ชายอึ้ง พ่อยกมรดก 7 ล้านให้ขอทาน รู้เหตุผลเบื้องหลังสุดเจ็บปวด ไม่คัดค้าน แถมเต็มใจให้เงินเพิ่ม กลายเป็นแรงผลักดันต่อจากนี้
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้่อหา
วันที่ 27 สิงหาคม 2567 เว็บไซต์ kenh14.vn รายงานว่า ชายจีนคนหนึ่งต้องพบกับเรื่องราวชวนปวดใจ เมื่อเขาที่เป็นลูกคนเดียวของครอบครัว ต้องรับขอทานที่เป็นชายแปลกหน้ามาอยู่ร่วมบ้านตามความต้องการของพ่อ แถมสุดท้ายพ่อยังเลือกที่จะยกมรดกทั้งหมด 1.5 ล้านหยวน (ราว 7.1 ล้านบาท) ให้แก่ชายขอทาน แทนที่จะเป็นลูกแท้ ๆ อย่างเขา สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เขาไม่เข้าใจและรู้สึกขุ่นเคือง แต่ไม่คิดเลยว่าเมื่อทราบเหตุผลของพ่อ กลับทำให้เขาใจสลายยิ่งกว่าเดิม
โดยชายคนนี้เล่าว่า เนื่องจากเขาเป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่ สมัยเด็ก ๆ เขาจึงอิจฉามากที่คนอื่น ๆ มีพี่น้องมาเล่นและเรียนด้วยกัน เขาเคยขอร้องพ่อแม่อยู่หลายครั้งให้มีน้องชายหรือน้องสาวอีกสักคน แต่ทุกครั้งที่พูดเรื่องนี้ พ่อก็เอาแต่นิ่งเงียบ และบางครั้งแม่ก็ก้มหน้าร้องไห้ ความเศร้าที่รับรู้นั้นทำให้เขาเลิกร้องขอไปในที่สุด
จนเมื่อชายคนนี้โตขึ้น ก่อนที่จะได้ตอบแทนพระคุณแม่ ท่านก็ป่วยหนักจนจากไปก่อน ชายหนุ่มใจสลายไม่น้อย ขณะที่พ่อของเขาก็ยิ่งเงียบมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดว่าในอีกหลายปีต่อมา อยู่ ๆ พ่อจะโทร. มาบอกเขาว่าได้รับเอาชายขอทานคนหนึ่งมาอยู่ด้วยที่บ้าน
ด้วยความกลัวว่าพ่อจะถูกหลอกและพาคนไม่ดีเข้าบ้าน เขาจึงรีบเก็บของและเดินทางข้ามเมืองในคืนนั้น หวังจะกลับบ้านไปให้เร็วที่สุด เมื่อไปถึงบ้านเขาก็บอกพ่อทันทีว่าไม่เห็นว่าที่จะให้คนแปลกหน้ามาเป็นสมาชิกอีกคนของบ้าน แต่เมื่อได้เห็นความมุ่งมั่นของพ่อ และเห็นว่าพ่อกับขอทานคนนั้นมีความสุขตอนอยู่ด้วยกัน สุดท้ายเขาก็ยอมรับการตัดสินใจของพ่อ
สำหรับขอทานรายนี้ มีอายุมากกว่าเขาอยู่ไม่กี่ปี พ่อไม่เคยเล่าเรื่องอะไรของชายคนนี้ให้เขาฟังเลย ไม่เคยบอกว่าไปเจอกันได้ยังไง ไปรู้จักคุ้นเคยกันแบบไหน แต่เพราะพ่อมีความสุขและเรียกชายคนนี้ว่าลูก เขาจึงมองขอทานคนนี้เป็นพี่ชายเช่นกัน
ชายคนนี้คิดว่า เพราะเขาใช้ชีวิตไกลบ้านมาหลายปี
พ่ออยู่คนเดียวคงเหงามาก จึงอยากให้มีคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา
และมีหน้าตาคล้ายกับเขามาอยู่เป็นเพื่อน
แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีความผูกพันอะไรกับพี่ชายคนนี้
แต่ก็ยังรู้สึกขอบคุณที่อีกฝ่ายอยู่ดูแลพ่อนานหลายปี
ต่อมาเมื่อพ่อเสียชีวิตลง เขากลับตกใจเมื่อพบว่าพ่อทิ้งมรดกทั้งหมด 1.5 ล้านหยวน ให้แก่ขอทานคนนั้น แทนที่จะเป็นเขาซึ่งเป็นลูกแท้ ๆ เขาไม่พอใจและได้แต่ถามตัวเองว่าเหตุใดพ่อจึงจัดการมรดกเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้สนใจเงินของพ่อ แต่ก็ยังรู้สึกผิดหวังอย่างมาก เขายังสงสัยด้วยว่าขอทานคนนั้นจะแกล้งทำดีกับพ่อเพราะหวังมรดก
ในวันหนึ่งเขาตัดสินใจไปทวงเงินคืนจากชายขอทาน อย่างไรก็ตาม ชายขอทานไม่ได้หนีไปไหน และไม่กลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับเขา กลับกันอีกฝ่ายเพียงยื่นจดหมายฉบับหนึ่งมาให้ ซึ่งเมื่อเขาเปิดดูก็รู้ทันทีว่านั่นเป็นจดหมายลายมือพ่อ ที่ฝากขอทานคนนี้นำมาให้เขา
เนื้อความในจดหมาย พ่อเปิดเผยว่าแท้จริงแล้วขอทานคนนี้ไม่ใช่คนนอก แต่เป็นพี่ชายแท้ ๆ ของเขาที่หายตัวไปนานหลายปี ปรากฏว่าก่อนที่เขาจะเกิด พ่อแม่เคยมีลูกชายอยู่คนหนึ่ง แต่ลูกชายถูกลักพาตัวไปตอนอายุเพียง 3-4 ขวบ สุดท้ายพวกท่านไม่อยากให้แม่จมอยู่กับความทรงจำที่เจ็บปวด จนกระทบต่อการเติบโตของเขา พวกท่านเลยย้ายที่อยู่ และไม่เคยบอกเขาเรื่องพี่ชาย
ชายคนนี้เผยว่า เขายิ่งเศร้าขึ้นไปอีกเมื่อทราบว่าหลังจากถูกลักพาตัว พี่ชายของเขาได้รับความทุกข์ทรมานจนมีปัญหาทางจิตใจ อีกทั้งพ่อยังบอกใครไม่ได้ทั้งนั้นเรื่องตัวตนจริง ๆ ของขอทานผู้นี้ ไม่ว่าจะกับเขาหรือแม้แต่ตัวพี่เอง
ท้ายจดหมาย พ่อยังหวังว่าเขาจะช่วยดูแลพี่ชายแทนพ่อ เมื่อพี่ชายหายเป็นปกติแล้วจึงบอกความจริงเกี่ยวกับตัวตนของเขาแทนพ่อ ส่วนเงินมรดกที่ยกให้พี่ชายนั้น พ่อชี้ว่าเงินเหล่านี้ไม่ได้มากมายเลยเมื่อเทียบกับรายได้ของเขา พ่อยังหวังว่าเขาจะใช้เงินมรดกเหล่านี้ไปกับการดูแลพี่ จนกว่าพี่จะกลับเป็นปกติ
ความจริงที่รับรู้ ทำให้เขาตัดสินใจรับพี่ชายมาดูแลต่อที่บ้าน และพยายามอย่างหนักเพื่อหาหมอที่ดีที่สุดมารักษาพี่ชาย นอกจากเงินมรดกของพ่อ เขายังยกเงินของเขาอีก 100,000 หยวน (ราว 470,000 บาท) แก่พี่ชาย และมุ่งมั่นที่จะทำงานอย่างหนักเพื่อดูแลพี่ชายแทนพ่อแม่ที่จากไป เพราะเขาเป็นเพียงแค่คนเดียวแล้วที่จะช่วยเหลือพี่ได้ในตอนนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก kenh14.vn
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้่อหา
โดยชายคนนี้เล่าว่า เนื่องจากเขาเป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่ สมัยเด็ก ๆ เขาจึงอิจฉามากที่คนอื่น ๆ มีพี่น้องมาเล่นและเรียนด้วยกัน เขาเคยขอร้องพ่อแม่อยู่หลายครั้งให้มีน้องชายหรือน้องสาวอีกสักคน แต่ทุกครั้งที่พูดเรื่องนี้ พ่อก็เอาแต่นิ่งเงียบ และบางครั้งแม่ก็ก้มหน้าร้องไห้ ความเศร้าที่รับรู้นั้นทำให้เขาเลิกร้องขอไปในที่สุด
จนเมื่อชายคนนี้โตขึ้น ก่อนที่จะได้ตอบแทนพระคุณแม่ ท่านก็ป่วยหนักจนจากไปก่อน ชายหนุ่มใจสลายไม่น้อย ขณะที่พ่อของเขาก็ยิ่งเงียบมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดว่าในอีกหลายปีต่อมา อยู่ ๆ พ่อจะโทร. มาบอกเขาว่าได้รับเอาชายขอทานคนหนึ่งมาอยู่ด้วยที่บ้าน
ด้วยความกลัวว่าพ่อจะถูกหลอกและพาคนไม่ดีเข้าบ้าน เขาจึงรีบเก็บของและเดินทางข้ามเมืองในคืนนั้น หวังจะกลับบ้านไปให้เร็วที่สุด เมื่อไปถึงบ้านเขาก็บอกพ่อทันทีว่าไม่เห็นว่าที่จะให้คนแปลกหน้ามาเป็นสมาชิกอีกคนของบ้าน แต่เมื่อได้เห็นความมุ่งมั่นของพ่อ และเห็นว่าพ่อกับขอทานคนนั้นมีความสุขตอนอยู่ด้วยกัน สุดท้ายเขาก็ยอมรับการตัดสินใจของพ่อ
สำหรับขอทานรายนี้ มีอายุมากกว่าเขาอยู่ไม่กี่ปี พ่อไม่เคยเล่าเรื่องอะไรของชายคนนี้ให้เขาฟังเลย ไม่เคยบอกว่าไปเจอกันได้ยังไง ไปรู้จักคุ้นเคยกันแบบไหน แต่เพราะพ่อมีความสุขและเรียกชายคนนี้ว่าลูก เขาจึงมองขอทานคนนี้เป็นพี่ชายเช่นกัน
ต่อมาเมื่อพ่อเสียชีวิตลง เขากลับตกใจเมื่อพบว่าพ่อทิ้งมรดกทั้งหมด 1.5 ล้านหยวน ให้แก่ขอทานคนนั้น แทนที่จะเป็นเขาซึ่งเป็นลูกแท้ ๆ เขาไม่พอใจและได้แต่ถามตัวเองว่าเหตุใดพ่อจึงจัดการมรดกเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้สนใจเงินของพ่อ แต่ก็ยังรู้สึกผิดหวังอย่างมาก เขายังสงสัยด้วยว่าขอทานคนนั้นจะแกล้งทำดีกับพ่อเพราะหวังมรดก
ในวันหนึ่งเขาตัดสินใจไปทวงเงินคืนจากชายขอทาน อย่างไรก็ตาม ชายขอทานไม่ได้หนีไปไหน และไม่กลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับเขา กลับกันอีกฝ่ายเพียงยื่นจดหมายฉบับหนึ่งมาให้ ซึ่งเมื่อเขาเปิดดูก็รู้ทันทีว่านั่นเป็นจดหมายลายมือพ่อ ที่ฝากขอทานคนนี้นำมาให้เขา
เนื้อความในจดหมาย พ่อเปิดเผยว่าแท้จริงแล้วขอทานคนนี้ไม่ใช่คนนอก แต่เป็นพี่ชายแท้ ๆ ของเขาที่หายตัวไปนานหลายปี ปรากฏว่าก่อนที่เขาจะเกิด พ่อแม่เคยมีลูกชายอยู่คนหนึ่ง แต่ลูกชายถูกลักพาตัวไปตอนอายุเพียง 3-4 ขวบ สุดท้ายพวกท่านไม่อยากให้แม่จมอยู่กับความทรงจำที่เจ็บปวด จนกระทบต่อการเติบโตของเขา พวกท่านเลยย้ายที่อยู่ และไม่เคยบอกเขาเรื่องพี่ชาย
ชายคนนี้เผยว่า เขายิ่งเศร้าขึ้นไปอีกเมื่อทราบว่าหลังจากถูกลักพาตัว พี่ชายของเขาได้รับความทุกข์ทรมานจนมีปัญหาทางจิตใจ อีกทั้งพ่อยังบอกใครไม่ได้ทั้งนั้นเรื่องตัวตนจริง ๆ ของขอทานผู้นี้ ไม่ว่าจะกับเขาหรือแม้แต่ตัวพี่เอง
ท้ายจดหมาย พ่อยังหวังว่าเขาจะช่วยดูแลพี่ชายแทนพ่อ เมื่อพี่ชายหายเป็นปกติแล้วจึงบอกความจริงเกี่ยวกับตัวตนของเขาแทนพ่อ ส่วนเงินมรดกที่ยกให้พี่ชายนั้น พ่อชี้ว่าเงินเหล่านี้ไม่ได้มากมายเลยเมื่อเทียบกับรายได้ของเขา พ่อยังหวังว่าเขาจะใช้เงินมรดกเหล่านี้ไปกับการดูแลพี่ จนกว่าพี่จะกลับเป็นปกติ
ความจริงที่รับรู้ ทำให้เขาตัดสินใจรับพี่ชายมาดูแลต่อที่บ้าน และพยายามอย่างหนักเพื่อหาหมอที่ดีที่สุดมารักษาพี่ชาย นอกจากเงินมรดกของพ่อ เขายังยกเงินของเขาอีก 100,000 หยวน (ราว 470,000 บาท) แก่พี่ชาย และมุ่งมั่นที่จะทำงานอย่างหนักเพื่อดูแลพี่ชายแทนพ่อแม่ที่จากไป เพราะเขาเป็นเพียงแค่คนเดียวแล้วที่จะช่วยเหลือพี่ได้ในตอนนี้
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก kenh14.vn