ข่าวน้องเนม ตั้ง 4 ข้อหาหนัก รปภ. โหด
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้ โพสต์โดย คุณเรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
ข่าวน้องเนมล่าสุด นายชาตรี สีดี หรือนายโอม คนร้ายฆ่าน้องเนม ถูกตั้ง 4 ข้อหาหนัก คาดไม่ใช่คนไทย เจ้าตัวขอโทษทำไปเพราะเมา วอนครอบครัวน้องเนมให้อภัย
วันนี้ (9 กันยายน 2557) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 นำเสนอข่าวความคืบหน้าเหตุการณ์ ฆ่าน้องเนม วัย 4 ขวบ ยัดท่อระบายน้ำ โดยล่าสุดเมื่อวานนี้ (8 กันยายน) เจ้าหน้าที่ได้พาตัวนายชาตรี สีดี หรือนายโอม คนร้าย มาแถลงข่าว พร้อมตั้งข้อหาแล้ว [อ่านข่าว รปภ. โหด เผยนาทีฆ่าน้องเนม บอกตั้งใจข่มขืนจริงแต่ไม่สำเร็จ คลิก]
โดยนายโอมถูกตั้งข้อหา 4 ข้อหาหนัก ได้แก่ กระทำความผิดฐานปราศจากเหตุอันสมควร พรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลไปเพื่อการอนาจาร, ฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดของตน, ลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย ก่อนนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญาธนบุรีเพื่อดำเนินคดีต่อไป
ทั้งนี้นอกจากประเด็นฆ่าน้องเนมแล้ว ตำรวจยังเพ่งเล็งไปยังเรื่องสัญชาติ เนื่องจากชื่อ ชาตรี สีดี ไม่ใช่ชื่อจริงของนายโอม อีกทั้งนายโอมยังไม่มีบัตรประชาชนด้วย คาดว่าไม่น่าจะใช่คนไทย โดยนายโอมมีรอยสักที่แขนทั้ง 2 ข้าง เป็นภาษาพม่า มีใจความว่า พ่อแม่ตายแล้วและพ่อแม่สติไม่ดี
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายโอม เล่าว่า ชื่อชาตรี สีดี ไต้ก๋งเรือประมงที่เคยทำงานใน จ.ภูเก็ต เป็นคนตั้งให้ ต่อมาตนเองก็อยากสัก เพื่อน ๆ เลยสักให้เป็นตัวอักษรดังกล่าว หลังจากทำงานที่ภูเก็ตมาได้สักระยะก็ได้ยินมาว่าที่กรุงเทพฯ มีงานทำเยอะ จึงเดินทางมากรุงเทพฯ เพียงลำพังเมื่อกลางปี 2556 และได้มาสมัครงานเป็น รปภ. ซึ่งเรื่องเอกสารเขาไม่ได้เข้มงวดเพราะตนบอกแค่ว่าจะมาทำชั่วคราวเท่านั้น แต่พอระยะหลังเขาก็คงลืมไม่มีการสอบถามถึงอีก
ส่วนน้องเนมนั้น ตนไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับครอบครัวน้องเนมมาก่อน แถมตลอดเวลาที่ผ่านมาก็สนิทสนมกับน้องเนม เพราะน้องชอบมาเล่นแถวป้อมยามบ่อย ๆ น้องเนมเรียกตนว่าพี่ยาม อีกทั้งตนยังเคยให้เงินไปซื้อขนมด้วย ส่วนวันที่เกิดเหตุตนเมาและขาดสติจริง ๆ ไม่ได้วางแผนเหตุการณ์อะไรไว้ล่วงหน้า พร้อมทั้งอยากขอโทษทุกคนที่ทำลงไป วอนให้ครอบครัวของน้องเนมให้อภัยด้วย
อย่างไรก็ดีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายโอมไปฝากขังศาลอาญาธนบุรีแล้ว พร้อมติดตามเรื่องเกี่ยวกับการไม่มีชื่อในทะเบียนราษฎร์ของนายโอม รวมทั้งฝากเตือนบริษัทเอกชนจะต้องเป็นบทเรียนในการตรวจตราเอกสารให้ชัดเจน และจะสืบสวนในพื้นที่ภูเก็ตซึ่งเป็นที่ที่นายโอมทำงาน ว่าเคยมีคดีความหรือเหตุการณ์คนหายในลักษณะนี้หรือไม่ต่อไป
