เจ้าสาวหัวร้อน เจอเพื่อนร่วมงานใส่ซองให้แค่ 900 ทั้งที่ตั้งใจเชิญมาแค่แขกคนสำคัญ จวกแรงถ้าจ่ายไม่ไหว ก็ไม่ต้องมา
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้่อหา
หลายคนเข้าใจว่า เจ้าภาพจัดงานแต่งงานเพื่อต้องการให้แขกเหรื่อมาร่วมแสดงความยินดีกับวันสำคัญ แต่ดูเหมือนว่าในความเป็นจริงจะไม่ใช่เช่นนั้นเสมอไป..
วันที่ 14 สิงหาคม 2567 เว็บไซต์เวิลด์ออฟบัซเผยว่า เมื่อไม่นานมานี้ มีเจ้าสาวป้ายแดงรายหนึ่งในประเทศมาเลเซีย ได้ออกมาแชร์ความขมขื่นผ่านทางชุมชนออนไลน์ เผยว่า ตอนแรกเธอและสามีตั้งใจจะแต่งงานกันเมื่อ 4 ปีก่อน แต่ติดสถานการณ์โควิด 19 ทำให้แผนของเธอต้องล่มไป จนกระทั่งผ่านมาถึงปีนี้ เธอได้วางแผนที่จะจัดงานแต่งงานอีกครั้ง
เจ้าสาวรายนี้เผยว่า เธอเลือกจัดงานแต่งงานในสวน แทนการจัดงานแต่งงานริมทะเลตามแผนเดิม เนื่องจากอยู่ไกลเกินไป ทว่าหลังจากผ่านพ้นช่วงโรคระบาด ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ก็เพิ่มขึ้นเป็น 2-3 เท่า ไม่ว่าจะเป็าค่าเช่าสถานที่ ค่าจัดดอกไม้ ค่าถ่ายรูปหรืออื่น ๆ อย่างไรก็ตาม เธอยังคงตั้งใจที่จะจัดงานตามความความฝัน แต่เลือกจำกัดปริมาณแขกที่มารวมงาน คิดว่าจะเชิญแต่คนสำคัญและมีกำลังในการใส่ซอง
เจ้าสาวและสามีของเธอตัดสินใจเชิญแขกทั้งหมดแค่ 100 คน ซึ่งเป็นคนที่คิดว่าเป็น VIP ในใจของทั้งคู่ ดังนั้นเธอจึงคาดวังว่าแขก VIP เหล่านี้จะให้ความสำคัญกับงานของเธอ เท่ากับที่เธอให้ความสำคัญกับพวกเขา แต่ปรากฎว่ามีแขกของเธอที่เป็นเพื่อนร่วมงาน กลับใส่ซองมาให้เธอเพียงแค่ 120 ริงกิต (ราว 950 บาท) ในขณะที่ค่าใช้จ่ายต่อหัวอยู่ที่มากกว่า 200 ริงกิต (ราว 1,580 บาท)
"ฮัลโหล นี่มันปี 2024 แล้วนะ คุณคิดว่าค่าหัวงานแต่งอยู่ที่ 120 ริงกิตเหรอ ? ตื่นค่ะ นั่นมันราคาเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เราต้องจ่ายภาษี 16 เปอร์เซ็นต์ และค่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย คุณคิดว่ามางานแต่งงานเหมือนมากินไหตี่เลางั้นเหรอ ฉันคิดว่าไปกินไหตี่เลายังจะแพงกว่า 120 ริงกิตเสียอีก" เจ้าสาว กล่าวอย่างไม่พอใจ
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้่อหา
เจ้าสาวรายนี้พูดถึงเพื่อนร่วมงานผู้หญิงคนหนึ่ง บอกว่าเธอคนนี้เป็นภรรยาของนักธุรกิจ ตอนแรกจองโต๊ะมา 3 ที่นั่ง สำหรับเธอ สามี และลูกสาวอายุ 13 ปี ดังนั้นค่าใช้จ่ายสำหรับครอบครัวเธอจึงอยู่ที่ราว 600 ริงกิต (ราว 4,740 บาท) แต่ปรากฏว่าสามีของเธอถอนตัวไม่มางานในนาทีสุดท้าย เธอจึงมากับลูกสาวแล้วใส่ซองให้ 240 ริงกิต หรือคนละ 120 ริงกิต (ราว 950 บาท)
ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อนร่วมงานอีกคน มากับลูกสาวอายุ 13 ปีเช่นกัน ซึ่งนับว่าเป็นผู้ใหญ่ ทั้งคู่ใส่สองมาให้ทั้งหมด 228 ริงกิต (ราว 1,800 บาท) หรือคิดเป็นคนละ 114 ริงกิต (ราว 900 บาท) รวมแขก 4 คนนี้ เธอได้เงินใส่ซองมาแค่ 468 ริงกิต (ราว 3,700 บาท)
เจ้าสาวรู้สึกโกรธมาก เธอตั้งใจว่าจะตัดความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานเหล่านี้ "ถ้าคุณเพิ่งจบใหม่ก็พอให้อภัยได้ แต่นี่ไม่ใช่ คุณเคยคิดบ้างไหมว่าเจ้าสาวจ่ายไปเท่าไหร่เพื่อพวกคุณ ถ้าคุณจ่ายไม่ไหว ก็ไม่ต้องตกลงจะมาร่วมงาน เราเลี้ยงคุณเหมือน VIP แต่ดูสิ่งที่คุณให้เรา"
หลังจากเรื่องราวนี้เผยแพร่ออกไปก็กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง หลายคนเข้าไปตอบโต้ทัศนคติของเจ้าสาวรายนี้ที่บิดเบือนจุดประสงค์ของการมาร่วมงานแต่งงานได้อย่างน่าละอาย
คอมเมนต์จากผู้ใช้โซเชียลกล่าวเสียดสีว่า "สรุปก็คือคุณจัดงานแต่งงานเพื่อเงินสินะ โอเคถ้าครั้งนี้ไม่ได้ผล ลองจัดใหม่อีกสัก 2-3 ครั้ง"
"คุณไม่ควรคาดหวังให้แขกมาชำระค่าใช้จ่ายงานแต่งงานของตัวเอง ถ้าคุณอยากเล่นใหญ่ คุณก็ต้องจ่ายเอง จะมาให้แขกรับผิดชอบได้ไง"
"งั้นถ้าคุณจ่ายไม่ไหว ก็ไม่ต้องเชิญแขกไหม ไม่มีใครมีหน้าที่ต้องจ่ายค่าจัดงานแต่งงานในฝันให้คุณ"
"ฉันรู้สึกโชคดีมากที่ไม่ได้เป็นเพื่อนกับคุณ"
ขอบคุณข้อมูลจาก World of Buzz
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้่อหา
หลายคนเข้าใจว่า เจ้าภาพจัดงานแต่งงานเพื่อต้องการให้แขกเหรื่อมาร่วมแสดงความยินดีกับวันสำคัญ แต่ดูเหมือนว่าในความเป็นจริงจะไม่ใช่เช่นนั้นเสมอไป..
วันที่ 14 สิงหาคม 2567 เว็บไซต์เวิลด์ออฟบัซเผยว่า เมื่อไม่นานมานี้ มีเจ้าสาวป้ายแดงรายหนึ่งในประเทศมาเลเซีย ได้ออกมาแชร์ความขมขื่นผ่านทางชุมชนออนไลน์ เผยว่า ตอนแรกเธอและสามีตั้งใจจะแต่งงานกันเมื่อ 4 ปีก่อน แต่ติดสถานการณ์โควิด 19 ทำให้แผนของเธอต้องล่มไป จนกระทั่งผ่านมาถึงปีนี้ เธอได้วางแผนที่จะจัดงานแต่งงานอีกครั้ง
เจ้าสาวรายนี้เผยว่า เธอเลือกจัดงานแต่งงานในสวน แทนการจัดงานแต่งงานริมทะเลตามแผนเดิม เนื่องจากอยู่ไกลเกินไป ทว่าหลังจากผ่านพ้นช่วงโรคระบาด ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ก็เพิ่มขึ้นเป็น 2-3 เท่า ไม่ว่าจะเป็าค่าเช่าสถานที่ ค่าจัดดอกไม้ ค่าถ่ายรูปหรืออื่น ๆ อย่างไรก็ตาม เธอยังคงตั้งใจที่จะจัดงานตามความความฝัน แต่เลือกจำกัดปริมาณแขกที่มารวมงาน คิดว่าจะเชิญแต่คนสำคัญและมีกำลังในการใส่ซอง
เจ้าสาวและสามีของเธอตัดสินใจเชิญแขกทั้งหมดแค่ 100 คน ซึ่งเป็นคนที่คิดว่าเป็น VIP ในใจของทั้งคู่ ดังนั้นเธอจึงคาดวังว่าแขก VIP เหล่านี้จะให้ความสำคัญกับงานของเธอ เท่ากับที่เธอให้ความสำคัญกับพวกเขา แต่ปรากฎว่ามีแขกของเธอที่เป็นเพื่อนร่วมงาน กลับใส่ซองมาให้เธอเพียงแค่ 120 ริงกิต (ราว 950 บาท) ในขณะที่ค่าใช้จ่ายต่อหัวอยู่ที่มากกว่า 200 ริงกิต (ราว 1,580 บาท)
"ฮัลโหล นี่มันปี 2024 แล้วนะ คุณคิดว่าค่าหัวงานแต่งอยู่ที่ 120 ริงกิตเหรอ ? ตื่นค่ะ นั่นมันราคาเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เราต้องจ่ายภาษี 16 เปอร์เซ็นต์ และค่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย คุณคิดว่ามางานแต่งงานเหมือนมากินไหตี่เลางั้นเหรอ ฉันคิดว่าไปกินไหตี่เลายังจะแพงกว่า 120 ริงกิตเสียอีก" เจ้าสาว กล่าวอย่างไม่พอใจ
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้่อหา
เจ้าสาวรายนี้พูดถึงเพื่อนร่วมงานผู้หญิงคนหนึ่ง บอกว่าเธอคนนี้เป็นภรรยาของนักธุรกิจ ตอนแรกจองโต๊ะมา 3 ที่นั่ง สำหรับเธอ สามี และลูกสาวอายุ 13 ปี ดังนั้นค่าใช้จ่ายสำหรับครอบครัวเธอจึงอยู่ที่ราว 600 ริงกิต (ราว 4,740 บาท) แต่ปรากฏว่าสามีของเธอถอนตัวไม่มางานในนาทีสุดท้าย เธอจึงมากับลูกสาวแล้วใส่ซองให้ 240 ริงกิต หรือคนละ 120 ริงกิต (ราว 950 บาท)
ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อนร่วมงานอีกคน มากับลูกสาวอายุ 13 ปีเช่นกัน ซึ่งนับว่าเป็นผู้ใหญ่ ทั้งคู่ใส่สองมาให้ทั้งหมด 228 ริงกิต (ราว 1,800 บาท) หรือคิดเป็นคนละ 114 ริงกิต (ราว 900 บาท) รวมแขก 4 คนนี้ เธอได้เงินใส่ซองมาแค่ 468 ริงกิต (ราว 3,700 บาท)
เจ้าสาวรู้สึกโกรธมาก เธอตั้งใจว่าจะตัดความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานเหล่านี้ "ถ้าคุณเพิ่งจบใหม่ก็พอให้อภัยได้ แต่นี่ไม่ใช่ คุณเคยคิดบ้างไหมว่าเจ้าสาวจ่ายไปเท่าไหร่เพื่อพวกคุณ ถ้าคุณจ่ายไม่ไหว ก็ไม่ต้องตกลงจะมาร่วมงาน เราเลี้ยงคุณเหมือน VIP แต่ดูสิ่งที่คุณให้เรา"
หลังจากเรื่องราวนี้เผยแพร่ออกไปก็กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง หลายคนเข้าไปตอบโต้ทัศนคติของเจ้าสาวรายนี้ที่บิดเบือนจุดประสงค์ของการมาร่วมงานแต่งงานได้อย่างน่าละอาย
คอมเมนต์จากผู้ใช้โซเชียลกล่าวเสียดสีว่า "สรุปก็คือคุณจัดงานแต่งงานเพื่อเงินสินะ โอเคถ้าครั้งนี้ไม่ได้ผล ลองจัดใหม่อีกสัก 2-3 ครั้ง"
"คุณไม่ควรคาดหวังให้แขกมาชำระค่าใช้จ่ายงานแต่งงานของตัวเอง ถ้าคุณอยากเล่นใหญ่ คุณก็ต้องจ่ายเอง จะมาให้แขกรับผิดชอบได้ไง"
"งั้นถ้าคุณจ่ายไม่ไหว ก็ไม่ต้องเชิญแขกไหม ไม่มีใครมีหน้าที่ต้องจ่ายค่าจัดงานแต่งงานในฝันให้คุณ"
"ฉันรู้สึกโชคดีมากที่ไม่ได้เป็นเพื่อนกับคุณ"
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก World of Buzz