ที่ตีแผ่เรื่องราวของอดีตพระผู้อุปโลกน์ตัวเองเป็นผู้วิเศษ เรียกความศรัทธาจากประชาชนคนนี้ เพราะล่าสุด สำนักข่าวต่างประเทศทุกแห่งก็ตีแผ่เรื่องราวของ สมีคำ เช่นเดียวกัน
เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2556 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานความคืบหน้ากรณีอดีตพระนั่งเจ็ทชื่อดังของไทยว่า ตอนนี้ทางการไทยกำลังตามล่าตัวสมีคำ หรือที่ลูกศิษย์ลูกหาเคยเรียกว่า หลวงปู่เณรคำ วัย 34 ปี มาดำเนินคดีหลายข้อหา ซึ่งล่าสุดคือคดีมีเพศสัมพันธ์และพรากผู้เยาว์ หลังจากพบว่า สมีคำนั้นเคยมีเพศสัมพันธ์กับเด็กหญิงอายุ 14 ปี จนมีลูกชาย 1 คน ปัจจุบันอายุ 11 ปี
รายงานจากซีเอ็นเอ็น ระบุว่า สมีคำ หรืออดีตหลวงปู่เณรคำคนนี้ ได้อุปโลกน์ตัวเองเป็นผู้ทรงศีลที่ระลึกชาติได้ เป็นหลวงปู่เกิดใหม่ในชาตินี้ แต่เขากลับเพิกเฉยต่อการปฏิบัติตนเยี่ยงพระสงฆ์ผู้ธำรงพระพุทธศาสนา ปฏิเสธการใช้ชีวิตสมถะและรักษาศีล กลับใช้ชีวิตอย่างอู้ฟู่หรูหรา ใช้ของแบรนด์เนม ใช้ชีวิตอย่างซูเปอร์สตาร์ ดาราฮอลลีวูด ดังจะเห็นได้ในคลิปวิดีโอพระนั่งเจ็ทที่ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกเมื่อ 2 เดือนก่อน รวมถึงไม่ลดละซึ่งกิเลสตัณหา กามราคะ มีเพศสัมพันธ์กับสีกาหลายคน จนล่าสุดมีหญิงรายหนึ่งออกมาแฉว่าเคยมีเพศสัมพันธ์กับสมีคำขณะบวชเป็นพระแล้ว จนมีลูกด้วยกัน 1 คน ปัจจุบันลูกอายุ 11 ปีแล้ว
อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน สมีคำ ถูกปรับอาบัติขาดจากการเป็นพระเรียบร้อยแล้ว ขณะที่การสอบสวนเกี่ยวกับทรัพย์สินและคดีพรากผู้เยาว์ที่เคยก่อไว้ ยังคงดำเนินต่อไป โดยล่าสุดมีการตรวจสอบพบว่า สมีคำครอบครองรถหรูกว่า 83 คัน และครอบครองทรัพย์สิน ที่ดิน คอนโดมิเนียม และบ้านอีกหลายหลัง แต่ก็ยังมีอสังหาริมทรัพย์อีกหลายอย่างที่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบอยู่ นอกจากนี้ ยังมีการตรวจสอบพบอีกว่า ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีเงินมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ได้ถูกโยกออกไปจากบัญชีของอดีตพระเณรคำ ซึ่งทรัพย์สินเหล่านี้ ล้วนมาจากความศรัทธาของญาติโยม สะสมเป็นเวลานานหลายปี
ทั้งนี้ ทางไทยเชื่อว่าปัจจุบันสมีคำอยู่ในนครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งทางนักข่าวซีเอ็นเอ็นก็ได้เดินทางไปยังสถานที่ที่เชื่อว่าสมีคำกบดานอยู่ แต่ก็ไม่สามารถตามหาตัวสมีคำได้ โดยพระรูปหนึ่งได้เปิดเผยกับนักข่าวว่า ไม่มีใครรู้ว่าสมีคำอยู่ที่ไหนตลอดช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่พระอีกรูปหนึ่งได้เปิดเผยว่า สมีคำไม่ได้มาเยือนวัดแห่งดังกล่าวเป็นปีแล้ว
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบปมฟอกเงินบริจาคย้อนหลัง พร้อมเร่งประสานกับสหรัฐฯ เพื่อยึดทรัพย์สินที่หายไปกลับคืนมา เพราะถือว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการฉ้อโกง รวมถึงอยู่ระหว่างการประสานไปยังสหรัฐฯ ให้ถอนวีซ่าสมีคำด้วย
