ลูกชายให้เงินแม่ใช้เดือนละ 4 หมื่น หลังแม่เสียชีวิต เพิ่งเห็นเงินในบัญชีแม่หาย รู้สาเหตุแล้วก็ได้แต่เศร้าใจ อยากมีเวลาให้แม่มากกว่านี้
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
วันที่ 19 กรกฎาคม 2567 เว็บไซต์ Soha รายงานเรื่องราวของ นายหลง ชายวัย 48 ปี จากเขตปกครองตนเองกวางซีจ้วง ประเทศจีน ที่ต้องพบกับเรื่องชวนตกใจเมื่อพบว่าเงินในบัญชีธนาคารของแม่ที่เพิ่งเสียชีวิต หายไปจนหมดเกลี้ยง ทั้ง ๆ ที่เขาให้เงินแม่ไว้ใช้เป็นประจำเดือนละ 8,600 หยวน หรือราว 42,000 บาท แต่หลังจากรู้ความจริงว่าเงินเหล่านี้ถูกโอนไปให้ใคร ก็ทำให้เขาสะท้อนดูชีวิตตัวเอง และเสียใจอย่างมากกับสิ่งที่ผ่านมา
รายงานเผยว่า พ่อของนายหลงเสียชีวิตตอนเขาอายุเพียง 10 ขวบ ทำให้แม่ลูกต้องดูแลกันเอง เนื่องจากครอบครัวของเขาเป็นเกษตรกรที่ไม่ได้ร่ำรวย แม่จึงสัญญากับตัวเองหลังสูญเสียสามี ว่าจะตั้งใจทำงานหนักเพื่อส่งลูกชายไปเรียนหนังสือ และเป็นคนที่ทำประโยชน์แก่สังคมให้ได้
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
นายหลงเองก็ไม่ทำให้แม่ผิดหวัง เขาสามารถสอบติดมหาวิทยาลัยชื่อดังได้ แถมยังเริ่มสร้างธุรกิจของตัวเองตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นปีที่ 3 เวลาผ่านไป 8 ปีหลังเรียนจบมหาวิทยาลัย กิจการของเขาก็ราบรื่นและได้รับความนิยมมากขึ้น ไม่เพียงแค่เขาจะซื้อบ้านและรถให้ตัวเองได้ นายหลงยังสามารถช่วยเหลือญาติ ๆ ที่กำลังลำบากได้ด้วยเช่นกัน
กระทั่งฐานะมั่นคงแล้ว นายหลงก็สร้างบ้านขนาด 3 ห้องนอน ให้แม่อาศัยอยู่ในชนบท รวมถึงเปิดร้านขายของชำเล็ก ๆ ให้แม่ได้ทำแก้เหงา นอกจากนี้เขายังให้เงินแม่ใช้อีกเดือนละ 8,600 หยวนด้วย
ความสำเร็จของลูกชายเป็นที่น่าภูมิใจ แต่ขณะเดียวกันหน้าที่การงานก็ทำให้แม่ลูกต้องอาศัยอยู่ห่างกัน ในช่วงหลายปีมานี้นายหลงยุ่งกับการทำงานมาก แทบไม่ได้กลับไปเยี่ยมแม่ ในช่วงตรุษจีนก็กลับมาหาแม่ได้แค่ไม่กี่วัน แม้แต่ตอนที่แม่โทร. ไปหาลูกชาย ก็ได้คุยกันเพียงไม่กี่ประโยคเท่านั้น
เพราะรู้ว่าลูกชายยุ่ง แม่จึงไม่กล้ารบกวน ได้แต่ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านตามลำพังและคอยดูแลร้านค้า นอกจากนี้เพราะเธอขาเจ็บ จึงทำให้ไม่ได้ออกไปไหน บ้านญาติเองก็อยู่ไกลกว่า 10 กิโลเมตร สุดท้ายหญิงชราที่รู้สึกเหงาจึงมักจะไปหา นางหง ที่มีบ้านห่างออกไปราว 10 หลัง
นางหงมีลูกชายที่ยังเล็ก เด็กชายกำพร้าพ่อตั้งแต่ 6 ขวบ เพราะสถานการณ์ของคู่แม่ลูกนี้คล้ายกับตัวเองในอดีต หญิงชราจึงรู้สึกเห็นใจ โดยนางหงจะตั้งทำงานเช้าจรดค่ำ ไม่ค่อยมีเวลาดูแลลูกชาย ตอนที่ลูกชายเลิกเรียนก็ต้องนำมาฝากให้หญิงชราช่วยดูแลอยู่บ่อย ๆ
กระทั่งวันหนึ่ง เพื่อนบ้านพบแม่ของนายหลงนอนหมดสติอยู่ในสวน พวกเขารีบพาเธอส่งโรงพยาบาลทันที หมอบอกว่าสุขภาพของเธอไม่ค่อยดีแล้วเนื่องจากอายุมาก และจากนั้นในอีก 1 เดือนต่อมา เธอก็จากโลกนี้ไป ทำให้นายหลงเศร้าเสียใจมาก
หลังเสร็จจากงานศพของแม่ นายหลงก็มาเก็บข้าวของในบ้าน แล้วต้องตกใจเมื่อพบว่ายอดเงินในสมุดบัญชีของแม่ว่างเปล่า เขาคิดแล้วว่าต่อให้แม่ใช้เงินเยอะแค่ไหน ก็ไม่น่าที่จะใช้เงินก้อนที่เขาส่งมาให้ได้หมด จึงไปขอตรวจสอบที่ธนาคาร กระทั่งทราบว่าแม่โอนเงินไปเข้าบัญชีคนแปลกหน้า ซึ่งกลายเป็นชื่อของลูกชายนางหง ที่เป็นเพื่อนบ้าน
เมื่อนายหลงทราบสถานการณ์ของนางหง และรู้ว่าพวกเขาสนิทกับแม่ตนขนาดไหน เขาก็เข้าใจความรู้สึกของแม่ที่อยากช่วยเหลือแม่ลูกคู่นี้ อย่างไรก็ตาม เขาอดไม่ได้ที่จะโทษตัวเอง ที่ไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับแม่ให้มากพอ และยังเสียใจที่ทิ้งแม่ให้อยู่ตามลำพังโดยไม่มีคนดูแลแบบนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก Soha
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
วันที่ 19 กรกฎาคม 2567 เว็บไซต์ Soha รายงานเรื่องราวของ นายหลง ชายวัย 48 ปี จากเขตปกครองตนเองกวางซีจ้วง ประเทศจีน ที่ต้องพบกับเรื่องชวนตกใจเมื่อพบว่าเงินในบัญชีธนาคารของแม่ที่เพิ่งเสียชีวิต หายไปจนหมดเกลี้ยง ทั้ง ๆ ที่เขาให้เงินแม่ไว้ใช้เป็นประจำเดือนละ 8,600 หยวน หรือราว 42,000 บาท แต่หลังจากรู้ความจริงว่าเงินเหล่านี้ถูกโอนไปให้ใคร ก็ทำให้เขาสะท้อนดูชีวิตตัวเอง และเสียใจอย่างมากกับสิ่งที่ผ่านมา
รายงานเผยว่า พ่อของนายหลงเสียชีวิตตอนเขาอายุเพียง 10 ขวบ ทำให้แม่ลูกต้องดูแลกันเอง เนื่องจากครอบครัวของเขาเป็นเกษตรกรที่ไม่ได้ร่ำรวย แม่จึงสัญญากับตัวเองหลังสูญเสียสามี ว่าจะตั้งใจทำงานหนักเพื่อส่งลูกชายไปเรียนหนังสือ และเป็นคนที่ทำประโยชน์แก่สังคมให้ได้
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
นายหลงเองก็ไม่ทำให้แม่ผิดหวัง เขาสามารถสอบติดมหาวิทยาลัยชื่อดังได้ แถมยังเริ่มสร้างธุรกิจของตัวเองตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นปีที่ 3 เวลาผ่านไป 8 ปีหลังเรียนจบมหาวิทยาลัย กิจการของเขาก็ราบรื่นและได้รับความนิยมมากขึ้น ไม่เพียงแค่เขาจะซื้อบ้านและรถให้ตัวเองได้ นายหลงยังสามารถช่วยเหลือญาติ ๆ ที่กำลังลำบากได้ด้วยเช่นกัน
กระทั่งฐานะมั่นคงแล้ว นายหลงก็สร้างบ้านขนาด 3 ห้องนอน ให้แม่อาศัยอยู่ในชนบท รวมถึงเปิดร้านขายของชำเล็ก ๆ ให้แม่ได้ทำแก้เหงา นอกจากนี้เขายังให้เงินแม่ใช้อีกเดือนละ 8,600 หยวนด้วย
ความสำเร็จของลูกชายเป็นที่น่าภูมิใจ แต่ขณะเดียวกันหน้าที่การงานก็ทำให้แม่ลูกต้องอาศัยอยู่ห่างกัน ในช่วงหลายปีมานี้นายหลงยุ่งกับการทำงานมาก แทบไม่ได้กลับไปเยี่ยมแม่ ในช่วงตรุษจีนก็กลับมาหาแม่ได้แค่ไม่กี่วัน แม้แต่ตอนที่แม่โทร. ไปหาลูกชาย ก็ได้คุยกันเพียงไม่กี่ประโยคเท่านั้น
เพราะรู้ว่าลูกชายยุ่ง แม่จึงไม่กล้ารบกวน ได้แต่ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านตามลำพังและคอยดูแลร้านค้า นอกจากนี้เพราะเธอขาเจ็บ จึงทำให้ไม่ได้ออกไปไหน บ้านญาติเองก็อยู่ไกลกว่า 10 กิโลเมตร สุดท้ายหญิงชราที่รู้สึกเหงาจึงมักจะไปหา นางหง ที่มีบ้านห่างออกไปราว 10 หลัง
นางหงมีลูกชายที่ยังเล็ก เด็กชายกำพร้าพ่อตั้งแต่ 6 ขวบ เพราะสถานการณ์ของคู่แม่ลูกนี้คล้ายกับตัวเองในอดีต หญิงชราจึงรู้สึกเห็นใจ โดยนางหงจะตั้งทำงานเช้าจรดค่ำ ไม่ค่อยมีเวลาดูแลลูกชาย ตอนที่ลูกชายเลิกเรียนก็ต้องนำมาฝากให้หญิงชราช่วยดูแลอยู่บ่อย ๆ
กระทั่งวันหนึ่ง เพื่อนบ้านพบแม่ของนายหลงนอนหมดสติอยู่ในสวน พวกเขารีบพาเธอส่งโรงพยาบาลทันที หมอบอกว่าสุขภาพของเธอไม่ค่อยดีแล้วเนื่องจากอายุมาก และจากนั้นในอีก 1 เดือนต่อมา เธอก็จากโลกนี้ไป ทำให้นายหลงเศร้าเสียใจมาก
หลังเสร็จจากงานศพของแม่ นายหลงก็มาเก็บข้าวของในบ้าน แล้วต้องตกใจเมื่อพบว่ายอดเงินในสมุดบัญชีของแม่ว่างเปล่า เขาคิดแล้วว่าต่อให้แม่ใช้เงินเยอะแค่ไหน ก็ไม่น่าที่จะใช้เงินก้อนที่เขาส่งมาให้ได้หมด จึงไปขอตรวจสอบที่ธนาคาร กระทั่งทราบว่าแม่โอนเงินไปเข้าบัญชีคนแปลกหน้า ซึ่งกลายเป็นชื่อของลูกชายนางหง ที่เป็นเพื่อนบ้าน
เมื่อนายหลงทราบสถานการณ์ของนางหง และรู้ว่าพวกเขาสนิทกับแม่ตนขนาดไหน เขาก็เข้าใจความรู้สึกของแม่ที่อยากช่วยเหลือแม่ลูกคู่นี้ อย่างไรก็ตาม เขาอดไม่ได้ที่จะโทษตัวเอง ที่ไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับแม่ให้มากพอ และยังเสียใจที่ทิ้งแม่ให้อยู่ตามลำพังโดยไม่มีคนดูแลแบบนี้
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก Soha