ถกสนั่น ภาพพ่อคุกเข่าให้ลูกตี เบื้องหลังมีอะไรมากกว่าที่เห็น แท้จริงเป็นบทเรียนจากพ่อ แม่ถึงกับต้องกลั้นน้ำตาดู ทำไมต้องลงโทษพ่อแบบนี้
ภาพจาก kan.china.com
แต่ในขณะที่พ่อแม่หลายคนเลือกที่จะใช้วิธีการนุ่มนวล ค่อย ๆ ใช้เหตุผลเข้าพูดอย่างใจเย็น แต่บางครั้งเมื่อไม้อ่อนไม่ได้ผล พ่อแม่ก็จำต้องงัดไม้แข็งมาใช้กันบ้างเพื่อมอบบทเรียนแก่เด็ก ๆ เช่นเดียวกับครอบครัวหนึ่งในมณฑลหูหนาน ประเทศจีน ที่เชื่อว่าลูกจะต้องจำบทเรียนจากผู้เป็นพ่อไปอีกแสนนาน
โดยจากรายงานของ kan.china.com เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2567 พบว่า
ภาพของพ่อที่กำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้า ในขณะที่ลูกชายถือไม่เรียวฟาดพ่อ
กลายมาเป็นประเด็นร้อนที่เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์สนั่นในสังคมจีน
อย่างไรก็ตาม ตรงข้ามกับภาพที่ดูรุนแรงคล้ายเด็กกำลังทำร้ายบุพการี
เบื้องหลังของภาพนี้มีอะไรมากกว่าที่เห็น
ปรากฏว่าผู้ที่บันทึกภาพนี้ ก็คือแม่ของเด็กคนดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่ปล่อยให้ลูกตีพ่อ ก็เพื่อเป็นการทำโทษพ่อที่ไม่อบรมสั่งสอนลูกชายให้ดี จนเขากลายเป็นเด็กนิสัยเสีย และทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ผู้เป็นแม่เล่าว่า สามีของเธอทำงานอยู่ไกลและแทบไม่ได้กลับบ้าน ในขณะที่ลูกสาวก็เรียนอยู่มหาวิทยาลัยแล้ว ปกติพวกเขาจะได้อยู่พร้อมหน้ากันแค่ช่วงเทศกาลตรุษจีน แต่ในวันแรงงานที่ผ่านมานี้ถือเป็นโอกาสพิเศษที่สามีจะได้กลับบ้าน ส่วนลูกสาวก็ไม่มีเรียน พวกเขาจึงมีความสุขอย่างมากที่จะได้อยู่ด้วยกัน
ครอบครัวของเธอยังมีลูกชายอีกหนึ่งคนอยู่ที่บ้าน แต่เธอไม่ค่อยอยากพูดถึงลูกชายนัก เพราะเขาเป็นคนไม่เอาเรื่องเรียน นิสัยดื้อรั้น ก่อนหน้านี้ยังเคยใช้โทรศัพท์โกงข้อสอบจนถูกครูจับได้มาแล้ว แต่เขาก็ยังไม่สำนึก แถมชอบโดดเรียน เธอเคยบ่นและพยายามจะดุเขาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ผล สอนอะไรไปก็ไม่ฟัง จนล่าสุดลูกชายเพิ่งทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่มา เธอจึงต้องบอกเรื่องนี้ให้สามีทราบ
เมื่อทางพ่อได้ฟังเรื่องของลูกชาย ก็พลันสำนึกได้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาต้องทำงานนอกบ้าน ทำให้แทบไม่ได้สนใจลูกชายเลย ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสดีที่เขาจะสั่งสอนลูก ก่อนที่ลูกชายจะมีพฤติกรรมแย่ไปมากกว่านี้ ดังนั้นเขาจึงถือไม้เรียวมา แล้วพาลูกชายไปยังห้องที่วางหิ้งบรรพบุรุษไว้
ตอนแรกลูกชายก็กลัวว่าพ่อจะตี จึงยืนตัวสั่นอยู่ข้าง ๆ แต่กลายเป็นว่าพ่อกลับคุกเข่าลงตรงหน้าหิ้ง คำนับบรรพบุรุษ 3 ครั้ง ก่อนจะบ่นออกมาว่า "ถ้าลูกชายไม่ได้รับการอบรมที่ดี ก็ถือเป็นความผิดของพ่อ ลูกทำผิดพลาดเพราะผมไม่ได้ลงโทษลูกอย่างเข้มงวด ดังนั้นผมจะขอรับการลงโทษนี้ไว้เอง"
หลังพูดจบ พ่อก็สั่งให้ลูกชายใช้ไม้เรียวตีตนเอง ลูกชายของเขาอยู่ชั้นมัธยมปลายแล้ว ทั้งสูงใหญ่และแข็งแรง หากลูกฟาดเต็มแรงก็ย่อมสร้างความเจ็บปวดมาก อย่างไรก็ตาม ลูกชายที่ไม่นึกว่าเหตุการณ์จะกลายเป็นเช่นนี้ ถึงกับร้องไห้น้ำตาไหลและปฏิเสธไม่ยอมทำตาม
"พ่อ ผมผิดไปแล้ว พ่อลุกขึ้นเถอะ ผมตีพ่อไม่ได้" ลูกชายพยายามร้องขอ แต่พ่อยังคงคุกเข่าและสั่งลูกว่า "นี่เป็นกฎของบรรพบุรุษ ถ้าลูกไม่ตีพ่อ พ่อก็ไม่ลุก"
สุดท้ายลูกจึงต้องหยิบไม้เรียวขึ้นมา และเริ่มตีพ่ออย่างเบามือ แต่พ่อขอให้เขาตีแรงขึ้นอีก ทำให้ลูกชายร้องไห้ระหว่างที่ออกแรงตี เสียงไม้ฟาดพ่อดังเผียะ ๆ นั้นได้ยินอย่างชัดเจนแม้ในคลิปที่ผู้เป็นแม่ถ่ายไว้ โดยแม่นั้นยืนดูเหตุการณ์อยู่ใกล้ ๆ และรู้สึกแย่ที่ต้องเห็นภาพนี้ ขณะที่ลูกสาวเองก็กำเสื้อของแม่แน่น ไม่กล้าพูดคำใดออกมา
ทั้งนี้ แม่พยายามที่จะไม่ร้องไห้ และใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกภาพที่ลูกชายจะไม่มีวันลืมนี้ไว้ ขณะที่ชาวเน็ตที่ได้รู้เรื่องราวเบื้องหลังภาพนี้ต่างสะเทือนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น บางคนชี้ว่านี่คือการสั่งสอนบทเรียนที่แท้จริง และทำให้ลูกจำมันได้ดีกว่าการที่ถูกพ่อตี หวังว่าหลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ลูกชายจะเข้าใจเจตนาอันดีของพ่อแม่
อย่างไรก็ตาม บางคนมองว่าวิธีการนี้จะใช้ได้ผลกับเด็กที่มีความสำนึกเท่านั้น หากเจอลูกที่ไม่รู้สึกผิดกับพ่อแม่ ลูกก็คงตีพ่อแบบไม่คิดอะไร ส่วนพ่อก็คงเจ็บตัวฟรี
ขอบคุณข้อมูลจาก kan.china.com
ภาพจาก kan.china.com
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ปัญหาเรื่องการเรียนของลูกนั้นเป็นเรื่องที่สร้างความปวดหัวแก่พ่อแม่หลายคน เพราะเด็กบางคนก็ไม่เชื่อฟังคำสั่งสอน ดื้อรั้น ไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ แถมยังมักจะทำผิดพลาดอยู่เสมอ พ่อแม่จึงต้องพยายามสรรหาวิธีการมาอบรมลูก ๆ เพื่อให้พวกเขาเกิดความเข้าใจ และยอมปรับปรุงตัวเอง
แต่ในขณะที่พ่อแม่หลายคนเลือกที่จะใช้วิธีการนุ่มนวล ค่อย ๆ ใช้เหตุผลเข้าพูดอย่างใจเย็น แต่บางครั้งเมื่อไม้อ่อนไม่ได้ผล พ่อแม่ก็จำต้องงัดไม้แข็งมาใช้กันบ้างเพื่อมอบบทเรียนแก่เด็ก ๆ เช่นเดียวกับครอบครัวหนึ่งในมณฑลหูหนาน ประเทศจีน ที่เชื่อว่าลูกจะต้องจำบทเรียนจากผู้เป็นพ่อไปอีกแสนนาน
ปรากฏว่าผู้ที่บันทึกภาพนี้ ก็คือแม่ของเด็กคนดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่ปล่อยให้ลูกตีพ่อ ก็เพื่อเป็นการทำโทษพ่อที่ไม่อบรมสั่งสอนลูกชายให้ดี จนเขากลายเป็นเด็กนิสัยเสีย และทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ผู้เป็นแม่เล่าว่า สามีของเธอทำงานอยู่ไกลและแทบไม่ได้กลับบ้าน ในขณะที่ลูกสาวก็เรียนอยู่มหาวิทยาลัยแล้ว ปกติพวกเขาจะได้อยู่พร้อมหน้ากันแค่ช่วงเทศกาลตรุษจีน แต่ในวันแรงงานที่ผ่านมานี้ถือเป็นโอกาสพิเศษที่สามีจะได้กลับบ้าน ส่วนลูกสาวก็ไม่มีเรียน พวกเขาจึงมีความสุขอย่างมากที่จะได้อยู่ด้วยกัน
ครอบครัวของเธอยังมีลูกชายอีกหนึ่งคนอยู่ที่บ้าน แต่เธอไม่ค่อยอยากพูดถึงลูกชายนัก เพราะเขาเป็นคนไม่เอาเรื่องเรียน นิสัยดื้อรั้น ก่อนหน้านี้ยังเคยใช้โทรศัพท์โกงข้อสอบจนถูกครูจับได้มาแล้ว แต่เขาก็ยังไม่สำนึก แถมชอบโดดเรียน เธอเคยบ่นและพยายามจะดุเขาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ผล สอนอะไรไปก็ไม่ฟัง จนล่าสุดลูกชายเพิ่งทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่มา เธอจึงต้องบอกเรื่องนี้ให้สามีทราบ
เมื่อทางพ่อได้ฟังเรื่องของลูกชาย ก็พลันสำนึกได้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาต้องทำงานนอกบ้าน ทำให้แทบไม่ได้สนใจลูกชายเลย ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสดีที่เขาจะสั่งสอนลูก ก่อนที่ลูกชายจะมีพฤติกรรมแย่ไปมากกว่านี้ ดังนั้นเขาจึงถือไม้เรียวมา แล้วพาลูกชายไปยังห้องที่วางหิ้งบรรพบุรุษไว้
ตอนแรกลูกชายก็กลัวว่าพ่อจะตี จึงยืนตัวสั่นอยู่ข้าง ๆ แต่กลายเป็นว่าพ่อกลับคุกเข่าลงตรงหน้าหิ้ง คำนับบรรพบุรุษ 3 ครั้ง ก่อนจะบ่นออกมาว่า "ถ้าลูกชายไม่ได้รับการอบรมที่ดี ก็ถือเป็นความผิดของพ่อ ลูกทำผิดพลาดเพราะผมไม่ได้ลงโทษลูกอย่างเข้มงวด ดังนั้นผมจะขอรับการลงโทษนี้ไว้เอง"
หลังพูดจบ พ่อก็สั่งให้ลูกชายใช้ไม้เรียวตีตนเอง ลูกชายของเขาอยู่ชั้นมัธยมปลายแล้ว ทั้งสูงใหญ่และแข็งแรง หากลูกฟาดเต็มแรงก็ย่อมสร้างความเจ็บปวดมาก อย่างไรก็ตาม ลูกชายที่ไม่นึกว่าเหตุการณ์จะกลายเป็นเช่นนี้ ถึงกับร้องไห้น้ำตาไหลและปฏิเสธไม่ยอมทำตาม
"พ่อ ผมผิดไปแล้ว พ่อลุกขึ้นเถอะ ผมตีพ่อไม่ได้" ลูกชายพยายามร้องขอ แต่พ่อยังคงคุกเข่าและสั่งลูกว่า "นี่เป็นกฎของบรรพบุรุษ ถ้าลูกไม่ตีพ่อ พ่อก็ไม่ลุก"
สุดท้ายลูกจึงต้องหยิบไม้เรียวขึ้นมา และเริ่มตีพ่ออย่างเบามือ แต่พ่อขอให้เขาตีแรงขึ้นอีก ทำให้ลูกชายร้องไห้ระหว่างที่ออกแรงตี เสียงไม้ฟาดพ่อดังเผียะ ๆ นั้นได้ยินอย่างชัดเจนแม้ในคลิปที่ผู้เป็นแม่ถ่ายไว้ โดยแม่นั้นยืนดูเหตุการณ์อยู่ใกล้ ๆ และรู้สึกแย่ที่ต้องเห็นภาพนี้ ขณะที่ลูกสาวเองก็กำเสื้อของแม่แน่น ไม่กล้าพูดคำใดออกมา
ทั้งนี้ แม่พยายามที่จะไม่ร้องไห้ และใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกภาพที่ลูกชายจะไม่มีวันลืมนี้ไว้ ขณะที่ชาวเน็ตที่ได้รู้เรื่องราวเบื้องหลังภาพนี้ต่างสะเทือนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น บางคนชี้ว่านี่คือการสั่งสอนบทเรียนที่แท้จริง และทำให้ลูกจำมันได้ดีกว่าการที่ถูกพ่อตี หวังว่าหลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ลูกชายจะเข้าใจเจตนาอันดีของพ่อแม่
อย่างไรก็ตาม บางคนมองว่าวิธีการนี้จะใช้ได้ผลกับเด็กที่มีความสำนึกเท่านั้น หากเจอลูกที่ไม่รู้สึกผิดกับพ่อแม่ ลูกก็คงตีพ่อแบบไม่คิดอะไร ส่วนพ่อก็คงเจ็บตัวฟรี
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก kan.china.com