รู้จัก TEMU แอปฯ อีคอมเมิร์ซรายใหม่ ที่เปิดตัวในไทย ที่พร้อมมาฆ่าพ่อค้าแม่ค้าคนกลางทุกคน ทุกออร์เดอร์ส่งจากโรงงานถึงมือผู้บริโภค ในราคาถูกกว่า 90% สรรพากรไทยเผย เก็บภาษีไม่ได้ ไม่เข้าข่ายอะไรทั้งนั้น ส่วน ต๊ะ นารากร สั่งแล้ว ถึงกับต้องลบแอปฯ ทิ้ง
เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน กับแพลตฟอร์มออนไลน์ใหม่อย่าง TEMU หรือ เทมู แอปฯ ช้อปปิ้งใหม่จากจีน กับเสียงลือเสียงเล่าอ้างที่ว่า นี่คือแอปฯ ที่มาเพื่อที่จะฆ่า SME โดยตรง เพราะได้ตัดพ่อค้าคนกลางออกไป ลูกค้าอยากได้อะไร สั่งได้เลยจากโรงงาน มาพร้อมกับนโยบายส่งฟรี และราคาสินค้ากว่า 90% วันนี้ เราจะมาทำความรู้จักแอปฯ นี้กันค่ะ
TEMU คืออะไร แอปฯ จีนที่มาเพื่อฆ่าพ่อค้าคนกลาง โรงงานมาเองของจริง ลดราคาของกว่า 90%
TEMU (เทมู) คือแพลตฟอร์มออนไลน์ของจีน ที่เพิ่งมาเปิดตัวในไทยได้ไม่นานในไทย โดยที่ เทมูเป็นบริษัทลูกของ PDD Holdings มีบริษัทแม่คือ Pinduoduo ซึ่งเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่ของจีนที่เติบโตเร็วที่สุด มีการใช้เทคโนโลยีอย่าง AI และ Machine Learning เข้ามาเพื่อศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค และแข่งขันตัดราคาแบบกดต่ำที่สุด และตอนนี้ คอลิน หวง ซีอีโอ ก็มีสินทรัพย์กว่า 1.77 ล้านล้านบาท ทำให้เขากลายเป็นคนที่รวยที่สุดของจีนไปแล้ว
เทมู นั้น จะเน้นขายของแบบประกบชิ้นต่อชิ้น เป็นการขายออนไลน์โดยตัดพ่อค้าคนกลาง ตัดนายหน้าออกไป ออร์เดอร์ของลูกค้า จะถูกส่งไปที่โรงงานทันที และเวลาจัดส่งก็จะจัดส่งจากโรงงานในปริมาณที่เยอะ ๆ เลือกค่าส่งแบบถูกที่สุด เพื่อกดราคาให้ต่ำที่สุด
จุดเด่นที่ปฏิเสธไม่ได้ของ เทมู คือราคาที่ถูกกว่าสินค้าแบบเดียวกันกว่า 90% ด้วยคอนเซ็ปต์ Shop like a billionaire คือกดราคาให้ถูกมาก ๆ จนลูกคารู้สึกว่าซื้อของได้เยอะเหมือนตัวเองเป็นมหาเศรษฐี มีการกำหนดยอดขั้นต่ำเพื่อให้สามารถส่งฟรีและส่งคืนฟรี มีการจัดโปรโมชั่นต่อเนื่อง และใช้ AI มาดูว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคแต่ละคนเป็นอย่างไร มีประวัติการซื้ออะไรบ้าง เข้าไปดูสินค้าอะไรบ้าง และสร้างโฆษณาในแบบที่คนดูอยากดู และเมื่อ AI รู้ข้อมูลทั้งหมดของลูกค้าแบบนี้ ก็จะสามารถนำเสนอสินค้าที่ลูกค้าอยากดูได้ และส่งข้อมูลไปให้โรงงานได้ว่า ควรผลิตสินค้าแบบใด ออกมามากน้อยเท่าใด
ในขณะเดียวกัน คนที่เข้ามาขายของใน TEMU นั้น จะถูกอัลกอริทึ่มบังคับให้ขายของรายชิ้นในราคาที่ถูกที่สุด ยิ่งขายถูก คนยิ่งเห็น และทำให้คนที่เอาของมาขายนั้น ไม่ต้องไปเสียเวลาทำคอนเทนต์ ซื้อโฆษณา ทำแบรนด์ใด ๆ แต่เอาเงินไปลงทุนในการทำของให้ดีที่สุดและถูกที่สุดก็พอ
อย่างไรก็ตาม การเอาราคามาเป็นตัวกดดันทุกอย่างนั้น จะส่งผลให้ธุรกิจรายเล็ก SME ซื้อมาขายไปตายเรียบ โดยเริ่มแรกจากพ่อค้าคนกลางที่แม้จะยิงโฆษณาเก่ง โปรโมตสินค้าเป็น แต่จะใช้ไม่ได้ผลกับเทมู ถ้าไม่สามารถทำราคาของให้ถูกได้ รวมไปถึงโรงงานขนาดเล็กที่แม้จะรู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร แต่ก็ผลิตด้วยต้นทุนต่ำมากไม่ไหว โดยเฉพาะโรงงานในไทยที่มีต้นทุนนำเข้าวัตถุดิบจากจีน หรือต่อให้สามารถผลิตวัตถุดิบเองได้ ราคาวัตถุดิบก็แพงกว่า ก็จะส่งผลไปต้นทุนที่มากกว่า และสุดท้ายจะโดนโรงงานใหญ่กินรวบไปในที่สุด
รีวิวสินค้าจาก TEMU ผลิตแก้วไวน์ออกมาได้ถูกกว่า 90% ในคุณภาพที่ใกล้เคียงมาก - ต๊ะ นารากร ลบแอปทิ้ง
ในขณะที่เฟซบุ๊ก Kittiphol Saragganonda ได้ออกมารีวิวว่า ตนอยากลองซื้อแก้ว Zalto (แก้วไวน์ชื่อดังที่มีความบางมาก ได้รับการยอมรับว่าทำให้ไวน์รสชาติดีขึ้น) แล้วลองเข้าไปกดดู ปรากกฎว่าในแอปฯ TEMU ราคาแก้วไวน์นี้เหลือแค่ 200 บาท จากราคาปกติ 2,000 กว่าบาท เท่ากับว่าราคาของแก้วไวน์ลดไปกว่า 90%
ทว่า แก้วไวน์ที่ตนสั่งมานั้น ไม่ใช่ Zalto แต่เป็น Inspired by Zalto และเมื่อสั่งไปได้อาทิตย์เดียว แก้วก็มาส่ง และพบว่าแก้วใบนั้นบาง เบา น้ำหนักพอ ๆ กับ Zalto แถมยังให้แก้วมาถึง 2 ใบ มีความใกล้เคียงและเทียบเท่ากับ Zalto มาก ๆ กระทั่งขนาดก้านแก้วไวน์ยังทำให้บางมากได้ขนาดเท่าหลอดดูดน้ำ ซึ่งเป็นเทคนิคพิเศษของ Zalto ที่ทำให้แก้วไวน์บางได้ขนาดนี้
ในขณะที่ ต๊ะ นารากร ได้รีวิวของที่สั่งมาจาก TEMU มีทั้งหมด 4 ชิ้น เป็นเงิน 197 บาท ซึ่งมีทั้งกระดาษทิชชูม้วนที่ใช้ในครัว หรือทิชชูเปียก ต่างก็บางมาก กระดาษเช็ดมือก็บางมาก เล็กมาก รวมถึงกระดาษเช็ดจานก็บางมาก เฉลี่ยตกชิ้นละ 50 บาท แทบไม่ต่างกับราคาสินค้าตามห้าง ในขณะที่คุณภาพแย่กว่ามาก ซึ่งตนจะลบแอปฯ ทิ้งอย่างเดียว
สรรพากรยอมรับ ทำอะไร TEMU ไม่ได้ เพราะไม่มีสำนักงานในไทย ไม่มีคนไทยไปขาย คนไทยได้แต่อึ้ง
ในขณะที่นางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ได้มีการส่งอีเมลไปยัง TEMU ว่า หาก TEMUเข้าข่ายการเสียภาษีในไทย ก็ต้องเข้ามาจดทะเบียนให้ถูกต้อง ซึ่งทาง TEMU ยังไม่ตอบกลับมาก
ปกติแล้ว แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ไม่ว่าจะสัญชาติใด ที่กรมสรรพากรจัดเก็บภาษีได้ แพลตฟอร์มนั้นต้องมาจดทะเบียนประกอบภาษีมูลค่าเพิ่มในไทย และต้องมีคนไทยที่เป็นพ่อค้าคนกลางมาทำการค้ากับแพลตฟอร์มนั้น ๆ แต่ TEMU กลับไม่มีการตั้งสำนักงานในไทย ไม่มีการติดต่อหรือทำการค้ากับโรงงานในไทย ไม่มีพ่อค้าแม่ค้าคนกลางในไทยไปขาย มีแต่คนจีนที่ใช้แอปฯ แปลมาเป็นภาษาไทย แม้ว่าคนไทยจำนวนมากไปซื้อของมาจาก TEMU แต่ก็บอกไม่ได้ว่า คนเหล่านั้นซื้อมาใช้เองหรือซื้อไปขายต่อ ดังนั้น จึงยังไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้
เรื่องนี้ทำให้เกิดความกังวลอย่างมาก เพราะมิเช่นนั้น สินค้าในไทยต้องเสียภาษี 7% ตั้งแต่บาทแรก แต่สินค้าจาก Temu ที่เป็นโรงงานมาเองแล้ว นอกจากต้นทุนจะต่ำกว่า แถมยังไม่เสียภาษีอีก จึงเกิดความกังวลว่า นี่อาจจะเป็นจุดจบของคนค้าขาย SME ไทยของจริง