เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ตำรวจรวบแล้ว 3 โจรปล้นทองออโรร่า บิ๊กซีลาดพร้าว กว่า 60 บาท หลังกบดานในพื้นที่ กทม. และ จ.แม่ฮ่องสอน สารภาพคิดจะทำผิดแล้วไม่ต้องกลัวกฎหมาย บอกคิดว่าปล้นร้านทองง่ายกว่าปล้นธนาคาร เผยศึกษาวิธีปล้นจากยูทูบ
เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันนี้ (28 สิงหาคม 2556) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แถลงข่าวการจับกุม นายทวีโชค หรือเอก กนกสิงห์ อายุ 30 ปี นายจักรณรงค์ หรือน็อต มาสวัสดิ์ อายุ 24 ปี และนายสุเทพ หรือชาย เนียมเส็ง อายุ 34 ปี พร้อมของกลางรถยนต์ฮอนด้า สีเทา ทะเบียน ธจ-1635 กรุงเทพมหานคร 1 คัน, รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า สีฟ้า ทะเบียน กฉค 116 กรุงเทพมหานคร 1 คัน, กระเป๋าสะพายใส่คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ยี่ห้อ เดล 1 ใบ, เสื้อเชิ้ตแขนยาว สีฟ้า 1 ตัว, สร้อยคอทองคำ 15 เส้น, สร้อยข้อมือทองคำ 41 เส้น และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง โดยสามารถจับกุมตัวนายทวีโชค ได้ที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ส่วนนายจักรณรงค์ และนายสุเทพ จับกุมตัวได้ที่บริเวณถนนรัชดาภิเษก แขวงและเขตดินแดง
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กล่าวว่า สืบเนื่องจากวันที่ 4 สิงหาคม 2556 ที่ผ่านมา เวลา 19.50 น. คนร้ายได้เข้าไปก่อเหตุชิงทรัพย์ภายในร้านเพชรออโรร่า สาขาบิ๊กซีลาดพร้าว โดยได้กวาดสร้อยข้อมือทองคำหนักรวม 63.5 บาท มูลค่า 12.6 ล้านบาท ยัดใส่กระเป๋า ก่อนที่จะหลบหนีไป ทั้งนี้ คนร้ายอาศัยจังหวะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องนำกำลังมาดูแลการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มต่าง ๆ ทำให้คนร้ายได้อาศัยจังหวะดังกล่าวก่อเหตุ แต่เจ้าหน้าที่ก็สามารถติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้ในที่สุด
สำหรับการจับกุมตัวคนร้ายนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ กล่าวว่า ได้ตรวจสอบหลักฐานทั้งหมดจากกล้องวงจรปิด จนทราบว่าคนร้ายคือนายทวีโชค ซึ่งหลังจากที่นายทวีโชคก่อเหตุเสร็จแล้วก็ได้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์นายจักรณรงค์ที่จอดอยู่ จากนั้นก็เปลี่ยนไปซ้อนท้ายนายสุเทพที่ซอยลาดพร้าว 87 ต่อมานายทวีโชคได้หลบหนีไปกบดานที่พัทยา จ.ชลบุรี ก่อนที่จะตัดผมเป็นทรงสกินเฮด หลังจากนั้นก็นำทองมาขายหลายแห่ง และเดินทางหลบหนีไปกบดานที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมและนำทรัพย์สินกลับมาได้เกือบทั้งหมด
ขณะที่คนร้ายกบดานที่พัทยา ได้นำทองเส้นหนึ่งไปขายเพื่อใช้เป็นค่าเดินทางไป จ.แพร่ จากนั้นนายทวีโชคก็ได้ขายทองอีก 4 เส้น เพื่อนำไปใช้หนี้ และนำเงินที่เหลือเดินทางไปยัง จ.แม่ฮ่องสอน ต่อมาก็เอาทองอีก 3 เส้นไปให้คนรู้จักจำนำ เพื่อเก็บเงินไว้เป็นเงินทุนในการสร้างที่พักกบดานอยู่ป่าใน อ.ปาย ส่วนทองที่เหลือนายทวีโชคพยายามซุกซ่อนใส่กระบอกไม้ไผ่ พร้อมทำสัญลักษณ์เอาไว้
อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนนายทวีโชค ให้การรับสารภาพว่า ตนเป็นคนลงมือก่อเหตุจริงและวางแผนทุกอย่างมาเป็นอย่างดี โดยไม่รู้สึกเกรงกลัวกฎหมาย เพราะคิดว่าตั้งใจทำผิดแล้วก็ไม่จำเป็นต้องไปกลัว สำหรับการก่อเหตุนั้น ตนพักอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุพอดี จึงเลือกลงมือที่ร้านทองดังกล่าว แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจใช้อาวุธปืนยิงใส่ใคร ที่เสียงปืนดังเพราะปืนลั่นเท่านั้น
เมื่อถามถึงสาเหตุในการลงมือก่อเหตุ นายทวีโชค กล่าวว่า ตนต้องการนำเงินไปใช้หนี้ แต่สาเหตุหลักคิดว่าปล้นร้านทองง่ายกว่าปล้นธนาคาร และก่อนหน้านี้ตนก็ชอบศึกษาวิธีปล้นจากเว็บไซต์ยูทูบและภาพยนตร์ต่าง ๆ ส่วนหลังก่อเหตุคิดว่าจะไปอยู่ป่าประมาณ 1 ปี แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาถูกจับได้เร็วขนาดนี้
อย่างไรก็ดี จากการสอบประวัตินายทวีโชค พบว่าเปิดขายปืนเถื่อนทางอินเทอร์เน็ต ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คนให้การว่าถูกหลอกให้มาร่วมลงมือก่อเหตุด้วย โดยทำหน้าที่ขี่รถจักรยานยนต์เฉย ๆ ได้เงินค่าจ้างเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น แต่นายทวีโชคบอกว่าจะใช้หนี้ให้กับทั้งสองคนด้วย สุดท้ายก็โดนนายทวีโชคหักหลังนำทองทั้งหมดหลบหนีไปคนเดียว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาทั้ง 3 คนว่า ปล้นทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธปืนโดยใช้ยานพาหนะ, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ และนำส่งพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย ดำเนินคดีต่อไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก