เปิดคดีสุดประหลาด พนักงานซูเปอร์มาร์เกตหายตัวปริศนา ผ่านไปนาน 10 ปี ไม่มีใครรู้ จนพบในสภาพสุดช็อก ยิ่งน่าสงสัย
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
วันที่ 14 สิงหาคม 2567 เว็บไซต์ Ladbible เผยเรื่องราวปริศนาประหลาดชวนขนลุก เมื่อพนักงานซูเปอร์มาร์เกตรายหนึ่งเกิดหายตัวไปอย่างลึกลับ หลังจากทำความสะอาดภายในร้าน จนกระทั่งเวลาผ่านไปนานถึง 10 ปี ปริศนานี้ถึงได้ถูกคลี่คลายและเผยความจริงสุดช็อกที่ว่า แท้จริงแล้วพนักงานรายนี้ไม่ได้ไปไหน แต่เขา "อยู่ที่เดิม" มาตลอด และตำแหน่งที่เขาอยู่นั้นยิ่งทำให้ปริศนาน่าพิศวงมากยิ่งขึ้น
เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ซูเปอร์มาร์เกต No Frills ในเมืองเคาน์ซิลบลัฟส์ รัฐไอโอวา สหรัฐอเมริกา หลังจากซูเปอร์มาร์เกตแห่งนี้ปิดทำการไปนาน 3 ปี ในปี 2562 มีทีมพนักงานเข้าไปเก็บกวาดพื้นที่ รื้อชั้นวางสินค้าและขนย้ายตู้แช่ออกมา แต่ปรากฏว่าพวกเขาต้องตกใจสุดขีด เมื่อพบว่ามีศพของมนุษย์ที่แห้งกลายเป็นซากติดอยู่ด้านหลังตู้แช่ในร้าน
ภาพจาก Council Bluffs Police Department
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ทำการตรวจดีเอ็นเอพบว่า ศพดังกล่าวเป็นของชายชื่อว่า แลร์รี เอลี มูริลโล-มอนกาดา วัย 25 ปี อดีตพนักงานของซูเปอร์มาร์เกตดังกล่าว ซึ่งมีรายงานจากทางครอบครัวว่าเขาหายตัวไปตั้งแต่ปี 2552 หรือเมื่อ 10 ปีก่อนหน้านั้น ซึ่งหมายความว่าศพของเขาติดอยู่ในร้านที่เปิดทำการตลอด 7 ปี และขณะที่ปิดทำการไปอีก 3 ปี
ทางตำรวจเชื่อว่าเป็นการเสียชีวิตโดยอุบัติเหตุ ไม่เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม โดยสันนิษฐานว่าเขาน่าจะตกลงไปในช่องว่างแคบ ๆ ระหว่างตู้แช่และผนังในลักษณะหัวทิ่มลง ทำให้ร่างกายติดอยู่ตรงนั้นจนไม่สามารถขยับตัวได้ และเป็นเหตุให้ถึงแก่ชีวิตในที่สุด
ขณะที่ทางครอบครัวของแลร์รีไม่เคยรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับสมาชิกในบ้านของเขา เข้าใจว่าเขาหนีออกจากบ้านไปในเดือนพฤศจิกายน 2552 จนกระทั่ง 10 ปีต่อมา เมื่อพบว่าเขากลายเป็นศพ ทุกคนต่างรู้สึกเศร้าสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่คาดคิดว่าเขาจะอยู่ด้านหลังตู้แช่เช่นนั้นมาตลอดนานเป็นทศวรรษ และในขณะเดียวก็รู้สึกตกใจมากที่ทำไมถึงไม่มีใครไปพบเขาเร็วกว่านี้
หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกมาก็กลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจในวงกว้าง หลายคนต่างรู้สึกตกตะลึงและสยดสยองกับคดีนี้ และมีคำถามเกิดขึ้นมากมาย มีการคาดเดาว่าผู้เสียชีวิตน่าจะร้องขอความช่วยเหลือ แต่ทำไมถึงไม่มีใครได้ยิน หรือตอนเกิดเหตุจะเป็นตอนที่ไม่มีคนอยู่ในร้าน
แม้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับแลร์รีจะไม่มีใครทราบแน่ชัด แต่ทางตำรวจได้หยิบยกทฤษฎีหนึ่งขึ้นมา นั่นก็คือ ตู้แช่ที่จุดเกิดเหตุมีความสูงมากถึง 12 ฟุต หรือราว 3.6 เมตร รวมทั้งยังมีเสียงดังของตู้แช่ตลอดเวลา ดังนั้น เสียงร้องหรือความพยายามที่จะขอความช่วยเหลือของเขาจึงไม่เกิดผล
มีพนักงานร้านค้าหลายคนที่ทำงานในลักษณะเดียวกันได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคดีนี้ โดยพยายามคาดการณ์สาเหตุที่ใช้เวลานานถึงมีการพบชะตากรรมอันสุดเศร้าของอดีตพนักงานรายนี้ โดยเฉพาะประเด็นที่ถกเถียงกันว่าทำไมถึงไม่มีใครได้กลิ่นเหม็นเน่าของศพ
เนื่องจากภายในซูเปอร์มาร์เกตมักจะมีกลิ่นฉุนปนกลิ่นคาวของอาหารสดอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้ไม่มีใครรู้สึกแปลก ยิ่งห้องเก็บสินค้าด้านหลังล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นไม่พึงประสงค์อยู่ตลอดเวลา
"ฉันเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ทั้งน่าเศร้าและยากที่จะจินตนาการได้" พนักงานรายหนึ่ง กล่าว
อีกประเด็นที่ถูกพูดถึงคือเรื่องของ "หนูตาย" มีพนักงานเผยว่า ตอนที่ทำงานพบว่ามีหนูจำนวนมากคลานเข้าไปตายตามมุมต่าง ๆ รวมทั้งหลังตู้และชั้นวางสินค้าเป็นประจำ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พนักงานด้วยกันจะไม่รู้สึกแปลกใจอะไร "ถ้าเป็นฉัน ฉันก็อาจจะรู้เรื่องเป็นคนสุดท้ายเช่นกัน"
อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้คนอีกส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับทฤษฎีของทางพนักงาน และมีเจ้าหน้าที่ชันสูตรได้อธิบายว่า ศพมนุษย์จะมีกลิ่นสาบที่รุนแรงมาก เรียกได้ว่าเป็น "กลิ่นที่เลวร้ายที่สุดในโลก" จึงยังเป็นเรื่องที่ค้างคาใจว่าทั้งลูกค้าและพนักงานในร้านต่างเพิกเฉยกันไปได้อย่างไร ซึ่งคำถามนี้ก็ยังคงเป็นปริศนาต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก Ladbible
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
วันที่ 14 สิงหาคม 2567 เว็บไซต์ Ladbible เผยเรื่องราวปริศนาประหลาดชวนขนลุก เมื่อพนักงานซูเปอร์มาร์เกตรายหนึ่งเกิดหายตัวไปอย่างลึกลับ หลังจากทำความสะอาดภายในร้าน จนกระทั่งเวลาผ่านไปนานถึง 10 ปี ปริศนานี้ถึงได้ถูกคลี่คลายและเผยความจริงสุดช็อกที่ว่า แท้จริงแล้วพนักงานรายนี้ไม่ได้ไปไหน แต่เขา "อยู่ที่เดิม" มาตลอด และตำแหน่งที่เขาอยู่นั้นยิ่งทำให้ปริศนาน่าพิศวงมากยิ่งขึ้น
เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ซูเปอร์มาร์เกต No Frills ในเมืองเคาน์ซิลบลัฟส์ รัฐไอโอวา สหรัฐอเมริกา หลังจากซูเปอร์มาร์เกตแห่งนี้ปิดทำการไปนาน 3 ปี ในปี 2562 มีทีมพนักงานเข้าไปเก็บกวาดพื้นที่ รื้อชั้นวางสินค้าและขนย้ายตู้แช่ออกมา แต่ปรากฏว่าพวกเขาต้องตกใจสุดขีด เมื่อพบว่ามีศพของมนุษย์ที่แห้งกลายเป็นซากติดอยู่ด้านหลังตู้แช่ในร้าน
ภาพจาก Council Bluffs Police Department
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ทำการตรวจดีเอ็นเอพบว่า ศพดังกล่าวเป็นของชายชื่อว่า แลร์รี เอลี มูริลโล-มอนกาดา วัย 25 ปี อดีตพนักงานของซูเปอร์มาร์เกตดังกล่าว ซึ่งมีรายงานจากทางครอบครัวว่าเขาหายตัวไปตั้งแต่ปี 2552 หรือเมื่อ 10 ปีก่อนหน้านั้น ซึ่งหมายความว่าศพของเขาติดอยู่ในร้านที่เปิดทำการตลอด 7 ปี และขณะที่ปิดทำการไปอีก 3 ปี
ทางตำรวจเชื่อว่าเป็นการเสียชีวิตโดยอุบัติเหตุ ไม่เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม โดยสันนิษฐานว่าเขาน่าจะตกลงไปในช่องว่างแคบ ๆ ระหว่างตู้แช่และผนังในลักษณะหัวทิ่มลง ทำให้ร่างกายติดอยู่ตรงนั้นจนไม่สามารถขยับตัวได้ และเป็นเหตุให้ถึงแก่ชีวิตในที่สุด
ขณะที่ทางครอบครัวของแลร์รีไม่เคยรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับสมาชิกในบ้านของเขา เข้าใจว่าเขาหนีออกจากบ้านไปในเดือนพฤศจิกายน 2552 จนกระทั่ง 10 ปีต่อมา เมื่อพบว่าเขากลายเป็นศพ ทุกคนต่างรู้สึกเศร้าสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่คาดคิดว่าเขาจะอยู่ด้านหลังตู้แช่เช่นนั้นมาตลอดนานเป็นทศวรรษ และในขณะเดียวก็รู้สึกตกใจมากที่ทำไมถึงไม่มีใครไปพบเขาเร็วกว่านี้
หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกมาก็กลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจในวงกว้าง หลายคนต่างรู้สึกตกตะลึงและสยดสยองกับคดีนี้ และมีคำถามเกิดขึ้นมากมาย มีการคาดเดาว่าผู้เสียชีวิตน่าจะร้องขอความช่วยเหลือ แต่ทำไมถึงไม่มีใครได้ยิน หรือตอนเกิดเหตุจะเป็นตอนที่ไม่มีคนอยู่ในร้าน
แม้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับแลร์รีจะไม่มีใครทราบแน่ชัด แต่ทางตำรวจได้หยิบยกทฤษฎีหนึ่งขึ้นมา นั่นก็คือ ตู้แช่ที่จุดเกิดเหตุมีความสูงมากถึง 12 ฟุต หรือราว 3.6 เมตร รวมทั้งยังมีเสียงดังของตู้แช่ตลอดเวลา ดังนั้น เสียงร้องหรือความพยายามที่จะขอความช่วยเหลือของเขาจึงไม่เกิดผล
มีพนักงานร้านค้าหลายคนที่ทำงานในลักษณะเดียวกันได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคดีนี้ โดยพยายามคาดการณ์สาเหตุที่ใช้เวลานานถึงมีการพบชะตากรรมอันสุดเศร้าของอดีตพนักงานรายนี้ โดยเฉพาะประเด็นที่ถกเถียงกันว่าทำไมถึงไม่มีใครได้กลิ่นเหม็นเน่าของศพ
เนื่องจากภายในซูเปอร์มาร์เกตมักจะมีกลิ่นฉุนปนกลิ่นคาวของอาหารสดอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้ไม่มีใครรู้สึกแปลก ยิ่งห้องเก็บสินค้าด้านหลังล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นไม่พึงประสงค์อยู่ตลอดเวลา
"ฉันเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ทั้งน่าเศร้าและยากที่จะจินตนาการได้" พนักงานรายหนึ่ง กล่าว
อีกประเด็นที่ถูกพูดถึงคือเรื่องของ "หนูตาย" มีพนักงานเผยว่า ตอนที่ทำงานพบว่ามีหนูจำนวนมากคลานเข้าไปตายตามมุมต่าง ๆ รวมทั้งหลังตู้และชั้นวางสินค้าเป็นประจำ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พนักงานด้วยกันจะไม่รู้สึกแปลกใจอะไร "ถ้าเป็นฉัน ฉันก็อาจจะรู้เรื่องเป็นคนสุดท้ายเช่นกัน"
อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้คนอีกส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับทฤษฎีของทางพนักงาน และมีเจ้าหน้าที่ชันสูตรได้อธิบายว่า ศพมนุษย์จะมีกลิ่นสาบที่รุนแรงมาก เรียกได้ว่าเป็น "กลิ่นที่เลวร้ายที่สุดในโลก" จึงยังเป็นเรื่องที่ค้างคาใจว่าทั้งลูกค้าและพนักงานในร้านต่างเพิกเฉยกันไปได้อย่างไร ซึ่งคำถามนี้ก็ยังคงเป็นปริศนาต่อไป
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก Ladbible