สาวสุดอาลัย จัดงานแต่งงานผี หลังว่าที่เจ้าบ่าวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ สุดสะเทือนใจ ช่วยชีวิตคนอื่นได้ 3 คน แต่ช่วยคนรักไม่ได้
![งานแต่งงานผี]( "งานแต่งงานผี")
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
บางคนเชื่อว่าความรักมีพลังอันยิ่งใหญ่ และไม่มีสิ่งใดมาขวางกั้นได้ แม้กระทั่งความตาย ดังนั้น แม้ความตายจะเป็นจุดสิ้นสุดของชีวิต แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นจุดสิ้นสุดของความรัก และเรื่องราวนี้ก็เช่นเดียวกัน
วันที่ 23 กรกฎาคม 2567 เว็บไซต์เซาธ์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ เผยว่า หญิงรายหนึ่งในไต้หวัน เผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่ เมื่อชายคนรักเกิดเสียชีวิตในอุบัติเหตุทางถนน ในขณะที่เธอช่วยชีวิตคนอื่นได้ 3 คน แต่กลับช่วยคนสำคัญของเธอไม่ได้ เป็นเหตุให้เธอตัดสินใจจัด "งานแต่งงานผี"
ตามรายงานเผยว่า อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ที่ผ่านมา บนถนนทางหลวงสายหนึ่งในไต้หวัน รถยนต์จำนวน 4 คันได้พุ่งชนติดต่อกันอย่างรุนแรง รถแต่ละคันอยู่ในสภาพถูกอัดเละ มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บ 5 ราย โดยหนึ่งในผู้เสียชีวิตคือชายสกุลหง ซึ่งเป็นแฟนของอวี้ หญิงที่นั่งไปด้วย แต่เธอรอดชีวิต
อวี้ เผยถึงเหตุการณ์ใจสลาย เธอเห็นแฟนหนุ่มของเธอ รวมทั้งน้องสาวของเขา และเพื่อนอีกหนึ่งคน ติดอยู่ในซากรถ เธอได้รับบาดเจ็บที่ขา แต่เธอก็พยายามจะใช้แรงที่เหลือช่วยชีวิตคนอื่น ๆ อย่างสุดความสามารถ ในระหว่างที่รอทีมกู้ภัยมาถึง เธอสามารถดึงตัวเพื่อนที่อยู่ในรถคันเดียวกัน ออกมาจากเบาะหลังได้ แต่ไม่สามารถช่วยดึงตัวแฟนหนุ่มและน้องสาวของเขาออกมาจากรถได้
นอกจากนี้ อวี้ยังสามารถช่วยชีวิตผู้โดยสารอีก 2
รายจากรถคันอื่นที่ประสบอุบัติเหตุเช่นเดียวกันได้
รวมแล้วเธอสามารถช่วยชีวิตคนได้ถึง 3 ชีวิต
แต่ที่น่าเศร้าสะเทือนใจอย่างที่สุดคือ เธอไม่สามารถช่วยชีวิตคนรักของเธอ
รวมถึงน้องสาวของเขาได้ โดยสองพี่น้องสกุลหง
ถูกพาตัวส่งโรงพยาบาลด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส
ก่อนที่แพทย์จะประกาศการเสียชีวิตของทั้งคู่
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นเกียรติแก่แฟนหนุ่มของเธอ อวี้วางแผนที่จะจัดงานแต่งงานผีกับเขา แม้ว่าเขาจะจากไปแล้ว แต่ก็หวังว่าดวงวิญญาณของเขาจะได้พบกับความสงบสุขในโลกหน้า นอกจากนี้ เธอยังตั้งใจจะดูแลแม่วัยชราของเขาแทนลูกชายและลูกสาวด้วย
หลังจากเรื่องราวนี้ถูกนำมาเปิดเผยบนสื่อออนไลน์ ก็ทำให้หลายคนรู้สึกทั้งสะเทือนใจและซาบซึ้งใจ กล่าวชื่นชมหัวใจที่กล้าหาญของหญิงรายนี้ แม้ตัวเธอและคนรักจะอยู่ในช่วงวิกฤต แต่เธอก็ยังมีจิตใจดีและกล้าหาญเข้าไปช่วยชีวิตคนอื่น
"ความรู้สึกรับผิดชอบและความรักที่เธอมีต่อแฟนหนุ่มและครอบครัวของเขามันน่าทึ่งมาก การแต่งงานผีอาจเป็นรูปแบบหนึ่งของการปลอบโยนทางจิตใจ ขอให้เธอผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้อย่างเข้มแข็ง"
ขอบคุณข้อมูลจาก South China Morning Post
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
บางคนเชื่อว่าความรักมีพลังอันยิ่งใหญ่ และไม่มีสิ่งใดมาขวางกั้นได้ แม้กระทั่งความตาย ดังนั้น แม้ความตายจะเป็นจุดสิ้นสุดของชีวิต แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นจุดสิ้นสุดของความรัก และเรื่องราวนี้ก็เช่นเดียวกัน
วันที่ 23 กรกฎาคม 2567 เว็บไซต์เซาธ์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ เผยว่า หญิงรายหนึ่งในไต้หวัน เผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่ เมื่อชายคนรักเกิดเสียชีวิตในอุบัติเหตุทางถนน ในขณะที่เธอช่วยชีวิตคนอื่นได้ 3 คน แต่กลับช่วยคนสำคัญของเธอไม่ได้ เป็นเหตุให้เธอตัดสินใจจัด "งานแต่งงานผี"
ตามรายงานเผยว่า อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ที่ผ่านมา บนถนนทางหลวงสายหนึ่งในไต้หวัน รถยนต์จำนวน 4 คันได้พุ่งชนติดต่อกันอย่างรุนแรง รถแต่ละคันอยู่ในสภาพถูกอัดเละ มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บ 5 ราย โดยหนึ่งในผู้เสียชีวิตคือชายสกุลหง ซึ่งเป็นแฟนของอวี้ หญิงที่นั่งไปด้วย แต่เธอรอดชีวิต
อวี้ เผยถึงเหตุการณ์ใจสลาย เธอเห็นแฟนหนุ่มของเธอ รวมทั้งน้องสาวของเขา และเพื่อนอีกหนึ่งคน ติดอยู่ในซากรถ เธอได้รับบาดเจ็บที่ขา แต่เธอก็พยายามจะใช้แรงที่เหลือช่วยชีวิตคนอื่น ๆ อย่างสุดความสามารถ ในระหว่างที่รอทีมกู้ภัยมาถึง เธอสามารถดึงตัวเพื่อนที่อยู่ในรถคันเดียวกัน ออกมาจากเบาะหลังได้ แต่ไม่สามารถช่วยดึงตัวแฟนหนุ่มและน้องสาวของเขาออกมาจากรถได้
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นเกียรติแก่แฟนหนุ่มของเธอ อวี้วางแผนที่จะจัดงานแต่งงานผีกับเขา แม้ว่าเขาจะจากไปแล้ว แต่ก็หวังว่าดวงวิญญาณของเขาจะได้พบกับความสงบสุขในโลกหน้า นอกจากนี้ เธอยังตั้งใจจะดูแลแม่วัยชราของเขาแทนลูกชายและลูกสาวด้วย
หลังจากเรื่องราวนี้ถูกนำมาเปิดเผยบนสื่อออนไลน์ ก็ทำให้หลายคนรู้สึกทั้งสะเทือนใจและซาบซึ้งใจ กล่าวชื่นชมหัวใจที่กล้าหาญของหญิงรายนี้ แม้ตัวเธอและคนรักจะอยู่ในช่วงวิกฤต แต่เธอก็ยังมีจิตใจดีและกล้าหาญเข้าไปช่วยชีวิตคนอื่น
"ความรู้สึกรับผิดชอบและความรักที่เธอมีต่อแฟนหนุ่มและครอบครัวของเขามันน่าทึ่งมาก การแต่งงานผีอาจเป็นรูปแบบหนึ่งของการปลอบโยนทางจิตใจ ขอให้เธอผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้อย่างเข้มแข็ง"
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก South China Morning Post
