ปู่วัย 88 ยกบ้าน 14 ล้าน เป็นมรดกให้คนขายผลไม้ ญาติโวยทันที ก่อนเจอศาลฟาด

          ปู่วัย 88 ยกบ้าน 14 ล้านเป็นมรดกแก่คนขายผลไม้ หลังช่วยดูแลตลอด 4 ปี ไม่ให้ต้องใช้ชีวิตลำพัง ญาติรู้ถึงกับโวย สุดท้ายศาลตัดสินยังไง 
ยกบ้านให้คนขายผลไม้
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้่อหา

          มันเป็นเรื่องยากสำหรับคนชราที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง ดังนั้นเมื่อลูกกับภรรยาเสียชีวิตจากไปแล้ว นายหม่า ชายจีนวัย 88 ปี จึงตกลงใจที่จะทำสัญญายกทรัพย์สินทั้งหมดที่มี รวมถึงบ้านมูลค่า 3 ล้านหยวน (ราว 14 ล้านบาท) ให้เป็นมรดกแก่เจ้าของแผงขายผลไม้ใกล้ ๆ บ้าน เพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจที่ชายคนนี้เข้ามาช่วยดูแลตนเองให้สามารถใช้ชีวิตบั้นปลายได้อย่างสงบสุข ไม่มีขาดตกบกพร่องใด ๆ

          อย่างไรก็ตาม เรื่องวุ่น ๆ ได้เกิดขึ้นหลังจากที่ชายชราเสียชีวิต เมื่อบรรดาญาติทั้งหลายที่ไม่เคยเข้ามาดูแล อยู่ ๆ ก็เข้ามาแสดงตัวเป็นทายาท และคัดค้านเรื่องข้อตกลงเกี่ยวกับมรดกดังกล่าว จนเกิดเป็นข้อพิพาทที่ศาลในเซี่ยงไฮ้ จะต้องเป็นผู้ตัดสินเรื่องนี้

          รายงานจาก 163.com เผยว่า เดิมทีชายชราคนดังกล่าวอาศัยอยู่ในบ้านหรูกับภรรยาและลูกชาย ก่อนที่ภรรยาของเขาจะเสียชีวิตลงในปี 2554 ตามมาด้วยลูกชายที่เสียชีวิตไปอีกคนในปี 2560 ทำให้เขาต้องใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียว โดยมี นายหลิว เจ้าของแผงผลไม้ที่อยู่ใกล้ ๆ บ้าน คอยแวะเวียนมาดูแลเป็นอย่างดี

          ด้วยเหตุนี้หลังลูกชายเสียชีวิตได้ไม่นาน นายหม่า จึงทำสัญญาข้อตกลงกับ นายหลิว ซึ่งมีใจความสำคัญคือ นายหม่าจะมอบบ้านมูลค่า 3 ล้านหยวน ตลอดจนเงินเก็บ และทรัพย์สินอื่น ๆ เป็นมรดกแก่นายหลิวหลังจากที่ตนเสียชีวิต โดยนายหลิวจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของนายหม่า ทั้งเรื่องเสื้อผ้า อาหาร การเดินทาง ที่อยู่อาศัย การดูแลทางการแพทย์ รวมถึงการจัดงานศพให้ชายชรา

          หลังจากเซ็นเอกสารข้อตกลงดังกล่าวแล้ว นายหลิวก็ได้พาภรรยากับลูกสาว ย้ายมาอาศัยอยู่ร่วมบ้านกับนายหม่า เพื่อช่วยดูแลเขาอย่างใกล้ชิดดุจครอบครัว และมีการนำเอกสารข้อตกลงนั่นไปยื่นต่อสำนักงานเขตให้ทำการรับรองข้อตกลงนั้นในปี 2562
 
ยกบ้านให้คนขายผลไม้
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้่อหา

          จนกระทั่งนายหม่าเสียชีวิตในวันที่ 31 ธันวาคม 2564 นายหลิวก็ได้ยื่นเอกสารต่อศาลเพื่อขอรับบ้าน ตลอดจนทรัพย์สินและเงินฝากในธนาคารทั้งหมดของนายหม่า ให้กลายมาเป็นของเขา แต่กลายเป็นว่าอยู่ ๆ น้องสาวของนายหม่า พร้อมกับหลานและญาติคนอื่น ๆ ของนายหม่า กลับอ้างตัวเป็นทายาท และตั้งคำถามเรื่องข้อตกลงมรดกที่ทำไว้

          โดยมีการโต้แย้งว่านายหม่ามีความผิดปกติทางจิต จัดว่าเป็นบุคคลหย่อนความสามารถตั้งแต่ก่อนปี 2560 แถมยังเคยถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคอัลไซเมอร์ขณะอยู่ในโรงพยาบาลปี 2560 ญาติ ๆ จึงเชื่อว่าข้อตกลงที่ทำขึ้นหลังจากนั้น ไม่ควรจะมีผลผูกพันใด ๆ

          แต่การพิจารณาคดีรอบแรก ในข้อพิพาทระหว่างนายหลิวกับญาติของนายหม่า ศาลมองว่าไม่มีหลักฐานใดที่สามารถพิสูจน์ได้ว่านายหม่าเป็นบุคคลหย่อนความสามารถตอนที่ทำข้อตกลง และไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าข้อตกลงนั้นไม่ใช่เจตนาของนายหม่า ทำให้ข้อตกลงที่เกิดจากเจตนาของทั้ง 2 ฝ่าย มีผลทางกฎหมาย

          แต่ญาติของนายหม่ายังไม่พอใจคำตัดสินนั้น จึงยื่นอุทธรณ์และนำมาสู่การพิจารณาคดีอีกครั้งในปี 2567 ซึ่งศาลในเซี่ยงไฮ้ ยืนยันว่าข้อตกลงดังกล่าวสะท้อนเจตนาที่แท้จริงของนายหม่าและนายหลิว และไม่ขัดต่อกฎหมาย ข้อตกลงนี้จึงมีผลผูกพันตามกฎหมาย อีกทั้งระหว่างอยู่ด้วยกัน นายหลิวก็คอยดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของชายชรา ให้การสนับสนุนทางจิตใจ และช่วยจัดงานศพให้หลังนายหม่าจากไป นับว่าปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นจึงพิพากษายืนคำตัดสินเดิม ให้บ้านและทรัพย์สินทั้งหมดของนายหม่าต้องถูกมอบแก่นายหลิวตามข้อตกลง

ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่

ขอบคุณข้อมูลจาก 163.com

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ปู่วัย 88 ยกบ้าน 14 ล้าน เป็นมรดกให้คนขายผลไม้ ญาติโวยทันที ก่อนเจอศาลฟาด อัปเดตล่าสุด 13 สิงหาคม 2567 เวลา 11:53:21 18,787 อ่าน
TOP
x close